ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สามชาติสามภพมังกรไร้ใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : ปกป้องให้ได้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.01K
      78
      8 เม.ย. 64

    *เนื้อหาในตอนนี้ค่อนข้างรุนแรง ผู้คนที่รับไม่ได้กรุณากดออกเจ้าค่ะ*

    #เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นเหตุการณ์สมมุติจากจินตนาการณ์ผู้แต่งหาใช่เรื่องจริงแต่อย่างใดกรุณาอ่านบนจักรยานขอบคุณค่ะ

     

    crd : http://www.dahliart.jp/note.htm

     

    "แม่คะ....ทำไมพ่อเขาไม่อยู่บ้านเหรอคะ?"

    คำถามของฉันในวัยห้าขวบถามแม่ขณะที่ผู้เป็นมารดากำลังใส่ผ้าลงในเครื่องซักอย่างเบามือ ส่วนฉันเองก็เพิ่งเอาตุ๊กตาตัวโปรดที่แห้งเสร็จมากอดไว้ แม่หันมามองก่อนจะยิ้มให้

    "พ่อเขางานยุ่งน่ะจ้ะ"แม่ตอบก่อนจะลูบหัวฉันเบาๆ

    ฉันชอบรอยยิ้มของแม่เสมอ มันอบอุ่นและอ่อนโยน แม่ของฉันเป็นคนที่สวยมาก แม่บอกว่าแม่มีเค้าโครงของคนจีน ทำให้ผิวแม่ขาวมากโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ผมของแม่สีดำขลับยาวสลวย รูปร่างของแม่น่ามอง ไม่ว่าใครต่างก็บอกว่าอิจฉาฉัน นั่นทำให้ฉันรู้สึกเหนือกว่าแม้ว่าฉัน...จะไม่มีใบหน้าที่ได้รับสืบทอดมาจากมารดาเลยก็ตาม สิ่งเดียวที่เราเหมือนกันคือดวงตาสีแดงสดราวกับเลือดที่เกิดจากความผิดปรกติของร่างกาย

    "พ่องานยุ่งทุกวันเลย แม่ไม่เหงาเหรอคะ?"

    ฉันถามออกไปด้วยความไร้เดียงสา ดวงตาของแม่ทอประกายอ่อนโยนและก้มลงมามองที่ฉัน พร้อมกับจุมพิตที่หน้าผาก

    "แม่ไม่เหงาหรอกจ้ะ แม่มีหนูอยู่ด้วยนี้ไง"แม่พูดก่อนจะอุ้มฉันขึ้นมาหลังจากตั้งโปรแกรมเครื่องซักผ้าเสร็จแล้ว

    "อืม! ก็แม่มีหนูอยู่แม่ไม่เหงาหรอกเนอะ!"ฉันตอบรับคำพูดของมารดาอย่างว่าง่ายก่อนจะกอดคอเธอเอาไว้

    ความอบอุ่นของแม่...คือสิ่งเดียวที่ฉันได้รับจากบ้านอันเงียบเหงาหลังนี้

    นั่นทำให้ฉันเริ่มไม่ใส่ใจพ่อของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาบ้านนานเสียจนแทบเลือนหายไปจากความทรงจำ

    สิบปีผ่านไปเขากลับมาบ้านพร้อมกับผู้ชายมากมายที่กรู่กันเข้ามา ร่างกายของพวกเขาน่ากลัวมีแต่บาดแผล รอยยิ้มบนหน้าน่าเกลียดและน่าขยะแขยง พ่อเขามาคุยกับแม่ เขามีใบหน้าเคร่งเครียด ก่อนเขาจะฉีกเสื้อแม่ออก เธอร้องด้วยความหวาดกลัวและตะโกนบอกให้ฉันหนีไป ฉันรีบวิ่งแต่ทว่าก็ไม่ทันพวกมัน พ่อจับฉันแยกกับแม่ไว้อีกห้อง ฉันกรีดร้องหาแม่ด้วยความหวาดกลัว อะไรบางอย่างบอกฉันว่า แม่กำลังเป็นอันตราย

    "แม่!! แม่จ๋า!!!!!!! ปล่อย!!!!"ฉันดิ้นพล่านให้หลุดจากเขาแต่สิ่งที่เขาทำกับเด็กอายุแค่สิบห้าคือต่อยการที่เขาต่อยท้องฉันจนจุกและโยนเข้าห้องนอนที่มีผู้ชายมากมายอยู่ในนั้น

    ภาพสุดท้ายก่อนบานประตูปิดลงคือแม่ที่ถูกขืนใจอย่างโหดร้าย...

    และใช่...ฉันก็ได้รับชะตากรรมนั้นเช่นกัน ฉันถูกข่มขืนจนยืนไม่ไหว..และมันเป็นอย่างนั้นมาสองปีเต็ม

    แม่ที่อดทนมาตลอดคอยปลอบประโลมฉัน พ่อขายแม่กับฉันให้พวกเจ้าหนี้หน้าเงิน พวกมันใช้แม่และฉันไม่ต่างจากของเล่น ถูกกระทำย่ำยีจนร่างกายและจิตใจแตกเป็นเสี่ยงๆ โดยมีพ่อแท้ๆค่อยเป็นเบ๊ใช้งานให้พวกนั้นซ้ำยังถ่ายคลิปฉันกับแม่ไปประจานว่อนเน็ต คลิปสารเลวนั่นทำลายชีวิตฉันและแม่ไปทั้งชีวิต ขณะที่พ่อกอบโกยเอาเงินจากคลิปนั่นและหนีหายเข้ากลีบเมฆ....

    มัน...ส่งผลต่อจิตใจฉันตลอดมา

    หลายปีต่อมา

    "แม่ค---"

    ฉันเงียบลงเมื่อเห็นว่าวันนี้รองเท้าหน้าบ้านมีรองเท้าไม่คุ้นตาเพิ่มมา อีกคู่เป็นรองเท้าของผู้ชายและอีกคู่เป็นรองเท้าของผู้หญิงที่ฉันไม่เคยเห็น ฉันสงสัยแต่ก่อนจะเอ่ยถามอะไรออกไปเสียงของแม่ก็ดังขึ้นมาก่อน

    "ไม่!!! ฉันไม่ยอม!!"

    "ผมว่าเราคุยกันมาหลายรอบแล้วนะปิงปิง ผมขอแค่เรื่องนี้เท่านั้น ได้โปรดเธอมีชีวิตได้อีกไม่นาน"

    เสียงของพ่อ? ไอ้สารเลวนั่นมาทำไม?!!

    "ไม่!!! ฉันไม่มีวันเซ็นใบบริจาคนี้!! ไสหัวกลับไปไอ้ผู้ชายสารเลว!!"เสียงของแม่ดูเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    "ปิงปิง!! มันจะมากไปแล้วนะ!"

    "หุบปาก!!"

    แม่ตะคอก พ่อดูเหมือนจะทนไม่ไหว เขาง้างมือขึ้นจะตบแม่ และสิ่งที่ฉันทำไปตามสัณชาตญาณคือยกเท้าขึ้นและออกแรงถีบเขาเต็มแรงจนล้มไปกระแทกกับโต๊ะกินข้าว ผู้หญิงแปลกหน้าหวีดร้องด้วยความตกใจและรีบวิ่งไปพยุงพ่อขึ้นมา เธอมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์และดูน่ารักจิ้มลิ้มแต่แววตานั่นกลับเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจ

    "นิล!"แม่รีบวิ่งมาหาฉันก่อนจะกอดฉันเอาไว้

    "แกกล้าทำร้ายฉันเหรอนังเด็กชั่ว!!"พ่อตะคอกใส่ฉันด้วยถ้อยคำหยาบคายแม่รีบผลักฉันไปด้านหลัง

    "อย่าเข้ามานะ! ถ้าแกกล้าแตะต้องนิลล่ะก็อย่าหวังว่าแกจะได้มันไป!"แม่ขู่พร้อมกับอ้าแขนปกป้องฉันเต็มที่

    "นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอห้ะ?!"

    ไอ้เลวนั่นตะคอกก่อนจะง้างตบแม่อีกครั้ง เขาไม่คิดออมแรงด้วยซ้ำ แม่ถูกตบจนหน้าหันและเลือดกลบปาก ฉันพยายามเข้าไปช่วยแต่ผู้หญิงแปลกหน้าก็เข้ามาขว้าง แม้ใบหน้าของเธอจะเต็มไปด้วยความทุกข์ใจแต่เธอกลับมีรอยยิ้มประหลาด และดวงตาที่ฉายแววพอใจกับการที่แม่ของฉันถูกทำร้าย

    "อย่าไปยุ่งเรื่องผู้ใหญ่สิจ้ะ หนูขึ้นห้องไปเถอะ"เธอบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและนั่นทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างไม่เคยเป็น

    ฉันผลักเธอออกอย่างแรงและวิ่งไปต่อยหมัดใส่หน้าพ่อแท้ๆสุดแรงเกิด ฉันไม่เคยผูกพันกับเขา ตั้งแต่เด็กจนโตแม่เลี้ยงฉันมาด้วยตัวคนเดียว ส่วนเขาเองก็จะกลับมาต่อเมื่อต้องการอะไรบางอย่างเท่านั้น ร่างของแม่ที่เลือดกลบปากพยายามจะห้ามฉันแต่ฉันก็เลือดขึ้นหน้าเกินกว่าจะหยุดมือ ทั้งศอกทั้งเข่า ฉันซัดไปที่ร่างของเขาอย่างไม่ออมแรงเหมือนที่เขาทำกับแม่

    นี้มันยังไม่พอกับที่มันทำกับฉันด้วยซ้ำ!!!!

    "นิล! พอ!! นิล!!!"แม่เรียกชื่อฉันก่อนจะวิ่งเข้ามากอดแต่ฉันไม่อาจหยุดได้จนกระทั่งฉันเห็นแม่ร้องไห้ ฉันถึงหยุด

    "อีพวกโสเภ**!"ผู้หญิงที่ถูกฉันผลักลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าฉัน

    คำนั้นเหมือนถูกตบหน้า ความทรงจำเลวร้ายไหลทะลักกลับมาจนมือไม้สั่น แม่รีบพุ่งมากอดฉันเอาไว้แน่นเป็นการห้ามปราม ก่อนที่ฉันจะทำอะไรไปมากกว่านี้

    "อีพวกอีตั* แกคิดว่าแกเป็นใครถึงมาทำร้ายฉันห้ะ?!!! อีเด็กใจแตก!!"เธอด่านั่นยิ่งทำให้ความอดทนในใจถูกบั่นทอน

    "อ้อ! อย่างว่า! แม่มันเป็นพวกขยะลูกก็คงไม่ต่างกันสินะ"

    เพี๊ยะ!!!

    ฝ่ามือของฉันฟาดเข้าใส่ปากที่พ่นถ้อยคำดูหมิ่นแม่อย่างน่าไม่อายนั่นเข้าเต็มหน้า ฉันถีบมันล้มก่อนจะเข้าไปรุมซ้ำ ไม่คิดจะให้มันได้อ้าปากหมาๆนั่นอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะใครล่ะชีวิตฉันถึงเป็นแบบนี้!!! เพราะไอ้ตัวสารเลวหน้า*นั่นไงฉันถึงกลายเป็นเด็กใจแตก!!! แกไม่เคยรู้อะไรแต่สาระแหน่มาพูด!! แกคิดว่าแกเป็นใคร?!!!

    "กรี๊ดดดด!! คุณคะ! คุณคะช่วยฉันด้วย!!"

    "หยุดนะ!!!"

    เสียงห้ามปรามของไอ้สารเลวนั่นทำให้ฉันหันไปมองมัน มันพยุงร่างที่บอบช้ำขึ้นมาหยัดไว้กับเก้าอี้ ฉันจับหัวยัยนี้ฟาดกับพื้นห้องจนเลือดอาบก่อนจะเดินตรงมาหามันเป็นรายต่อไป แม่ที่เห็นว่าท่าไม่ดีรีบวิ่งมากอดฉันไว้ น้ำตาของผู้หญิงคนนี้ช่วยดึงสติที่แตกกระเจิงจากคำพูดสันดานต่ำพวกนั้นให้ค่อยๆกลับมา พวกมันเห็นท่าทีรอดจึงหนีออกไปทันที แม่ได้แต่กอดฉันเอาไว้แบบนั้น

    "นิล นิลลูกแม่ มองที่แม่นะลูก มองที่แม่"แม่พูดพร้อมกับดึงหน้าฉันหันไปมอง ดวงตาสองคู่สบกันและสติฉันก็ถูกดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว

    "แม่ ทำไมมันตามหาเราเจอ?"ฉันถามออกไปหลังจากรวบรวมสติ

    ฉันว่า...ฉันหนีมาไกลแล้วนะ หรือว่ามัน..ยังไม่พอ?

    "แม่ไม่รู้.."แม่พูดพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบ ฉันยกมือขึ้นประคองใบหน้านั้นด้วยความอ่อนโยน

    "งั้นเราหนีกันนะแม่ เราหนีไป---"ฉันพูดไม่ทันจบแม่ก็ส่ายหัว

    "แม่ไม่อยากหนีอีกแล้วนิล แม่เหนื่อย...แม่ทนไม่ไหวอีกแล้ว"แม่บอกก่อนจะกอดฉันแน่น

    "...."ฉันได้แต่เงียบและหันมามองแม่ที่แววตาฉายแววสิ้นหวัง....

    หลังจากเหตุการณ์นั้น..ฉันก็กลายเป็นโรคที่เกลียดผู้ชายขั้นรุนแรงและเกลียดการเข้าสังคม แม่ไม่สามารถทนอยู่ในที่แออัดที่เต็มไปด้วยฝูงคนได้ สายตาและการจับจ้องที่ดูถูกและสมเพชเวทนาทำให้พวกเราเครียดวิตกและจะคลุ่มคลั่ง พวกเรา...ไม่สามารถอยู่ในสังคมได้อีกต่อไป สิ่งที่รอเราอยู่คือเส้นทางที่มืดมิดและเจ็บปวด...ชาติภพนี้ เราจึงตัดสิ้นใจละทิ้งชีวิตนี้ ด้วยการกินยาฆ่าตัวตาย ฉันที่อยู่ใต้อ้อมกอดแม่ช่างอบอุ่น เราไม่เคยหวาดกลัวความตาย....ในตอนนั้น ฉันรู้สึกว่าความตายคือความสุข

    นั่นคือชาติแรกที่จำความได้

     

    ชาติที่สองข้าเกิดเป็นมังกรดำตัวหนึ่ง แม่ของข้าเป็นมังกรสีขาว..มังกรไป๋หลง แต่ทว่าแม่ก็สามารถคลอดข้าที่เป็นมังกรดำหายากออกมาได้ พวกเราใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในหุบเขามังกร ที่นั้นมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ แต่ทว่าข้ากลับมีโรคประหลาด ร่างกายของข้าไม่สามารถแตะต้องบุรุษได้ มันจะเกิดปฏิกิริยาตอบโต้ทันทีอย่างไม่สามารถควบคุม ผู้ที่เข้าใกล้จะถูกไอสังหารบีบรัดให้กระอักเลือดไม่ก็สลบไป ดังนั้นเหล่ามังกรเพศผู้ต่างๆที่คิดจะสู่ขอข้าเป็นพ่อพันธ์ุจึงรู้ดีว่าควรเข้ามายุ่งหรือไม่

    มังกรดำเป็นมังกรหายากพอๆกับมังกรสีขาว ยิ่งมีเขาครบสี่คู่ยิ่งมีพลังแข็งแกร่ง ที่นี้ เหล่ามังกรนับถือกันด้วยความแข็งแกร่ง และพวกมันจะเฟ้นหาคู่ที่แข็งแรงเพื่อสืบทายาทที่มีเชื้อสายที่แข็งแกร่งเพื่อขึ้นปกครองเผ่ามังกร ข้าที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าถูกยกขึ้นเป็นหัวหน้า ด้วยพลังที่มี ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ก้มหัวศิโรราบและยอมสวามิภัคดิ์แต่โดยดี ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป...ข้าก็ถูกกดดันให้เริ่มหาคู่ เหล่ามังกรไม่ว่าจะเพศใดเผ่าอื่นๆต่างเสนอตัวกันให้เลือกสรรไม่ซ้ำหน้าแต่ทว่าเพราะโรคประหลาดของข้า จึงไม่มีผู้ใดต้านทานไหวและทยอยถอยห่างออกไป

    ทว่ามีบุรุษผู้หนึ่งไม่ยอมตัดใจ

    เขาเป็นชายเผ่าจิ้งจอกน้อย มีใบหน้าที่งดงามราวกับสตรี กริยาท่าทางเรียบร้อยจนคราแรกที่พบก็รู้สึกถูกชะตา ข้าคิดว่าเขาเป็นสตรีเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่าเมื่อเขาจับดาบ เขาก็ไม่ต่างกับบุรุษผู้หนึ่ง เข้มแข็ง กล้าหาญ และเด็ดขาด ข้าถูกชะตาเขาและอยู่เล่นด้วยนานสองนานก่อนจะกลับหุบเขา ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสที่เป็นอดีตหัวหน้าเผ่าที่ยังมีชีวิตอยู่จึงคิดจะจับคู่ข้ากับเขา แต่ทว่าเขาไม่ยอมรับและคิดกับเขาเป็นเพียงแค่สหาย เหล่าผู้อาวุโสเหมือนจะยอมตัดใจแต่ทว่าก็ไม่ได้ล่าถอยนัก พวกเขายังแอบมองดูข้าอยู่ห่างๆ

    "เทียนเทียน ทำไมเจ้าชอบต้นท้อนี้นักหรือ?"เจ้าจิ้งจอกน้อยถามขณะปีนป่านอย่างคึกคะนอง ข้าได้แต่จ้องมองอย่างเงียบๆ

    "มารดาข้าแบ่งวิณญาณบางส่วนไว้ที่ต้นท้อนี้ก่อนนางตาย ข้าจึงชอบที่นี้"เมื่อพูดจบจิ้งจอกน้อยก็แทบกระโดดออกทันที เขาหน้าเหวอรีบโค้งคำนับแล้วกล่าวขออภัยซ้ำๆ

    "ขออภัยท่านน้าขอรับ! ขออภัยท่านน้าขอรับ!"

    ข้าแต้มรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดู และได้รับใบหน้าที่แดงก่ำราวลูกตำลึงสุกกลับมาแทน นั่นทำให้ข้าแวะเวียนมาที่ต้นท้อนี้มากกว่าปรกตินัก

    "เทียนเทียน เจ้าคิดว่าข้าดีดพิณเพราะไหม?"

    ชายเผ่าจิ้งจอกถามข้าในขณะที่ร่วมชมจันทร์ด้วยกัน เขาเสนอจะดีดพิณให้ข้าฟังยามที่ดื่มสุรา ใต้ต้นดอกท้อนี้เสียงพิณของเขาไพเราะอ่อนหวานและจับใจ รอยยิ้มของเขาน่ารัก เขาเอ่ยถามขณะอุ้มพิณเจ็ดสายมานั่งอยู่ตรงหน้าข้า แววตามีความหวังวาดผ่านและฉายชัดอยู่เต็มเปี่ยม

    "ไพเราะ เจ้าดีดพิณได้ไพเราะยิ่งนัก"ข้าชมก่อนจะลูบหัวที่มีหูนิ่มๆนั่นอย่างเชื่องช้า

    "เช่นนั้นข้าจะดีดพิณให้เจ้าฟังทุกวัน! ยามตะวันพลบค่ำเจ้าต้องมาหาข้านะ!"เขากล่าวพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยออกมาราวกับเด็กน้อย

    ข้ายิ้มให้ดั่งทุกคราก่อนจะยื่นมือออกไป...เกี่ยวก้อยกับเขาไว้เป็นการสร้างสัณญา

    วันแล้ววันเล่าที่เขาขยันดีดพิณให้ข้าฟัง แม้ดอกท้อจะแห้งเหี่ยวและโรยราไปแต่ทว่าเขาก็ยังคงอยู่ที่เดิมเพื่อเฝ้ารอข้าเสมอ ไม่รู้ว่าคราใดกัน..ที่ข้าเฝ้ารอที่จะได้เห็นรอยยิ้มนั้น จนกระทั่งสงครามเริ่มแผดเผามาถึงพวกเรา

    เหล่ามนุษย์ผู้กระหายในอำนาจค้นพบเส้นทางเข้ามายังเผ่าต่างๆและเข้นฆ่าเผ่าพันธ์ุเหล่านั้นเพื่อแย่งชิงทรัพย์สินอันมีค่าและยึดครองดินแดน สงครามเริ่มเดือดร้อนไปทุกสารทิศ ข้าที่เป็นหัวหน้าเผ่าต้องร่วมสู้รบด้วย การศึกยืดเยื้อจนน่ารำคาญแม้จะไม่นานสำหรับข้าแต่กลับกันสำหรับใครผู้หนึ่ง มันช่างยาวนานเหลือเกิน กว่าข้าจะจัดการสงครามที่เขตชายแดนของเผ่าเสร็จมันก็สายไปเสียแล้ว

    วันที่ข้ากลับไปที่ต้นท้อตนนั้น....ข้าก็ไม่พบเจอเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกแล้ว

    "พวกมนุษย์เข้ามาบุกรุกที่นี้ พวกเราพยายามช่วยเขาแล้วแต่ทว่าพวกมันมีวิชาพิสดาร...ข้าบอกให้เขาหนีไปแต่ทว่าเขาไม่ยอมหนีและสู้ด้วยพลังชีวิตทั้งหมดที่มี ก่อนสิ้นใจตายเขาได้มาดีดพิณเพลงสุดท้ายที่ต้นท้อนี้ และสิ้นใจตายขอรับ"

    คำพูดของทหารฝีมือดีที่ข้าแอบให้ปกป้องดูแลเขาไว้พูดด้วยใบหน้าก้มชิดพื้น เขาสูญเสียแขนไป ดูท่าการต่อสู้จะดุเดือดจริงๆอย่างที่เขาว่า ข้าไม่อาจจะด่าเขาได้ในเมื่อเขาทำได้ดีที่สุดแล้ว ข้าได้ยืนนิ่งหน้าต้นท้อที่ออกดอกบานสะพรั่งเป็นสีแดงสด ข้าไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสิ่งใดได้ พิณที่สายขาดและมีคราบเลือดที่แห้งกรังข้างๆมีชุดสีขาวไร้ลวดลายขาดๆกองอยู่ข้างๆ มือของข้าเอื้อมมันมาถือด้วยเรี่ยวแรงและความรู้สึกที่สั่นเทา กระดิ่งข้อมือที่ข้าเคยให้เขาร่วงหล่นลงจากกองผ้าตอกย้ำความรู้สึกแปลกประหลาดที่ข้าไม่เคยรู้สึก

    "....จิ้งจอกน้อย?"

    "......."

    "เจ้า...รอข้าอยู่หรือ?"

    "......"

    "เจ้า...รอข้า?"

    "......"

    คำถามที่ไร้เสียงตอบกลับมีเพียงความเงียบงำที่สะท้อนอยู่ในหู

    ไม่มีอีกแล้วแววตาซุกซนคู่นั้น ไม่มีอีกแล้วหูนิ่มๆและหางที่นุ่มฟูเป็นพวงนั่น ไม่มีเสียงพิณที่ดีดให้ฟังยามข้ากลับมาหา ไม่มีกลิ่นอายที่อบอุ่นและอ่อนโยน...ไม่มีเจ้า...

    แหมะ

    ของเหลวสีใสไหลออกมาจากดวงตาที่เรียบเฉยที่ไม่เคยบ่งบอกอารมณ์ใดๆ แต่ทำไม..ทำไมข้าจึงเจ็บปวดเช่นนี้เล่า? ทำไมข้าจึงรู้สึกเหมือนมีกระบี่เสียบอยู่กลางอกข้าเช่นนี้? ข้าเผลอถามคำถามบ้าๆออกไปโดยไม่ทันยั้งคิด

    "เขาพูดสิ่งใดก่อนตายหรือไม่?"

    ".....เขากล่าวว่า เทียนเทียน ขอรับ"

    น้ำตาของข้าไหลพรั่งพรู่ออกมาไม่สามารถหยุดได้ จนถึงวินาทีสุดท้ายสิ่งเดียวที่เจ้าเฝ้าคำนึงก็เป็นข้า เหตุใดยามนั้นข้าจึงไม่แต่งกับเขาเสีย เหตุใดข้าจึงไม่วางเขาไว้อยู่เคียงข้างกาย? เหตุใดยามชั่วสุดท้ายของชีวิต...ข้าจึงปล่อยให้เขาต้องโดดเดี่ยว...แม้แต่ชื่อของเจ้าข้ายังไม่เคยเอ่ยให้ได้ฟังด้วยซ้ำ

    "เทียนเทียน! เจ้าอยากรู้ชื่อข้าหรือไม่?"

    "....ไม่"

    "หว้าาาา แย่จังๆ ทั้งๆที่ข้าอยากให้เจ้าเรียกชื่อข้าแท้ๆ"

    "....."

    "ถ้าวันไหนที่เจ้าเปิดใจยอมรับข้าแล้ว...เรียกข้าว่า ไท่ฝู่ นะ"

    ".....ไท่ฝู่"

    มือเรียวกำชุดขาดๆไว้แน่นพร้อมกับกระดิ่งสีทองคำสลักที่เขาจงใจสร้างเพื่อให้อีกฝ่ายโดยเฉพาะถูกแกะและมัดไว้กับข้อมือของตนอย่างถนุถนอมก่อนจะแย้มยิ้มออกมาให้ชุดขาดๆนั่นราวกับชายที่เขาเปิดใจให้ยังไม่ห่างหายไป ราวกับยังยืนอยู่เบื้องหน้า

    "....กลับบ้านกับข้านะ เจ้าจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว"

    'อืม!'

     

    นับแต่นั้นข้าก็ไม่เคยคิดจะมีคู่ เผ่ามังกรขึ้นชื่อว่ารักเดียวใจเดียวและข้าก็เช่นกัน ชุดของไท่ฝู่ ข้านำมาเย็บและเก็บเอาไว้ในหีบสมบัติของข้า พิณของเขาข้าเองก็นำมาซ่อมแซมเสียใหม่ แม้ว่ามันจะยากแต่ทว่าข้าก็พยายาม อย่างน้อยนี้ก็เป็นสิ่งที่ข้าทำให้เขาได้ แต่ก็น่าแปลก...กับเขาข้าไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านแม้แต่น้อย ข้ารวมรวบเผ่าอื่นๆที่ยังเหลือรอดและอพยพขึ้นมาอยู่บนหุบเขามังกรและสร้างอณาเขตใหม่ไม่ให้พวกมนุษย์กร่ำกรายเข้ามา แม้ข้าจะเกลียดแค้นชิงชังที่มันฆ่าไท่ฝู่...แต่ว่าเพราะภาระหน้าที่ จิตใจและอารมณ์ไม่สามารถนำหน้าเหตุผลได้เสมอไป

    ทว่า...มนุษย์ก็ทำให้ข้าหมดความอดทน

    สาวชาวมนุษย์ที่แต่งงานกับมังกรเพลิงนางหนึ่ง ได้แอบทำลายอณาเขตที่ข้าสร้างและขายเผ่าข้าให้กับพวกมนุษย์โสโครก พวกมันเข้ามาย่ำยีแย่งทรัพย์สมบัติที่มีออกไปจนหมด...พวกมันโสโครกและน่ารังเกียจ!!!

    มันเอาชุดของไท่ฝู่ออกมาเหยียดหยามข้า เหยียบกระดิ่งของเขาต่อหน้าข้า..นั่นยังไม่พอ สิ่งที่มันทำให้ข้าโกรธสุดขีดคือศีรษะที่มีใบหน้าอันคุ้นเคยอยู่ในมือของพวกมัน มันโยนมาเบื้องหน้าข้าและกล่าววาจาหยามเกียรติชายอันเป็นที่รักต่อหน้า

    "เจ้ารู้อะไรไหม? ไอ้จิ้งจอกโง่นี้มันรอเจ้าจนวาระสุดท้ายเลยว่ะ! ฮ่าๆๆๆ ขนาดข้าขืนใจมัน มันยังครางแต่ชื่อเจ้า ฮ่าๆๆ อิจฉาเสียจริงที่เจ้าได้คนรักเป็นจิ้งจอกโสเภณี"

    "!!!!!! เจ้า...กล่าวเหลวไหลอันใด?!"

    "อ้าวววว เจ้าไม่รู้รึ? ว่าเผ่าของมันน่ะขายมันให้กองทัพข้าตั้งนานแล้ว เสียดายที่ข้าฆ่ามันทิ้งก่อนจะได้เสพสุขจนหน่ำใจ แต่อย่างน้อยข้าก็เก็บศรีษะมันไว้อยู่นะ อยากได้เจ้าก็เอาไปเลย ข้ายกให้! ฮ่าๆๆๆ"

    กร๊าซซซซซซซซซซซซ

    ข้าไม่อาจเก็บงำโทสะที่พุ่งทะลุได้อีกต่อไป ข้ากลายร่างที่แท้จริงออกมาก่อนจะเข่นฆ่าพวกมันทีละตัวอย่างเลือดเย็น ทั้งตัดหัว ทั้งพ่นพิษ สารพัดวิธีที่ข้าคิดได้ในตอนนั้น พวกมันกล้าดียังไงมาว่าไท่ฝู่!! พวกมันกล้าดีอย่างไรที่มาหยามเกียรติเขา!! พวกมันกล้าดีอย่างไรที่พรากเขาไปจากข้า!!!!!!!

    เสียงคำรามของมังกรเฮยหลงดั่งสนั่นลั่นฟ้า เทพและมารต่างก็หวั่นเกรงกับความพิโรธของจ้าวพื้นนภา พื้นดินอาบย้อมด้วยสีแดงฉาน พื้นนภาปกคลุมไปด้วยเมฆดำอันเป็นลางแห่งหายนะ ข้าเหลือไอ้แม่ทัพเดนตายนั่นไว้เป็นคนสุดท้าย วิชาพิสดารของมันทำให้พวกคนต่างเผ่าไม่สามารถกลายร่างเป็นร่างที่แท้จริงหรือใช้พลังที่ตนมีได้ แต่ทว่าไม่ใช่กับข้า วิชามืดชั้นต่ำไม่มีทางใช้ได้ผลกับมังกรแห่งความมืดเช่นข้า!! ข้าขังมันไว้ในคุกมืดให้เจ็บปวดทรมารกับพิษที่ข้าปรุงขึ้นและไม่มีทางตายหากข้าไม่ได้อนุญาต! ให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวด...และมันต้องได้ริมรสความทรมารที่ถูกพรากคนสำคัญไปเช่นข้า!!!!

    ข้ารวบรวมพลทหารที่เหลืออยู่บุกเข้าเมืองหลวงของเผ่ามนุษย์แต่เดิมข้าไม่คิดจะระรานเผ่าอื่นเช่นนี้แต่ทว่าเป็นพวกมันที่รนหาที่ และกล้ามาย้อนเกล็ดข้า มนุษย์ทุกตนต้องตายอย่างทรมารที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพศใด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ พวกมันก็ต้องตายชดใช้ความผิดที่พวกมันได้ทำ! ผู้ปกครองของเผ่ามนุษย์ได้แต่อ้อนวอนขอชีวิตข้าจึงยื่นข้อเสนอให้มันนำลูกเมียของแม่ทัพหลวงของมันมา สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มที่กำลังท้องเชื้อไขไอ้ทรพีใกล้คลอดคุกเข่าเบื้องหน้าข้าด้วยความหวาดกลัว

    ข้าให้ทหารลากแม่ทัพสารเลวนั่นออกมาแล้วใช้กระบี่ใหญ่ปักมันไว้กับพื้นให้กรีดร้องดิ้นทุรนทุราย แต่มันต้องมีสติรอดูสิ่งที่ข้าจะทำต่อไปนี้ สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยความห่วงหาอาทร มันร้องขอความเมตตาจากข้าให้ละเว้นลูกเมียและบุตรในครรภ์ ข้ายิ้มหวานก่อนจะดึงหนังหัวนังมนุษย์หญิงโสโครกนั่นขึ้นมาแล้วถลกหนังหัวมันออกทั้งเป็น เลือดสีแดงไหลย้อมอาบพื้น เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่เห็นสตรีที่รักถูกทำร้ายช่างไพเราะยิ่งนัก แต่สิ่งที่ข้าทำต่อไปนี้ต่างหากจึงสมควรเจ็บปวดเจียนตายจริงๆ

    "เจ้าเห็นสตรีน่าสมเพชนั่นไหม? ดูนางสิ นางดิ้นราวกับหนอนที่โดนน้ำร้อนลวก"

    "ปล่อยข้า!!! ไอ้สารเลว!! ไอ้พวกสารเลว!!!"

    "ชู่ววว อย่ากรีดร้องไป เจ้าดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ดีๆเล่า"ข้าเอ่ยก่อนจะเปลี่ยนนิ้วมือให้กลายเป็นเล็บของมังกรก่อนจะควักท้องนังนั่นออกมาด้วยเสียงหัวเราะที่ชั่วร้าย

    มันกรีดร้องแทบขาดใจ ร่างของเด็กน้อยที่หัวใจยังเต้นอยู่ในมือของข้า ข้าบีบมันจนแหลกเหลวไหลเป็นเศษเนื้อ แม้มันจะโสโครกแต่ข้ากลับยิ้มดีใจและรื่นเริงเป็นอย่างมาก ความเจ็บปวดของมันคือหนี้ที่ต้องชำระที่มายุ่งกับไท่ฝู่ มันพยายามคลานไปหาร่างที่ไร้วิณญาณของเมียรักอย่างทุกข์ทรมาร ข้าดึงกระบี่ใหญ่ออกจากร่างให้มันได้เห็นศพนั่นใกล้ๆ เป็นอย่างไร? ความรู้สึกที่เห็นคนรักตายต่อหน้ามันมีความสุขหรือไม่?! ดีใจหรือไม่นางทุกข์ทรมารก่อนตายพร้อมกับลูกในท้อง?!! หัวเราะสิ! หัวเราะเหมือนที่เจ้าทำตอนหยามเกียรติคนรักข้า!!!! หัวเราะสิ!!!!!

    เสียงหัวเราะของข้าดังก้องไปทั้งพื้นฟ้า เมฆสีดำลอยคลุ้งทั่วนภา เจ้าแห่งปวงเทพมองดูการกระทำอันโหดร้ายอย่างนิ่งสงบ มังกรตนนี้หากปล่อยไว้จะเป็นภัยใหญ่หลวงแก่ปวงเทพและสรวงสวรรค์ เขาช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ที่เหลือรอดเพียงไม่กี่คนจากการล้างบางอันโหดเหี้ยมของมังกรดำ เฮยหลงมู่เทียน เขาจะถูกสายฟ้าลงทัณฑ์ให้ดวงวิณญาณแตกสลายและจะถูกจ้องจำไว้ในขุมอเวจีที่ลึกที่สุดและจะไม่มีทางได้กลับขึ้นมาบนพื้นโลกหรือท้องนภาอีก

    ข้าได้แต่หัวเราะกับการตัดสินจากพวกชั่วพวกนั้น

    พวกเทพเช่นพวกมันก็มักจะมาทีหลังอยู่เสมอ...แค่แสร้งทำเป็นความหวังสุดท้ายของเหล่ามวลมนุษย์ผู้ทนทุกข์อยู่ในความสิ้นหวังและทุกข์ทรมาร มันก็ได้ทาสบูชาผู้ซื่อสัตย์เสริมอำนาจบารมีแล้ว พลังของมันไม่เพียงพอที่จะกักขังข้าด้วยซ้ำ ทั้งสองชาติสองภพที่ข้าสูญเสียคนที่คนที่ตนรัก ไม่ว่าจะภพใด จะชาย จะหญิง ข้าต่างสูญเสียพวกเขาไป หากข้าได้พบกับพวกเขาอีก....หากได้พบพวกเขาอีกครั้ง...ข้า จะปกป้องพวกเขาให้ได้

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×