ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอบรู้เกี่ยวกับ ลิขสิทธิ์ & ขั้นตอนการจดลิขสิทธิ์ ฯลฯ

    ลำดับตอนที่ #23 : ++ [No Children?] สำนวนชวนจิ้น = ลามก?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 506
      0
      12 พ.ค. 52








    กระทู้ ของ  Panzer Magier

    จาก http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1333933


    [No Children?] สำนวนชวนจิ้น = ลามก?
    แถบสถานะโหวตลบโหวตเก็บกระทู้นี้
    บอร์ดมีอะไรใหม่?
    Name : Panzer Magier < My.iD > [ IP : 58.8.156.210 ]
    Email / Msn:
    วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 / 14:02
      
     
    Tag คือ การสรุปคำสำคัญ เพื่อบอกว่ากระทู้นี้เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง

    [ เว็บ Dek-D เปิดรับสมัครผู้ร่วมโครงการ Admission Reality ภายใน 25 พค.นี้ ]

              เอามั่ง... เดี๋ยวตกกระแส

     
              
     
              รอบสอง... กับกระทู้จั่วหัวว่า No Children?
     
              ยังคงแวะเวียนไปได้นะคะ (ติดท๊อปด้วยนะ กร้ากๆ)
     
     
              ปีที่แล้ว ที่ตั้งกระทู้นี้ เพราะ
     
              มีการเขียนอีโรติกในวิธีแปลกๆที่เหมือนจะออกมาเป็นหนังสือสุขศึกษา หรือ ประเภท How to!?
     
              ในฐานะคนหนึ่งที่... เขียนแนวนี้ ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ที่อีโรติกจะถูกเรียกว่าเป็นนิยาย How to?
     
     
     
              เอาล่ะ... โหมด: จริงจัง
     
              จากกระทู้วันก่อนที่นำนิยายที่เรียกว่า NC มาเปิดเผย และฉันก็ได้เข้าไปอ่าน... อารมณ์เดียวกับปีที่แล้วเลยค่ะ แม่เจ้า!!! แต่ละคน... นี่ฉันยังอยู่ในหมวดนักเขียน NC ร่วมโลกกับพวกเขาอยู่รึเปล่าเนี่ย หรือว่า ฉันถูกจัดไปอยู่หมวด NB (No Babies) ซะแล้ว อะไรมันจะรุนแรง อลังการ อะหร่างฉ่าง โป๊งชึ่งๆ ขนาดนี้ นิยายระดับ NC ที่ฉันอ่าน (และเขียน) แทบจะไม่ใช่แนวๆนี้เลย สิ่งหนึ่งอีโรติกไม่ให้ความสำคัญ แต่นิยายพวกนี้ให้ความสนใจ เรื่องแรกเลย คือ 'เสียง' ถ้ายิ่งมี "อ๊ะ" "อย่า" "อ๊า" "ไม่" คนอ่านยิ่งเยอะ ยิ่งชอบบบ... ใช่ไหมล่ะคะ ยอมรับนะคะว่า ฉันเองก็ชอบในระดับหนึ่ง
     
              จะว่า ฉัน มันโรคจิต วิปริต วิปลาส... ก็ได้นี่คะ ยังไง ฉันก็เขียนนิยายแนวนี้ เพราะสนองตัณหาอยู่แล้ว แต่ฉันไม่ใช่... พวกที่จู่ๆก็เปิดมา จับกด จับกด เสียบ เสียบ เสียบ ไร้เหตุผล อะไรเถือกนั้นแน่นอน (อันนี้ Corsair เข้าข่ายอย่างแรง แล้วเรื่องโปรดด้วย ชะ อุ้ย...) คุณอาจจะ เข้า One Shot Erotic Series ของฉันแล้วบอก... นี่ไง จับกดแบบไร้เหตุผล ก็ได้... แต่... ทุกฉากที่อยู่ในนั้น มาจากตัวเรื่องใหญ่ที่เป็นนิยายทั้งหมด
     
              ฉันไม่เถียงเรื่องความเหมาะสมของการนำนิยายพวกนี้มาลงในเว็บ 'เด็ก-ดี' เพราะยังไง มันก็ไม่เหมาะสมอยู่แล้วค่ะ แต่ที่ฉันพูดในวันนี้ เพราะ ฉันไม่พอใจ ที่ถูกเหมารวม ไปกับ 'พวก' ที่กำลังเป็นข่าวอยู่
     
              อีโรติกมีหลายประเภทนะคะ ตัวฉันเอง สารภาพเลยว่า บอกไม่หมดแน่ ว่ามีประเภทไหนบ้าง
     
              และอีโรติก ประเภท NC หรือ No Children เนี่ย ก็มีหลายประเภทค่ะ ใช่ว่าเรท NC ปุ๊บ จะต้องมี... (ขออนุญาต ยืมคำพูดเฮียเคนนะคะ ชอบมาก) หนังกระแทกฝา หน้ากระแทกฟูก... แล้วจับกด จับเสียบ
     
              ความเป็น NC อยู่ที่เนื้อหาค่ะ ไม่ใช่การบรรยาย NC ที่สวยงามก็มีมาก NC ที่ทุเรศทุรัง ก็มีอยู่มากเช่นกัน
     
              แล้วคุณจะพูดว่า NC ทุเรศทุรังมันมีเยอะกว่า ฉะนั้น NC-Erotic จึงเป็นหน่วยที่สมควรถูกถอดถอน?
     
              นี่มันประชาธิปไตยแบบไหนกันคะ...
     
              เพราะเขาขายเรทไงคะ เขาถึงดัง เขาถึงถูกตำหนิอยู่ทุกวันนี้... แล้วพวกอีโรติกที่บรรยายกันเป็น 10-20 หน้า ไม่ดังเพราะอะไร? เพราะมันน่าเบื่อ มีแต่ศัพท์เข้าใจยาก ต้องใช้จินตนาการ (สิ่งที่สาววายเรียก 'พลังจิ้น') สูงมาก... คนอ่านเขาไม่นิยม? เขาชอบแบบ ตรงไปตรงมา กอดก็บอกกอด จูบก็บอกจูบ ใครจะเสียเวลานั่งอ่าน ประเภท แนบริมฝีปากกับพวงแก้มแดงใสอย่างอ่อนโยน หรือ กระชับวงแขน ตระกองกอดร่างตรงหน้าด้วยความหวงแหน มันยาวค่ะ... มันเชยค่ะ... เสียเวลาอ่าน
     
              ตามความเห็นฉันแล้ว พวกที่เขียนอีโรติกสวยๆ เขาไม่มาลงที่นี่ให้เสียเวลาหรอกค่ะ บอร์ดมันใหญ่ เว็บมันกว้าง... ลงไปก็ไมได้คำวิจารณ์อะไร ถ้าริอยากพัฒนาฝีมือจริงๆ ไปลงที่อื่นดีกว่า จะได้คำวิจารณ์ เอามาพัฒนางานเขียน ให้เป็นอีโรติกสวยๆจริงๆดีกว่า
     
              ตัวอย่างดีกว่า...
     
                        ยินสายลมครางครวญชวนสั่นท้าน
              ยังสันซ่านมิเท่าเสียงสำเนียงเจ้า
              ดังห้วงเพลงสอดสานหวานกระเส่า
              ประหนึ่งเร้าตัณหากามารมณ์
                        เมื่อร่างเพรียวเกี่ยวกอดพรอดสดับ
              ครางคลอรับอ่อนหวานปานสุขสม
              เสนาะโสตเพราะพลิ้วริ้วเสียงลม
              เฝ้าดอมดมกลิ่นกลายมิคลายครา
                        ยิ่งกาลเคลื่อนเลื่อนเร้าอารมณ์รัก
              ยิ่งประจักษ์กายเจ้าเฝ้าห่วงหา
              เพียงปล่อยใจปล่อยกายทิ้งวิญญา
              จนถึงคราดับสิ้นชีวินเอย
     
              ถามหน่อยเถอะ... ว่าบทกลอนข้างต้นนี้ คุณพูดได้เต็มปากไหมว่ามันไม่ NC-17 แต่คุณอาจจะพูดได้ว่า มันเป็นสิ่งที่ลามก และอนาจาร แต่สำหรับฉันแล้ว มันเป็นแค่บทกลอนเล้าโลมธรรมดาเท่านั้น ลามก? อนาจาร? อุจาด? ช่วยตอบฉันทีเถอะค่ะ ว่าเท่าที่คุณอ่านมาข้างต้นนี้... คุณอ่านแล้วรู้เรื่องเหรอ... ว่าใคร ทำอะไร กับใคร
     
              แต่มันก็บอกไม่ได้ว่าเป็นกลอนธรรมดา เพราะคำศัพท์ที่ใช้ ถ้าอ่านแล้วยังไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร คุณคงเป็น Children ที่ฉันจั่วหัวไว้ว่า NO children ค่ะ ก็ไม่ต้องขุ่นเคืองอะไรไป สักวัน คุณจะเข้าใจกลอนบทนี้เอง
     
              ฉันเขียน Erotic มา 4 ปี... แต่ละปี แต่ละฉากที่ฉันเขียน ฉันได้รับรู้ถึงความมายของมันทีละน้อย ได้รับรู้ถึงความลึกซึ้ง และความสูงส่งของ Erotic ที่ยากจะเอื้อมถึง จนปัจจุบันนี้ ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่า แต่ละฉากที่ฉันบรรจงเขียนออกมานี้ มันดีพอแล้วหรือยัง
     
              ฉันลองกลับไปอ่าน อีโรติก ฉากแรกในชีวิต โอ้ โห มันเทียบกันไม่ได้กับฉันในตอนนี้ มันเป็นอะไรที่... นี่ฉันเขียนนิยายลามกอยู่หรอ ทำไมภาษาของมัน ช่างสะดุด เถรตรง และไม่สวยงามอะไรอย่างนี้
     
              ฉันให้ความสำคัญกับภาษาของอีโรติกมาก และฉันเชื่อว่ามันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเขียนเลยทีเดียว... เขียนอีโรติกให้สวย ...ต้องทำอย่างไร
     
              แต่จากกระแสตอนนี้ ฉันรู้สึกว่า... ต่อให้ภาษาของมันสวยหรูแค่ไหน มันก็ยังคงถูกเรียกว่า ลามก และอนาจาร อยู่ดี...
     
              ว่าไหมคะ...





              จบๆ... ยิ่งพูดยิ่งแป้ก งงตัวเอง  ตัวอย่างๆ อันนี้ล่ะ?
     
     
     
     
              [Parents Guide for 20 Years Old] Dead Boy Poem ตำนานพรายสมุทร
     
              ลำเรือล่องไปตามคลื่นที่สงบนิ่ง สู่หุบเขาที่อวลด้วยกลิ่นอับชื้น เสียงคลื่นกระทบท้องเรือดูดังกว่าปกติ ทุกอย่างรอบกายวังเวงและเยือกเย็นเสียจนขนลุก ชายหนุ่มผู้หนึ่งเหม่อลอยไปยังความสูงตระหง่านของหินผา ตลอดจนระรอกคลื่นไหวเอื่อยตามแรงลม แทะเล็มเศษซากลำเรือน้อยใหญ่ ลามเลียไปตามกราบเรือที่ผุพัง และเสากระโดงหักล้มที่ชวนชี้ไปยังฟากฟ้าอับแสงเบื้องบน
              เสียงอ่อนหวานครางสั่น สะท้อนก้องไปทั่วหุบเขา ลมทะเลพาผ่านร่างที่หมดสิ้นสัมผัส จุมพิตเย็นเยียบโลมเลียเนิ่นนาน ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากหนา เรือนกายงดงามบิดเร่ายวนยั่ว เชิญชวนให้สัมผัส
              เอวหนาเคลื่อนกายเข้าแนบชิด บดเบียดร่างด้วยตัณหา ทว่า ร่างรองรับกลับไม่รู้สึกอะไร
              ท่วงท่าหยาบโลน ดิบเถื่อนของเดรัจฉาน ร่างบางโยกคลอนตามแรงกระแทก แต่กลับไม่ตอบสนองความเร่าร้อนนั้น นัยน์ตาสีเพลิงปรายมองอย่างนึกรังเกียจ แม้ถูกชำเราครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังมิพอใจเสียที
              "เจ้าโง่..."
              อุ้งมือเรียวบางประคองดวงหน้าที่หมกมุ่นในกามารมณ์ขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ ดวงตาคู่นั้นเลื่อนลอย ไร้สติ แต่สัญชาติญาณเดรัจฉานยังคงดำเนินต่อไป เรียวขางามเกี่ยวกอดสะโพกแกร่ง ก่ายร่างทั้งร่างแหงนหงายลงไปยังผืนน้ำเบื้องล่าง
              ตูม
              ฟองอากาศผุดพรายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผืนน้ำจะสงบอีกครั้ง นาวาใหญ่ที่ไร้ซึ่งเจ้าของ ลอยแล่นไปตามกระแสคลื่น กระแทกกระทั้นกับโขดหิน หลงทางอยู่ในหุบเขาที่ไร้ทางออก
              ผีพรายตัวงามผุดผาดขึ้นจากท้องน้ำ ทอดปลายเท้าลงบนพื้นเรือ มือเรียวบางโอบอุ้มละอองน้ำขึ้นมาห่อหุ้มร่างเปลือยโปร่งบาง แขนขาวยืดเหยียดบิดกายขับไล่ความเมื่อยขบ ลากไล้ปลายลิ้นเยียบเย็นกับหยดน้ำบนอุ้งมือ ก้าวย่างไปยังพังงาที่หมุนวนหลงทิศ ลูบโลมฝ่ามือลงบนเนื้อไม้ละเอียดอ่อน ราวกับหวนคิดถึงความทรงจำที่แสนไกล
              ท้องเรือแตกทะลุ น้ำทะเลถ่าโถม คลื่นลมปั่นป่วน เสากระโดงโงนเงน แต่เจ้าพรายยังคงรักษาจังหวะฝีเท้า แผดร้องขับขานบทเพลงเศร้าโศกจนสุดเสียง "อาร์เดน... เจ้าทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร" นัยน์ตาเหม่อมองไปรอบกาย เอือดเอื้อนเสียงเพลงกังวาน ระลึกถึงอดีตขมขื่น
              อาร์เดน ที่รักของข้า ...เจ้าอสรพิษ!
     
    ------------------------------
     
              "หนีออกมาแบบนี้ดีแล้วหรือ" เงาบนผืนน้ำสะท้อนเงาเลือนรางของคนสองคน ท่ามกลางความเงียบสงบยามค่ำคืน แม้ย่านการค้าที่อยู่ห่างออกไปจะครึกครื้นด้วยเสียงเพลง และแสงไฟ แต่แซร์วากลับรู้สึกว่า มันช่างน่าเบื่อยิ่งนัก
              "พรุ่งนี้ เจ้าก็ต้องออกทะเลไปแต่เช้า"
              อาร์เดนมองดูร่างบางที่อิงแอบตนอยู่ด้วยสีหน้าหนักใจ "ประเดี๋ยวก็ถูกท่านพ่อทำโทษอีกหรอก"
              "ถูกทำโทษ... อย่างน้อยก็ทำให้ข้าลืมวันลืมคืนได้บ้าง ไม่ต้องนั่งนับวันรอเจ้ากลับมา"
              "ข้าออกเรือไปสองสามอาทิตย์ ไม่นานนักหรอก"
              "เจ้าไม่คิดจะไปจากที่นี่บ้างเหรอ" จู่ๆ แซร์วาก็ถามขึ้น เงยขึ้นมองใบหน้าของชายที่รักด้วยสายตาอ้อนวอน แม้ในแสงสลัว ก็สามารถมองเห็นดวงตาสีดำขลับเป็นประกายได้ชัดเจน อาร์เดนแก่กว่าเขา 6 ปี กระนั้นก็ยังดูเหมือนว่าเจ้าตัวแก่กว่าอายุจริงมาก เพราะความที่เป็นแค่คนงานเล็กๆ ทำให้ต้องตรากตรำลำบาก ใช้แรงงาน หาเช้ากินค่ำ แม้จะมีอายุเพียง 22 ปี อาร์เดนก็ชำนาญเส้นทางการเดินเรือ และสามารถควบคุมเรือในภาวะมรสุมได้
              "เจ้าบอกข้าว่า เจ้าฝันที่จะเป็นนักเดินเรือ... ท่องเที่ยวไปในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่อย่างอิสระ ทำไมไม่ไปจากที่นี่เสียล่ะ"
              "ข้ายังเก็บเงินไม่พอที่จะไถ่ตัวจากพ่อเลี้ยง และอีกอย่าง ข้ายังไม่มีเรือเลยด้วยซ้ำ"
              "เช่นนั้น ข้าจะไถ่ให้ แล้วจะยกเรือให้ด้วย" อีกฝ่ายเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง บนเกาะแห่งนี้ มีใครไม่รู้จักคุณชายแซร์วาบ้าง บุตรคนสุดท้องของเจ้าเมือง ผู้มีพี่น้อง 12 คน คุณชายผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมที่งดงามกว่าสตรี ความสามารถทางดนตรีที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมศิโรราบ อีกทั้งยังร่ำรวยล้นฟ้าจากบิดาผู้เป็นถึงเจ้าของเกาะ
              "แซร์วา..." เจ้าหนุ่มถอดถอนใจ ดึงร่างของคนที่อิงแอบเข้ามากอด "อย่าทำอะไรเพื่อข้าเลย"
              "ทำไมล่ะ ข้ารักเจ้า ข้าย่อมอยากทำอะไรเพื่อเจ้า"
              อาร์เดนไม่กล่าวอะไรตอบ ในใจนั้นหนักอึ้ง ใช่ว่าเขาไม่อยาก... เขาโหยหาอิสระ อิสระจากชีวิตแรงงานทาสอันแสนทารุณ อิสระในท้องทะเลที่กว้างใหญ่ ที่เขาจะทำอะไรก็ได้ ไปที่ไหนก็ได้ ใช่ว่าเขาไม่อยาก... แต่แซร์วา เจ้าเด็กอายุ 16 ปีผู้นี้ ผู้มอบความรัก ความเทิดทูน และทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่คิดค่าตอบแทนเช่นนั้น เขาจะกล้ารับได้อย่างไร ในเมื่อ เขาไม่เคยมอบความรักคืนให้เจ้าตัวเลยสักครั้ง
              แซร์วายังเด็กสำหรับความรัก แต่ความหลงใหลครั้งแรกของเจ้าตัวทำให้เขาปักใจเชื่อว่านี่คือความรัก และทุ่มเทให้มันอย่างสุดหัวใจ "ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง... ทุกอย่างที่ข้ามี ได้โปรด ไปจากที่นี่เถอะ ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง ขอเพียงอย่างเดียว ช่วยพาข้า แซร์วาผู้ไร้สามารถผู้นี้ ติดตามเจ้าไปด้วย"
              "..."
              ร่างบางตระกองกอดชายตรงหน้าด้วยไม่รู้จะอ้อนวอนด้วยคำพูดใด ทุกครั้งที่อาร์เดนออกเรือไป เมื่อยามกลับมา ก็จะดูผอมโทรมราวกับไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน ผิวพรรณที่กรำแดดอยู่แล้วมักปรากฏรอยแส้ และรอยเชือด เห็นแล้วช่างปวดใจยิ่งนัก เด็กหนุ่มรู้สึกละอายยิ่งนักที่ได้เห็น... นี่หรือ คนรักของคุณชายแซร์วา เป็นคนรักของลูกผู้ดีเสียเปล่า แต่กลับถูกทารุณเช่นทาสธรรมดา เหตุใดแซร์วาจึงไม่สามารถปกป้องคนรักได้ มิอาจประกาศออกไปได้ว่าชายผู้นี้ แซร์วารักที่สุด อย่าได้ทำอะไรเป็นอันขาด ที่ประกาศไม่ได้ เพียงเพราะเขาทั้งคู่ เป็นชายเช่นนั้นรึ
              "ข้าสัญญา... กลับมาครั้งนี้ ข้าจะมาหาเจ้าเป็นคนแรก ไม่นอนซมอยู่บนเตียงอีกแล้ว"
     
    ------------------------------
     
              เสียงสงัดห่มคลุมห้วงหุบผา คลื่นระรอกแล้วเล่าเวียนวนไปมาราบรื่น แซร์วาทอดมองสิ่งเหล่านั้นพลางครวญเสียงแผ่ว นัยน์ตาส่ายไหว ฟองคลื่นแตกซ่าน เพลิงแค้นคุกรุ่น ยิ่งคิด ก็ยิ่งแค้น นี่ข้า... จมปลักอยู่ในความแค้นนี้มานานเท่าใดแล้ว
              ผีพรายสูดหากลิ่นอากาศ แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสมันได้ ข้าคิดถึงแผ่นดิน ข้าคิดถึงทุ่งหญ้า ทว่า รอบข้ามีเพียงผืนน้ำ ที่เยียบเย็น อ้างว้าง ว่างเปล่า หวนให้นึกถึงอดีตอันน่าชิงชังทุกครั้ง อาร์เดน ทั้งๆที่ข้า มอบความรักให้เจ้ามากมายเพียงนี้ เหตุใดเจ้า จึงตอบแทนข้าด้วยคมดาบ... ได้ลงคอ
              เหตุใด แซร์วาผู้งดงาม ถึงได้โง่งมงาย หลงรักชายชั่ว ตัวตายมาก็เป็นผีไร้สุสาน ขาดญาติ มิตรสหาย หลงทางอยู่ในท้องทะเลเดียวดาย ...ใยสวรรค์จึงทอดทิ้งข้า เกลียวคลื่นสะท้อนบทเพลงสิ้นหวัง หุบเขาเป็นเหมือนดั่งกรงขัง กักกันอำนาจของผีพราย ผู้ทำได้เพียงทอดมองสุริยแสงอัสดงที่ฉาบฉานในวันนี้ และเฝ้ารอแสงตะวันใหม่ในวันรุ่ง
              วนเวียนอยู่เช่นนี้มานานเท่าใดแล้ว
              ...แซร์วาตอบไม่ได้
              น้ำทะเลโหมพัด ดูดกลืนเสียงร่ำร้อง หัวเราะเยาะยวนสรวลสมเพช ผืนน้ำเพียงว่างเปล่า แผ่นผาเพียงสงบ รอฟังเสียงเอือดเอื้อนที่ขับกล่อมทุกวิญญาณให้หลับใหล บทเพลงของแซร์วา จอมผีพรายแห่งท้องทะเล
              ในแววตาที่สิ้นหวัง คราบเลือดชโลมแผ่นหิน อาบร่างของเด็กหนุ่มผู้โง่เขลา แซร์วาได้แต่มองตามเรือลำนั้นไป เรือลำที่... พรากเอาคนรักของเขาไป และทิ้งเขาให้ตายอยู่ในทะเล
              "...หากแต่นี่ คือม่านหมอก ที่โอบอุ้ม         ทั้งร้อนรุ่ม เหน็บหนาว ร้าวกระสัน
              หากแต่คือ อ้างว้าง แยกจากกัน                ถูกลงทัณฑ์ โดยมัน ผู้สามาณย์
              หากว่าแม้ ตัวข้า นั้นแสนโง่                        รู้ทนโท่ ว่าไม่รัก ยังหักหาญ
              หากด้วยแล้ว อ้อนวอน ทั้งยืนกราน          จนสงสาร ต้องพา มาด้วยกัน"
              ลมกราดเกรี้ยว เพลงพิณขับกล่อม ...กังวานหลอกหลอน เมื่อใดท่านจะกลับมาหาข้า อาร์เดน! เจ้าอสรพิษ ที่รักของข้า
              เสียงนั้นก้องไปในอากาศ สะท้อนไปในความมืดที่ว่างเปล่า
              ขับกล่อม ยวนยั่ว...
              ไม่ว่านักเดินเรือคนไหน ก็อยากจะท้าทายหุบเขาคีตามาร
              หุบเขาที่อวนไปด้วยเสียงครวญเพลงแสนหวาน
              ...หุบเขาที่เมื่อเข้าไปแล้ว ก็ยากที่จะได้กลับออกมา
              มีเพียงสตรีเสียสติไม่กี่คนเท่านั้นที่หลุดรอดออกมาได้
     
    ------------------------------
     
              "ที่นี่รึ คีตามาร... ที่ว่ากันว่า ใครเข้ามาแล้วจะไม่ได้กลับออกไปอีก" กะลาสีหนุ่มเอ่ยกับตัวเอง ขณะมองซากเรือจำนวนมากที่ติดค้างอยู่ตามซอกหิน สมแล้วที่ถูกขนานนามว่า สุสานเรือ เมื่อรอบกายนั้นเต็มไปด้วยซากเรือ ทุกยุค ทุกสมัย ตั้งแต่เรือพายแบบโบราณ จนกระทั่งเรือใบเดินสมุทรขนาดใหญ่
              ...กระทั่งเรือโจรสลัดที่โด่งดังที่สุด ก็ยังมีจุดจบที่นี่
              "ลดใบเรือลง... นี่อาจจะมีวังน้ำวน"
              ท่ามกลางความเงียบที่เย็นยะเยือก เหล่านักเดินเรือต่างหวาดผวาความแสงสลัว แซร์วาทอดกายอยู่บนหินก้อนหนึ่ง พลางลูบไล้เนื้อกายของตน เอวบางบิดขยับไล่ความเมื่อยขบ ก่อนจะโผร่างลงไปในผืนน้ำเบื้องหน้าบรรเลงบทเพลงอันเป็นที่มาของชื่อ 'คีตามาร'
              "กัปตัน! ผืนน้ำ..."
              แต่ก่อนที่จะพูดสิ่งใดต่อไป อุ้งมือที่เยียบเย็นดุจคนตายก็โอบประคองพวงแก้มซูบตอบ จุมพิตภูตพรายแผ่อำนาจสะกดการเคลื่อนไหว ปลายลิ้นแข็งชาวิสาสะรุกล้ำ ทว่าอ่อนหวานนุ่มนวล นัยน์ตาปีศาจปรือยั่ว ออดอ้อน เอียงอาย
              เจ้าพรายงามเผยอยิ้ม... มืดซีดบางร่างไล้กล้ามเนื้อแน่นตึง ...เชิงเร่งเร้า
              ปลดเปลื้องเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนด้วยเศษทราย แอบแนบเรือนกายเปลือยเปล่าของตนเข้าหา
              มือสากลูบผิวสวย เค้นคลึงส่วนอ่อนไหว ล่วงล้ำไปทั่วร่าง
              เสียงของพรายมีมนต์สะกด มีพลังดึงดูด กระชากทุกห้วงสติ บดบังทุกจิตวิญญาณ เหลือเพียงราคะ โหยหา ต้องการ ร่านอารมณ์ จนลุ่มหลงเสพสรร "มาสิ..." มาสูดกลิ่นผิวเปลือย ไอทะเลที่เจือความมืด ปล่อยให้ริมฝีปากหยาบหนาจรดเนื้อหยก เย็นเยียบกว่าน้ำแข็ง จูบประทับรุนแรง ติดพัน กระตุ้นอารมณ์ ชำแรกกาย ตอดรัด ทั้งแนบแน่น
              "กระหายข้าให้เหมือนน้ำ ...โหยหาข้าให้เหมือนสตรี ...ดื่มด่ำข้าให้เหมือนสุรา ...ปรนเปรอข้าให้เหมือนเจ้านาย"
     
              เบื้องบนทำได้เพียงเชื่อฟัง ราวต้องมนต์ กระทำด้วยคำสั่ง ละล้วงด้วยสัญชาติญาณ ให้ความสุขสมแก่จอมพราย
              หากแต่ตัวเองนั้นไม่รู้สึกอะไรเลย ...มีเพียงความว่างเปล่าสีดำ และความมืด
              นี่เขาอยู่ที่ไหน
              นี่เขาทำอะไร
              นี่เขาเป็นใคร
              เขาไม่รู้สึกตัวเลย...
              เสียงพิณของไซเรนสะท้อนอยู่ในหุบเขา หินผานิ่งสงบ แม้คลื่นแตกฟอง นาวาลำใหญ่กระแทกเข้ากับชะง่อนแหลม เสากระโดงแตกร้าว ใบเรือหวั่นไหว ผู้อื่นถูกมนต์สะกด ดนตรีนั้นวังเวง หวานซ่าน แข่งเสียงครางกระเส่าเร้า
              ละอองน้ำโอบอุ้มร่างผี ผู้ทอดร่างให้ชายชั้นต่ำได้กกกอด
              รุกเข้ามา...
              ...ให้สุดกาย
              แม้ห้วงจังหวะจะดิบเถื่อน เดรัจฉาน แต่มันไม่เคยทำให้แซร์วารู้สึกอะไร ความอบอุ่น อิ่มเอม จากการถูกเติมเต็มด้วยวิธีเช่นนี้ แซร์วาลืมไปสิ้นแล้ว เหลือเพียงร่างเนื้อที่ไร้อารมณ์ ล่อหลอกให้ผู้คนมาสัมผัสความงดงามของตัว และปราดปรายมองความกระหายอันน่ารังเกียจด้วยความสมเพชเท่านั้น
              "อา..."
              เสพสรรให้พอเถิด เจ้าพวกโง่... เสพสม ตัณหา กาม ราคะ ให้พอใจ แล้วข้าจะเสพเจ้าบ้าง
              ข้าจะเสพวิญญาณจากเจ้าบ้าง
              ยิ่งถูกรุกล้ำ พลังงานยิ่งถูกถ่ายทอด กำลังวังชาถูกเติมเต็ม จะมีอะไรที่มอบพลังให้กับผี ได้ดีกว่าพลังของมนุษย์เล่า ลำคอขาวแหงนหงาย เรียวขาเกี่ยวรัด สั่นสะท้านไปกับพลังงานที่ถ่าโถม เพียงแค่อวดอ้างซอกคอเพรียวระหง ลาดไหล่บอบบาง ปล่อยให้คนโง่พวกนี้ได้เติมเต็มสักคราสองครา มันคุ้มค่าแล้วที่จะได้วิญญาณของพวกเขามาครอบครอง
              เปลือกตาปรือเปิด สัมผัสเย็นเฉียบแนบวางบนแก้ม ไซเรนเอือดเอื้อนเสียงครางหวานไปตามลม สะกดให้ต้องมนต์ ...คิดว่าสนองรักผีแล้วจะรอด ...คิดว่าปรนเปรอผีแล้วจะหาย ...คิดว่ายินยอมผีแล้วจะมีชีวิต
              ...เจ้าทุกคนล้วนโง่!
              แซร์วาทิ้งร่างของเจ้าคนโง่ลงไปในทะเล โผนพลิ้วลงมายังดาดฟ้า ปราดมองกัปตันชราผู้หมดแรงซวนซบอยู่บนพังงา บทเพลงพรายยังบรรเลง เสกสรรจากปากคู่งาม ปลายลิ้นแลบเลียริมฝีปากตนเองด้วยหิวกระหาย บนเรือนี้ยังมีผู้คนอีกมาก ยังมีผู้หลงใหลมนต์สะกดอีกมาก "เจ้าพวกคนโง่ทั้งหลาย... เจ้ากระหายในกามรส สตรีเพศ มิลองเสพสุขจากบุรุษหน่อยหรือ"
              เสียงนั้นสั่นเครือและหอบแผ่ว ยวนยั่วอารมณ์นัก...
     
    ------------------------------
     
              เรือทั้งลำค่อยๆจมลงในความมืดมิด แซร์วาเพียงมองมันด้วยความเบื่อหน่าย สุดท้าย จุดจบของเรือทุกลำก็เป็นเช่นนั้น เมื่อได้เสพสรรค์วิญญาณทุกดวงแล้ว เจ้านาวาก็ไร้ผู้บังคับ และหันเหไปหาหินแหลม กระแทกกระทั้นดุเดือดคล้ายจะโกรธแค้น แต่สุดท้ายก็จมหายลงไปในทะเล
              ละอองน้ำไหลหยาดบนผิวสวย หากเป็นหญิงงาม คงบอบช้ำ... ริมฝีปาก คู่แล้วคู่เล่าที่พรมจูบบนกายนี้ ความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่เปล่งประกายในทุกยามแม้จะแปดเปื้อนซักเพียงใด ร่างเนื้อนี้ก็เปล่งปลั่งเรียบเนียนละเอียดชวนให้ลูบไล้อย่างไม่รู้เบื่อ ...แซร์วาเคยเกลียดที่ตนมีผิวพรรณแบบนี้
              ผิวพรรณที่งดงามทำให้ชายหลงใหลเช่นนี้ ทำให้เขาต้องได้รับความอัปยศ
              กี่คนกันนะ ในตอนนั้น ก่อนที่อาร์เดนจะฆ่าเขา... กี่คน ที่สัมผัสผิวกายงดงามนี้จนอิ่มหนำ ได้ดื่มด่ำ ได้ย่ำยี ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเป็นศักดิ์ศรีของเขาไปจนหมดสิ้น กระทั่งคนที่เขารักที่สุด ก็หันดาบใส่เขาอย่างไม่ลังเล เลือดที่เจิ่งนอง เลือดทุกหยดที่ย้อมทะเลเป็นสีแดง ล้วนแปดปเปื้อน สกปรก จากกามารมณ์ของบุรุษที่น่ารังเกียจ
              ...วันนี้ แซร์วาเป็นผี แซร์วาจะแสดงให้เห็นว่า ความลุ่มหลงในเพศรส มันจะนำความหายนะมา
              แซร์วาจะไม่ยอมเป็นดอกไม้ริมทาง ที่ถูกเด็ดดอมแล้วทิ้งขว้าง อย่างในวันนั้นเป็นแน่
     
    ------------------------------
     
              "ชื่อของเจ้า..."
              อาร์เดนมองดูคุณชายที่นั่งกอดพิณอยู่ริมทะเลด้วยสายตาสงสัย ยามนั้นเขาอายุ 20 ปี ยังไงก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ อาร์เดนคุ้นเคยกับผาตลิ่งนี้ดี เพราะ เขาชอบมานั่งตากลมเย็นๆของมันอยู่เป็นนิจ แต่เหตุใด วันนี้จึงมีหนุ่มน้อยท่าทางสำอางมานั่งอยู่แทน
              คนตรงหน้าดูเหมือนจะเป็นคุณชายลูกผู้ดี อายุราวๆ14-15 ในมือถือพิณเงินตัวใหญ่ ขับขานเพลงที่ไพเราะเสียจนผู้ฟังต้องหยุดหายใจ
              "เจ้าล่ะ... เป็นใคร"
              "ข้าถามก่อนนะ"
              "แซร์วาไม่มีธุระอะไรที่จะต้องพูดกับคนงานอย่างเจ้า"
              "เช่นนั้น เจ้าคือ คุณชายแซร์วา สินะ"
              "เจ้ารู้ได้อย่างไร!"
              "ก็เจ้าเพิ่งพูดชื่อตัวเองออกมาเมื่อครู่นี้" อาร์เดนแอบยิ้ม ขณะที่คุณชายเบือนหน้าหนีด้วยความอาย
              "แล้วเจ้าล่ะ ชื่ออะไร"
              คนงานหนุ่มค้อมหัวเล็กน้อยเป็นการล้อเลียน "อาร์เดน ขอรับ" แซร์วาลุกขึ้นถอยหลังออกห่างแล้วเดินช้าๆจากไปแต่อาร์เดนกลับคว้าข้อมือร่างบางไว้ได้ แววตาของชายหนุ่มฉายความคิดบางอย่างออกมา ความคิดที่เขาเพิ่งคิดได้ ถ้าจะพูดให้ตรงกว่านั้นน่าจะเป็นความรู้สึกเบื้องลึกที่อยากจะทำอย่างนี้มาตลอดเวลาต่างหาก ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของนายจ้าง... คุณชายแซร์วาผู้งดงามผู้นี้กลับดึงดูดกับกว่าสตรีนางใด ร่างสูงใหญ่รวบแขนเรียวทั้งสองข้างไว้ในอ้อมกอด ขณะที่มืออีกข้างเบือนวงหน้าหวานให้หันมามอง ก่อนที่จะโน้มตัวลงหมายสัมผัสริมฝีปากคู่งาม
              ริมฝีปากเรียวเม้มปากเน้นแทบจะในทันทีที่เห็นว่าชายหนุ่มจะทำอะไร
              "หยุดนะ!"
              สัมผัสจุมพิตนั้นอ่อนโยน...
              เหมือนจะเป็นการหยอกแกล้ง แต่ก็อบอุ่น อ่อนโยน อาร์เดนไม่ได้คิดจะจูบจริงจัง แต่แค่อยากล้อเล่นกับคนงามที่กล้าเข้ามานั่งเล่นอยู่ในเขตของเขาก็เท่านั้น แต่เมื่อริมฝีปากบางได้เผยออก เขาก็ได้พบกับความหวานซ่านที่น่าหลงใหล ลิ้นของชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนของร่างในอ้อมแขนที่กำลังดิ้นขลุกขลักหลีกหนี ทำให้ยิ่งบดเบียดกระชับกายของอีกฝ่ายเข้าหาตัวแน่นยิ่งกว่าเดิม
              ดวงตาหวานคมมีน้ำรื้นๆหล่อเลี้ยงและปริ่มๆจะหยาด แต่ร่างบางก็สกัดไว้อย่างเร็วรวดพอๆกับที่มันเกิดขึ้นมา "ปล่อย!" แซร์วาเหวี่ยงพิณในมือหมายจะตบให้อีกฝ่ายสลบไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่โชคดีที่อาร์เดนหลบทัน เด็กหนุ่มถูปากด้วยสายตาขุ่นเคือง
              "เจ้าถือสิทธิ์อะไรมาจูบข้า เจ้าคนงานไม่รู้ที่ต่ำที่สูง"
              อาร์เดนเพียงยิ้มในความน่ารักของปฏิกิริยาตอบโต้... เขาอาจจะแค่เห็นว่าน่ารัก
              แต่เขาไม่เคยคิดจะรักเด็กชายคนนี้เลย...
     
    ------------------------------
     
              ลิ้นร้อนลากผ่านริมหู ซอกคอ ลาดไหล่ นัยน์ตาสีเพลิงกลับกลอก ส่อแววพอใจลึกๆ พลางนึกถึง กายเนื้อของมนุษย์ที่ก่อนตาย ได้แปดเปื้อนราคะจนไม่เหลือดี นับอะไรกับกายผี จะร้อนร่านกว่านี้อีกสักกี่เท่าก็คงเทียบกับความเจ็บปวดในครานั้นมิได้ กายผีที่ถูกใช้งานจนขาดวิ่น ก็ยังไม่เจ็บช้ำเท่ากับกายมนุษย์
              ผู้รุกรานกายจนสุด แต่ก็เพียงทำให้แซร์วายิ้มลำพองเท่านั้น…
              จะมีผู้ใด ปรนเปรอผีได้เล่า ก็มีแต่คนโง่เท่านั้นที่คิดจะทำ
              ...ใช่ แค่พวกคนโง่พวกนี้เท่านั้น
              ลมหายใจเจือด้วยอารมณ์เป่ารดแนบชิด แต่แซร์วาสัมผัสได้เพียงความน่าขยะแขยง แรงบดเบียดที่รุนแรงไม่เคยทำให้ผีพรายได้สมใจอยาก เขาเห็นแค่ท่วงท่าของเดรัจฉานที่ก้มอยู่เหนือร่างตนเองเท่านั้น สองแขนแกร่งสวมกอดร่างบางจากด้านหน้า สองมือนวดเฟ้นไปทั่วแผ่นหลังเนียนเรียบ ริมฝีปากร้อนจรดลงหนักหน่วง ปลายลิ้นตวัดเวียนวนเพื่อชิมความหอมหวาน กลีบปากนุ่มฉ่ำเย้ายวน จูบสักกี่คราก็ไม่สามารถดับกระหายลงได้
              ผู้ถูกสะกด... จะมีใคร เคยรับรู้บ้างว่า ผิวพรรณนั้นเยียบเย็นเพียงใด ริมฝีปากนั้นไร้รสชาติเพียงใด ปลายลิ้นนั้นด้านชาเพียงใด ไม่มีใครรู้หรอก ในเมื่อทุกคนตกอยู่ในห้วง กาม ตัณหา อยู่ความต้องการที่จะปลดปล่อยเท่านั้น
              เช่นนั้นก็จงปลดปล่อย...
              ตักตวงความสุขในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต กับ คุณชายแซร์วาผู้งดงามเป็นหนึ่ง
              ...จงอย่าได้เกรงใจ
              เพราะเมื่อเสร็จสิ้น ข้าก็จะดูดกลืนวิญญาณของพวกเจ้าทั้งหมด!
     
    ------------------------------
     
              บทเพลงแสนหวานบรรเลงเรื่อยไป ร้อยปี สองร้อยปี สามร้อยปี มิเคยหยุดหย่อน วิญญาณนับหมื่น นับแสน สังเวยให้กับผีพราย กระนั้น ก็ยังไม่พอ... ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งความพยาบาทนี้ได้ ใครกัน ที่ยัดเยียดความอาฆาตนี้ให้กับเขา?
              แล้วเจ้าคนนั้น ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
              ...แล้วแซร์วาจะทำประการใดเพื่อดับความกระหายนี้
              เขาอยากฆ่าคนเหลือเกิน อยากฆ่าคน ฉีกกระชากวิญญาณของพวกมัน พวกนักเดินเรือที่โสมม พวกบ้ากาม ตัณหา พวกลุ่มหลงในราคะ อยากฆ่ามันเหลือเกิน แต่ฆ่าเท่าไหร่ ก็มิสาแก่ใจ เมื่อไหร่ จะหลุดพ้นจากวังวนนี้ไปเสียที
              ทะเลปั่นป่วนดึงใจแซร์วา ไปยังเรือใหญ่ผุดผงาด ค้ำฟ้า ใบเรือสีขาวพิสุทธิ์ ไม้เนื้อขาวประณีตงดงามอะไรอย่างนี้ ดวงตางามกระพริบชม เผยอปากเอือดเอื้อนเสียงเพลง ก้องสะท้านหุบผา ขับขานลางมรณะ ผาสีเงินตระหง่าน คลื่นลมสงบนิ่ง ขอให้ข้า... ได้เสพสุข กับพวกคนโง่พวกนี้ อีกสักครั้งเถอะ
              "มีอะไรรึ..."
              "..." ท่วงท่ากระวนกระวายบอกถึงลางร้าย ชายหนุ่มหันรอบกาย แล้วพึมพำเสียงแผ่ว "ออกไปจากที่นี่" น้ำเสียงนั้นฟังดูป่วยกระเสาะกระแสะ ไร้เรี่ยวแรงที่จะพูดจา แต่กระนั้น พวกลูกเรือก็ยังเชื่อฟัง "นายน้อย อาการหูหนวกยังไม่หายดี ออกมาพบเจอกับสิ่งสกปรกอีก ประเดี๋ยวจะยังทรุดหนัก"
              "พานายน้อยไปพักก่อน"
              ผู้ถูกเรียกว่านายน้อย รั้งตัวกัปตันเรือไว้ "ระวัง... บทเพลงของแซร์วา"
              ท่วงทำนองแสนเยียบเย็น และรวดร้าว...
              "มีใครรอดไปเล่าเรื่องของข้าให้ท่านฟังหรือ" ประกายตายั่วยวนช้อนมองบุรุษตรงหน้า ลูบไล้ริมฝีปากอย่างถือวิสาสะ
              "…"
              วูบเดียวที่ยินเสียงละมุน วินาทีต่อมา ปลายลิ้นเย็นเยียบก็โลมเลียที่ใบหู "น่าสนใจเสียทีเดียว" หน้าละมุนเยื้องใกล้ สัมผัสเย็นเยียบพรมพร่าง ปลายลิ้นระรานริมฝีปาก แต่ก็สะกดเจ้าตัวไม่ได้ แซร์วาผละจากร่างนั้น หยุดพิจารณา "เหตุใดเสียงของข้าจึงสะกดเจ้าไม่ได้" ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบ ทว่าแขนเพรียวรั้งร่างไว้แนบกาย
              ลูกเรือมัวเมา ไม่ได้สติ...
              "..." ผู้ถูกถามไม่ตอบ แววตาแน่วแน่กลอกด้วยหวาดกลัว
              เพลงของแซร์วา... ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องลุ่มหลง
              "เจ้าเป็นใคร..."
              "..."
              แซร์วาเบิกตา สัมผัสกายตรงหน้าอีกครา "เจ้าเป็นมนุษย์" บุรุษนั้นส่ายหน้าระรัว ทว่าไม่เอ่ยตอบ "เจ้าเป็นใคร" ผีพรายผละหนี ดวงตากลอกไปมา ข้าอยู่มาคณานับ หาใครต้านทานเสียงของข้าได้ บุรุษนี้คือใคร ดวงหน้าหล่อเหลาคมสันของหนุ่มน้อยวัยไล่เลี่ยกัน อ่อนเยาว์เหมือนแซร์วาเมื่อสามร้อยปีก่อน
              แสงจันทร์นวลสะท้อนในแววตาทำให้เย้ายวนอ่อนหวานเชื่อมปรอยแต่ทว่าเศร้าสร้อย แซร์วาไม่เคยส่งสายตาเช่นนี้ให้ใคร... มานานแล้ว "ได้โปรด... แจ้งนามของท่าน" มือเรียวสัมผัสแก้ม ไออุ่นที่โหยหา กลิ่นมนุษย์ที่ไขว่คว้า พลังชีวิตที่ปรารถนา ...ขอข้าได้ครอบครอง "ได้โปรด... บอกข้า" ยิ่งใกล้ ร่างนั้นก็เบี่ยงหนี
              "..."
              และ ไม่เอ่ยตอบสักเพียงคำ
              ผู้อื่นมัวเมา ไร้สติ... หากแต่มีคนเพียงคนเดียว คนเดียวเท่านั้นที่ไม่หวั่นไหวไปกับบทเพลง
              เรือใหญ่แล่นไป...
              ...ยังไม่มีใครสละร่างให้แซร์วา
              "เดี๋ยว!" หากพ้นเขตแดนนี้ มนต์ของแซร์วาก็มิทัดทาน "ได้โปรด..."
              แสงใสสาดส่อง ขับไล่ให้แซร์วากลับไปยังหุบผาที่เป็นที่ของตน
              "...อย่าเพิ่งไป!"
              ทว่า คนผู้นั้นหาฟัง
              ลมอ่อนพัดผ่าน
              ...เรือใหญ่หายไปใต้แสงตะวัน
              ...
              ...
              ...
              จากไป...
     
              อา... บุรุษผู้นี้แหละ ผู้มีคุณค่า ผู้ไม่ลุ่มหลงในกาม ตัณหา
     
              ข้าจะขอรัก ชายคนนี้ ไปตราบจนวิญญาณของข้าหมดสิ้น
              ข้าจะขอรัก... ผู้ชายคนนี้เท่านั้น


              Erotic Short Story By Feneaz  Archearie

              มีใคร GET to the point บ้างคะ? เนื้อหาเรื่องสั้นด้านบนนี้? จริงอยู่ว่ามันอาจจะมีฉากเรทแบบไม่สมเหตุสมผลอยู่ไม่น้อย (จริงๆมีอีก 2-3 ฉาก ที่ระบุว่า น้องแซร์วาเธอฟันไม่เลือก เด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา ยกเว้นผู้หญิง ที่เธอจะไม่ยุ่ง... และฉากที่เธอสำแดงฤทธิ์เป็น 'ราชินี' กับฉากหลาย P แต่ดูเหมือนจะผิดศีลธรรมเกินไปหน่อย ขอละไว้ดีกว่า)

              อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของแซร์วา คือ 'เสียงเพลง' เพราะเธอร้องเพลงเพราะมาก และเป็นบทเพลงที่ยั่วยวน สะกดจิตอีกต่างหาก และเธอก็พ่ายรักให้กับผู้ชายคนแรก ที่เธอสะกดจิตไม่ได้... และช่างน่าขัน เพราะมันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ผู้ชายคนนั้นไม่ถูกสะกดจิต เพราะ เขา 'หูหนวก' มันก็แค่นี้เองแหละ พลอตเรื่องน่ะ

    คุณดิด 1 : เพิ่มรูป... แซร์วา
    คุณดิด 2 : แก้อีโม...
    คุณดิด 3 : เพิ่มสรุป


    แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 พฤษภาคม 2552 / 14:57
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×