Cheerful Flower House[Ravii x Yu] - Cheerful Flower House[Ravii x Yu] นิยาย Cheerful Flower House[Ravii x Yu] : Dek-D.com - Writer

    Cheerful Flower House[Ravii x Yu]

    การอยู่คนเดียว ดอกไม้ และชายหนุ่ม

    ผู้เข้าชมรวม

    844

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    844

    ความคิดเห็น


    18

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 พ.ย. 50 / 18:25 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    แต่งไปฟังเพลงนี้ไป ได้ฟิวดีขอรับ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ---Cheerful Flower House---

      ที่สถานีรถไฟ

      ผมยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า

      ฝนที่ตกหนักอยู่ด้านนอก

      ผู้คนเดินสวนไปมามากมาย

      ช่างสับสนวุ่นวาย..น่าเวียนหัว

       

      อุ๊ก!!”

      มีแรงชนจากด้านหลัง  ทำเอาผมที่กำลังวุ่นงงกับแผนที่รถไฟต้องเซไป

      ขอโทษครับ…”

      เด็กชายตัวน้อยยันตัวลุกขึ้น กล่าวขอโทษกับผม

      “…ชิ…”

      ผมมองจ้องดุๆ กลับไป

      มันเป็นปกติอยู่แล้ว

      ผมไม่อยากยุ่งกับใคร และหากใครคิดจะยุ่งกับผม

      ก็มักเจอกับสายตาเย็นชา

      ได้ผล  ไอ้หนูนั่นหลบตาทันที

      ผมมองเมินอีกครั้ง   สีผมแดงๆ ของเด็กนั่นทำเอาผมรู้สึกหงุดหงิดชะมัด

       

      อ๊ะ!! ยู!! แย่แล้ว นายเป็นงัยบ้าง? เละหมดเลย

       

      เสียงไอ้เด็กนั่นดังขึ้นอีกรอบ แต่คราวนี้มันเอ่ยคำคุ้นหู

      ผมหันกลับไปดู ด้วยอารมณ์ที่บูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม

      หนอยไอ้เด็กนี่ เรียกชื่อกันไม่เกรงเลยนะ

       

      “….!!?.....

       

      สิ่งที่ผมเห็นกลับทำให้ผมประหลาดใจ

      เจ้าเด็กน้อยกำลังคุกเข่ากับพื้น สองมือกวาดเศษดินที่กระจัดกระจายเต็มพื้นพร้อมกับต้นกล้าเล็กๆ กลับเข้ายังถุงเพาะสีดำ

       

      ยู

       

      ไม่ได้เรียกชั้นหรอกเหรอ

      ด้วยมือที่เล็กไม่เท่าไร

      เด็กน้อยจึงกอบดินที่กระจายไม่เป็นท่าขึ้นมาได้ไม่หมดซักที

      น่าแปลกผมที่ไม่เคยนึกอยากจะญาติดีกับใครกลับตัดสินใจนั่งลง สองมือช่วยเจ้านั่นกวาดเศษดินที่เหลือ

      เพียงเพราะคำแค่คำเดียว

      .ยู.

       

      ขอบคุณมากครับพี่ชาย

      เจ้าเด็กนั่นยิ้มร่า 

      แค่ช่วยกวาดดินเนี้ยนะ??

      ยิ้มอย่างกับได้เงินค่าขนมฟรีหนึ่งเดือน

      เจ้าเด็กนั่นกำลังจะเดินจากไป

      ผมไม่สนใจอยู่แล้วนี่

      แค่ผ่านมา  แล้วก็ผ่านไป

       

      นี่!! เดี๋ยวก่อน

       

      ให้ตายสิวันนี้ผมเป็นอะไรไปเนี้ย?!?

       

      ครับ…”

      เจ้านั่นหันมา

       

      ที่เรียก ยู น่ะ?

       

      เด็กนั่นมองงงๆ แล้วก็อมยิ้มขึ้นมา

      เนี่ยเหรอครับ?

      พูดพลางชูต้นกล้าต้นนั้นขึ้น

      ต้นยูครับ มันจะออกดอกเฉพาะหน้าฝน ช่วงนี้แหละครับ

      ต้นยูงั้นเหรอ??

      ผมทวนอีกครั้ง

      ที่แท้ก็เรียกต้นไม้

      น่าขำชะมัด

      ผมรออะไรกันนะ.

      พี่ชายชอบเหรอครับไปที่บ้านผมสิ ที่บ้านผมมีต้นยูเต็มไปหมดเลย

      เจ้านั่นถือดีเข้ามาดึงมือของผม

      ชิใครบอกล่ะ

      ผมสะบัดมือออก

      เจ้านั่นทำท่าหงอยอีกครั้ง

      เด็กนี่น่ารำคาญชะมัด

      “…อ่ะ…”

      เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นอีกครั้ง  มือน้อยๆ ยื่นกระดาษใบเล็กๆ มาให้ผม

      “…?....

      ผมจ้องมันอยู่ซักพัก

      แต่ก็รับมันมา

      ไปที่บ้านผมนะแล้วพี่ชายจะเจอต้นยูเต็มไปหมดเลยล่ะครับ ไปล่ะครับ

      พูดพลางวิ่งจากไป

      ฝนกำลังตกหนัก

      ทำเอาอารมณ์ผมขึ้นอีกรอบ

       

      ---Cheerful Flower House---

       

      ร้านดอกไม้??

      เจ้าบ้าให้ตาย!! ชั้นก็ไม่ไปร้านดอกไม้เด็ดขาด

      ---------------------------------------------------------------------

       

      Part 2

      ไม่รู้ว่าอากาศมันเปลี่ยนไป

      หรือว่าอะไรในตัวผมมันเปลี่ยนแปลงกันแน่

      แต่ที่รู้

      ตอนนี้ผมกำลังยืนกำร่มสีดำสนิทของตนไว้แน่นอยู่หน้าร้านดอกไม้ Cheerful Flower House

      ผมแหงนหน้ามองป้ายหน้าร้าน

      ใครวะตั้งชื่อร้านติงต๊องชะมัด

      ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ

      ก่อนจะใช้แรงน้อยๆ ผลักประตูหน้าร้านที่มีป้ายเขียนว่า Open เข้าไป

      เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นบอกให้คนภายในรู้ว่ามีแขกกำลังย่างกายเข้ามา

      ผมยืนนิ่งอยู่พัก

      หอมดีจัง

      ร้านดอกไม้ก็ไม่เลวแฮะ

      รับอะไรดีครับ..??

      มีเสียงทุ่มๆ ดังมาจากมุมร้านมุมหนึ่ง

      พอดีกับที่ผมหันไป

      รอยยิ้มอบอุ่นกับผมสีแดงเพลิง อยู่ในชุดขาวกับผ้ากันเปื้อนสีเขียวที่มีรอยเลอะเล็กน้อยจากภารกิจบางอย่างที่คงจะเพิ่งลามือออกมารับแขก

      อายุคงจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม

      ผมยืนจ้องเจ้านั่นนิ่ง

      ไอ้หมอนี่เคยเห็นที่ไหนวะ??

       

      รับอะไรดีครับ??

       

      หมอนั่นทวนคำอีกครั้ง

      พลางสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ ผม

      ผมถอยออกหนึ่งก้าว

       

      ชั้นมาร้านดอกไม้ก็ต้องอยากได้ดอกไม้สิ

      ผมตอบกลับไปแบบส่งๆ

      ก็ไม่ได้ตั้งใจมานี่หว่า??  จะให้ตอบว่าจะเอาอะไรทันทีได้งัย

      น่าแปลกแทนที่หมอนั่นจะตอกผมคืน

      กลับยิ้มปนเสียงฮึขับๆ ในลำคอ

      ก็นั่นแหละครับ ผมถึงได้ถามว่าคุณต้องการรับดอกไม้อะไร?

      ผมยืนเอ๋อไปพัก

      ฝนข้างนอกยังคงตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

      ท่าทางผมจะยืนนานไปหน่อย

      เจ้านั้นหันหลังพร้อมที่จะเดินจากไป

      “…เออดอก??...ดอก?

      ให้ตายเหอะเกิดมาเพิ่งเคยเข้าร้านดอกไม้

      ดอกไม้ก็ไม่รู้จักซักอย่าง

      ผมคิดว่าหมอนั่นคงรำคาญผมแน่

      “…ฮึฮึ…”

      “…!?!....”

      เสียงดังจากลำคอทุ้มๆ ดังขึ้นอีกครั้ง  เจ้านั่นยิ้มขำใส่ผม

      ให้ตายสินี่ผมทำตัวงี่เง่าขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

      ผมรู้สึกใบหน้าร้อนฉ่า

      ในมือกำร่มแน่น

      ไม่เอาแล้วโว้ยกรูจะออกจากไอ้ร้านบ้านี่!!

       

      ถ้านึกไม่ออกขนาดนั้น ผมแนะนำให้ดีไหมครับ

       

      ในขณะที่ผมกำลังคิดหาทางออกจากร้านบ้าๆ นี่

      เจ้านั่นก็พูดขัดขึ้นมา

      แต่น่าแปลก มันกลับทำให้ผมรู้สึกโล่งอกขึ้นมา

      รอเดี๋ยวนะครับ…”

      เจ้านั่นยิ้มอีกครั้ง แล้วเดินหายไปที่หลังร้าน

      ผมตัดสินใจทิ้งก้นลงบนเก้าอี้รับแขกหน้าร้าน  สายตามองลอดออกไปนอกร้าน

      ฝนที่ตกหนักตอนนี้แทบมองไม่เห็นเลยว่าใครเป็นใคร

      ลองคิดๆ ดูแล้ว นี่ผมมาทำอะไรในที่แบบนี้ได้นะ

      ทั้งที่ตอนนี้ผมจะต้องตรงกลับบ้าน

      เก็บตัวอยู่ในห้องอยู่คนเดียวไม่มีใครอยากยุ่งและไม่เคยอยากยุ่งกับใคร

      ซุกตัวอยู่กับหมอนฟังเสียงฝน

      และหลับไปคนเดียวอยู่เพียงคนเดียว

       

      “…ยูครับ

       

      อีกแล้ว

      ความรู้สึกนี้

      ผมหันกลับไปตามเสียงเรียก ในใจกำลังเต้นระส่ำ

      นี่ผมเป็นอะไรไป

      ชายหนุ่มผมแดงที่ยืนอยู่ด้านหลังในระยะประชิดทำเอาผมตกใจแทบตกเก้าอี้

      นี่นาย!! “

      ผมหยุดไป  สายตาหยุดเข้ากับดอกในมือหมอนั่น

      สีขาวที่แสนจะธรรมดา แต่ทำไมผมถึงละสายตาจากมันไม่ได้เลย

      นั่นดอกอะไรน่ะ?

      ผมเอ่ยออกไปเบาๆ

       

      “…ดอกยูครับมันเพิ่งออกดอกมันจะออกดอกเฉพาะหน้าฝน น่าแปลกตลอดเดือนที่ฝนตกมันไม่ยอมบานเลย เพิ่งจะบานก็วันนี้ทั้งสวนเลยครับผมเพิ่งพบมันเมื่อครู่นี้เอง แล้วคุณก็มามันคงรอคุณล่ะมั้งครับ

      รอยยิ้มอบอุ่นของใครคนนึงตรงหน้าผมกำลังเบ่งบานพร้อมๆ กันกับดอกไม้ตรงหน้า

      น่าแปลกที่ผมยิ้มตอบ

      นี่ละมั้งความรู้สึกที่คิดว่าตัวเอง.เป็นคนสำคัญ.สำหรับ.ใครคนนึง

      บานตอนที่เรามาพอดีน่ะเหรอ??

      ตลกดีแท้

       

      เป็นไข้รึเปล่าครับ?

       

      “…///////??////////..” “เฮ้ย!!~”

      ในที่สุดผมก็ดึงตัวเองกลับมายังโลกปัจจุบัน

      เมื่ออยู่ๆ ไอ้เจ้าหัวแดงมันก็เอาหน้าผากมาอังกับหน้าผากของผม

      ผมเด้งออกจากที่เดิมทันทีเหมือนมีกระแสไฟแล่น

      โทษทีครับผมเห็นคุณหน้าแดงๆ คิดว่าคงตากฝนจนเป็นไข้ซะอีก

      ยังมีหน้ามายิ้มอีกเจ้าบ้า

      ว่างัยครับจะรับ ยู ซักดอกไหมครับ

      ผมเบนสายตาไปที่ดอกไม้สีขาวนั่นอีกครั้ง

       

      “…อืม…”

      พยักหน้ารับ

      ฝนด้านนอกยังคงตกอยู่ต่อเนื่อง และยิ่งทวีขึ้นเป็นระรอก

      จะรับแบบช่อ แบบกระเช้า หรือว่าเป็นดอกดีครับ

      ผมยืนสังเกตเจ้าหนุ่มนั่น

      ดวงตาสีเขียวที่ดูขี้เล่นอารมณ์ดี ท่าทางที่ออกจะคล่องแคล่วเยี่ยงชายหนุ่มทั่วไป

      น่าแปลกที่หมอนั่นยอมมาทำงานติ๋มๆ ในร้านดอกไม้นี่ได้

      “…ว่างัยครับ…”

      ในที่สุดผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองก็ถูกอีกคนจ้องมองเหมือนกัน

       

      “…ขอแบบมีรากได้ไหม?...

       

      บ้าชะมัด

      ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองงี่เง่าและพูดจาแปลกประหลาดก็วันนี้

      มีรากคิดไปได้งัยวะ??

       

      “…ฮึฮึ…”

      อีกและ??

      ให้ดิ้นตายเหอะ  ผมเรียกเสียงหัวเราะจากไอ้หมอนั่นได้อีกแล้ว

      อ้าก!! อยากจะทึ่งหัวตัวเอง

      นี่ตูไปเป็นตลกคาเฟ่ซะเลยดีไหมเนี้ย

       

      คุณนี่แปลกดีนะครับแต่ผมก็ชอบคุณ…Ok ครับ มีราก รอซักครู่นะครับ

      เจ้านั่นพูดจบก็เดินหายเข้าไปหลังร้านอีกครั้ง

       

      ตึกตึก   ตึกตึก

       

      ช่วยผมที ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับเสียงหัวใจบ้าๆ นี่เต็มทนแล้วนะ

      นี่ผมรออะไรกัน

      ทำไมแค่รอรับดอกไม้  ผมถึงได้ใจเต้นแรงแบบนี้ล่ะ

      ชอบเหรอ??...

      จำคำนายไว้ก็แล้วกัน

       

      ได้แล้วครับ…”

      เจ้านั่นเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกระถางต้นยูเล็กๆ ที่ออกดอกสีขาวจางๆ ดูบริสุทธิ์

      จะส่งให้ใคร หรือรับเองครับ

      หมอนั่นตั้งคำถามอีกครั้งพลางก้มตัวโค้งลงกับโต๊ะเพื่อเขียนโน้ตบางอย่าง

      “…มะไม่ของชั้นนี่แหละ

      ครับขอทราบชื่อด้วย…”

      หมอนั่นเอ่ยคำถามต้องห้ามของผม

       

      ทำไมชั้นต้องบอกชื่อกับนายด้วยล่ะ!!”

      ผมโวยขึ้นมาทันที

       

      “……???......ครับ

      ผมรู้สึกได้หมอนั่นทำหน้างงเป็นกระต่ายตาแตก

      แล้วก้มกลับไปที่เดิม

       

      “…คันดะคันดะ ยู…”

      ผมรู้สึกว่าบางอย่างในตัวผมกำลังแปลกไป

      หมอนั่นเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ยิ้มบางๆ เคลือบอยู่บนใบหน้าหล่อนั่น

       

      “…ยูสินะครับ…”

       

      ยิ้มอีกครั้ง

      เสียงหัวใจผมมันกำลังร้องหาอะไรอยู่

      กำลังรออะไร

      นี่ครับ…”

      นี่อะไร?

      หมอนั่นส่งนามบัตรเล็กๆ ให้ผม

      บัตรสมาชิกครับ

      ผมก้มดูอีกครั้ง

      แต่มันเขียนว่าต้องเป็นขาประจำนี่??

      ผมพูดพลางชี้ไปที่เงื่อนไขบัตร

      หมอนั่นยิ้มอีกครั้ง  ถือได้ว่าเป็นกิจวัตรของหมอนี่ล่ะมั้ง

       

      ผมชอบคุณรับไว้เถอะครับ  แล้วมาอีกนะ ยู

      ผมอึ้งไป

      สองมือรีบคว้าต้นยูขึ้น วางเงินกับโต๊ะ

      สองเท้าสาวก้าวออกไปยังประตู  ผลักมันออก

      กางร่ม

      ก้าวเดิน

      ฝนที่กำลังสาด ค่อยๆ เบาลง

      เบาลงจนได้ยินเสียงคลืดในลำคอของผม

      กับรอยยิ้ม  ที่ไม่เคยเผยมาก่อน

       

      “…ฮึเจ้าบ้า ใครใช้ให้นายเรียกชั้นว่า ยู กัน

       

      คงเป็นเพราะไม่เคยมีใคร  อยากรู้เรื่องของผม

      ไม่เคยมีใคร ที่พูดคุยกับผมนานขนาดนี้

      และไม่เคยมีใครสนใจ ที่เรียกผมว่า  ยู  มาก่อน.

      มันก็เลย.ดีใจล่ะมั้ง

       

      …End…

       

      Special


      วันนี้ฝนก็ตกอีกแล้ว

      ตัวผม  กับร่มสีดำ

      ด้านหน้าที่มีเพียงกระจกกั้น

      ผมคงต้องว่าตัวเองบ้าอีกครั้ง

      แต่ให้ตายสิ

      ผมกั้นยิ้มไม่อยู่เลยสักครั้ง เพียงเพราะคำคำนั้น

       

      ยินดีต้อนรับครับ

       

      Real End…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×