คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ทำความเข้าใจ
“พี่..ท่านพี่!!ยามสือสือแล้ว”เสียงตะโกนของหยางสือดังเข้าไปถึงโสตประสาทของหยางลูทำให้เธอตกใจตื่น
“ว่าไงนะ สือเอ๋อร์ ยามไหนนะ”
“สือสือ(08.00-10.00) ไงท่านพี่”
“ห๊ะ…อ่อโอเค เอ้ยไม่ใช่สิ ข้ารู้แล้ว"
“ท่านแม่ให้ข้าเอาน้ำร้อนมาให้ท่านพี่ ท่านแม่บอกว่าท่านพี่คงเหนื่อยจากเมื่อคืนคงไม่ได้อาบน้ำเลยให้ข้าเอาน้ำร้อนมาให้ ”กล่าวต่อหยางลูแต่ภายในใจก็นึกสงสัยในตัวพี่สาวไม่น้อยว่าเหตุใดพูดจาแปลกประหลาดมาตั้งแต่ออกจากป่าราวกับคนล่ะคนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ใดๆมากมาย
หยางสือคล้อยหลังไปไม่นานหยางลูก็รีบลุกออกไปตักน้ำพักนำมาใช้ล้างหน้าล้างตาและอาบน้ำแต่พอเดินมาพบกับบ่อน้ำบาดาลก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ หยางลูนั่นมั่นใจในเรื่องของการใช้ความคิดมากแต่ในทางกลับกันเรื่องพลังกำลังนั้น อ่อนปวกเปียกราวกับเด็กน้อยกันเลยที่เดียว
“จะตักน้ำอย่างไงล่ะ..หมุนหรอ แล้วไหนที่หมุนล่ะ”หยางลู เดินวนรอบบ่ออย่างงงงวย
“อย่าบอกนะว่าให้ปลดเชือกแล้วปล่อยถังน้ำลงไปถังตักน้ำได้ก็ดึงขึ้นอ่ะ..บ้าจริงฉันต้องโดนดึงลงไปในบ่อแน่เลย”หยางลูมองถังนี้ที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนราวไม้พร้อมตัดพ้อออกมา แต่ด้วยหลีกเลี่ยงไม่ได้จึงต้องทำการตักน้ำขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
“ฮึบ ฮึบ..อ๊าาาาหยุดๆๆๆๆๆๆๆๆ”ขณะที่กำลังดึงเชือกเพื่อลากถังน้ำขึ้นมาหยางลูเกิดทำเชือกหลุดมือก่อนที่ทุกอย่างจะล่วงลงไป หยางลูรู้สึกอยากร้องไห้จึงทรุดลงไปนั่งอยู่กับพื้น พลางเอาหน้าซุกกับผฝ่ามือของตนเอง
“ท่านพี่..ท่านแม่ให้..ท่านพี่เป็นอะไรไป"หยางสือที่เห็นว่านานแล้วหยางลูก็ยังไม่ออกไปจึงเดินตามหาภายในห้องพักแต่ก็ได้ยินเสียงดังอยู่แถวบ่อน้ำจึงเดินมาดูกลับพบว่าพี่สาวของตนนั้งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ
“สือเอ๋อร์…พี่ พี่หมดแรงแล้วดึงน้ำไม่ขึ้น"หยางลูที่เงยหน้ามองผู้เป็นน้อง
“ข้านึกว่าใครรังแกท่านเสียอีก..ท่านพี่นี่ยังอ่อนแอเช่นเคยเลยนะมานี้เดี๋ยวข้าช่วยท่านตักเอง..มันค่อนข้างหนักเป็นข้าเองที่ผิดลืมตักน้ำให้ท่านข้าลืมไปว่าเราไม่มีคนใช้แล้ว ข้าลืมจริงๆ"หยางสือเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี
“อาสือ…น้องอายุเท่าไรกันเชียว"
“ข้าอายุตั้ง10 ขวบปีแล้ว"
“แค่10ขวบเองไม่จำเป็นต้องแบกรับอะไรที่มากมายขนาดนั้นหรอกเดี๋ยวพี่สาวจะทำให้ดูเองว่าคนอ่อนแอเขามีวิธีการเอาตัวรอดอย่างไง"หยางสือมองหน้าพี่สาวด้วยความแปลกใจก่อนจะหันไปตักน้ำให้พี่สาวอีกครั้งจนเต็มอ่างอาบน้ำของหยางลู
“ข้าเป็นลูกผู้ชายขอรับท่านพี่ ไม่ว่าจะอายุเท่าไรข้าก็เป็นลูกผู้ชายคนเดียวของครอบครัว ถึงท่านพี่จะโตกว่าแต่ข้าก็ยังแข็งแรงกว่าท่านพี่ ดังนั้นข้าต้องดูแลท่านแม่และท่านพี่ ท่านพี่ไม่ต้องห่วง ข้าต้องดูแลพวกท่านได้แน่"หยางสือพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากที่พักของหยางลู
“เด็กที่นี่ เขาสอนกันอย่างไงนะดื้อจริงเชียว" หยางลูบ่นอุบอิบก่อนจะรีบอาบน้ำ ขณะที่เธอกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นเธอก็ได้สะดุดตากับปานแดงรูปคล้ายดอกบ๊วยอยู่บนเนินอกซ้ายของเธอ ทั้งที่ในความทรงจำของเจ้าของร่างไม่เคยจำได้ว่ามีตำหนิใดใด บนร่างกายนี้ แต่เธอก็ต้องเก็บความสงสัยไว้เมื่อรู้สึกว่าตนเองได้ให้ ผู้เป็นแม่นั้นรอมานานแล้วจะได้รีบเดินกึ่งวิ่งออกไปที่ครัวที่แม่ของเธออยู่
“ท่านแม่ลูกขออภัยที่มาช้าทำให้ท่านต้องรอ"หยางลูกล่าวด้วยความรู้สึกผิดเนื่องจากเธอถูกสั่งสอนมาอย่างดีว่าเด็กไม่ควรให้ผู้ใหญ่รอแต่ตอนนี้เธอกลับทำให้ผู้เป็นแม่ต้องรอนานเสียแล้ว
“อาสือ บอกแม่แล้วว่า เจ้ายกน้ำไม่ขึ้น นั่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ ทำไมถึงไม่เรียกน้องไปเสียตั้งแต่แรกเล่า"ผู้เป็นแม่กล่าวแกมยิ้มเล็กๆบนใบหน้า
“ข้าไม่ได้ร้องไห้เสียหน่อย อาสือก็พูดเกินไปแค่ซบหน้ากับฝ่ามือเพราะเหนื่อยเพียงเท่านั้นเอง”หยางลูตอบกลับทันควัน นัยตากลมก็พรางสอดส่ายไปบนโต๊ะอาหาร
“นั่งเถอะอาลู อาสือด้วย กินข้าวเสียหน่อย”ผู้เป็นแม่ตักข้าวให้กับลูกทั้งสองก่อนจะเริ่มลงมือกิน หยางลูอยากที่จะลิ่มรสชาติของอาหารบนโต๊ะมาสักพักแล้วจึงได้หยิบชิ้นเนื้อชิ้นเล็กลงมาทาน ปรากฎว่าทำให้เธอนั้นรู้สึกอิ่มในทันใด อาหารเล่านี้รสชาติล้วนไม่ได้ปรุงแต่ง เนื้อหมูก็เป็นรสเนื้อหมู ผักก็เป็นรสผัก ไม่ได้มีรสชาติอื่นใดๆมาปะปน อาหารมื้อแรกของหยางลูเต็มไปด้วยความทรมาน เพราะตัวหยางลูเองนั้นเป็นคนเลือกกิน ในมื้อนี้เธอจึงทานได้แต่ข้าวสวยกับผักต้มเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
…………………………………………………
To Be Continue
ปล.หากนักอ่านข้ามช่วงนี้ไปก็ไม่ต้องกลัวจะงง ตอนหน้าจะอธิบายอย่างละเอียดให้ผู้อ่านที่น่ารักได้เข้าใจ ด้วยรักจากผู้เขียน
คุยกับนักเขียน:หลายคนคงจะงงเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ตอนต้นเรื่องว่าเหตุใดจึงเรียกว่า สือสือ ไม่ใช่ยามเฉินแบบปกติเป็นเพราะผู้เขียนตั้งใจให้เรื่องเกิดในสมัยฮั่น ซึ่งค่อนข้างจะมีวิธีการเรียกช่วงเวลาต่างจะสมัยอื่น
ความคิดเห็น