ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หลักการ
บทที่1  หลักการ...
    แสงอรุโณทัยสาดส่องอยู่เหนือหัว กลิ่นหอมฉุยร้านอาหาร บ้านผู้คน นี่เป็นเวลาเที่ยง!! ผู้คนย่อมตระเตรียมอาหารสังเวยกระเพราะของตนให้อิ่มเอิบสำราญใจ
    การค้าอาหารย่อมเป็นกิจการดีกิจการหนึ่ง
    มีผู้คนนักศึกษา ปราชญ์,เมธี กล่าวว่า
    หากแม้อาหารเป็นเพียงข้าวเปล่าไข่เจียว หากอร่อยกร่อยลิ้น ต่อให้ขายจานละ100จานละ1000 ผู้คนย่อมมากินอีก
      คำพูดเหล่านี้ล้วนมิได้โกหกมดเท็จ เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น!! ชีวิตคนชีวิตนึงกินอาหารน้ำหนักเท่ากับช้างถึง3เชือก แล้วในช้าง3ตัวนั้นประกอบกี่มื้อ??
    ร้านอาหารเอร็ดอร่อยย่อมไม่มีวันจน ผู้คนมากินแล้วก็ขับถ่ายไป จากนั้นวันต่อมาหากภัตตาหารของท่านอร่อยเลิศจริงผู้นั้นย่อมมากินดื่มอีก ซ้ำยังเชิญเพื่อนพ้องพวกสหายมาส่งเงินให้ท่าน
    ดั่งเช่นร้านอาหารนี้... ร้านอาหารไม้โด่งดังเท่าไรนัก การค้าไม่รุ่งเรืองเท่าไรนัก แต่ทุกผู้คนสามารถมากินได้ตั้งแต่กระยาจกยันเศรษฐีใหญ่
    ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในศูนย์กลางเมืองของเมือง ‘เทราเน่’
    เทราเน่นับเป็นหมู่บ้านเล็กๆทางเหนือของฟาลไกอา หากต้องการมาพักพิงผ่อนคลาย ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนของฟาลไกอาจะมาที่นี่ อันเนื่องเพราะหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา คุณกลางเมืองอยู่ระหว่างแม่น้ำกับทางขึ้นเขา บนเขามีหอชมวิวโด่งดัง ผู้คนมากมายขวนขวายประสบการณ์กำไรชีวิตขึ้นมาบนยอดสูงของเขา ‘เทราเน่’แห่งนี้
    ดุจเดียวกับคนทั่วไป จอมโจรเช่นริมโอซึ่งเคยเหยียบมาทั่วแดนดินก็อยากมีกำไรชีวิตเฉกเช่นนี้เหมือนกัน เขาจึงมายังที่นี่ และได้ขโมยสุราเศรษฐีใหญ่อย่างเปิดเผย
    จะกล่าวถึงร้านอาหารที่เพิ่งกล่าว
    หน้าประตูสลักลวดลายง่ายๆเป็นรูปแมกไม้และเถาวัลย์ มีป้ายร้านอาหารอยู่ข้างบนเหนือประตู เอเปิดประตูบานนี้ท่านจะพบ ร้านนี้กลับไม่แตกต่างจากภายนอก ร้านไม่หรูหราเลิศเลอ มีโต๊ะอาหารวงกลมใหญ่น้อยเรียงรายกระจัดทั่วร้าน  เสียงคุยจอแจเจื้อยแจ้วดังกระหึ่ม บางคนรู้สึกรำคาญหูก็ตะโกนทับไป...
    และท่ามกลางความแออัด
    มีโต๊ะวงกลมใหญ่โต๊ะนึงกลับผิดแผก ตะนี้ไม่ได้สั่งกับข้าว ไม่ได้สั่งขนมขบเคี้ยว แต่บนโต๊ะมีน้ำเปล่า4แก้ว 4คน4ที่นั่งล้อมรอบโต๊ะไว้
    เป็นชาย2หญิง2
    ชายคนแรก เป็นบุรุษกลางคนผอมซุบสูงโปร่ง สวมเสื้อรัดรูบสีน้ำตาล ทำให้เขาดูกลมกลืนกับสีไม้ที่ทำโต๊ะ ไม้เก้าอี้ และพื้นร้านที่เป็นไม้ ชายคนนี้ถึงกับเป็น ‘เจ้าตะขาบ’ หนึ่งในสหายของโรมิโอ และอีก3คนก็ย่อมต้องเป็นสหายของโรมิโอ
    ชายคนที่2 ต่างจากตะขายอย่างสิ้นเชิง ชายคนนี้ไม่สูง ไม่เตี้ย แต่กลับอ้วนฉุดยิ่ง ก้อนเนื้อมากมายถูกหุ้มด้วยอาภรณ์สีเขียวเข้ม คิ้วตาของมัน ผมของมัน ล้วนไม่มี!! มันเหลือเพียงดวงตา,หู,จมูก,ปาก แต่ผิดแผกจากคนอื่น ชายคนนี้กลับมีผิวสีเขียวคล้ำเป็นตะปุ่มตะป่ำคล้ายคางคกทั่วสรรพพลางกาย ทำให้เป็นที่ต้องสายตา เนื่องด้วยผิวสีเขียวทำให้เดาอายุอันแท้จริงไม่ออก
    หญิงคนที่หนึ่ง ไม่อ้วนและไม่ผอม ปากแดงดุจแต้มชาด คิ้วอ่อนยิ่ง ดวงตากหยาดเยิ้มเป็นประกายควักวิญญานบุรุษ ผิวกายขาวเนียล คล้ายเป็นป้าหญิง คล้ายเป็นหญิงสาวเยาว์วัย น่าแปลกประหลาด สวมชุดสีเงินสะดุดตาทั้งกาย ผมยังเป็นสีขาวโพน...
    หญิงอีกคนนับว่ายอดเยี่ยมกว่าคนแรกยิ่ง สตรีนางนี้ยังเยาว์วัย ปากสีซากุระของญี่ปุ่นงามเลิศเลอ ดวงตาสุกใสแวววับ ผิวหนังเปล่งปลั่ง ร่างกายผอมอ้อนแอ้น ไร้เนื้อส่าวนเกินเป็นที่ลุ่มหลงของบุรุษต่างๆนาๆ แต่สิ่งที่ควรอ้วนก็ไม่ผอม สวมอาภรณ์ม่วงอ่อนสบายตา
    ทั้ง4คนปั้นสีหน้าเคร่งเครียด มือกำแก้วน้ำแทบจะบีบแตก คาดว่าหากมีผู้อื่นไปสะกิดแม้ปลายขนใครบางคนใน4คนนั้น คนนั้นต้องระเบิดตูมอย่างแน่
    “เจ้าเสเพลนั่นไปไหนมา?”หญิงผมขาวชุดเงินกล่าวอย่างหงุดหงิด “นัดพวกเราไว้.. ซ้ำยังกำชับว่าห้ามมาสาย ตนเองกลับสายเอง...”หญิงชุดเงินกล่าวต่ออย่างไม่พอใจ
    “รอสักพักเถอะ แมงมุมราคะคงเจอหญิงสาวถูกใจ จึงต้องเหน็บแหนมและเล็ม”คนผิวสีเขียวกล่าวคล้ายประโลมคนอื่นให้เย็นลง แต่มันกลับร้อนลุ่มขึ้นไปอีก...
    “มันมาแล้ว...”หญิงชุดเงินกล่าวออกไป อีก3คนก็หันไปยังประตูเข้าร้านอาหาร
    มันพลันพบเด็กหนุ่มหล่อเหลา สวมชุดขาวทั้งกาย มือถือพัดจีบวีตัวเองเบาๆ มาพร้อมเด็กหญิงสาวสวยอายุ14-15 ตามหลังมา หน้าตาทั้ง2ยิ้มแย้มต่างจาก4คนที่กำลังถลึงตาจ้องมองตัวเขาสักนิด
    แน่นอน เขาคือโรมิโอ...
    โรมิโอเหล่ชายตาให้4คนนั้นที่จ้องมอง ประกายตาทอแววซุกซนที่สบกับดวงเนตรเคร่งเครียดขุ่นเคือง นั้นราวกับราดน้ำมันเข้ากอไฟ พลันบังเกิดสายฟ้าที่ไร้รูปพุ่งจากสายตุข่นเคืองของ4คนพุ่งใส่แววตาโรมิโอ
    โรมิโอหลบตาทันใด พร้อมชี้ที่นั่งว่างพลางกล่าวว่า
    “ที่นั่นมีที่ว่างยังไม่มีใครมานั่ง ไม่สู้ไปจับจองเหมือนที่ข้าพเจ้ากำลังจะจับจองหัวใจท่าน...”ปากขยับกล่าวคำหวาน สายตาก็ไปสบตากับ4คนนั้นอีก
    “บ้าเหรอ”เด็กสาวพูดอย่างเอียงอาย
    กล่าวจบทั้ง2ก็ก้าวเดินไปยังที่นั่งว่างตรงนั้นทันที เด็กรับใช้พลันวิ่งมาที่โต๊ะยิ้มประจบพลางกล่าว
    “ต้องการอะไรหรือครับ? นายน้อย”เด็กรับใช้พูดคล่องปากเพราะมันพูดเช่นนี้ทุกวัน พูดเช่นนี้แทบทุกเวลา
    “ขอสุราที่ดีที่สุดในร้านนี้ และอาหารดีๆมาสักจาน2จาน”มีคำว่า ‘สุรา’ คำพูดนี้ย่อมเป็นโรมิโอกล่าว
    “ทันทีขอรับ”เด็กรับใช้จากไปพร้อมกล่าวคำล่ำลา ตามระเบียบ
    มาทาง4คนพิศดาร
    “เราควรหาวิธีแก้เผ็ดแมงมุมโสโคร”ผู้ที่กล่าวคือคนผิวสีเขียว
    “ไม่คิดว่าปัญญาของคางคกเขียวท่านนับว่าถูกใจเราขนาดนี้”เจ้าตะขาบกล่าวเสริม
    “เรามีแผนการ...”บุรุษผิวเขียวที่มีเจ้าตะขาบเรียกว่า ‘คางคกเขียว’กล่าว ปากก็มีรอยยิ้มชั่วร้าย
    ทั้ง4คนสุมหัวเจ้าจุดเดียวกัน มีเสียงซุบซิบออกมา รัศมีแผนการอันชั่วร้ายเริ่มต้นขึ้น แต่โรมิโอไม่ได้สัมผัส และไม่แยแสสนใจหากมันรับรู้ เมื่อทั้ง4ปรึกษาแผนร้ายเสร็จก็แยกหัวออกจากกัน นั่งตัวตรงเรียบร้อย และผู้หญิงชุดขาวและสตรีเสื้อม่วงก็ลุกจากโต๊ะ
    และมุ่งหน้าไปยังโต๊ะที่โรมิอพำนัก
    “กินอะไรเล่าเธอถึงได้งามแสนงาม~”เสียงคางคกเขียวกับสัยงเจ้าตะขาบดังขึ้น “งามล้ำเกินคน~”เสียงนี้ดังขึ้นไม่นานหลังจากจังหวะแรกจบ
    ทำเอาผู้คนทั้งร้านวางมือจากการพล่ำโม้อาหารหันไปยังโต๊ะที่พวกคางคกเขียวนั่ง
    โรมิโอก็ไม่นอกเหนือกฏเกณฑ์มันย่อมกัน หากเพราะเป็นเสียงของสหายของมัน
    “เห้ย!!”โรมิโอถึงกับสะดุ้งร้องเฮือกเบนสายตาจากคางคกเขียวและเจ้าตะขาบเป็นมัน
    หญิงชุดขาวกับสตรีเสื้อม่วงกำลังทอดกายมายังโรมิโอ ท่วงท่าเดินอันงดงามชดช้อย แต่ก็คล้ายอสรพิษกำลังขยุ้มเหยื่อ หรือยอดนักรักอย่างโรมิโอกลายเป็นเหยื่อสตรี??
    หญิง2นางมาถึงโต๊ะของโรมิโอแล้ว ลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างๆโรมิโอ ประกบซ้ายขวาและทำมือคล้องแขนของโรมิโอไว้ โรมิโอหน้าถอดสีปรายตามองไปยังหญิงสาว หญิงสาวมีท่าทีแง่งอนโกรธเคือง
    “มีอะไรขอรับท่านพี่ทั้ง2”โรมิโอพูดด้วยหน้าตาไม่ไว้วางใจนัก
    “อะไรกันสุดหล่อน้อย??”หญิงชุดขาวยื่นปากไปข้างๆหูโรมิโอและกระซิบแผ่วเบา ด้วยบรรยากาศเงียบกริบทำให้หญิงสาวที่โรมิโอพามาได้ยินด้วย หล่อนพลันหน้าแดง
    “ลืมจังหวะรักอันเล่าร้อนของท่านเมื่อคืนไปแล้วเหรอ??”ครานี้หญิงชุดม่วงแนบหัวกับอกของโรมิโอและกล่าวเสียงร้อนลุ่ม โดยเน้นคำว่า ‘จังหวะรักอันเล่าร้อน’
    “ไม่เป็นความจ....”โรมิโอพูดไม่ทันจบ หญิงชุดขาวพลันทำนิ้วสะกิดริมฝีปากของโรมิโอ มันนับเป็นวิธีสงบปากคำบุรุษ แต่โรมิโอก็ไม่ได้โกหก มันไม่ได้เป็นความจริง โรมิโอเมื่อคืนร่ำดื่มสุรากับเศรษฐีใหญ่อย่างเมามัน
    “ท่านยังกระซิบข้างหูเราเลยว่า ท่านจะพร้อมใจเป็นของข้า ต่อเมื่อข้าพร้อมใจเป็นของท่าน”คำพูดพร้อมลมหายใจเร่าร้อนออกจากปากหญิงชุดขาว
    “ท่าน!!??”หญงสาวที่ตามโรมิโอมาหน้าแดงซ่ายพูดออกมา พูดได้คำเดียวก็เชิดกายเดินอย่างรวดเร็วออกจากร้านไปทันที
    “นี่แหละ บทลงโทษของพวกเรา!!”คางคกเขียวตะโกนลั่น นั่นนับว่าได้ล่วงรู้บทละครทั้งร้าน
    โรมิโอหน้าเสียยับเยิน ขุ่นเคืองคล้ายอกแทบระเบิด แต่ก็ทำอะไรออกมาไม่ได้ ได้แต่เก็บความขุ่นเคืองไว้ให้แน่นอก
    “เอาสุรามา!!!!!!”เขาตะโกนลั่น
    อีกด้านหนึ่งของฟาลไกอาอันยิ่งใหญ่  เมืองท่า ‘เอรุส’ เมืองที่มีทางเดินเรือติดต่อกับรูนมิดการ์ด เมืองท่าอัลเบอร์ต้าและท่าเรืออิซลูด ที่นี่นอกจากท่าเรือแล้วไม่มีสิ่งในเจริญตาเสียเลย ชุมชนส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ท่าเรือ
    เอรุส มีท่าเรือหลายท่าเรือ... ตั้งแต่เรือเร็วสูงจนเรือประมง
    ท่าเรือสุดท้ายที่ดูเหมือนจะโสโครกและและอันตายจากโจรร้ายมากที่สุดเพราะที่นี่ห่างไกลจากชุมชนเมือง มันคล้ายเป็นหมู่บ้านเล็กๆถัดจากเอรุสเลยก็ว่าได้ ผู้คนมีชนชั้นของเอรุสมักเหยีดหยามรังแกหมู่คนที่พำนักแถวนี้
    แต่มีข้อดีก็คือ ค่าใช้จ่ายต่ำ.. ทั้งการกินอยู่ การเดินทาง การค้าขาย ที่นี่ล้วนคลับคล้ายดงกระยาจก
    เรือลำนึงเข้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือสุดท้ายนี้... เรือทั้งลำทำด้วยไม้...คล้ายเรือประมงเก่าๆ แทบไม่น่าเชื่อว่าสามารถผ่านทะเลมาได้ ต้องนับถือยกย่องฝีมือกัปตันและกะลาสีเรืออย่างยิ่ง ที่ควบคุมเรือลำนี้มายังท่า...
    เมื่อเทียบท่า ไม้สะพานก็ทอดไปยังท่าที่ยื่นออกมา ผู้คนแขกนักเดินทาง บ้างชาวประมง เดินออกมาจนเกือบหมด คนอื่นๆไม่น่าสนใจเท่าไรนัก เว้นแต่...
    บุรุษกลางคนคนนึงก้าวเท้าเดินอย่างโอ่อ่าผ่าเผย การแต่งตัวของเขาดูธรรมดามากๆ เสื้อสีน้ำตาล... แขนของเขาเหลือเพียงแขนข้างซ้ายข้างเดียว แขนขวาตั้งแต่ไหล่จรดปลายนิ้วล้วนไม่มี หลังสะพายดาบด้ามใหญ่เล่มโตสีดำ ใช้สายตาดูก็รู้น้ำหนักของมันได้ เขาไม่ได้ชราภาพมากแต่ผมเผ้าหงอกขาวแทบทั้งศีรษะ ผมยาวเพียงครึ่งหลัง หากนับกับพวกประชากรที่อาศัยที่นี่นับว่าภูมิฐานแล้ว แต่ดวงตามันบ่งบอกความรันทดโศกเศร้า เนตรหม่นหมองไร้ประกาย มันเป็นนัยน์ตาของคนตาย!!!!
    บุรุษคนนี้เป็นนักฆ่า!! ฉายาเดิม ‘มังเขี้ยวสังหาร’ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น ‘มังกรไร้แขน’แล้ว มันชื่อ ‘เดรค’ บุรุษนามเดรคเมื่อขึ้นเหยียบพื้นทรายก็แหงนหน้ามองฟ้าที่ไกล้พลบค่ำ ทอดถอนใจรำพึงกล่าวว่า
    “อีก20วัน อีก20วัน.....”เสียงของชายคนนั้นแหบเพล่าไม่น่าฟัง เขากล่าวพลางหลับตา คงคาดเดาว่า20วันต้องนั่นต้องกำหนดชะตาชีวิตเขา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง
    ลมทะเลโชยมา และพัดพาแขนเสื้อที่ไม่มีแขนคนอยู่ข้างไหนปลิวสะบัดพร้อมเผ้าผมที่โดนหยอกล้อกับลมสมุทร
    เดรคก้าวอาดๆไปทางเหนือออกจากหมู่บ้านที่โสโครกรุงรังแห่งนี้ หากท่านได้เหยียบส่วนกลางเมืองของเอรุส ท่านจะไม่คิดย่างก้าวมายังที่นี่เด็ดขาด
    เมื่อออกพ้นประตูเมืองไป พลันมีบุรุษฉกรรจ์3-4คนที่ลงจากเรือตามเขาออกจากเมืองไป พลบค่ำแล้ว เหมาะสำหรับการขโมย!!!
    เดรคเดินเร็วมาก พวก3-4คนที่คิดร้ายกับเขาล้วนตามไปทัน
    “พวกเราพลัดจากมันแล้วล่ะพี่!”หนึ่งในชาย4คนหยุดคุย
    “ถือว่ามันโชคดี... บุรุษผู้นี้เดินรวดเร็วนัก เราคงตามไม่ทัน”อีกคนกล่าว
    “ไม่!! เดินตามต่อไปอีกยังทัน!!”เสียงนี้กลับแหบเพล่าแห้งกราดคล้ายในลำคอเต็มไปด้วยฝุ่นทราย ไม่ใช่พวกมันคุยกันเอง!เป็นเสียงแปกปลอม!!
    พวกโจรฉกรรจ์3-4คนวิ่งตามไปหาต้นเสียง... พลันพบเห็น
    บุรุษหนึ่งคน ผมเผ้าหงอกขาวเต็มหัว ชุดน้ำตาลราบเรียบ แถมยังมีมือข้างเดียว มือขวาตั้งแต่ช่วงไหล่มันไม่มี!!! แต่อีกข้าง... มืออีกข้างมันกุมดาบไว้!! ดาบของมันสีดำทมิฬขึ้นสนิมทั่วคม แม้ดาบท่าทางหนังแต่ข้อมือมันมิได้มีเส้นเอ็นปูดโปนออกมา ชายคนนี้ถึงกับเป็น เดรค!!!
    หน้าของพวกโจรพลันถอดสี เพราะเป้าหมายรู้ร่องรอยมันแต่แรก เพียงแต่เดินไปที่ลับตาคน แต่พวกมันมิใช่คนขวัญอ่อน หากเป็นท่านท่านจะทำอย่างไร ก็ตระเตรียมอาวุธ...
    อาวุธของพวกมันคือดาบโค้งมังกรฟ้า ดาบมังกรฟ้ามักพบเห็นบ่อยในหมู่โจรสลัด ใบดาบโค้งใหญ่ ยาว2นิ้ว ปลายด้ามดาบสลัดเป็นรูปมังกร นี่นับเป็นอาวุธที่ดีทีเดียว หากเปรียบเทียบกับนิลศาสตราของเดรคแล้ว นับว่าคล้ายนำ มดไปชนช้าง...
    “เห้ย!! ทางที่ดีแกส่งเงินให้พวกเรามาดีกว่า พวกราไม่อยากเปลืองมือเล่นงานเจ้า”บุรุษใน4คนกล่าวเสียงดุดันข่มขู่ แต่ใบหน้าเดรคไร้อารมณ์นิ่งเฉย
    “ข้ามีเวลาแค่20วันในการเดินทางไปเทราเน่ ข้าไม่อยากเสียเวลามาก”เดรคพูดน้ำเสียงราบเรียบ
    “ใครถามเจ้ากัน”บุรุษอีกคนพูดก่อกวน
    “ข้ากลับต้องการบอก”เดรคไม่แม้แต่ชำเลืองมองมันเพียงแต่มองที่ดาบในมือมันแล้วพูดเท่านั้น
    “ข้าก็ไม่อยากรู้”บุรุษคนเดิมกล่าว
    “แต่ยังไงเจ้าก็สมควรรู้ไว้”เดรคกล่าววาจาราบเรียบ ไม่ละสายตาจากดาบเพ่งมองอย่างนั้น
    “ทำไม??”มันถามโพร่งขึ้นมา
    “เจ้าเป็นคนไกล้ตาย...”
    จบคำพูดว่าตาย ร่างของเดรคพลันพุ่งออกไปสู่เบื้องหน้ายุรุษที่มันคุยด้วย พร้อมเสือกแทงดาบใหญ่ใส่อกในเวลาเดียวกัน แต่ดาบนั่นไม่มีความคม อกของบุรุษที่โดนแทงคล้ายโดนบดเข้าไป
    บุรุษที่มาด้วยกันเบิกตาโพลงกว้าง แทบไม่เชื่อสายตาในความรวดเร็วในการลงมือของคนพิการแขนคนนึง ดาบใหญ่ขนาดนั้นกลับแทงได้รวดเร็วขนาดที่มันยังทำไม่ได้
    “ซายฮานเดอร์(Zweihander) รู้จัดมันไว้ก็ดี...”เดรคกล่าวเสียงราบเรียบ แม้มันฆ่าคนตามันก็ไม่ละจากดาบที่มันเรียกว่า ‘ซายฮานเดอร์’
    ฉัวะ!!! เดรคตวัดดาบวูบประกายดำหม่นหมองเฉือนอกของบุรุษที่ถูกแทงแหวะออกน่าสยดสยอง บุรุษ3คนที่ยังเหลือลมหายใจก็ทิ้งดาบมังกรฟ้าวิ่งเตลิดหนีภายในฉับพลัน
    เดรคไม่คิดฆ่าพวกมัน เดรคไม่จำเป็นต้องฆ่า ตอนนี้นับว่ามันได้ตายแล้ว มันต้องเผชิญความกลัวอีกนาน... เดรคไม่ยอมเสียมือซ้ำเติมคนตายเด็ดขาด
    เดรคเพียงมองดูพวกมันวิ่งเตลิดหนีอย่างขลาดเขลา ด้วยสายตาหยามเหยียด ในใจพลันคิดว่า ‘ข้าอยากรู้นัก ในโลกนี้ยังมีเหลือผู้คนที่คู่ควรให้ดาบเราฟาดฟันหรือไม่?? รึว่าเหลือเพียงท่านคนเดียวที่คู่ควร?? ใช่... น่ากลัวในหล้านี้ไม่หลงเหลืออีกแล้ว...’ ดวงตาทอแววเศร้าสลดเหม่อมองไปยังที่ไกลลับตาขณะที่มันครุ่นคิดเรื่องนี้ มันดูคล้ายชราลง...
    ไม่ทราบมันรำพึงในใจถึงใคร มันพลันกวาดตามองไปยังทางที่วกโจรวิ่งหนีอีกครั้ง มันไม่พบอะไรอีกแล้ว 3คนนี้วิ่งหนีเร็วมาก...
    “สวะ!!!”เดรคกล่าวพร้อมสะบัดเลือดที่เคลือบคมดาบสีดำของมันเป็นสีแดงให้หลุดไป
    ซวบ!! มันเก็บดาบเข้าฝัก
    จากนั้นทอดกายเดินไปยังทิศเหนืออย่างรวดเร็วเร่งรีบ ดวงตาของมันจับจ้องไปที่ไกลแสนไกลทางทิศเหนือคล้ายมันมองเห็นคนผู้นึง ทันใดนั้นตาคล้ายคนตายของมันพลันเกิดประกายเคียดแค้นขึ้นมา
    หากดวงตาคนสามารถใช้จุดไฟได้... ตอนนี้ไฟคงเผาผลาญอณาจักรฟาลไกอาจนมอดไหม้แล้ว...
โปรดติดตามตอนต่อไป
    แสงอรุโณทัยสาดส่องอยู่เหนือหัว กลิ่นหอมฉุยร้านอาหาร บ้านผู้คน นี่เป็นเวลาเที่ยง!! ผู้คนย่อมตระเตรียมอาหารสังเวยกระเพราะของตนให้อิ่มเอิบสำราญใจ
    การค้าอาหารย่อมเป็นกิจการดีกิจการหนึ่ง
    มีผู้คนนักศึกษา ปราชญ์,เมธี กล่าวว่า
    หากแม้อาหารเป็นเพียงข้าวเปล่าไข่เจียว หากอร่อยกร่อยลิ้น ต่อให้ขายจานละ100จานละ1000 ผู้คนย่อมมากินอีก
      คำพูดเหล่านี้ล้วนมิได้โกหกมดเท็จ เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น!! ชีวิตคนชีวิตนึงกินอาหารน้ำหนักเท่ากับช้างถึง3เชือก แล้วในช้าง3ตัวนั้นประกอบกี่มื้อ??
    ร้านอาหารเอร็ดอร่อยย่อมไม่มีวันจน ผู้คนมากินแล้วก็ขับถ่ายไป จากนั้นวันต่อมาหากภัตตาหารของท่านอร่อยเลิศจริงผู้นั้นย่อมมากินดื่มอีก ซ้ำยังเชิญเพื่อนพ้องพวกสหายมาส่งเงินให้ท่าน
    ดั่งเช่นร้านอาหารนี้... ร้านอาหารไม้โด่งดังเท่าไรนัก การค้าไม่รุ่งเรืองเท่าไรนัก แต่ทุกผู้คนสามารถมากินได้ตั้งแต่กระยาจกยันเศรษฐีใหญ่
    ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในศูนย์กลางเมืองของเมือง ‘เทราเน่’
    เทราเน่นับเป็นหมู่บ้านเล็กๆทางเหนือของฟาลไกอา หากต้องการมาพักพิงผ่อนคลาย ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนของฟาลไกอาจะมาที่นี่ อันเนื่องเพราะหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา คุณกลางเมืองอยู่ระหว่างแม่น้ำกับทางขึ้นเขา บนเขามีหอชมวิวโด่งดัง ผู้คนมากมายขวนขวายประสบการณ์กำไรชีวิตขึ้นมาบนยอดสูงของเขา ‘เทราเน่’แห่งนี้
    ดุจเดียวกับคนทั่วไป จอมโจรเช่นริมโอซึ่งเคยเหยียบมาทั่วแดนดินก็อยากมีกำไรชีวิตเฉกเช่นนี้เหมือนกัน เขาจึงมายังที่นี่ และได้ขโมยสุราเศรษฐีใหญ่อย่างเปิดเผย
    จะกล่าวถึงร้านอาหารที่เพิ่งกล่าว
    หน้าประตูสลักลวดลายง่ายๆเป็นรูปแมกไม้และเถาวัลย์ มีป้ายร้านอาหารอยู่ข้างบนเหนือประตู เอเปิดประตูบานนี้ท่านจะพบ ร้านนี้กลับไม่แตกต่างจากภายนอก ร้านไม่หรูหราเลิศเลอ มีโต๊ะอาหารวงกลมใหญ่น้อยเรียงรายกระจัดทั่วร้าน  เสียงคุยจอแจเจื้อยแจ้วดังกระหึ่ม บางคนรู้สึกรำคาญหูก็ตะโกนทับไป...
    และท่ามกลางความแออัด
    มีโต๊ะวงกลมใหญ่โต๊ะนึงกลับผิดแผก ตะนี้ไม่ได้สั่งกับข้าว ไม่ได้สั่งขนมขบเคี้ยว แต่บนโต๊ะมีน้ำเปล่า4แก้ว 4คน4ที่นั่งล้อมรอบโต๊ะไว้
    เป็นชาย2หญิง2
    ชายคนแรก เป็นบุรุษกลางคนผอมซุบสูงโปร่ง สวมเสื้อรัดรูบสีน้ำตาล ทำให้เขาดูกลมกลืนกับสีไม้ที่ทำโต๊ะ ไม้เก้าอี้ และพื้นร้านที่เป็นไม้ ชายคนนี้ถึงกับเป็น ‘เจ้าตะขาบ’ หนึ่งในสหายของโรมิโอ และอีก3คนก็ย่อมต้องเป็นสหายของโรมิโอ
    ชายคนที่2 ต่างจากตะขายอย่างสิ้นเชิง ชายคนนี้ไม่สูง ไม่เตี้ย แต่กลับอ้วนฉุดยิ่ง ก้อนเนื้อมากมายถูกหุ้มด้วยอาภรณ์สีเขียวเข้ม คิ้วตาของมัน ผมของมัน ล้วนไม่มี!! มันเหลือเพียงดวงตา,หู,จมูก,ปาก แต่ผิดแผกจากคนอื่น ชายคนนี้กลับมีผิวสีเขียวคล้ำเป็นตะปุ่มตะป่ำคล้ายคางคกทั่วสรรพพลางกาย ทำให้เป็นที่ต้องสายตา เนื่องด้วยผิวสีเขียวทำให้เดาอายุอันแท้จริงไม่ออก
    หญิงคนที่หนึ่ง ไม่อ้วนและไม่ผอม ปากแดงดุจแต้มชาด คิ้วอ่อนยิ่ง ดวงตากหยาดเยิ้มเป็นประกายควักวิญญานบุรุษ ผิวกายขาวเนียล คล้ายเป็นป้าหญิง คล้ายเป็นหญิงสาวเยาว์วัย น่าแปลกประหลาด สวมชุดสีเงินสะดุดตาทั้งกาย ผมยังเป็นสีขาวโพน...
    หญิงอีกคนนับว่ายอดเยี่ยมกว่าคนแรกยิ่ง สตรีนางนี้ยังเยาว์วัย ปากสีซากุระของญี่ปุ่นงามเลิศเลอ ดวงตาสุกใสแวววับ ผิวหนังเปล่งปลั่ง ร่างกายผอมอ้อนแอ้น ไร้เนื้อส่าวนเกินเป็นที่ลุ่มหลงของบุรุษต่างๆนาๆ แต่สิ่งที่ควรอ้วนก็ไม่ผอม สวมอาภรณ์ม่วงอ่อนสบายตา
    ทั้ง4คนปั้นสีหน้าเคร่งเครียด มือกำแก้วน้ำแทบจะบีบแตก คาดว่าหากมีผู้อื่นไปสะกิดแม้ปลายขนใครบางคนใน4คนนั้น คนนั้นต้องระเบิดตูมอย่างแน่
    “เจ้าเสเพลนั่นไปไหนมา?”หญิงผมขาวชุดเงินกล่าวอย่างหงุดหงิด “นัดพวกเราไว้.. ซ้ำยังกำชับว่าห้ามมาสาย ตนเองกลับสายเอง...”หญิงชุดเงินกล่าวต่ออย่างไม่พอใจ
    “รอสักพักเถอะ แมงมุมราคะคงเจอหญิงสาวถูกใจ จึงต้องเหน็บแหนมและเล็ม”คนผิวสีเขียวกล่าวคล้ายประโลมคนอื่นให้เย็นลง แต่มันกลับร้อนลุ่มขึ้นไปอีก...
    “มันมาแล้ว...”หญิงชุดเงินกล่าวออกไป อีก3คนก็หันไปยังประตูเข้าร้านอาหาร
    มันพลันพบเด็กหนุ่มหล่อเหลา สวมชุดขาวทั้งกาย มือถือพัดจีบวีตัวเองเบาๆ มาพร้อมเด็กหญิงสาวสวยอายุ14-15 ตามหลังมา หน้าตาทั้ง2ยิ้มแย้มต่างจาก4คนที่กำลังถลึงตาจ้องมองตัวเขาสักนิด
    แน่นอน เขาคือโรมิโอ...
    โรมิโอเหล่ชายตาให้4คนนั้นที่จ้องมอง ประกายตาทอแววซุกซนที่สบกับดวงเนตรเคร่งเครียดขุ่นเคือง นั้นราวกับราดน้ำมันเข้ากอไฟ พลันบังเกิดสายฟ้าที่ไร้รูปพุ่งจากสายตุข่นเคืองของ4คนพุ่งใส่แววตาโรมิโอ
    โรมิโอหลบตาทันใด พร้อมชี้ที่นั่งว่างพลางกล่าวว่า
    “ที่นั่นมีที่ว่างยังไม่มีใครมานั่ง ไม่สู้ไปจับจองเหมือนที่ข้าพเจ้ากำลังจะจับจองหัวใจท่าน...”ปากขยับกล่าวคำหวาน สายตาก็ไปสบตากับ4คนนั้นอีก
    “บ้าเหรอ”เด็กสาวพูดอย่างเอียงอาย
    กล่าวจบทั้ง2ก็ก้าวเดินไปยังที่นั่งว่างตรงนั้นทันที เด็กรับใช้พลันวิ่งมาที่โต๊ะยิ้มประจบพลางกล่าว
    “ต้องการอะไรหรือครับ? นายน้อย”เด็กรับใช้พูดคล่องปากเพราะมันพูดเช่นนี้ทุกวัน พูดเช่นนี้แทบทุกเวลา
    “ขอสุราที่ดีที่สุดในร้านนี้ และอาหารดีๆมาสักจาน2จาน”มีคำว่า ‘สุรา’ คำพูดนี้ย่อมเป็นโรมิโอกล่าว
    “ทันทีขอรับ”เด็กรับใช้จากไปพร้อมกล่าวคำล่ำลา ตามระเบียบ
    มาทาง4คนพิศดาร
    “เราควรหาวิธีแก้เผ็ดแมงมุมโสโคร”ผู้ที่กล่าวคือคนผิวสีเขียว
    “ไม่คิดว่าปัญญาของคางคกเขียวท่านนับว่าถูกใจเราขนาดนี้”เจ้าตะขาบกล่าวเสริม
    “เรามีแผนการ...”บุรุษผิวเขียวที่มีเจ้าตะขาบเรียกว่า ‘คางคกเขียว’กล่าว ปากก็มีรอยยิ้มชั่วร้าย
    ทั้ง4คนสุมหัวเจ้าจุดเดียวกัน มีเสียงซุบซิบออกมา รัศมีแผนการอันชั่วร้ายเริ่มต้นขึ้น แต่โรมิโอไม่ได้สัมผัส และไม่แยแสสนใจหากมันรับรู้ เมื่อทั้ง4ปรึกษาแผนร้ายเสร็จก็แยกหัวออกจากกัน นั่งตัวตรงเรียบร้อย และผู้หญิงชุดขาวและสตรีเสื้อม่วงก็ลุกจากโต๊ะ
    และมุ่งหน้าไปยังโต๊ะที่โรมิอพำนัก
    “กินอะไรเล่าเธอถึงได้งามแสนงาม~”เสียงคางคกเขียวกับสัยงเจ้าตะขาบดังขึ้น “งามล้ำเกินคน~”เสียงนี้ดังขึ้นไม่นานหลังจากจังหวะแรกจบ
    ทำเอาผู้คนทั้งร้านวางมือจากการพล่ำโม้อาหารหันไปยังโต๊ะที่พวกคางคกเขียวนั่ง
    โรมิโอก็ไม่นอกเหนือกฏเกณฑ์มันย่อมกัน หากเพราะเป็นเสียงของสหายของมัน
    “เห้ย!!”โรมิโอถึงกับสะดุ้งร้องเฮือกเบนสายตาจากคางคกเขียวและเจ้าตะขาบเป็นมัน
    หญิงชุดขาวกับสตรีเสื้อม่วงกำลังทอดกายมายังโรมิโอ ท่วงท่าเดินอันงดงามชดช้อย แต่ก็คล้ายอสรพิษกำลังขยุ้มเหยื่อ หรือยอดนักรักอย่างโรมิโอกลายเป็นเหยื่อสตรี??
    หญิง2นางมาถึงโต๊ะของโรมิโอแล้ว ลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างๆโรมิโอ ประกบซ้ายขวาและทำมือคล้องแขนของโรมิโอไว้ โรมิโอหน้าถอดสีปรายตามองไปยังหญิงสาว หญิงสาวมีท่าทีแง่งอนโกรธเคือง
    “มีอะไรขอรับท่านพี่ทั้ง2”โรมิโอพูดด้วยหน้าตาไม่ไว้วางใจนัก
    “อะไรกันสุดหล่อน้อย??”หญิงชุดขาวยื่นปากไปข้างๆหูโรมิโอและกระซิบแผ่วเบา ด้วยบรรยากาศเงียบกริบทำให้หญิงสาวที่โรมิโอพามาได้ยินด้วย หล่อนพลันหน้าแดง
    “ลืมจังหวะรักอันเล่าร้อนของท่านเมื่อคืนไปแล้วเหรอ??”ครานี้หญิงชุดม่วงแนบหัวกับอกของโรมิโอและกล่าวเสียงร้อนลุ่ม โดยเน้นคำว่า ‘จังหวะรักอันเล่าร้อน’
    “ไม่เป็นความจ....”โรมิโอพูดไม่ทันจบ หญิงชุดขาวพลันทำนิ้วสะกิดริมฝีปากของโรมิโอ มันนับเป็นวิธีสงบปากคำบุรุษ แต่โรมิโอก็ไม่ได้โกหก มันไม่ได้เป็นความจริง โรมิโอเมื่อคืนร่ำดื่มสุรากับเศรษฐีใหญ่อย่างเมามัน
    “ท่านยังกระซิบข้างหูเราเลยว่า ท่านจะพร้อมใจเป็นของข้า ต่อเมื่อข้าพร้อมใจเป็นของท่าน”คำพูดพร้อมลมหายใจเร่าร้อนออกจากปากหญิงชุดขาว
    “ท่าน!!??”หญงสาวที่ตามโรมิโอมาหน้าแดงซ่ายพูดออกมา พูดได้คำเดียวก็เชิดกายเดินอย่างรวดเร็วออกจากร้านไปทันที
    “นี่แหละ บทลงโทษของพวกเรา!!”คางคกเขียวตะโกนลั่น นั่นนับว่าได้ล่วงรู้บทละครทั้งร้าน
    โรมิโอหน้าเสียยับเยิน ขุ่นเคืองคล้ายอกแทบระเบิด แต่ก็ทำอะไรออกมาไม่ได้ ได้แต่เก็บความขุ่นเคืองไว้ให้แน่นอก
    “เอาสุรามา!!!!!!”เขาตะโกนลั่น
    อีกด้านหนึ่งของฟาลไกอาอันยิ่งใหญ่  เมืองท่า ‘เอรุส’ เมืองที่มีทางเดินเรือติดต่อกับรูนมิดการ์ด เมืองท่าอัลเบอร์ต้าและท่าเรืออิซลูด ที่นี่นอกจากท่าเรือแล้วไม่มีสิ่งในเจริญตาเสียเลย ชุมชนส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ท่าเรือ
    เอรุส มีท่าเรือหลายท่าเรือ... ตั้งแต่เรือเร็วสูงจนเรือประมง
    ท่าเรือสุดท้ายที่ดูเหมือนจะโสโครกและและอันตายจากโจรร้ายมากที่สุดเพราะที่นี่ห่างไกลจากชุมชนเมือง มันคล้ายเป็นหมู่บ้านเล็กๆถัดจากเอรุสเลยก็ว่าได้ ผู้คนมีชนชั้นของเอรุสมักเหยีดหยามรังแกหมู่คนที่พำนักแถวนี้
    แต่มีข้อดีก็คือ ค่าใช้จ่ายต่ำ.. ทั้งการกินอยู่ การเดินทาง การค้าขาย ที่นี่ล้วนคลับคล้ายดงกระยาจก
    เรือลำนึงเข้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือสุดท้ายนี้... เรือทั้งลำทำด้วยไม้...คล้ายเรือประมงเก่าๆ แทบไม่น่าเชื่อว่าสามารถผ่านทะเลมาได้ ต้องนับถือยกย่องฝีมือกัปตันและกะลาสีเรืออย่างยิ่ง ที่ควบคุมเรือลำนี้มายังท่า...
    เมื่อเทียบท่า ไม้สะพานก็ทอดไปยังท่าที่ยื่นออกมา ผู้คนแขกนักเดินทาง บ้างชาวประมง เดินออกมาจนเกือบหมด คนอื่นๆไม่น่าสนใจเท่าไรนัก เว้นแต่...
    บุรุษกลางคนคนนึงก้าวเท้าเดินอย่างโอ่อ่าผ่าเผย การแต่งตัวของเขาดูธรรมดามากๆ เสื้อสีน้ำตาล... แขนของเขาเหลือเพียงแขนข้างซ้ายข้างเดียว แขนขวาตั้งแต่ไหล่จรดปลายนิ้วล้วนไม่มี หลังสะพายดาบด้ามใหญ่เล่มโตสีดำ ใช้สายตาดูก็รู้น้ำหนักของมันได้ เขาไม่ได้ชราภาพมากแต่ผมเผ้าหงอกขาวแทบทั้งศีรษะ ผมยาวเพียงครึ่งหลัง หากนับกับพวกประชากรที่อาศัยที่นี่นับว่าภูมิฐานแล้ว แต่ดวงตามันบ่งบอกความรันทดโศกเศร้า เนตรหม่นหมองไร้ประกาย มันเป็นนัยน์ตาของคนตาย!!!!
    บุรุษคนนี้เป็นนักฆ่า!! ฉายาเดิม ‘มังเขี้ยวสังหาร’ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น ‘มังกรไร้แขน’แล้ว มันชื่อ ‘เดรค’ บุรุษนามเดรคเมื่อขึ้นเหยียบพื้นทรายก็แหงนหน้ามองฟ้าที่ไกล้พลบค่ำ ทอดถอนใจรำพึงกล่าวว่า
    “อีก20วัน อีก20วัน.....”เสียงของชายคนนั้นแหบเพล่าไม่น่าฟัง เขากล่าวพลางหลับตา คงคาดเดาว่า20วันต้องนั่นต้องกำหนดชะตาชีวิตเขา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง
    ลมทะเลโชยมา และพัดพาแขนเสื้อที่ไม่มีแขนคนอยู่ข้างไหนปลิวสะบัดพร้อมเผ้าผมที่โดนหยอกล้อกับลมสมุทร
    เดรคก้าวอาดๆไปทางเหนือออกจากหมู่บ้านที่โสโครกรุงรังแห่งนี้ หากท่านได้เหยียบส่วนกลางเมืองของเอรุส ท่านจะไม่คิดย่างก้าวมายังที่นี่เด็ดขาด
    เมื่อออกพ้นประตูเมืองไป พลันมีบุรุษฉกรรจ์3-4คนที่ลงจากเรือตามเขาออกจากเมืองไป พลบค่ำแล้ว เหมาะสำหรับการขโมย!!!
    เดรคเดินเร็วมาก พวก3-4คนที่คิดร้ายกับเขาล้วนตามไปทัน
    “พวกเราพลัดจากมันแล้วล่ะพี่!”หนึ่งในชาย4คนหยุดคุย
    “ถือว่ามันโชคดี... บุรุษผู้นี้เดินรวดเร็วนัก เราคงตามไม่ทัน”อีกคนกล่าว
    “ไม่!! เดินตามต่อไปอีกยังทัน!!”เสียงนี้กลับแหบเพล่าแห้งกราดคล้ายในลำคอเต็มไปด้วยฝุ่นทราย ไม่ใช่พวกมันคุยกันเอง!เป็นเสียงแปกปลอม!!
    พวกโจรฉกรรจ์3-4คนวิ่งตามไปหาต้นเสียง... พลันพบเห็น
    บุรุษหนึ่งคน ผมเผ้าหงอกขาวเต็มหัว ชุดน้ำตาลราบเรียบ แถมยังมีมือข้างเดียว มือขวาตั้งแต่ช่วงไหล่มันไม่มี!!! แต่อีกข้าง... มืออีกข้างมันกุมดาบไว้!! ดาบของมันสีดำทมิฬขึ้นสนิมทั่วคม แม้ดาบท่าทางหนังแต่ข้อมือมันมิได้มีเส้นเอ็นปูดโปนออกมา ชายคนนี้ถึงกับเป็น เดรค!!!
    หน้าของพวกโจรพลันถอดสี เพราะเป้าหมายรู้ร่องรอยมันแต่แรก เพียงแต่เดินไปที่ลับตาคน แต่พวกมันมิใช่คนขวัญอ่อน หากเป็นท่านท่านจะทำอย่างไร ก็ตระเตรียมอาวุธ...
    อาวุธของพวกมันคือดาบโค้งมังกรฟ้า ดาบมังกรฟ้ามักพบเห็นบ่อยในหมู่โจรสลัด ใบดาบโค้งใหญ่ ยาว2นิ้ว ปลายด้ามดาบสลัดเป็นรูปมังกร นี่นับเป็นอาวุธที่ดีทีเดียว หากเปรียบเทียบกับนิลศาสตราของเดรคแล้ว นับว่าคล้ายนำ มดไปชนช้าง...
    “เห้ย!! ทางที่ดีแกส่งเงินให้พวกเรามาดีกว่า พวกราไม่อยากเปลืองมือเล่นงานเจ้า”บุรุษใน4คนกล่าวเสียงดุดันข่มขู่ แต่ใบหน้าเดรคไร้อารมณ์นิ่งเฉย
    “ข้ามีเวลาแค่20วันในการเดินทางไปเทราเน่ ข้าไม่อยากเสียเวลามาก”เดรคพูดน้ำเสียงราบเรียบ
    “ใครถามเจ้ากัน”บุรุษอีกคนพูดก่อกวน
    “ข้ากลับต้องการบอก”เดรคไม่แม้แต่ชำเลืองมองมันเพียงแต่มองที่ดาบในมือมันแล้วพูดเท่านั้น
    “ข้าก็ไม่อยากรู้”บุรุษคนเดิมกล่าว
    “แต่ยังไงเจ้าก็สมควรรู้ไว้”เดรคกล่าววาจาราบเรียบ ไม่ละสายตาจากดาบเพ่งมองอย่างนั้น
    “ทำไม??”มันถามโพร่งขึ้นมา
    “เจ้าเป็นคนไกล้ตาย...”
    จบคำพูดว่าตาย ร่างของเดรคพลันพุ่งออกไปสู่เบื้องหน้ายุรุษที่มันคุยด้วย พร้อมเสือกแทงดาบใหญ่ใส่อกในเวลาเดียวกัน แต่ดาบนั่นไม่มีความคม อกของบุรุษที่โดนแทงคล้ายโดนบดเข้าไป
    บุรุษที่มาด้วยกันเบิกตาโพลงกว้าง แทบไม่เชื่อสายตาในความรวดเร็วในการลงมือของคนพิการแขนคนนึง ดาบใหญ่ขนาดนั้นกลับแทงได้รวดเร็วขนาดที่มันยังทำไม่ได้
    “ซายฮานเดอร์(Zweihander) รู้จัดมันไว้ก็ดี...”เดรคกล่าวเสียงราบเรียบ แม้มันฆ่าคนตามันก็ไม่ละจากดาบที่มันเรียกว่า ‘ซายฮานเดอร์’
    ฉัวะ!!! เดรคตวัดดาบวูบประกายดำหม่นหมองเฉือนอกของบุรุษที่ถูกแทงแหวะออกน่าสยดสยอง บุรุษ3คนที่ยังเหลือลมหายใจก็ทิ้งดาบมังกรฟ้าวิ่งเตลิดหนีภายในฉับพลัน
    เดรคไม่คิดฆ่าพวกมัน เดรคไม่จำเป็นต้องฆ่า ตอนนี้นับว่ามันได้ตายแล้ว มันต้องเผชิญความกลัวอีกนาน... เดรคไม่ยอมเสียมือซ้ำเติมคนตายเด็ดขาด
    เดรคเพียงมองดูพวกมันวิ่งเตลิดหนีอย่างขลาดเขลา ด้วยสายตาหยามเหยียด ในใจพลันคิดว่า ‘ข้าอยากรู้นัก ในโลกนี้ยังมีเหลือผู้คนที่คู่ควรให้ดาบเราฟาดฟันหรือไม่?? รึว่าเหลือเพียงท่านคนเดียวที่คู่ควร?? ใช่... น่ากลัวในหล้านี้ไม่หลงเหลืออีกแล้ว...’ ดวงตาทอแววเศร้าสลดเหม่อมองไปยังที่ไกลลับตาขณะที่มันครุ่นคิดเรื่องนี้ มันดูคล้ายชราลง...
    ไม่ทราบมันรำพึงในใจถึงใคร มันพลันกวาดตามองไปยังทางที่วกโจรวิ่งหนีอีกครั้ง มันไม่พบอะไรอีกแล้ว 3คนนี้วิ่งหนีเร็วมาก...
    “สวะ!!!”เดรคกล่าวพร้อมสะบัดเลือดที่เคลือบคมดาบสีดำของมันเป็นสีแดงให้หลุดไป
    ซวบ!! มันเก็บดาบเข้าฝัก
    จากนั้นทอดกายเดินไปยังทิศเหนืออย่างรวดเร็วเร่งรีบ ดวงตาของมันจับจ้องไปที่ไกลแสนไกลทางทิศเหนือคล้ายมันมองเห็นคนผู้นึง ทันใดนั้นตาคล้ายคนตายของมันพลันเกิดประกายเคียดแค้นขึ้นมา
    หากดวงตาคนสามารถใช้จุดไฟได้... ตอนนี้ไฟคงเผาผลาญอณาจักรฟาลไกอาจนมอดไหม้แล้ว...
โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น