ตอนที่ 62 : ตอนที่ 58 ออกเดินทาง
ภายในห้องพัก ซ่งไป่หลางพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ ดวงตาค่อยๆเปิดออกก่อนจะสำรวจสภาพร่างกายของตนเองอย่างละเอียด
ในการต่อสู้กับยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์จำนวนมาก เด็กหนุ่มแทบไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย ทว่าการระเบิดตัวเองครั้งสุดท้ายของอู๋หรงได้สร้างบาดแผลและอาการบาดเจ็บที่ค่อนข้างรุนแรงให้กับซ่งไป่หลาง
แม้ว่าในวินาทีสุดท้ายซ่งไป่หลางจะสามารถดึงร่างของอู๋หรงให้ออกห่างไปได้ทว่าแรงระเบิดนั้นน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง สมกับที่เป็นการสละร่างกายและพลังทั้งหมดของยอดฝีมือผู้หนึ่ง
“อาจารย์ การระเบิดตัวเองของยอดฝีมือนั้นน่ากลัวนัก หากเป็นเช่นนี้มิเท่ากับว่าการต่อสู้ระดับสูงจะมีคนที่ใช้การพลีชีพเช่นนี้ข่มขู่ผู้อื่นหรอกหรือ หากต้องต่อสู้กับศัตรูที่มีพลังใกล้เคียงกับตนเองและต้องการสังหารอีกฝ่าย ย่อมทำได้ยากยิ่ง” ซ่งไป่หลางสอบถามเซี่ยหยาง
เซี่ยหยางถอนหายใจเบาๆ “เจ้าคิดผิดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดล้วนมิต้องการที่จะทำลายตนเองด้วยวิธีเช่นนี้ ในความเป็นจริงมีวิชาจำนวนไม่มากที่เกื้อหนุนต่อการทำลายร่างกายของตน ในระดับที่เจ้าอยู่ตอนนี้วิชาระเบิดครั้งสุดท้ายของมันอาจจะดูค่อนข้างรุนแรง ทว่าเมื่อเจ้าพัฒนาไปจนถึงขั้นรวมวิญญาณ เมื่อนั้นระเบิดนี้ก็เพียงแค่การโจมตีเล็กน้อยเท่านั้น”
“หากต้องการหาวิชาประเภทพลีชีพที่มีระดับสูงและสามารถทำร้ายผู้ที่มีพลังสูงกว่านี้ นับ่วาหาได้ยากยิ่ง อีกทั้งไม่มีผู้ใดต้องการวิชาประเภทนี้นอกเสียจากคนที่ต้องการเสียสละตนเองเพื่ออะไรบางอย่าง ทั้งชีวิตของข้าเคยเจอกับวิชาประเภทนี้ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ห้า และนอกเหนือจากครั้งนี้ที่ผ่านมาล้วนไม่มีการพลีชีพใดที่ร้ายกาจพอจะทำให้ข้ากังวลได้”
ซ่งไป่หลางพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แปลว่าในอนาคตเมื่อฝึกตนจนพัฒนาขึ้นย่อมมิจำเป็นต้องหวาดกลัวการระเบิดพลีชีพเช่นนี้อีกแล้ว
“วิชาพลีชีพนั้นพบเจอได้ยาก ทว่าวิชาต้องห้ามที่มันใช้เพื่อเพิ่มขีดจำกัดพลังของตนเองนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปอย่างยิ่ง นี่เป็นสิ่งที่เจ้าจะต้องตระหนักเอาไว้ แม้การใช้วิชาต้องห้ามมักจะแลกมาด้วยผลสะท้อนอันเจ็บปวดทว่าผู้คนก็ยังต้องการใช้มัน เนื่องจากมันคือพละกำลังที่สามารถพลิกเปลี่ยนชะตาชีวิตของผู้คนได้” เซี่ยหยางเตือน
“ในอนาคตเจ้าอาจพบเจอกระทั่งวิชาต้องห้ามที่สามารถเพิ่มพลังจากขั้นราชันย์ยุทธ์ไปสู่จักรพรรดิปฐพีหรือจักรพรรดิฟ้าในพริบตา หรือกระทั่งวิชาต้องห้ามที่สามารถสังหารคนที่มีระดับสูงกว่าหลายขั้น วิธีที่จะรับมือกับวิชาพวกนี้ล้วนไม่ตายตัว เจ้าต้องพลิกแพลงตามสถานการณ์ให้ทันท่วงทีเท่านั้น”
ซ่งไป่หลางรู้สึกสั่นสะท้านเล็กน้อย หากในอนาคตตนต้องพบเจอวิชาต้องห้ามเช่นนี้ย่อมไม่ง่ายดายเหมือนครั้งนี้อีกแล้ว
“ท่านอาจารย์ เช่นนั้นข้าควรเรียนรู้วิชาต้องห้ามไว้บ้างหรือไม่” ซ่งไป่หลางอดถามไม่ได้ หากตนมีวิชาประเภทนี้บ้างแม้จะต้องได้รับผลสะท้อนของมันทว่ามันอาจช่วยชีวิตได้ในยามคับขัน
เซี่ยหยางเงียบงันไปครู่หนึ่ง “อืม ไม่ว่าผู้ใดหากได้เรียนรู้วิชาต้องห้ามไว้บ้างย่อมเป็นประโยชน์แก่มัน ทว่าวิชาต้องห้ามที่ข้าสามารถสอนเจ้าได้นั้นไม่อาจเรียนรู้ในตอนนี้ อย่างน้อยเจ้าต้องมีพลังขั้นรวมวิญญาณเสียก่อน อีกทั้งวิชาต้องห้ามของข้ามีผลสะท้อนร้ายแรงอย่างยิ่ง จนกว่าจะถึงระดับรวมวิญญาณข้าจะไม่สอนเจ้าเด็ดขาดเพื่อป้องกันมิให้เจ้าต้องใช้มันออกมาโดยไม่พร้อม”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ซ่งไป่หลางรับคำ ในเมื่อเซี่ยหยางเอ่ยว่ายังไม่ถึงเวลามันเองก็มิได้เซ้าซี้อันใด
“ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเจ้าฟื้นฟูไปเก้าส่วนแล้ว ที่เหลือย่อมมิมีปัญหาที่จะฟื้นฟู เพียงปล่อยให้ร่างกายฟื้นฟูตามธรรมชาติสักครึ่งวันก็น่าจะหายดี ตอนนี้เจ้าออกไปด้านนอกเถอะ ข้าสัมผัสได้ว่ามีแขกกลุ่มหนึ่งมายังนิกายของเจ้า”
ซ่งไป่หลางประหลาดใจเล็กน้อยทว่าก็นึกขึ้นได้ในทันที “จริงสิ นี่นับว่าเป็นช่วงเวลาที่การบุกเบิกดินแดนประตูสมุทรลี้ลับกำลังจะเริ่มต้น ดังนั้นพวกนิกายหมื่นดาราย่อมต้องมาที่นี่ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังวังจักรพรรดิห้าสมุทร”
เมื่อเอ่ยถึงนามของวังจักรพรรดิห้าสมุทรดวงตาของซ่งไป่หลางทอประกายเย็นเยียบเล็กน้อย ขั้วอำนาจอันยิ่งใหญ่ของทวีปห้าสมุทรกลับต้องการลอบสังหารมัน ทั้งยังลงทุนส่งยอดฝีมือระดับสองขั้นเหนือมนุษย์และหนึ่งขั้นเหนือมนุษย์จำนวนนับสิบมาเช่นนี้ หากไม่ตอบแทนเสียบ้างคงรู้สึกแย่เป็นแน่
ซ่งไป่หลางมุ่งหน้าออกไปยังเรือนรับรองของนิกายบัวสวรรค์ทันที ระหว่างทางมีศิษย์ของนิกายผู้หนึ่งได้มายืนรอที่บริเวณด้านหน้าเรือนพักของมันและรายงานให้ซ่งไป่หลางรู้ว่าผู้อาวุโสจางได้สั่งให้มันไปพบกับตัวแทนของนิกายหมื่นดาราและตระกูลหลิว
ขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเรือนรับรอง ซ่งไป่หลางมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา ‘ไม่คิดเลยว่าหลินหลันเทีนจะก้าวไปถึงจุดสูงสุดของขั้นหนึ่งเที่ยงแท้แล้ว นับว่ารวดเร็วยิ่งนัก แม้แต่ศิษย์พี่ฉินหรืออู๋หลิวจนถึงตอนนี้เพียงแค่พัฒนาจนถึงขั้นสูงสุดของระดับเที่ยงแท้เท่านั้น’
ในดินแดนที่มีระดับพลังอ่อนแอและขาดแคลนทรัพยากรเช่นนี้การพัฒนาระดับพลังของหลินหลันเทียนนับว่ารวดเร็วยิ่งนัก แม้แต่ซ่งไป่หลางยังต้องพึ่งพามิติรวมนภาในการฝึกฝนมิเช่นนั้นคงไม่อาจเลื่อนระดับขึ้นมาได้
ควรทราบว่าในระดับขั้นเหนือมนุษย์ความยากในการเลื่อนระดับแต่ละขั้นนั้นยากเย็นยิ่งกว่าขั้นเที่ยงแท้หลายเท่า ดังนั้นในทวีปห้าสมุทรจึงมียอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์เพียงน้อยนิดอีกทั้งยังแทบไม่มียอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์ระดับสี่ขึ้นไป
เมื่อซ่งไป่หลางเข้าไปถึงเรือนรับรองทุกสายตาต่างหันมามองมันอย่างพร้อมเพรียงกัน ซ่งไป่หลางเลิกคิ้วเล็กน้อย ‘ไม่คิดเลยว่าจะมีคนมากเพียงนี้ ดูเหมือนนิกายหมื่นดาราและตระกูลหลิวจะตั้งใจมาช่วยเหลือข้าสินะ’
เด็กหนุ่มรู้สึกประทับใจเล็กน้อยในไมตรีของขั้วอำนาจทั้งสอง อันที่จริงนอกจากนิกายหมื่นดาราและตระกูลหลิวแล้วในห้องนี้ยังมีผู้อาวุโสบางส่วนที่มาจากนิกายหอกระบี่และนิกายขุนเขาอัคคีอีกด้วย ทว่าพวกมันเพิ่งมาถึงได้ไม่นานนักเนื่องจากระยะห่างที่มากกว่า เมื่อพวกมันมาถึงก็พบว่าทุกอย่างได้จบลงไปแล้ว
ยอดฝีมือที่อยู่ในเรือนรับรองเวลานี้สามารถเอ่ยได้ว่าเป็นการรวมตัวของยอดฝีมือแห่งแคว้นสิบนภาทั้งหมดเอาไว้ ยอดฝีมือระดับเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่งจำนวนยี่สิบคนและขั้นสองอีกสองคน
นับว่าเป็นกองกำลังที่ไม่เลว ทว่าหากเทียบกับความแข็งแกร่งของวังจักรพรรดิห้าสมุทรก็ยังไม่อาจนับเป็นอันใดได้
“ซ่งไป่หลาง ยอดเยี่ยมนักที่เจ้าปลอดภัย” หลิวจื่อฮวนพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ มันยังคิดว่าเด็กหนุ่มอาจได้รับบาดเจ็บจนมิอาจเยียวยาได้ทันเวลาก่อนเริ่มการบุกเบิกดินแดนประตูสมุทรลี้ลับ
“ข้ายังสบายดี ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง” ซ่งไป่หลางยิ้มก่อนจะผสานมือคารวะ แม้ระดับพลังของมันจะเหนือกว่าทุกคนในห้องนี้ทว่าอย่างไรคนเหล่านี้ก็นับเป็นผู้อาวุโสของแคว้นสิบนภาทั้งสิ้น
เจ้านิกายหมื่นดารามีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย แม้ว่าพวกมันทั้งหมดล้วนสงสัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทว่าหลังจากการหารือระหว่างเจ้านิกายหมื่นดาราและหลิวจื่อฮวน พวกมันล้วนเห็นตรงกันว่ามิควรสอบถามออกไป ในความเห็นของพวกมันบางทีอาจเป็นการลงมืออย่างลับๆของหยุนลั่วเฉินและข่าวลือเรื่องระดับความสามารถแท้จริงของหยุนลั่วเฉินก็ยังมิได้แพร่ออกไป มีเพียงตระกูลหลิว นิกายหมื่นดาราและนิกายหอกระบี่เท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้
เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับแคว้นสิบนภาพวกมันเลือกที่จะปกปิดเรื่องนี้เอาไว้
ผู้ใดจะรู้ว่าพวกมันทั้งหมดล้วนคิดผิด หยุนลั่วเฉินมิได้เกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้และคนที่ลงมือก็มีเพียงซ่งไป่หลางเท่านั้น
“ซ่งไป่หลาง วันนี้พวกเราจะต้องเริ่มออกเดินทางไปยังวังจักรพรรดิห้าสมุทรเพื่อเข้าร่วมการบุกเบิกดินแดนประตูสมุทรลี้ลับ เจ้าพร้อมที่จะออกเดินทางหรือไม่” หลิวจื่อฮวนสอบถาม
ซ่งไป่หลางพยักหน้า “ข้าพร้อมแล้ว”
“ดี เช่นนั้นในอีกหนึ่งชั่วยามพวกเราจะเริ่มออกเดินทางกัน ในครั้งนี้พวกเราได้รับเกียรติจากนิกายหมื่นดาราในการโดยสารนาวาข้ามวายุของนิกายหมื่นดาราเพื่อเดินทาง ด้วยความเร็วของนาวาข้ามวายุย่อมสามารถเดินทางไปถึงวังจักรพรรดิห้าสมุทรได้ภายในสามวัน นอกจากนี้กองกำลังของนิกายหมื่นดารา ตระกูลหลิว นิกายขุนเขาอัคคีและนิกายหอกระบี่จะร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง” หลิวจื่อฮวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
การเดินทางครั้งนี้นับว่าได้รับการดูแลจากยอดฝีมือทั้งหมดของแต่ละขั้วอำนาจ นั่นเพราะพวกมันล้วนตระหนักได้ถึงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับซ่งไป่หลางและหลินหลันเทียน
แม้ว่าการทำเช่นนี้จะค่อนข้างเสี่ยงเนื่องจากแต่ละนิกายได้ขาดยอดฝีมือในการเฝ้าดูแลนิกายไป ทว่าเมื่อเทียบกันแล้วสถานการณ์ภายในแคว้นสิบนภายังนับว่าค่อนข้างปลอดภัยและสงบเรียบร้อยเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับที่วังจักรพรรดิห้าสมุทร
และหากย่อมไม่มีผู้ใดคิดโจมตีแคว้นสิบนภาโดยไร้แหตุผล ถึงแม้ว่าวังจักรพรรดิห้าสมุทรจะต้องการกำจัดซ่งไป่หลางทว่าพวกมันยังคงไม่อาจลงมือกับทั้งแคว้นหนึ่งได้โดยง่าย มิเช่นนั้นย่อมนำมาซึ่งการต่อต้านจากแคว้นอื่นทั้งหมด หรือหากมีแคว้นใดคิดฉวยโอกาสโจมตีแคว้นสิบนภามันก็จะต้องถูกลงโทษโดยวังจักรพรรดิห้าสมุทรเช่นกัน
ซ่งไป่หลางมุ่งหน้าไปยังซากปรักวิหารบัวสวรรค์อีกครั้ง ดวงตากวาดมองไปยังพื้นที่รอบๆด้วยความรู้สึกใจหาย หลังจากวันนี้ไปมันก็จะจากดินแดนแห่งนี้ไปยังสถานที่อื่น ดังนั้นมันคงมิได้กลับมาที่นิกายบัวสวรรค์อีกเป็นเวลานาน
ใจกลางซากวิหารบัวสวรรค์ศิษย์หลักจำนวนมากกำลังใช้เวลาไปกับการศึกษาเคล็ดวิชาที่ถูกสลักเอาไว้บนผนังของวิหาร ท่ามกลางคนเหล่านั้นมีบางคนที่ซ่งไป่หลางคุ้นเคย และคนที่โดดเด่นที่สุดก็คืออู๋หลิว พลังของมันอยู่ที่ระดับเที่ยงแท้ขั้นสูงสุดแล้ว อีกเพียงครึ่งก้าวก็สามารถกลายเป็นขั้นเหนือมนุษย์ได้
ด้วยการสนับสนุนทรัพยากรและของวิเศษจากซ่งไป่หลาง ศิษย์หลักหลายๆคนที่เป็นดั่งความหวังในอนาคตของนิกายล้วนได้รับทรัพยากรระดับสูงจำนวนมาก ระดับพลังของพวกมันล้วนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เกรงว่าการประลองสิบนภาครั้งต่อไปในสิบอันดับแรกจะต้องมีคนของนิกายบัวสวรรค์อย่างน้อยสามถึงสี่อันดับเป็นแน่
และหากตัดซ่งไป่หลางกับหลินหลันเทียนออกไป อันดับหนึ่งย่อมหนีไม่พ้นอู๋หลิว ด้วยการพัฒนาที่รวดเร็วผสานกับอัจฉริยภาพของมันย่อมสามารถทะลวงสู่ระดับขั้นเหนือมนุษย์ในเร็ววัน
ซ่งไป่หลางรู้สึกเสียดายเล็กน้อย หากเยว่จิงเป็นคนของนิกายบัวสวรรค์มันอาจจะสามารถแบ่งปันทรัพยากรที่ดีให้กับนางได้ ด้วยพรสวรรค์ด้านกระบี่นางย่อมพัฒนารวดเร็วไม่ต่างจากอู๋หลิว ทั้งยังอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าอย่างน้อยสองถึงสามขั้น
“ศิษย์น้อง” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น ซ่งไป่หลางประหลาดใจเล็กน้อยมันยิ้มให้กับหญิงสาวเจ้าของเสียงอย่างอบอุ่น
“ศิษย์พี่ฉิน ไม่คิดเลยว่าท่านเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน”
สีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน นางถอนหายใจเล็กน้อย “อีกไม่นานเจ้าก็คงจากไปแล้ว ด้วยศักยภาพของเจ้าย่อมสามารถทะยานไปได้ไกลนัก เรื่องนี้ทำให้ข้ารู้สึกยินดีทว่าขณะเดียวกันก็อดรู้สึกเป็นห่วงเจ้าไม่ได้”
“ศิษย์พี่ฉินวางใจเถอะ ข้ามิใช่ผู้รับใช้ระดับสามก่อกำเนิดที่ท่านเคยพบเมื่อปีก่อนอีกแล้ว บัดนี้ข้าได้เติบโตขึ้นเป็นคนใหม่ ย่อมมิมีเรื่องใดที่สามารถทำร้ายข้าได้โดยง่าย” ซ่งไป่หลางหัวเราะเบาๆ “ศิษย์พี่ฉิน แม้พรสวรรค์ของอู๋หลิวจะเหนือกว่าท่าน ทว่าพรสวรรค์ของท่านก็นับว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน ในนิกายนี้ท่านย่อมไม่ด้อยไปกว่าผู้อื่นอีก ในอนาคตท่านจะกลายเป็นเสาหลักของนิกาย ถึงเวลานั้นขอให้ท่านช่วยเหลือนิกายแทนในส่วนของข้าด้วย”
ฉินจียิ้มจางๆ “เจ้ายังจะต้องให้ข้าช่วยเหลือแทนอันใดอีก ลำพังสิ่งที่เจ้ามอบให้กับนิกายทั้งหมดก็สามารถนับได้ว่าเจ้าทดแทนนิกายได้มากกว่าที่นิกายมอบให้เจ้าไปแล้ว ในเวลานี้สำหรับข้า ฐานะของเจ้านับว่าไม่ด้อยไปกว่าเจ้านิกายเลยแม้แต่น้อย”
“บุญคุณบางประการ มิอาจตอบแทนได้หมดสิ้น” ซ่งไป่หลางถอนหายใจเบาๆ หวนนึกถึงโลหิตศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดวิชาระดับสวรรค์รวมถึงของวิเศษอีกมากมายที่ตนเก็บเอาไว้ นับว่านิกายบัวสวรรค์ได้มอบสิ่งต่างๆให้กับมันอย่างมากมาย ตอบแทนเพียงแค่นี้ยังมิอาจนับเป็นอันใดได้ ทว่าซ่งไป่หลางเองก็ตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากที่ออกเดินทางไประยะหนึ่ง เก็บเกี่ยวของวิเศษและสิ่งต่างๆให้มากพอจากนั้นมันจะกลับมาเพื่อพัฒนานิกายบัวสวรรค์ให้กลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง
แน่นอนว่าความรุ่งโรจน์ที่ว่ามิใช่ความรุ่งโรจน์เป็นอันดับหนึ่งของแคว้นสิบนภา ทว่าเป็นการทำให้นิกายบัวสวรรค์กลายเป็นนิกายที่แข็งแกร่งดั่งที่เคยเป็นเช่นในอดีต ทั้งยังมิต้องอยู่อย่างหวาดกลัวความพิโรธของตระกูลศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
“เอาเถิด ในอนาคตหากเจ้ารู้สึกว่ามันยากที่จะก้าวไปด้านหน้า จงอย่าลืมว่าเจ้ายังมีนิกายแห่งนี้เป็นบ้านของเจ้าอีกหลังหนึ่ง เจ้าสามารถกลับมาได้ทุกเวลา” ฉินจีเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย นางรู้สึกใจหายที่ซ่งไป่หลางกำลังจะจากดินแดนนี้ไป
“ข้าย่อมกลับมาในสักวันหนึ่ง” ซ่งไป่หลางพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น
“ได้ยินเช่นนั้นข้าก็พอใจแล้ว” ฉินจีพยักหน้าของนาง “เช่นนั้นขอให้เจ้าปลอดภัยและได้พบเจอกับสิ่งดีๆในอนาคต”
“ข้าก็ขออวยพรท่านเช่นเดียวกัน” ซ่งไป่หลางตอบ
ผ่านไปเพียงหนึ่งปีเท่านั้นทว่าเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายเหลือเกิน ในห้วงความทรงจำของซ่งไป่หลาง เขาเป็นเพียงเด็กน้อยที่ต้องหลบลี้มายังนิกายบัวสวรรค์แห่งนี้เพื่อรักษาชีวิตและทำการฝึกฝนพลังด้วยตนเอง หลีกหนีจากครอบครัวที่ไร้เยื่อใยและเต็มไปด้วยการดูหมิ่นเหยียดหยาม
ภายในนิกายนี้ซ่งไป่หลางในช่วงเวลานั้นยังต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายจากการถูกผลักไสสู่ตำแหน่งผู้รับใช้ ทั้งยังถูกข่มเหงโดยศิษย์สายนอกแม้กระทั่งญาติในตระกูลเดียวกัน
ภายใต้สถานการณ์อันสิ้นหวังและอันตราย เด็กน้อยผู้นั้นกลับได้พลิกเปลี่ยนโชคชะตาของมันโดยการพบกับคนผู้หนึ่ง ซ่งไป่หลางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นล้วนบ่มเพาะให้มันกลายเป็นซ่งไป่หลางในช่วงเวลานี้ อัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นสิบนภา และยอดฝีมือที่แม้แต่ขั้วอำนาจของต่างแคว้นหรือกระทั่งวังจักรพรรดิห้าสมุทรยังต้องหวาดหวั่น
‘ทวีปห้าสมุทร วังจักรพรรดิห้าสมุทร พวกเจ้าล้วนเป็นเพียงบันไดขั้นต่อไปของข้าเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของข้าก็คือตระกูลศักดิ์สิทธิ์’ ดวงตาของเด็กหนุ่มทอประกายมุ่งมั่น
“ไป่หลาง ไปกันเถอะ” ผู้อาวุโสจางได้เดินทางมายังซากปรักวิหารบัวสวรรค์ด้วยตนเองเพื่อตามให้ซ่งไป่หลางไปยังจุดนัดพบ บัดนี้ถึงเวลาที่จะออกเดินทางแล้ว
ซ่งไป่หลางพยักหน้าช้าๆก่อนจะติดตามผู้อาวุโสจางไป
สายตาของฉินจีมองตามร่างของเด็กหนุ่ม นางรู้สึกขมขื่นเล็กน้อยเมื่อคิดว่าตัวนางไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นศิษย์พี่คอยให้การช่วยเหลือและปกป้องซ่งไป่หลางอีกต่อไปแล้ว
“ซ่งไป่หลางไปแล้วหรือ”อู๋หลิวเองก็เฝ้ามองอยู่เช่นกัน ภายในใจของมันเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน ระหว่างมันและซ่งไป่หลางนั้นแทบจะมิได้มีการติดต่อหรือความสัมพันธ์อันใด ทว่าปฏิเสธมิได้ว่าผลประโยชน์และทรัพยากรที่มันได้รับทั้งหมดล้วนมาจากการแบ่งปันของซ่งไป่หลางทั้งสิ้น
มันยืนหยัดในฐานะอัจฉริยะรุ่นใหม่อันดับหนึ่งของนิกายมาเป็นเวลานาน ทว่าลักษณะนิสัยของมันมิใช่คนที่หยิ่งผยองและผลักไสผู้คน สังเกตจากการที่มันยังคงให้ความเคารพต่อจูเหวินผู้เป็นศิษย์พี่อาวุโสแม้มันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่า บุคลิกนิสัยของมันนับว่าค่อนข้างดีหากเทียบกับอัจฉริยะผู้อื่น
ดังนั้นแม้จะมีใครบางคนแย่งชิงความโดดเด่นรวมทั้งชื่อของอัจฉริยะอันดับหนึ่งไปจากมัน อู๋หลิวก็มิได้มีความรู้สึกใดมากไปกว่าความประหลาดใจ ในความคิดของมันเพียงต้องการผลักดันนิกายบัวสวรรค์ให้ก้าวหน้าเท่านั้น การจากไปของซ่งไป่หลางทำให้มันรู้สึกเสียดายเล็กน้อยทว่ามิมีอันใดมากไปกว่านั้น
ด้วยความช่วยเหลือที่ซ่งไป่หลางได้ทิ้งเอาไว้ มันเชื่อมั่นว่าจากนี้ไปนิกายบัวสวรรค์จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ซ่งไป่หลางมองดูนาวาข้ามวายุที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า ดวงตาของมันแฝงด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แม้นาวาลำนี้จะเป็นเพียงสมบัติวิเศษระดับสูงทว่าสมบัติวิเศษประเภทยานพาหนะนั้นหายากนัก แม้แต่ในมิติลี้ลับก็ยังไม่มีของเช่นนี้ทำให้มันรู้สึกสนใจนาวาลำนี้อย่างยิ่ง
‘มิต้องประหลาดใจไป สมบัติวิเศษประเภทยานพาหนะนั้นแม้จะเป็นสมบัติระดับสูงก็นับว่าค่อนข้างดีแล้ว ความเร็วของนาวาลำนี้ยังมากกว่ามัจฉาบัวสวรรค์เสียอีก ทว่าความต่างระหว่างยานพาหนะสมบัติวิเศษและสัตว์พาหนะก็คือการเผาผลาญพลังงาน นาวาลำนี้จำต้องใช้หยกวิเศษจำนวนมหาศาลในการขับเคลื่อน นับว่านิกายหมื่นดาราค่อนข้างร่ำรวยทีเดียวจึงกล้าใช้งานสมบัติประเภทนี้’ เซี่ยหยางเอ่ย
‘อาจารย์ ในอนาคตข้าควรหาสมบัติหรือสัตว์วิเศษประเภทพาหนะสักหน่อยดีหรือไม่’
“หากเจ้าต้องการสัตว์วิเศษเป็นพาหนะก็นับว่าหาไม่ยากนัก สัตว์ปีศาจระดับสองหรือสามก็พอใช้ได้แล้ว ทว่าความเร็วของพวกมันอาจจะไม่มากนัก หากต้องการที่รวดเร็วยิ่งขึ้นก็ต้องเลือกสัตว์ปีศาจระดับสี่ หรือสัตว์ปีศาจประเภทที่ค่อนข้างพิเศษในด้านความเร็ว”
“หรือหากในอนาคตเจ้ามีวาสนามากพอ อาจได้พบเจอสัตว์ปีศาจที่มีความสามารถในการข้ามผ่านมิติเช่นมัจฉาบัวสวรรค์หรือตัวที่เหนือกว่า กระทั่งอาจค้นพบสมบัติวิเศษที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามกว่าจะถึงเวลานั้นเจ้าจำต้องสะสมทรัพยากรให้มากพอเสียก่อน”
“บนตัวของเจ้ามีสมบัติวิเศษระดับลึกลับและมหัศจรรย์จำนวนมาก ในดินแดนระดับสูงอาจนำไปแลกกับหยกศิลาลมปราณเพื่อนำไปใช้ซื้อสัตว์วิเศษและสมบัติวิเศษประเภทพาหนะระดับสูงได้”
“หยกศิลาลมปราณ มันคือสิ่งใดกัน” ซ่งไป่หลางประหลาดใจเล็กน้อย
“หยกศิลาลมปราณก็คือหยกวิเศษประเภทหนึ่งที่หาได้ในดินแดนระดับสูงกว่านี้ มันเป็นหยกที่มีพลังลมปราณสถิตอยู่ภายในและสามารถนำมาใช้ช่วยในการฝึกฝนเพิ่มพลังลมปราณให้กับผู้ฝึกยุทธ์ ทว่ามันค่อนข้างหายากและมีค่าอย่างมาก ดังนั้นในหลายๆดินแดนจึงใช้หยกศิลาลมปราณในการแลกเปลี่ยนกับสิ่งของมีค่าต่างๆ” เซี่ยหยางตอบกลับ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

386 ความคิดเห็น
-
#86 59040428121 (จากตอนที่ 62)วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 / 10:24ผู้หญิงนี่เป็นตัวน่ารำคาญจริง#860