ตอนที่ 59 : ตอนที่ 55 สังหารอย่างง่ายดาย
เวลาหกเดือนนั้นผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก ภายในนิกายหมื่นดาราผู้อาวุโสลู่มองไปยังร่างของหลินหลันเทียนด้วยความรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง แม้มันจะรู้ดีว่าหลินหลันเทียนกำลังจะไปจากดินแดนแห่งนี้ทว่าหากการบุกเบิกดินแดนประตูสมุทรลี้ลับครานี้เป็นไปได้มันย่อมส่งผลดีต่อนิกายหมื่นดาราทั้งหมดอย่างยิ่งยวด
หลินหลันเทียนที่เพิ่งจะก้าวไปสู่ระดับเหนือมนุษย์ได้ไม่นานบัดนี้กลับสามารถผลักดันตนเองจนถึงจุดสูงสุดของระดับเหนือมนุษย์ขั้นแรก อีกเพียงไม่นานก็สามารถกลายเป็นระดับสองเหนือมนุษย์ได้สำเร็จ
ความสำเร็จระดับนี้มิเพียงในแคว้นสิบนภาเท่านั้น กวาดตามองทั่วทั้งทวีปห้าสมุทรยังยากที่จะมีผู้ใดเทียบเท่า
“ในเวลานี้เกรงว่าคู่มือของหลันเทียนจะมีก็แต่อัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นอันดับต้นๆเท่านั้น ที่เหลือล้วนมิอาจนำมาเทียบกันได้” เสียงของชายชราดังขึ้นจากด้านหลังของผู้อาวุโสลู่ มันมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะค้อมศีรษะคารวะอีกฝ่าย
“ยินดีกับท่านเจ้านิกายที่สามารถทะลวงสู่ระดับสองเหนือมนุษย์”
“เหอๆ ข้าใช้เวลานับร้อยปีในการฝึกฝน ในที่สุดทะลวงไปยังขั้นสองเหนือมนุษย์อย่างยากลำบาก นี่นับเป็นขีดจำกัดของคนใกล้ฝั่งเช่นข้าแล้ว ทว่าหลันเทียนเพียงอายุยี่สิบกว่าปีกลับกำลังจะก้าวตามข้าได้ทัน ได้เห็นอัจฉริยะระดับนี้เกิดขึ้นในนิกายของเราข้าก็นับว่ามีความสุขมากแล้ว” เจ้านิกายหมื่นดารายิ้มด้วยความยินดี
“ท่านเจ้านิกาย ในอนาคตข้าย่อมมิลืมเลือนบุญคุณของนิกายหมื่นดาราอย่างแน่นอน” หลินหลันเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ว่ามันจะสามารถก้าวข้าวระดับของดินแดนนี้ไปได้ทว่าอย่างไรพื้นฐานของมันย่อมได้รับการขัดเกลามาจากนิกายแห่งนี้ หากมิได้รับโอกาสและการสนับสนุนที่ดีพอหลินหลันเทียนผู้นี้ย่อมมิอาจเติบโตอย่างรวดเร็ว
“ได้ยินเจ้าเอ่ยเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว ทว่าอย่าได้ลืมเลือนสิ่งสำคัญที่สุด ในดินแดนประตูสมุทรลี้ลับเจ้าจะต้องมุ่งเน้นในการรักษาความปลอดภัยของตนเองเป็นอันดับแรก หากเจ้าตายไปละก็เท่ากับสิ่งที่นิกายหมื่นดาราได้ทุ่มเทไปตลอดสิบกว่าปีมานี้เสียเปล่า พรสวรรค์อันน่าตื่นตะลึงของเจ้าก็เท่ากับเสียเปล่าไปด้วยเช่นกัน” เจ้านิกายหมื่นดาราเอ่ยเตือนอย่างเคร่งขรึม
“ข้าเข้าใจแล้ว” หลินหลันเทียนพยักหน้ารับ มันย่อมไม่ยินยอมตกตายในสถานที่เช่นนี้แน่นอน
“อาวุโสลู่ คนของเราได้รายงานมาว่าพบเห็นการเคลื่อนไหวของนักฆ่าที่มีระดับขั้นเหนือมนุษย์จำนวนมากในพื้นที่ของนิกายบัวสวรรค์ขอรับ” คนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามารายงานด้วยสีหน้าและน้ำเสียงร้อนรนยิ่ง
“มิเป็นอันใด ตราบที่ซ่งไป่หลางผู้นั้นยังอยู่ในพื้นที่ของนิกายบัวสวรรค์นักฆ่าพวกนั้นย่อมทำได้เพียงรอคอยต่อไปดังเดิม อีกทั้งภายในสามวันพวกเรารวมถึงตระกูลหลิวจะนำคนไปรับตัวซ่งไป่หลางที่นิกายบัวสวรรค์ ด้วยกองกำลังของพวกเราย่อมมิจำเป็นต้องหวาดกลัวกลุ่มนักฆ่าเหล่านี้นัก” อาวุโสลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ระยะสองเดือนมานี้มีการรายงานถึงพวกนักฆ่าบ่อยครั้งนัก ทว่าซ่งไป่หลางราวกับหายตัวเข้าไปในกลีบเมฆ ดังนั้นแม้แต่พวกนักฆ่าจึงไม่มีโอกาสลงมือแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามครั้งนี้ดูจะแตกต่างออกไป ผู้รับใช้ของนิกายหมื่นดารารีบเอ่ยด้วยความร้อนรนยิ่ง “เรียนผู้อาวุโสลู่ ครานี้มีข่าวคราวของซ่งไป่หลางแล้ว มีใครบางคนพบมันที่เขตภายนอกของนิกายบัวสวรรค์คล้ายกับว่ามันกำลังเดินทางกลับมายังนิกาย ตอนนี้พวกนักฆ่าได้มุ่งหน้าไปยังจุดที่พวกมันค้นพบ ตามรายงานหนึ่งในพวกมันมีระดับถึงขั้นสองเหนือมนุษย์ทีเดียว”
สีหน้าของผู้อาวุโสลู่เปลี่ยนไปทันที นึกไม่ถึงซ่งไป่หลางจะปรากฏตัวแล้วอีกทั้งยังอยู่นอกเขตของนิกายบัวสวรรค์อีกด้วย หากศัตรูมีเพียงระดับหนึ่งเหนือมนุษย์มันคงไม่รู้สึกกังวลนักแต่บัดนี้แม้แต่ระดับสองเหนือมนุษย์ก็ยังเคลื่อนไหวงั้นหรือ แม้แต่เจ้านิกายหมื่นดารายังมีระดับเพียงขั้นสองเหนือมนุษย์เท่านั้น
หยุนลั่วเฉินหายตัวไปได้ระยะหนึ่งแล้ว จากความคาดเดาของอาวุโสลู่เกรงว่าเจ้านิกายบัวสวรรค์ผู้นี้น่าจะเดินทางไปยังวังจักรพรรดิห้าสมุทรเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ดังนั้นจึงไม่มีใครในนิกายบัวสวรรค์ที่จะช่วยเหลือเด็กหนุ่มได้เลย
“ติดต่อไปยังนิกายหอกระบี่ นิกายขุนเขาอัคคีและตระกูลหลิวทั้งหมด พวกเราต้องช่วยซ่งไป่หลางเอาไว้ให้ได้”
ในบรรดาขั้วอำนาจมากมายของแคว้นสิบนภาเกรงว่านอกจากสี่ขุมอำนาจนี้แล้วจะไม่มีกองกำลังใดแข็งแกร่งพอที่จะช่วยเหลือได้อีก ศัตรูเป็นถึงระดับขั้นเหนือมนุษย์จำนวนมากนำมาโดยระดับสองเหนือมนุษย์ นี่มันน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว
‘เกรงว่าพวกมันต้องเป็นคนของวังจักรพรรดิห้าสมุทรเป็นแน่’ สีหน้าของผู้อาวุโสลู่เคร่งขรึมลง แม้แต่เจ้านิกายหมื่นดาราและหลินหลันเทียนก็ยังมุ่งหน้าไปยังนิกายบัวสวรรค์ด้วยตนเอง ผู้มีพลังขั้นเหนือมนุษย์ทุกคนของแคว้นจำเป็นต้องเคลื่อนไหวในครั้งนี้
ภายในนิกายบัวสวรรค์ ผู้อาวุโสจางและรองเจ้านิกายมีสีหน้ายุ่งยากใจอย่างยิ่ง พวกมันทั้งสองคนล้วนอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นเที่ยงแท้ทว่าย่อมมิอาจรับมือกับยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์ได้ ปราศจากความช่วยเหลือของหยุนลั่วเฉินพวกมันไม่อาจทำอันใดนอกจากพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังตระกูลหลิวและขั้วอำนาจอื่นๆเท่านั้น
“อาจารย์ พวกเราควรไปช่วยเหลือไป่หลาง” ฉินจีเอ่ยกระตุ้น พลังของนางได้ทะยานขึ้นมาสู่ระดับห้าเที่ยงแท้แล้ว นับว่ารวดเร็วอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับผู้อื่นภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ของนิกาย
“พลังของพวกเรานับว่าไม่เพียงพอ หากพวกเราออกไปก็เท่ากับออกไปตายเปล่า” ผู้อาวุโสจางตอบกลับด้วยความไม่เต็มใจนัก มันไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะอ่อนแอถึงเพียงนี้
“อย่างไรซ่งไป่หลางก็นับว่าเป็นความหวังของนิกายเรา แม้ไม่อาจเอาชนะผู้มีพลังขั้นเหนือมนุษย์แต่เราอาจสามารถถ่วงเวลาได้ พวกเราไปกันเถอะ” รองเจ้านิกายตัดสินใจออกมาอย่างเด็ดขาด “ช่วยดึงความสนใจและรั้งพวกนักฆ่าเอาไว้เพื่อให้ไป่หลางหลบหนีเข้ามาในเขตนิกาย ขอเพียงหลบหนีมาที่ซากวิหารเก่าของนิกายได้พวกเราย่อมมีหนทางโต้กลับด้วยค่ายกลที่มีอยู่”
“นี่นับว่าพอเป็นไปได้” ผู้อาวุโสจางพยักหน้าช้าๆ
รองเจ้านิกายได้นำพาผู้อาวุโสจางและยอดฝีมือระดับห้าเที่ยงแท้ของนิกายมุ่งหน้าออกไปพร้อมกัน ฉินจีไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตามไปด้วยเพราะนางต้องแบกรับความคาดหวังในอนาคตของนิกายเอาไว้ ทว่าด้วยบุคลิกนิสัยของนางย่อมลอบติดตามไปอย่างลับๆเช่นกัน
ห่างจากนิกายบัวสวรรค์ประมาณหนึ่งร้อยลี้ ซ่งไป่หลางยืนตระหง่านอยู่บนต้นไม้สูงใหญ่ ดวงตากวาดมองไปทั่วบริเวณก็จะเผยรอยยิ้มช้าๆ
“ดินแดนแห่งนี้ขาดแคลนยอดฝีมือระดับขั้นเหนือมนุษย์เสมอมา แทบทุกคนสามารถนับได้ว่าเป็นผู้ควบคุมเบื้องหลังของขั้วอำนาจอันยิ่งใหญ่ ทว่าวันนี้ข้ากลับได้พบเจอกับยอดฝีมือระดับเหนือมนุษย์จำนวนนับสิบ ทั้งยังมียอดฝีมือขั้นสองเหนือมนุษย์รวมอยู่อีกด้วย นับว่าโชคดีจริงๆ”
ซ่งไป่หลางมิได้ปกปิดหรือพูดกระซิบกับตนเอง เสียงของเขาหนักแน่นฟังชัดอย่างยิ่ง ในบรรดานักฆ่าระดับขั้นเหนือมนุษย์บัดนี้มีเพียงสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของซ่งไป่หลาง ทว่าที่เหลือล้วนหลบซ่อนตัวกันอยู่ทั้งหมด ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังอย่างยิ่ง การพรางตัวของพวกมันล้วนถูกตรวจจับได้โดยบุคคลที่มีพลังเพียงขั้นเที่ยงแท้เท่านั้น
“พลังระดับสามเที่ยงแท้ นับว่าพัฒนาได้รวดเร็วยิ่งนัก ทว่าน่าเสียดายนักที่อัจฉริยะมักจะถูกอิจฉาโดยสรวงสวรรค์ ชะตาของเจ้าถูกกำหนดมาให้ต้องตายวันนี้” หนึ่งในสามผู้ยืนอยู่ตรงหน้าของซ่งไป่หลางเอ่ยเสียงเย็นเยียบ มันมีนามว่าอู๋หรง เป็นยอดฝีมือระดับสองเหนือมนุษย์ นับเป็นบุคคลที่ค่อนข้างสำคัญในขั้วอำนาจวังจักรพรรดิห้าสมุทร ฐานะของมันเป็นถึงผู้อาวุโสหลักคนหนึ่งของวังจักรพรรดิห้าสมุทรทว่าเวลานี้มันกลับต้องกลายมาเป็นนักฆ่าที่คอยไล่ล่าผู้มีพลังระดับเที่ยงแท้เพียงผู้หนึ่ง นี่ทำให้มันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีมันคิดว่าจะรีบจัดการกับงานนี้ให้เสร็จอย่างไรก็ตามซ่งไป่หลางได้หายตัวไปตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา มันไม่อาจตามรอยซ่งไป่หลางได้มิเช่นนั้นต่อให้รู้ว่าซ่งไป่หลางอาศัยอยู่ภายในส่วนลึกที่สุดของนิกายบัวสวรรค์มันก็คงตัดสินใจบุกฝ่าเข้าไปตรงๆเพื่อสังหารทิ้งนานแล้ว
“ชะตากำหนดให้ต้องตายงั้นหรือ” ซ่งไป่หลางเลิกคิ้วประหลาดใจ “หากอาศัยทัณฑ์สวรรค์บางทีข้าอาจต้องตายจริง ทว่าอาศัยเพียงพวกเจ้า? น่าขันนัก พวกเจ้าน่ะหรือจะสังหารข้า”
“โอหังเสียจริง การที่เจ้าเอาชนะหลินหลันเทียนได้มิได้หมายความว่าเจ้ามีพลังเทียบเท่ากับผู้มีพลังขั้นเหนือมนุษย์ หลินหลันเทียนในยามนั้นเป็นเพียงผู้ที่เพิ่งบรรลุขึ้นมายังระดับเหนือมนุษย์เท่านั้น มันยังมิอาจใช้พลังที่แท้จริงของขั้นเหนือมนุษย์ได้เลยด้วยซ้ำ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพลังขั้นเที่ยงแท้จะอยู่ในสายตาของพวกเรา” หนึ่งในสามแค่นเสียงออกมา ในฐานะที่มันฝึกฝนอย่างยากลำบากจนหลุดพ้นจากขั้นเที่ยงแท้มายังขั้นเหนือมนุษย์สำเร็จทำให้มันรู้สึกเหยียดหยามผู้มีพลังขั้นเที่ยงแท้เป็นอย่างมาก
ในสายตาของมัน ความต่างระหว่างขั้นเที่ยงแท้และขั้นเหนือมนุษย์นั้นนับเป็นกำแพงที่ราวกับแบ่งแยกท้องฟ้าและพื้นดินออกจากกัน
“ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว สังหารมันทิ้งเถอะ” อู๋หรงแค่นเสียง มันได้ทราบมาว่ามียอดฝีมือของแคว้นสิบนภากำลังเร่งมุ่งหน้ามายังสถานที่แห่งนี้ แม้มันจะมิได้เห็นขุมกำลังของแคว้นสิบนภาในสายตาทว่ามันยังคงมิต้องการยุ่งยากเสียเวลาโดยใช่เหตุ
ยอดฝีมือระดับเหนือมนุษย์ห้าคนลงมือพร้อมกัน พวกมันล้วนทะยานร่างออกมาจากที่ซ่อนแล้วใช้เคล็ดวิชาจู่โจมเข้าใส่ร่างของซ่งไป่หลาง
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ซ่งไป่หลางจะเข้าไปในมิติรวมนภาละก็เด็กหนุ่มจะต้องรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ทว่าหลังจากที่ใช้เวลาฝึกฝนนับเดือนภายในมิติรวมนภา อีกทั้งใช้งานแก่นวิญญาณสัตว์ปีศาจจำนวนมาก ในที่สุดระดับของซ่งไป่หลางได้ทะยานจนถึงระดับสามเที่ยงแท้ พลังปราณแท้และการควบคุมพลังธาตุนับว่าเหนือขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก
ในสายตาของซ่งไป่หลางพลังของยอดฝีมือเหล่านี้ ส่วนมากเพียงเหนือกว่าหลินหลันเทียนเมื่อครึ่งปีก่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เช่นนั้นให้ข้าดูหน่อยว่าความต่างชั้นระหว่างขั้นเที่ยงแท้และเหนือมนุษย์แท้จริงเป็นเช่นใด” ซ่งไป่หลางยิ้มอย่างเปิดเผยพลังลมปราณแผ่กระจายออกมาทั่วร่าง ดาบในมือพลันปกคลุมด้วยพลังวารีอย่างรวดเร็ว
“ระวังดาบของมัน” อู๋หรงขมวดคิ้วของมันด้วยความสงสัยเล็กน้อย จากรายงานที่มันได้รับมาซ่งไป่หลางมิเคยใช้อาวุธในการต่อสู้มาก่อน เวลานี้กลับถือดาบเอาไว้ในมือหนึ่งเล่ม แม้จะมิอาจสัมผัสถึงเจตดาบที่คุกคามผู้คนทว่าพลังของดาบเล่มนั้นยังทำให้มันรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
‘คาดมิถึงว่ามันจะมีดาบระดับมหัศจรรย์อยู่กับตัว ยอดเยี่ยมนัก หากข้านำดาบเล่มนี้กลับไปยังวังจักรพรรดิ์ห้าสมุทรได้ย่อมได้รับรางวัลตอบแทนใหญ่หลวง’
ซ่งไป่หลางใช้วิชาตัวเบาสร้างร่างเงาเสมือนจริงของตนขึ้นมา วิชาโจมตีของยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนเชื่องช้าและยากจะจัดการกับเด็กหนุ่มได้ เมื่อหลบพ้นซ่งไป่หลางพลันเคลื่อนร่างเข้าหายอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์ระดับหนึ่งผู้หนึ่งอย่างรวดเร็ว
ดาบในมือตวัดออกด้วยท่วงท่าสะเปะสะปะอย่างยิ่ง ยอดฝีมือผู้นั้นแค่นเสียงก่อนจะใช้พลังของมันสร้างโล่ปฐพีขึ้นมาป้องกันด้านหน้าเอาไว้ ต่อให้เป็นดาบวิเศษทว่าผู้ใช้ที่ไม่อาจดึงเอาพลังของดาบออกมาได้ก็เท่ากับสูญเปล่า
เวลานั้นอู๋หรงได้เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม มันพลันรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างจึงรีบร้องเตือนออกมาทันที “หลบเร็วเข้า อย่าป้องกัน”
สายเกินกว่าจะแก้ไข ดาบของซ่งไป่หลางค่อยๆจมลงบนโล่ปฐพีก่อนจะผ่ามันออกจากกันราวกับผ่าก้อนเนยโดยไร้ซึ่งแรงต้าน ร่างของยอดฝีมือที่หลบอยู่หลังโล่ปฐพีพลันถูกคมมีดของดาบวิเศษผ่าออกเป็นสองส่วน ขณะที่มันสิ้นใจดวงตายังคงไร้ซึ่งความรู้สึกใดนอกจากความเหยียดหยามเพลงดาบอันไร้แก่นสารของศัตรู
“อันใดกัน” สีหน้าของยอดฝีมือที่เหลือเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ สังหารยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์ในดาบเดียว ความสามารถเช่นนี้พวกมันล้วนไม่เคยคิดฝันถึงมาก่อน
“ระวังดาบของมัน อย่าป้องกันตรงๆเด็ดขาด แค่หลบก็เพียงพอแล้ว” อู๋หรงร้องตะโกนเสียงเคร่งขรึม มันรู้ได้ทันทีว่าซ่งไป่หลางมิได้ชำนาญวิชาดาบ ทว่าดาบในมือของมันร้ายกาจจนเกินไป สามารถทำลายการป้องกันและสังหารยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์ในพริบตา
“ชิงดาบของมันมาซะ” เสียงหนึ่งร้องดังออกมา มันคือยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์จากต่างแคว้นที่เข้าร่วมการลอบสังหารครั้งนี้ตามคำสั่งของอู๋หรง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความละโมบ เปรียบเทียบดาบของมันกับซ่งไป่หลางแล้วมันย่อมมีความต้องการดาบวิเศษในมือเด็กหนุ่มอย่างยิ่ง
“อยากได้นักก็เอาไปสิ” ซ่งไป่หลางหัวเราะก่อนจะวาดดาบสวนกลับเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
มองเห็นการตวัดดาบของซ่งไป่หลางดวงตาของมันทอประกายเหยียดหยามเป็นอย่างยิ่ง แม้มันจะได้เห็นยอดฝีมือผู้หนึ่งถูกดาบเล่มนี้สังหารไปกับตามันยังคงเกิดความรู้สึกมิเชื่อถือว่าวิชาดาบเช่นนี้จะสามารถคุกคามชีวิตของมันได้
เคล็ดฝ่ามือบัวสวรรค์สองชั้นฟ้า
ซ่งไป่หลางคำรามมือข้างที่มิได้ถือดาบตวัดออกสร้างรูปลักษณ์ของดอกบัววารีผสานอัคคีขึ้นมา แรงดึงดูดอันรุนแรงกระชากให้ร่างของอีกฝ่ายเสียการทรงตัวชั่วขณะ มันอุทานออกมาคำหนึ่งรีบร้อนใช้วิชาดาบโจมตีเข้าใส่หวังกดดันให้ซ่งไป่หลางต้องเป็นฝ่ายถอยหลบออกไป
ซ่งไป่หลางมิสนใจดาบของฝ่ายตรงข้าม หน้าผากของเด็กหนุ่มปรากฏดอกบัวเปล่งประกายอันเป็นสัญญาณของวิชากายาบัวพิสุทธิ์ขึ้น ภายใต้การคุ้มครองของวิชานี้ดาบของยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์ระดับหนึ่งมิอาจทำร้ายมันได้แม้แต่น้อย
ฉึบ!! ดาบของยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์เพียงสะกิดร่างของซ่งไป่หลางเบาๆทว่าดาบของซ่งไป่หลางได้ผ่าร่างของมันเป็นสองส่วนปลิดชีวิตผู้มีพลังขั้นเหนือมนุษย์ไปได้อีกรายหนึ่งอย่างง่ายดายยิ่ง
แววตาของอู๋หรงสั่นไหวในทันที การสังหารยอดฝีมือระดับเหนือมนุษย์ขั้นแรกไปถึงสองคนภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที นี่ยังนับว่าเป็นเพียงชนชั้นลมปราณเที่ยงแท้อีกงั้นหรือ
มิเพียงอู๋หรงเท่านั้น ยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์คนอื่นที่เหลือต่างรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาในส่วนลึกของจิตใจ พวกมันแต่ละคนใช้เวลาฝึกฝนอย่างยาวนานเพื่อที่จะก้าวเข้าสู่ระดับเหนือมนุษย์ ต่างอยู่ในฐานะของยอดฝีมือเหนือผู้ใดในดินแดนแห่งนี้ ต่อให้พวกมันมีโอกาสพ่ายแพ้ทว่าการถูกสังหารนั้นนับเป็นอีกเรื่อง พวกมันไม่เคยคิดเลยว่ายอดฝีมือระดับเหนือมนุษย์จะถูกฆ่าได้ง่ายดายเพียงนี้
ภายใต้คมดาบของซ่งไป่หลาง มียอดฝีมือระดับเหนือมนุษย์ตกตายไปแล้วถึงสองคน
“พวกเจ้าคอยโจมตีจากด้านหลัง ข้าจะรับมือมันเอง” อู๋หรงตัดสินใจฉับพลัน หากมันปล่อยให้เกิดความสูญเสียมากไปกว่านี้ความเชื่อมั่นของบรรดานักฆ่ายอดฝีมือย่อมต้องเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง อีกทั้งนักฆ่าเหล่านี้บางส่วนแม้จะมาจากต่างแคว้นทว่าหลายคนในที่นี้ล้วนเป็นคนของวังจักรพรรดิห้าสมุทร หากยอดฝีมือระดับเหนือมนุษย์ของพวกมันตกตายจำนวนมากย่อมทำให้รากฐานของขั้วอำนาจเกิดความเสียหายอย่างหนัก
ซ่งไป่หลางมิสนใจอู๋หรง แม้มันจะสามารถจัดการกับอู๋หรงได้ทว่าการจัดการกับยอดฝีมือระดับสองเหนือมนุษย์นั้นยากกว่าระดับหนึ่งหลายเท่า ดังนั้นอาศัยโอกาสนี้มันต้องการสังหารพวกระดับหนึ่งเหนือมนุษย์ให้มากที่สุดก่อนที่จะต้องรับมือกับอู๋หรง
ท่าเท้าแปดบัวดารา
ร่างของซ่งไป่หลางเลือนรางและปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ด้านหน้าของมันคือหญิงสาวระดับเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่งผู้หนึ่ง พิจารณาจากกลิ่นอายแล้วนางน่าจะมาจากวังจักรพรรดิห้าสมุทรเนื่องจากนางฝึกวิชาแบบเดียวกับอู๋หรง
“อาวุโสเยี่ย ระวัง” อู๋หรงตะโกนด้วยความตกใจ มันคาดไม่ถึงเลยว่าซ่งไป่หลางจะเมินเฉยต่อมันอย่างสิ้นเชิงอีกทั้งยังมีความเร็วที่สามารถหลบหนีจากการเข้าประกบของมันได้โดยง่าย
หญิงสาวผู้นั้นดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว นางใช้พลังของนางผลักดันซ่งไป่หลางทว่ามันช่างไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง พลังระดับเหนือมนุษย์ที่เคยกดดันคนทั้งมวลบนดินแดนแห่งนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าซ่งไป่หลางกลับดูราวกับว่ามันเป็นเพียงสายลมอันแผ่วเบาเท่านั้น
ดาบของซ่งไป่หลางตวัดผ่านร่างสังหารนางอย่างไร้ความปราณี นับตั้งแต่คนเหล่านี้ต้องการสังหารมันมันเองก็ย่อมไม่เมตตาต่ออีกฝ่ายเช่นกัน
“ช่างรนหาที่ตายนัก” อู๋หรงคำรามด้วยความโกรธ ผู้อาวุโสอู๋เยี่ยผู้นี้ก็คือลูกน้องมือขวาของมัน
ซ่งไป่หลางหัวเราะ “พวกเจ้าต้องการสังหารข้าอยู่แล้ว ต่อให้ข้าไม่สังหารมันไปพวกเจ้าก็ไม่ปล่อยข้าอยู่ดี อันใดที่เรียกว่ารนหาที่ตายกัน ที่จริงแล้วพวกเจ้าทั้งหมดต่างหากที่รนหาที่ตาย หากมิมายุ่งเกี่ยวกับข้าก็คงไม่ต้องตกตายเช่นนี้”
“ค่ายกลตาข่ายครอบสมุทร”
ยอดฝีมือระดับเหนือมนุษย์ห้าคนจากวังจักรพรรดิห้าสมุทรร่วมมือกันสร้างอักขระขึ้นล้อมรอบร่างของซ่งไป่หลางเอาไว้ มันกลายเป็นค่ายกลกักขังประเภทหนึ่งที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ภายใต้การกักขังนี้แม้แต่สัตว์ปีศาจระดับสามขั้นกลางยังมิอาจต้านทานได้
“เจ้าเด็กโอหัง เตรียมตัวรับความตาย” มองเห็นซ่งไป่หลางถูกขังเอาไว้ภายในค่ายกล อู๋หรงแค่นยิ้มอย่างยินดี มันดึงกระบี่ออกมาพร้อมกับบรรจุพลังธาตุสายลมเตรียมพร้อมสังหารร่างที่ไร้ทางหนีของเด็กหนุ่ม
ซ่งไป่หลางกวาดตามองค่ายกลของอีกฝ่าย เพียงพริบตาเดียวก็เผยรอยยิ้มออกมา
“คิดจะกักขังและสังหารข้าภายใต้ค่ายกลกระจอกเช่นนี้ นับว่าไร้สาระยิ่งนัก” สิ้นคำอักขระของค่ายกลพลันเปล่งแสงและเริ่มเคลื่อนไหวอย่างยุ่งเหยิง คนทั้งห้าที่สร้างค่ายกลนี้ร่วมกันสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง พวกมันกระอักเลือดออกมาเพราะพลังภายในที่ปั่นป่วน
“เป็นไปมิได้ มันถึงกับทำลายค่ายกลตาข่ายครอบสมุทรสำเร็จ” อู๋หรงมีสีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่ง
“ตายซะ” ซ่งไป่หลางอาศัยช่วงจังหวะที่คนทั้งห้าบาดเจ็บจากการถูกพลังตีกลับใช้ฝ่ามือบัวสวรรค์ปกคลุมร่างของพวกมัน อู๋หรงคำรามกร้าวพยายามจะเข้ามาขัดขวางทว่ากลับถูกซ่งไป่หลางวาดดาบสะกัดเอาไว้
ต่อให้เป็นอู๋หรงก็ยังไม่อาจเมินเฉยต่อดาบของซ่งไป่หลางได้ มันมองดูลูกน้องทั้งห้าคนถูกกลืนเข้าไปในดอกบัววารีอัคคีจนร่างกายแหลกสลาย สีหน้าของมันมืดทะมึนเป็นอย่างยิ่ง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

386 ความคิดเห็น
-
#85 ILOVEMRCHU (จากตอนที่ 59)วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 / 05:46รอต่อไปปป#850