ตอนที่ 17 : ตอนที่ 16 ท่านมีปัญญา?
ซ่งจวินพุ่งเข้าปะทะกับซ่งหมิงอีกครั้ง
คราวนี้ไม่มีการออมมืออีกแล้ว ซ่งจวินถึงกับใช้วิชาระดับสูงเข้าปะทะ ทว่าซ่งหมิงกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ใช้วิชาระดับสูงโต้ตอบกลับไปเช่นกัน
‘อันใดกัน’ ซ่งจวินรู้สึกตกใจ เขาใช้พลังเต็มที่แล้วแต่ซ่งหมิงก็ยังต้านทานได้ เดิมทีซ่งจวินตั้งใจว่าจะทำให้ซ่งหมิงพ่ายแพ้ด้วยพลังที่ต่างกันแล้วบังคับให้อีกฝ่ายถอยไป นึกไม่ถึงเขาไม่สามารถบีบบังคับซ่งหมิงได้เลย
“ท่านพี่ ดูเหมือนจะฝีมือตกไปนะ” ซ่งหมิงหัวเราะอย่างสบายๆ จากการปะทะครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้ด้อยกว่า แต่ซ่งหมิงเองก็ยังไม่ได้เอาจริงเช่นกัน นี่หมายความว่าซ่งหมิงได้ก้าวข้ามซ่งจวินไปแล้ว
‘ต่อให้เป็นซ่งเจี่ยก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี’ ซ่งหมิงดวงตาเปล่งประกาย มันไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลที่เขาแข็งแกร่งขึ้น และยิ่งไม่ไร้เหตุผลกับการที่เขาออกหน้าปกป้องซ่งไป่หลาง
‘ต้องขอบคุณผู้อาวุโสจาง ที่ให้การสนับสนุนข้า เท่านี้ตำแหน่งผู้นำตระกูลย่อมต้องเป็นของข้า’ หลังจากที่ซ่งไป่หลางได้ฉายแสดงความโดดเด่น ผู้อาวุโสจางได้วางแผนมากมายเพื่อช่วยซ่งไป่หลางในทางลับเพื่อดึงให้ซ่งไป่หลางเข้าร่วมและภักดีต่อนิกายมากกว่าตระกูล
เขาเริ่มจากการติดต่ออย่างลับๆกับซ่งหมิงที่มีความทะเยอทะยานสูงแต่กลับขาดอำนาจในตระกูล เมื่อเทียบกับพี่ชายทั้งสองแล้วซ่งหมิงแทบไม่มีความหวังที่จะชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลเลย
ผู้อาวุโสจางได้เสนอทรัพยากรเพื่อให้ซ่งหมิงพัฒนาระดับอย่างก้าวกระโดดจนมั่นใจว่าสามารถเท่าเทียมหรือเหนือกว่าซ่งเจี่ยและซ่งจวินได้ เพื่อการนั้นซ่งหมิงจะต้องคอยสนับสนุนซ่งไป่หลางอย่างลับๆ โดยเฉพาะป้องกันซ่งไป่หลางไม่ให้ได้รับอันตรายจากคนในตระกูล
ซ่งหมิงย่อมไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ บุตรของซ่งหมิงนั้นเป็นเพียงเด็กธรรมดาทั่วไปที่ไม่ใช่อัจฉริยะของตระกูล ต่อให้ซ่งไป่หลางโดดเด่นหรือไม่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร แต่ถ้าซ่งหมิงสามารถชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลมา เขาก็สามารถสนับสนุนบุตรของตนได้ในภายหลัง
“หลีกทางซะ” ซ่งจวินไม่ยินยอมเด็ดขาด พุ่งเข้าปะทะกับซ่งหมิงอีกครั้งหนึ่ง วิชาระดับสูงของซ่งจวินนั้นมีมากมาย ทว่าแทบทั้งหมดล้วนฝึกฝนถึงเพียงระดับสามเท่านั้น ไม่ถือว่าโดดเด่นมากนักจึงทำให้ซ่งหมิงสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย
“หึหึ รับหมัดของข้าหน่อย”
เคล็ดหมัดทลายปฐพี ขั้นที่สาม
วิชาหมัดทลายปฐพีเป็นวิชาขั้นสูงที่มีพลังทำลายล้างสูงเป็นอันดับต้นๆ เมื่อใช้ออกสามารถทำลายการป้องกันของวิชาระดับสูงได้อย่างง่ายดาย ซ่งจวินสั่นสะท้านไม่กล้าต้านรับตรงๆได้แต่ดีดร่างหลบหนีออกไปด้านข้าง
ซ่งหมิงชะงักไปเล็กน้อย หมัดของเขาพลาดเป้าและทำให้เขามีช่องว่าง ซ่งจวินหัวเราะเสียงเย็นชา “ซ่งหมิงแม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นแต่เจ้าก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยโง่เง่าอยู่ดี ลงไปนอนเฉยๆแล้วเลิกยุ่งเรื่องของข้า” ซ่งจวินชกหมัดออกไปด้วยพลังทั้งหมดเล็งเป้าหมายไปที่จุดตันเถียนของซ่งหมิง หมัดนี้สามารถส่งให้ซ่งหมิงเจ็บหนักจนไม่อาจลุกขึ้นได้ในเวลาหนึ่งชั่วยาม
ชั่วพริบตานั้นซ่งหมิงกลับเผยรอยยิ้ม เกร็งพลังป้องกันเอาไว้ที่จุดตันเถียนอย่างเต็มที่ หมัดของซ่งจวินกระแทกใส่ร่างแล้วผลักซ่งหมิงกระเด็นไป ซ่งหมิงกระอักเลือดออกมาก่อนจะร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด
“อ้าก ท่านพี่ เหตุใดต้องทำร้ายข้า” เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน
ซ่งจวินสีหน้าแปรเปลี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติ ซ่งหมิงที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งยังได้เปรียบอยู่ตลอดกลับเผยช่องว่างจนได้รับบาดเจ็บ นี่มันบังเอิญเกินไปหรือไม่
“หมิงเอ๋อ!! จวินเอ๋อเจ้ากล้าทำร้ายพี่น้องของเจ้า” เสียงอันโกรธเกรี้ยวของซ่งหงเฉินดังขึ้น
หัวใจของซ่งจวินสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวและความโกรธ ‘ซ่งหมิง เจ้าคนสารเลว เขาแข็งแกร่งแต่แกล้งทำเป็นอ่อนแอทั้งยังยอมถูกทำร้ายต่อหน้าท่านพ่อ’
ไม่เพียงซ่งหงเฉิน ยังมีอีกสามคนที่เห็นเหตุการณ์นี้
คนหนึ่งคือซ่งเจี่ยที่เพิ่งมาถึงที่นี่หลังจากรับรู้ถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้น คนต่อไปคือซ่งชุนที่มีเป้าหมายอยู่ที่การสั่งสอนซ่งไป่หลาง และคนสุดท้ายย่อมเป็นซ่งไป่หลางที่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบกับซ่งหงเฉินได้
ซ่งไป่หลางขมวดคิ้ว ภายใต้การบอกเล่าของเซี่ยหยาง เขารู้ว่าซ่งหมิงเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่จงใจแกล้งบาดเจ็บเพื่อสร้างปัญหาให้กับซ่งจวิน
อย่างไรก็ตามซ่งไป่หลางไม่มีความประทับใจต่อซ่งจวินและซ่งชางหยางแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเปิดโปงเรื่องนี้ เพียงแค่รอรับชมเรื่องสนุกเท่านั้น
“แยกเจ้าเด็กนั่นไป เรื่องท่านพ่อข้าจะจัดการเอง” ซ่งเจี่ยหันมากระซิบกับซ่งชุน หากปล่อยให้ซ่งไป่หลางได้เจอกับซ่งหงเฉิน คำขอร้องจากลูกสาวของเขาคงไม่อาจเป็นจริง ซ่งชุนไม่มีทางมีโอกาสสั่งสอนซ่งไป่หลาง
ซ่งชุนพยักหน้า ตอนนี้ซ่งหงเฉินโกรธมากและกำลังพุ่งความสนใจไปที่ซ่งจวิน ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตซ่งไป่หลาง
“ซ่งไป่หลาง ประมุขหงเฉินบอกให้ข้าพาเจ้าล่วงหน้าไปยังเรือนรับรอง” ซ่งชุนทะยานร่างไปหาซ่งไป่หลางก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีเรียบเฉย
“ได้” ซ่งไป่หลางไม่ใส่ใจละครที่ซ่งหมิงจัดขึ้น เขาเดินตามซ่งชุนไปอย่างว่าง่าย
ภาพทั้งหมดอยู่ภายใต้การสังเกตของซ่งเจี่ย มันเผยรอยยิ้มอันเย็นชาก่อนจะรีบเข้าไปขัดขวางไม่ให้บิดาทำโทษซ่งจวินเร็วเกินไป
‘ภายใต้ปัญหาของซ่งจวิน ข้าอาจจะยื้อท่านพ่อเอาไว้ได้นานกว่าสามก้านธูป เวลาเท่านั้นคงเพียงพอที่ซ่งชุนจะสั่งสอนเจ้าเด็กนั่น’
ซ่งชุนนำซ่งไป่หลางเดินทางอย่างรวดเร็ว ทว่าทิศทางที่นำไปไม่ใช่เรือนรับรองแต่เป็นพื้นที่ของซ่งจวิน ที่ทำเช่นนี้เพราะต้องการทำให้ซ่งหงเฉินคิดว่านี่เป็นความต้องการของซ่งจวิน
“นี่น่าจะไกลพอแล้ว เลิกเสแสร้งเถอะ” อยู่ๆซ่งไป่หลางก็พูดขึ้นมา ซ่งชุนประหลาดใจเล็กน้อย
“เจ้ารู้?”
“แน่นอน จิตสังหารของท่านชัดเจนมากสำหรับข้า เป็นความต้องการของซ่งเจียหลานสินะ” ซ่งไป่หลางคาดเดาอย่างง่ายดาย ตอนนี้คนที่มีปัญหากับเขาหลักๆก็คือซ่งชางหยางและซ่งเจียหลาน ในส่วนของซ่งชางหยางแม้แต่ซ่งจวินยังไม่สามารถมายุ่งกับเขาได้ ถ้าซ่งชุนเป็นคนของซ่งจวินคงไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ
“เจ้าฉลาดไม่เลว น่าเสียดายที่โง่เขลาปฏิเสธความหวังดีของหลานเอ๋อ ข้าจะให้โอกาสเจ้าในการกลับตัว ถ้าเจ้าสาบานว่าจะขอขมาและยอมติดตามรับใช้หลานเอ๋อข้าจะปล่อยเจ้าไป” ซ่งชุนเอ่ย
ซ่งไป่หลางหัวเราะออกมา “ปล่อยข้ารึ ขอถาม หากข้าไม่สาบานท่านคิดจะทำสิ่งใด”
“ข้าซ่งชุนไม่ชอบพูดซ้ำ ในเมื่อเจ้ายังดื้อดึงและปฏิเสธข้าก็จะไม่ปราณีอีกต่อไป” ซ่งชุนแค่นเสียง
“คิดจะสั่งสอนข้า ท่านมีปัญญา?”
ซ่งชุนระเบิดพลังระดับสองเที่ยงแท้ของตนออกมา พลังธาตุอัสนีของเขานับว่าโดดเด่นพอสมควร
เคล็ดวิหารอัสนี ระดับสอง
ซ่งไป่หลางจับตามองกระแสพลังธาตุอัสนีที่พุ่งเข้าใส่ก่อนจะสะบัดมือออกไปด้านหน้า
เคล็ดม่านบัวสวรรค์
วิหารอัสนีเป็นวิชาระดับสูงที่มีพลังทำลายล้างไม่มากนัก แต่มีรัศมีทำลายที่ครอบคลุม ทั้งยังรวดเร็วยากหลบหลีก แต่ซ่งไป่หลางมีวิชาม่านบัวสวรรค์จึงไม่จำเป็นต้องหลบ
“พลังป้องกันแข็งแกร่ง” ซ่งชุนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเชี่ยวชาญวิชาป้องกัน เมื่อเห็นว่าวิหารอัสนีไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนมาใช้หอกพุ่งเข้าโจมตีแทน
“หอกผสานอัสนี ระวังด้วย” เซี่ยหยางเอ่ยเตือน วิชาหอกผสานกับพลังอัสนีนั้นนับว่าอันตรายไม่น้อย ความเร็วผสานกับพลังทะลุทะลวงของหอกสามารถสังหารได้ในเสี้ยวพริบตา
ซ่งไป่หลางไม่ประมาทแน่นอน พลังของซ่งชุนสูงกว่าเขามาก แต่เพราะความช่วยเหลือของฐานรากศักดิ์สิทธิ์ พลังของทั้งสองฝ่ายจึงไม่ห่างกันมากนัก
“ข้ายังมีความได้เปรียบจากวิชาระดับสวรรค์อยู่”
ซ่งไป่หลางใช้ท่าเท้าแปดบัวดาราก้าวหลบเพลงหอกของซ่งชุน ร่างของเขาเคลื่อนไหวราวภาพมายากระจัดกระจายไปแปดทิศ แม้แต่หอกของซ่งชุนก็ยังแทงพลาดเป้า
เคล็ดฝ่ามือบัวสวรรค์
เงาของดอกบัวสวรรค์บัดนี้ชัดเจนและงดงามอย่างยิ่ง พริบตาเดียวดอกบัวก็ผุดขึ้นกลางอากาศแล้วครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ซ่งชุนตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะรีบขวางหอกตั้งรับดอกบัวเอาไว้
“คิดว่ารับได้ก็ลองรับดู” ซ่งไป่หลางหัวเราะเสียงเย็น ดอกบัวสวรรค์นี้ผสานพลังทั้งหมดของเขารวมกับฐานรากโลหิตศักดิ์สิทธิ์ พลังทำลายของมันมีแค่ระดับสามเที่ยงแท้ที่จะสามารถรับเอาไว้ตรงๆ
ซ่งชุนสัมผัสได้ถึงพลังกดดันที่รุนแรง หอกในมือของเขาสั่นสะท้านและปรากฏรอยร้าว ดวงตาของซ่งชุนเบิกกว้าง “เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นถึงอาวุธวิเศษระดับสูง”
“มันไม่สำคัญว่าจะเป็นอาวุธวิเศษขั้นกลางหรือสูง ต่อหน้าวิชาระดับสวรรค์มันไม่มีความหมายหรอก” เซี่ยหยางที่อยู่ในจิตของซ่งไป่หลางเยาะเย้ย
วิชาระดับสวรรค์นั้นสูงส่งเพียงใด มีหรือที่อาวุธวิเศษทั่วไปจะทนทานรับไหว แม้ว่าซ่งไป่หลางจะมีความเข้าใจในวิชาระดับสวรรค์เพียงแค่ขั้นต้น แต่มันก็มากพอที่จะทำลายล้างทุกวิชาในดินแดนแห่งนี้
‘หากไม่ใช่เพราะพลังที่แตกต่างกัน ฝ่ามือนี้มากพอที่จะทำลายร่างกายของอีกฝ่ายได้ด้วยซ้ำไป’ เซี่ยหยางเข้าใจถึงระดับพลังที่แตกต่างของวิชาเป็นอย่างดี
เคล็ดเกราะอัสนีเหล็กกล้า
ซ่งชุนปล่อยมือจากหอกอย่างไร้หนทาง พลังลมปราณอัสนีแผ่ออกปกคลุมร่างกายเป็นเกราะป้องกัน จากนั้นอาศัยความเร็วทั้งหมดทะยานร่างหนีจากรัศมีการครอบคลุมของเงาดอกบัวสวรรค์
“อยากสั่งสอนข้าแต่กลับคิดหนี คิดหรือว่าจะได้หนีไปง่ายๆ” ซ่งไป่หลางแค่นเสียงไม่คิดปราณีอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
เคล็ดฝ่ามือบัวสวรรค์
เงาของดอกบัวสวรรค์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ยังมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ครอบคลุมบริเวณที่ซ่งชุนยืนอยู่ทั้งหมด
“เจ้ากล้าสังหารข้า?” ซ่งชุนกรีดร้องด้วยความหวาดหวั่น มันรู้แล้วว่าตนเองไม่สามารถรับมือกับซ่งไป่หลางได้
“ข้าไม่ได้คิดจะสังหารเจ้า เพียงแค่ต้องการสั่งสอนเท่านั้น” ซ่งไป่หลางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อ้าก!!” ซ่งชุนถูกเงาของดอกบัวสวรรค์บดขยี้ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสทว่าไม่ถึงกับตาย ดวงตาของซ่งชุนมองมายังร่างของซ่งไป่หลาง ภายในดวงตาเผยความหวาดกลัว
‘เจ้าเด็กปีศาจนี่ พลังของมันเป็นเพียงขั้นแปดก่อกำเนิดแต่กลับเอาชนะข้าได้’
ซ่งชุนไม่เคยคิดมาก่อนว่าในโลกนี้จะมีอัจฉริยะที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้อยู่ ซ่งเจียหลานที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเมื่อเทียบกับซ่งไป่หลางแล้วไม่อาจนับเป็นอันใดได้เลย
‘แม้แต่เจียหลานก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน’
“ซ่งชุน ที่ท่านต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะหาเรื่องใส่ตัวเอง” ซ่งไป่หลางไม่ใส่ใจต่อสภาพของฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย
“เจ้าจะต้องถูกลงโทษสำหรับเรื่องนี้” ซ่งชุนแค่นเสียงเอ่ยอย่างยากลำบาก
ซ่งไป่หลางทิ้งซ่งชุนเอาไว้ ถูกลงโทษ? ทำไมเขาจะต้องกลัวด้วย ในเมื่อซ่งชุนเป็นคนเริ่มหาเรื่องก่อน อีกทั้งยิ่งเขาแสดงความสามารถโดยการจัดการกับซ่งชุนที่มีพลังเที่ยงแท้ระดับสอง นี่หมายถึงสิ่งใดกัน ตระกูลจะกล้ามีปัญหากับอัจฉริยะของพวกเขางั้นหรือ ซ่งไป่หลางมั่นใจว่าต่อให้เขาทำร้ายซ่งเจียหลานจนบาดเจ็บสาหัสตระกูลก็จะต้องลังเลที่จะลงโทษเขา นั่นเพราะคุณค่าของเขาสูงกว่าซ่งเจียหลานไปแล้ว
‘ที่ผ่านมาข้าอ่อนแอและไร้ค่า แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หากคิดจะรังแกข้าก็จงรับผลของพวกเจ้าไปเถอะ’
“ซ่งไป่หลาง ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี่” ซ่งชางหยางวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน สีหน้าของเขาแฝงด้วยความกังวลและสิ้นหวัง
“ซ่งชางหยาง เจ้าเองก็อยากมีปัญหา?” ซ่งไป่หลางหันไปมองอีกฝ่าย จดจำถึงสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามเคยทำในอดีตได้ขึ้นใจ
“ไม่ แน่นอนข้าไม่กล้าหาเรื่องเจ้าอีกต่อไปแล้ว” ซ่งชางหยางมองร่างของซ่งชุนที่กำลังบาดเจ็บสาหัสด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือก หาเรื่องซ่งไป่หลาง? ขนาดซ่งชุนที่มีพลังขั้นสองเที่ยงแท้ยังอยู่ในสภาพนั้น เขาจะกล้าทำเรื่องสิ้นคิดได้อย่างไร
“ซ่งไป่หลาง เรื่องในอดีตข้าเป็นฝ่ายผิดเองทั้งหมด จนถึงตอนนี้ข้าได้สำนึกและได้รับผลของการกระทำแล้ว เจ้าอาจจะไม่อยากให้อภัยข้าแต่ข้าขอร้อง ช่วยท่านพ่อของข้าที”
“บิดาของเจ้า” ดวงตาซ่งไป่หลางทอประกายเย็นเยียบ เขาเห็นภาพที่ซ่งจวินกำลังจะถูกลงโทษโดยซ่งหงเฉิน จากการที่เขาทำร้ายน้องชายของตน
“อย่าบอกข้าเชียวว่าเจ้าไม่รู้ บิดาของเจ้าต้องการทำร้ายข้า” ซ่งไป่หลางคาดเดาเรื่องราวได้หลายส่วน
ซ่งชางหยางรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง “ซ่งไป่หลาง ข้าขอร้องเจ้า จะให้ข้าคุกเข่าให้เจ้าตรงนี้ก็ยังได้ ข้าและบิดาได้ทำผิดต่อเจ้า แต่อย่าให้ท่านปู่ลงโทษบิดาข้าถึงขั้นทำลายพลังฝึกตนของเขาเลย”
‘ทำลายพลังฝึกตน’ ดวงตาของซ่งไป่หลางฉายแววประหลาดใจ ซ่งหงเฉินจะต้องมีแผนการอย่างแน่นอน
‘หึ ทำไมข้าจะไม่รู้ว่าตาแก่นั่นให้ความสำคัญกับลูกหลานสายตรงของตัวเองแค่ไหน ต่อให้ซ่งจวินทำผิดจริงโทษของมันก็ไม่มีทางร้ายแรงระดับนั้น ดูเหมือนซ่งหงเฉินต้องการแสดงให้ข้าเห็นการให้ความสำคัญต่อข้า’
“ไร้สาระ ข้าไม่คิดจะออกหน้าช่วยเหลือผู้ใด หากบิดาของเจ้าจะถูกลงโทษรุนแรงเช่นนั้นจริงเจ้าก็ไปโทษปู่ของเจ้าเถอะ”
ซ่งชางหยางไม่สามารถเอ่ยอันใดได้อีก หากซ่งไป่หลางไม่ยอมช่วย เขาก็ได้แต่หวังว่าซ่งหงเฉินจะเห็นแก่ความเป็นบุตรบิดา ไม่ลงโทษซ่งจวินรุนแรงเกินไป
ภายในเรือนรับรองของตระกูลซ่ง คนมากมายได้ถูกเรียกมารวมตัวกัน อย่างไรก็ตามคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดนั้นมีอยู่ไม่กี่คน หนึ่งคือซ่งจวินที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น สีหน้าเผยความรู้สึกคับแค้นไม่ยินยอม อีกสองคนเป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงวัยกลางคนที่มีระดับพลังทั่วไปไม่โดดเด่น เพียงระดับแปดก่อกำเนิดซึ่งถือว่าเป็นชนชั้นทั่วไปของตระกูล
ชายหญิงวัยกลางคนนี้ก็คือบิดามารดาของซ่งไป่หลาง ซ่งจิงลู่และหลี่หยูเซียง
ซ่งจิงลู่นั้นเป็นเพียงคนจากสายนอก ไม่ได้มีความสำคัญในตระกูลมากนัก อีกทั้งพรสวรรค์ก็สุดแสนจะธรรมดาดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับความสำคัญจากตระกูลมาตลอด ทว่าหลังจากซ่งไป่หลางมีชื่อเสียงขึ้นมาชีวิตของเขากับฮูหยินก็เปลี่ยนแปลงไป
ซ่งหงเฉินมีคำสั่งให้พาตัวซ่งจิงลู่และฮูหยินเข้ามาอาศัยในเขตเรือนหลักของตระกูล สาเหตุหลักคือต้องการรับรู้เรื่องราวของซ่งไป่หลางตั้งแต่เกิดยังอยากทราบถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว แน่นอนว่าซ่งจิงลู่จะต้องไม่ยอมตอบตามความจริงทั้งหมด
ภายใต้การแต่งเติมเรื่องราว ซ่งจิงลู่อ้างว่าตนและครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากยิ่ง ขาดการสนับสนุนและทรัพยากรจากตระกูล อย่าว่าแต่การเลี้ยงดูลูกแม้แต่ตัวเขาและฮูหยินยังต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากตลอดเวลา ตอนที่ซ่งไป่หลางหนีออกจากตระกูลไปยังนิกายพวกเขาใช้เวลาตามหาสามวันสามคืน แต่เพราะซ่งไป่หลางไม่ได้รับความสนใจจากคนอื่นๆในตระกูลจึงไม่ได้รับความช่วยเหลือทำให้ซ่งจิงลู่และฮูหยินได้แต่สิ้นหวังในการค้นหา
ซ่งหงเฉินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่เขาไม่มีทางเลือกมากนักจึงตัดสินใจอนุญาตให้ซ่งจิงลู่และฮูหยินอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ดี ทั้งหมดก็เพื่อเอาใจซ่งไป่หลาง
“ซ่งจวิน เจ้ามีเจตนาที่จะทำร้ายอัจฉริยะของตระกูล ทั้งยังลงมืออย่างหนักกับน้องชายของเจ้าที่ต้องการขัดขวาง เรื่องนี้เจ้ามีสิ่งใดจะแก้ตัวหรือไม่” ซ่งหงเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้แต่การเรียกชื่อบุตรชายก็ต่างไปจากช่วงเวลาปกติ
ซ่งจวินหัวเราะ “ท่านพ่อ ซ่งไป่หลางทำร้ายบุตรชายข้า ข้าเพียงต้องการสั่งสอนเขาเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายอันใด ส่วนซ่งหมิง เดิมทีข้าเพียงเตือนให้เขาถอยออกไป แต่เขากลับลงมือต่อข้า อีกทั้งฝีมือของซ่งหมิงยังไม่ใช่ธรรมดา มันจงใจแกล้งถูกโจมตีให้ท่านเห็น หากไม่เชื่อท่านสามารถไปตรวจอาการของซ่งหมิงดูได้”
ซ่งจวินรู้ดีว่าอีกฝ่ายจงใจเปิดช่องว่างให้ตนโจมตี แต่กลับป้องกันเอาไว้เพื่อจะไม่ต้องได้รับบาดเจ็บหนัก ขอเพียงตรวจสอบอย่างละเอียดความจริงย่อมเปิดเผย
“จงใจแล้วอย่างไร เจ้ากล้าลงมือกับน้องชายของเจ้าอย่างเต็มกำลัง แค่นี้ก็เป็นเหตุผลที่ร้ายแรงพอแล้ว” ซ่งหงเฉินแค่นเสียง
ซ่งจวินตกตะลึงมองดูบิดาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ‘ที่แท้ท่านพ่อคิดจะใช้ข้าเพื่อซื้อใจซ่งไป่หลาง บัดซบ คิดว่าข้าหมดประโยชน์แล้วก็จะเขี่ยทิ้งงั้นสิ’
เวลานั้นเองซ่งไป่หลางก้าวเท้าเข้ามาในเรือน ดวงตากวาดมองไปทั่วบริเวณด้วยความเย็นชา
“เขาก็คือซ่งไป่หลาง” หลายคนมองดูเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกตื่นตะลึง ตัวตนของซ่งไป่หลางนั้นแทบจะไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนในตระกูล แต่กลับโด่งดังขึ้นในพริบตาเดียว การพัฒนาของเขาราวกับฝืนลิขิตสวรรค์
“หลางเอ๋อเจ้ากลับมาแล้ว” แม้แต่ซ่งหงเฉินยังเรียกขานซ่งไป่หลางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หลางเอ๋อ” บิดามารดาของซ่งไป่หลางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาซ่งไป่หลางทันที
เด็กหนุ่มแค่นเสียงเบาๆ ขยับกายถอยห่างเว้นระยะจากบิดามารดาของตน ‘ถึงแม้จะมีบุญคุณที่ให้กำเนิด แต่ข้าไม่มีสิ่งใดติดค้างกับพวกเขา’
ซ่งจิงลู่สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าอาศัยความเป็นบิดาจะสามารถเกาะความรุ่งโรจน์ของซ่งไป่หลางทะยานขึ้นบนท้องฟ้าดุจมังกร ต่อให้ในอดีตเขากับฮูหยินจะไม่ได้ดีกับซ่งไป่หลางนักแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ถือว่าเป็นบิดามารดาเชียวนะ แค่ทำดีด้วยหน่อยก็น่าจะพอชดเชยสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมาได้แล้ว
เด็กมีปัญหาทุกคนล้วนต้องการความรัก
ทว่าซ่งจิงลู่ประเมินซ่งไป่หลางผิดไปมาก เขาไม่ใยดีบิดามารดาเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างที่เขาทำก็แค่เพื่อไม่ให้ผิดต่อคุณธรรมในหัวใจของตัวเองเท่านั้น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

386 ความคิดเห็น
-
#103 yukai (จากตอนที่ 17)วันที่ 6 ธันวาคม 2562 / 21:07ขอบคุณ#1030