ตอนที่ 121 : ตอนที่ 116 เผชิญหน้าสิ่งมีชีวิตมายา
หมาป่ามายาเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่ง เพียงพริบตาเดียวกลับหายไปจากสายตาของซ่งไป่หลาง อักขระที่ถูกปลดปล่อยพลาดเป้าหมายและสูญสลายไปอย่างเลื่อนลอย ซ่งไป่หลางสีหน้าแปรเปลี่ยนรีบระเบิดพลังลมปราณปลดปล่อยเคล็ดกายาบัวพิสุทธิ์ เผชิญหน้ากับศัตรูที่เหนือกว่าถึงเพียงนี้มีแต่ต้องใช้ทุกสิ่งที่มีจึงจะเอาตัวรอดได้
สัญชาตญาณร้องเตือนถึงอันตราย ซ่งไป่หลางตระหนักได้ถึงสายลมอันเฉียบคมที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ลำคอของตนจากด้านหลัง มิจำเป็นต้องหันไปมองก็บอกได้ว่านี่เป็นการโจมตีของหมาป่ามายา
เพียงการเหวี่ยงกรงเล็บหนึ่งครั้งกลับสามารถก่อให้เกิดลมพายุอันเกรี้ยวกราดทั้งยังแหลมคมถึงขีดสุด ภายใต้การโจมตีลักษณะนี้แม้ซ่งไป่หลางจะพยายามหลบหนีเพียงใดก็ไร้ความหมาย ขอบเขตพายุของหมาป่ามายานั้นกว้างเกินไป มีเพียงต้องใช้ความเร็วระดับเดียวกับหมาป่ามายาจึงจะสามารถหลบหนีได้ทันการ
ซ่งไป่หลางอ้าปากคำรามออกมา ภายใต้สถานการณ์บีบคั้นที่อันตรายถึงตายสัญชาตญาณเอาตัวรอดของเด็กหนุ่มได้รีดเค้นพัฒนาออกมาจนถึงขีดสุด อักขระเทวะต้นกำเนิดถูกปลดปล่อยออกมาโดยสัญชาตญาณและก่อตัวเป็นค่ายกลเคลื่อนมิติ
ร่างของซ่งไป่หลางหายไปจากจุดเดิมและปรากฏตัวห่างออกไปหลายสิบจั้ง ขณะเดียวกันที่จุดเดิมได้ปรากฏร่องรอยทำลายล้างของพายุอันแหลมคม หากช้าไปอีกเพียงเล็กน้อยเกรงว่าร่างของซ่งไป่หลางคงถูกพายุนี้บดขยี้จนแหละเละในชั่วพริบตา
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเย็นยะเยียบ ดีที่ค่ายกลเคลื่อนมิติเป็นหนึ่งในค่ายกลที่ฝึกฝนจนชำนาญมากพอ ถึงเวลาสำคัญกลับใช้ออกได้รวดเร็วยิ่ง
รั่วอวี่ที่เฝ้ามองอยู่มีสีหน้าซีดเซียวลง แม้ว่านางจะมั่นใจในความสามารถของตนเองอยู่ระดับหนึ่งแต่การเผชิญหน้ากับขั้นจักรพรรดินั้นนับว่าเกินขอบเขตของนางไปมาก จะให้ยื่นมือไปช่วยซ่งไป่หลางในเวลานี้คงกลายเป็นเสนอตัวเองเป็นเหยื่อของหมาป่ามายาเสียมากกว่า อย่างไรซ่งไป่หลางก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้แต่หากพ่วงนางเข้าไปด้วยจะกลายเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขากันมิเป็นผลดีต่อผู้ใด
รั่วอวี่ครุ่นคิดอย่างฉับไว เวลานี้สิ่งที่นางสามารถทำได้ก็คือการสนับสนุนจากพื้นที่ปลอดภัย
หมาป่ามายามิได้เร่งความเร็วของมันตลอดเวลา ก่อนหน้านี้มันเพียงระเบิดพลังความเร็วออกมาในฉับพลันเพื่อโจมตีซ่งไป่หลาง แต่เมื่อพบว่าอีกฝ่ายสามารถเอาตัวรอดไปได้โดยง่ายมันจึงแปรเปลี่ยนเป็นค่อยๆขยับตัวก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ดวงตาจ้องมองร่างของซ่งไป่หลางตลอดเวลาราวกับกำลังพยายามวิเคราะห์เหยื่อของมัน
ซ่งไป่หลางไม่กล้าประมาทอีก แม้จะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตมายาแต่ด้วยระดับพลังของมันย่อมนับเป็นตัวอันตรายอย่างยิ่ง
ฉับพลันหมาป่ามายาพลันระเบิดความเร็วออกมาอีกครั้ง ร่างของมันสลายหายไปราวกับหมอกควัน พริบตาเดียวก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของซ่งไป่หลาง
ครานี้มันมิได้โจมตีด้วยการสะบัดกรงเล็บสร้างพายุอีก แต่กลับใช้คมเขี้ยวของมันเป็นอาวุธ อ้าปากหมายจะขย้ำซ่งไป่หลางให้ดับดิ้นในคราเดียว
แววตาของซ่งไป่หลางหดแคบลง ภายใต้ความเร็วในการโจมตีครั้งนี้ต่อให้ใช้อักขระเทวะต้นกำเนิดสร้างค่ายกลเคลื่อนมิติก็ยังช้าเกินไป เกรงว่าคมเขี้ยวของหมาป่ามายาจะสัมผัสร่างของตนก่อน ถึงเวลานั้นต่อให้ค่ายกลทำงานทั้งสองก็จะถูกย้ายตำแหน่งพร้อมกัน ไม่อาจสลัดหลุด
คมเขี้ยวของหมาป่ามายาย่อมทรงพลังอย่างแท้จริง แม้ร่างของซ่งไป่หลางจะถูกปกป้องโดยเปลือกอัคคีที่เป็นเกราะระดับปฐพีก็ไม่มีประโยชน์อันใด มีแต่จะถูกมันขย้ำทิ้งในคราเดียวไปพร้อมกัน
ไร้ทางเลือก มีเพียงต้องใช้หมัดแลกคมเขี้ยวเท่านั้น
ปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กหนุ่มมิได้เชื่องช้า ยิ่งเมื่ออยู่ในสภาวะบีบคั้นอันตรายสัญชาตญาณก็ยิ่งตื่นตัว วิญญาณวารีศักดิ์สิทธิ์พลันก่อตัวเป็นดาบในมือตวัดฟาดฟันสวนเข้าใส่หมาป่ามายาอย่างจนใจ
แม้จะตอบสนองรวดเร็วเพียงใดแต่ฝ่ายโจมตีย่อมรวดเร็วกว่า ดาบของซ่งไป่หลางเคลื่อนไปไม่ถึงครึ่งทางคมเขี้ยวของหมาป่ามายากลับกำลังจะขย้ำลงบนร่างของซ่งไป่หลางก่อนแล้ว
ตึง!! ร่างของหมาป่ามายาชะงักงัน ดวงตาแฝงความพิโรธโกรธา มันมิได้หยุดเพราะสัมผัสได้ถึงอันตรายแต่ถูกบางสิ่งบังคับให้ต้องหยุดชะงัก
ในสายตาของซ่งไป่หลาง บัดนี้ร่างของหมาป่ามายาถูกรัดพันเอาไว้ด้วยเถาวัลย์สีเขียวที่แลดูทรงพลัง อีกทั้งยังปกคลุมไปด้วยหนามแหลมคมจำนวนมาก เถาวัลย์นี้แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของรั่วอวี่
ร่างของหญิงสาวยืนหยัดอยู่ห่างออกไปประมาณห้าสิบจั้ง ทว่าการควบคุมเถาวัลย์ของนางกลับแม่นยำอย่างยิ่ง บังคับให้รัดเกี่ยวเข้าที่เพดานปากของหมาป่ามายายับยั้งมิให้มันปิดปากลงได้ชั่วคราว
พละกำลังของรั่วอวี่ย่อมไม่อาจหยุดหมาป่ามายาได้โดยสมบูรณ์ ทว่าการยับยั้งเพียงหนึ่งจังหวะในเวลานี้นับว่ามากเกินพอ ดาบวิญญาณวารีศักดิ์สิทธิ์ตวัดออกผ่าเข้าที่ลำคอของหมาป่ามายาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของคนทั้งสองปรากฏความยินดี พลังของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ร้ายกาจเพียงใดทั้งคู่ย่อมตระหนักเป็นอย่างดี ขอเพียงสามารถโจมตีบั่นคอของหมาป่ามายาได้ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพลังของดาบจะไม่สามารถตัดคอของมันออกจากร่างกาย
ทว่าหมาป่ามายาตัวนี้กลับมิใช่ธรรมดา การตอบสนองของมันเองก็รวดเร็วอย่างยิ่งเช่นกัน เมื่อสัมผัสถึงอันตรายมันพลันผ่อนแรงที่ใช้ต่อต้านเถาวัลย์ของรั่วอวี่ ปล่อยให้ร่างของมันถูกแรงรัดดึงของเถาวัลย์ฉุดถอยไปด้านหลัง ดาบวิญญาณวารีศักดิ์สิทธิ์ที่ควรจะฟาดฟันที่ลำคอกลับฟันได้เพียงอากาศธาตุที่ว่างเปล่า
สีหน้าของคนทั้งสองแปรเปลี่ยน การแก้ไขสถานการณ์ครั้งนี้ของหมาป่ามายามิเพียงทำลายโอกาสสังหารของคนทั้งสอง กลับเป็นฝ่ายหมาป่ามายาที่ได้โอกาสสังหารรั่วอวี่โดยยืมแรงของนางเป็นอาวุธ
ร่างของหมาป่ามายาอาศัยแรงกระชากของรั่วอวี่พุ่งตัวเข้าหานางอย่างรวดเร็ว มันกางกรงเล็บออกหมายจะตวัดผ่าร่างของรั่วอวี่ในจังหวะที่นางไม่ทันตั้งตัว
สถานการณ์คับขันแทนที่จะหวาดกลัวแต่ทั้งคู่กลับสงบเยือกเย็นอย่างยิ่ง ซ่งไป่หลางพลันปลดปล่อยอักขระออกมาอย่างรวดเร็ว หนึ่งก่อตัวเป็นค่ายกลเคลื่อนมิติส่งร่างของตนไปยังตำแหน่งของรั่วอวี่ ขณะเดียวกันสลับตำแหน่งให้รั่วอวี่มาปรากฏตัวที่ตำแหน่งเดิมของตนเอง
รั่วอวี่ปลดปล่อยพลังธาตุพฤกษา บนฝ่ามือของนางพลันปรากฏดอกไม้สีม่วงงดงามขึ้นหนึ่งดอก เมื่อนางปล่อยดอกไม้นั้นลงบนพื้นดอกไม้พลันปรากฏความเปลี่ยนแปลง แผ่ขยายรากจำนวนมากออกไปรอบทิศทาง
ดอกวิรุณม่วงบานสะพรั่ง
เมื่อรากของดอกแผ่ขยายละอองหมอกสีม่วงพลันปรากฏขึ้นแล้วแผ่ขยายรัศมีไปอย่างรวดเร็ว รั่วอวี่ใช้พลังลมปราณชักนำละอองหมอกสีม่วงแล้วส่งมันเข้าหาร่างของหมาป่ามายา
ขณะเดียวกันซ่งไป่หลางที่สลับตำแหน่งกับรั่วอวี่กำลังเตรียมพร้อมรับการโจมตีของมัน ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้ซ่งไป่หลางมีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม ดาบวิญญาณวารีศักดิ์สิทธิ์พลันยกขึ้นตั้งขวางทิศทางกรงเล็บของมัน หากหมาป่ามายาฟาดกรงเล็บเข้ามาก็ต้องแลกกับคมดาบนี้
ด้วยสัญชาตญาณหมาป่ามายาพลันชะงักท่าแปรเปลี่ยนเป็นอ้าปากส่งพลังลมปราณโจมตี กระแสพลังรุนแรงพุ่งกระแทกร่างของซ่งไป่หลางส่งร่างของเด็กหนุ่มปลิวกระเด็นไปนับสิบจั้งในพริบตา ซ่งไป่หลางกระอักโลหิตสีหน้าซีดเซียว อาศัยเพียงคลื่นพลังจากการคำรามของหมาป่ามายาก็สามารถทำให้ซ่งไป่หลางบาดเจ็บสาหัส
โอสถบัวสีชาดชำระโลหิตถูกกลืนลงไปในลำคออย่างรวดเร็ว นี่คือความได้เปรียบสำคัญของซ่งไป่หลาง ขอเพียงสามารถรักษาชีวิตได้ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอาการบาดเจ็บเช่นนี้
หมาป่ามายาต้องการโจมตีซ้ำเติมทว่าเมื่อละอองหมอกสีม่วงเคลื่อนเข้ามาล้อมรอบตัวมันประสาทสัมผัสที่เคยเฉียบคมกลับกลายเป็นพร่าเรือน การเคลื่อนไหวกลับกลายเป็นทื่อด้านและอ่อนแรงลงไปหลายส่วน
แนวคิดของรั่วอวี่นับว่าถูกต้อง สิ่งมีชีวิตมายาแม้จะมิใช่สิ่งมีชีวิตแท้จริงทว่าจุดอ่อนของมันก็คือมันมีความคล้ายคลึงกับสิ่งมีชีวิตมากเกินไป แม้แต่จุดอ่อนของสิ่งมีชีวิตอย่างพิษก็สามารถนับเป็นจุดอ่อนของมันเช่นกัน
มองเห็นท่าทางอ่อนแรงของหมาป่ามายาแววตาของรั่วอวี่พลันส่องประกายด้วยความหวัง ถุงสมุนไพรของนางเปิดออกพร้อมกับส่งเมล็ดสมุนไพรออกมาอีกมากกว่าห้าประเภท ทั้งหมดล้วนเป็นสมุนไพรพิษทั้งสิ้น
หมาป่ามายามิสนใจรั่วอวี่ แม้พิษของนางจะสร้างความรำคาญแก่มันทว่ากลับเป็นเด็กหนุ่มที่ทำให้มันสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นมันจึงเลือกกำจัดศัตรูที่อันตรายกว่าเป็นอันดับแรก ฝืนใช้เรี่ยวแรงที่มีพุ่งร่างเข้าหาซ่งไป่หลางที่กำลังฟื้นฟูตนเอง
กึก!! ร่างของหมาป่ามายาถูกหยุดยั้งเอาไว้อีกครั้ง ทว่าครานี้มิได้มาจากเถาวัลย์ของรั่วอวี่ แต่เกิดจากรากไม้อันทรงพลังที่ถูกควบคุมโดยซ่งไป่หลาง
รากพฤกษาผนึกวิญญาณ!!
สองมือของซ่งไป่หลางสั่นสะท้าน ภายใต้การดิ้นรนของหมาป่ามายาแม้วิชารากพฤกษาผนึกวิญญาณจะเป็นวิชาพันธนาการที่ทรงพลังเพียงใดก็ทำได้เพียงยื้อมันเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น พลังธาตุพฤกษาของซ่งไป่หลางถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็วแต่กลับไม่อาจคงสภาพของรากไม้เอาไว้ได้ยาวนานพอ
เพียงสามชั่วลมหายใจร่างของหมาป่ามายาได้ฉีกกระชากรากพฤกษาผนึกวิญญาณของซ่งไป่หลางออก จากนั้นพุ่งตรงเข้าขย้ำร่างของซ่งไป่หลางใหม่อีกครั้งหนึ่ง
พฤกษาร่ายรำ ห้วงเบญจพิษ
รั่วอวี่ที่มองเห็นเหตุการณ์ลงมืออย่างฉับไว ผงละอองพิษที่นางกำลังควบคุมพวยพุ่งออกไปพร้อมกันพริบตาเดียวก็ปกคลุมร่างของหมาป่ามายาเอาไว้
ร่างที่เดิมทีอ่อนลงอยู่แล้วเมื่อได้รับพิษถึงห้าประเภทเข้าไปพร้อมกันพลันอ่อนยวบชะงักงันลงกลางทาง กระทั่งยืนหยัดยังยากจะทำได้ ด้วยพลังของมันอาศัยเวลาเพียงไม่กี่ชั่วลมหายใจก็สามารถแก้ไขพิษร้ายเหล่านี้ได้ ทว่าศัตรูของมันมีหรือจะปล่อยให้มันทำได้สำเร็จ
ตัวอักขระล่องลอยอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ประทับลงบนดวงตาของหมาป่ามายา ทันใดนั้นดวงตาของมันพลันหม่นประกายแสงก่อนที่ร่างของมันจะแน่นิ่งไปในที่สุด
“โอ้ ไม่เลวเลย” ในพื้นที่ค่ายกลธรรมชาติของดินแดนตราสูญ จิตวิญญาณบรรพกาลพลันเอ่ยชมเชยด้วยน้ำเสียงสดใส
เซี่ยหยางสูดลมหายใจด้วยความโล่งใจ นับว่าเกือบไปแล้วจริงๆ หากมิใช่เพราะรั่วอวี่ลงมือช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมและประสานงานกันไปมาอย่างชาญฉลาด เกรงว่าครั้งนี้ซ่งไป่หลางแม้ชีวิตก็ยังไม่อาจรักษาเอาไว้ได้
“หมาป่ามายาตัวนั้นยังไม่สลายไป?” เซี่ยหยางประหลาดใจเล็กน้อย
จิตวิญญาณบรรพกาลหัวเราะอารมณ์ดี “ย่อมเป็นเช่นนั้น ศิษย์ของเจ้ามิได้ใช้วิธีทำลายหรือสังหาร แต่ใช้วิธีทำลายอักขระควบคุมชีวิตของมัน ตอนนี้หมาป่ามายาก็ยังคงเป็นหมาป่ามายา เพียงแค่ขาดแกนกลางที่คอยขับเคลื่อนพลังชีวิตเท่านั้น”
“บททดสอบเช่นนี้ไม่นับว่าโหดร้ายเกินไปหรอกรึ” เซี่ยหยางอดไม่ได้ต้องเอ่ยถามออกมา ที่แท้เซียนพฤกษาเป็นคนเช่นใดจึงได้สร้างบททดสอบอันเลวร้ายเช่นนี้ขึ้น
จิตวิญญาณบรรพกาลเอ่ยอย่างเลื่อนลอย “เดิมทีศิษย์ของเจ้าต่างหากที่เลือกวิธีการผิด ทว่าจะโทษมันก็มิได้ บททดสอบนี้ผู้ที่ผ่านได้สมควรเป็นผู้ที่มีจิตสำนึกของความเป็นผู้ปรุงโอสถที่แข็งแกร่ง ศิษย์ของเจ้าเพิ่งสัมผัสกับโลกของโอสถได้ไม่นาน ยังยึดติดกับความเป็นนักสู้มากกว่า ดังนั้นจึงเกิดผลลัพธ์เช่นนี้”
“เทียบกันแล้วแม่หนูนั่นต่างหากที่ใช้วิธีการที่ถูกต้อง สิ่งมีชีวิตมายาถูกสร้างให้มีจุดอ่อนเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตจริง สาเหตุเป็นเพราะเซียนพฤกษาต้องการให้ผู้ปรุงโอสถที่แท้จริงเป็นผู้บรรลุผลลัพธ์ของการทดสอบนี้ การใช้ประโยชน์จากสมุนไพร พฤกษาและยาพิษล้วนเป็นจิตสำนึกพื้นฐานของผู้ปรุงโอสถ ผู้ปรุงโอสถที่ยอดเยี่ยมสามารถเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าหลายขั้นก็ด้วยวิธีเหล่านี้ทั้งสิ้น”
เซี่ยหยางเงียบงัน ไม่อาจเอ่ยคำพูดโต้เถียงใดๆได้ ในด้านจิตสำนึกของความเป็นผู้ปรุงโอสถ เห็นได้ชัดว่าซ่งไป่หลางยังต้องเรียนรู้อีกมาก
“ผ่านได้หนึ่งครั้งก็ย่อมผ่านได้อีกหลายครั้ง ด่านทดสอบที่เป็นพวกสิ่งมีชีวิตมายาคงไม่มีความหมายแล้ว ลำพังสมุนไพรและพิษของแม่หนูผู้นั้นร่วมกับความรู้อักขระเทวะต้นกำเนิดของศิษย์เจ้า จะฝ่าด่านสิ่งมีชีวิตมายาเข้าไปยังตำหนักหมื่นสมุนไพรเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น” จิตวิญญาณบรรพกาลถอนหายใจเบาๆ
“ท่านรู้เกี่ยวกับบททดสอบเหล่านี้มากน้อยเพียงใด” เซี่ยหยางลอบถาม
“ข้าย่อมรู้ทั้งหมด ตอนที่เจ้าหนูเซียนพฤกษานั่นสร้างด่านทดสอบ ข้าเองก็จับตาดูมันอยู่ตลอดเวลา หึหึ ข้าจึงรู้สึกว่ามันน่าสนุกยิ่งนักที่จะได้เห็นคนน่าสนใจเช่นศิษย์ของเจ้าเผชิญหน้ากับบททดสอบเหล่านั้น”
“จะว่าไป สาเหตุที่ท่านแทรกแซงค่ายกลเซียนพฤกษาเพื่อให้มันเปิดออกก่อนกำหนด หรือเป็นเพราะท่านต้องการเห็นเรื่องสนุกและไม่อาจเฝ้ารอนานเกินไป?”
จิตวิญญาณบรรพกาลเงียบไปชั่วครู่คล้ายแปลกใจ “ไม่ถูกเสียทีเดียวนะ สำหรับตัวตนเช่นข้าเวลาหนึ่งเดือนหรือสิบปีก็ล้วนมีค่าไม่แตกต่างกัน แต่ที่ข้าเลือกลงมือแทรกแซงก็เพราะหากข้าไม่ลงมือ เกรงว่าศิษย์ของเจ้าอาจจะไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการทดสอบเป็นแน่ ศัตรูของพวกเจ้าร้ายกาจกว่าที่พวกเจ้าคิดนัก”
เซี่ยหยางขมวดคิ้ว หากเป็นผู้อื่นที่เอ่ยเช่นนี้มันคงไม่ให้ความสนใจอันใด ทว่าในเมื่อจิตวิญญาณบรรพกาลเอ่ยออกมาด้วยตนเอง เซี่ยหยางไม่คิดว่ามันจะโกหก
“เฮอะๆ ศัตรูของพวกเจ้าวางแผนเรื่องสวนสมุนไพรนี้มานานมากแล้ว หากปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามแผนที่พวกมันวางเอาไว้ เมื่อถึงเวลาสำนักพงไพรจะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติร้ายแรง อย่าว่าแต่ส่งคนเข้าไปในสวนสมุนไพรวิเศษเลย จะรักษาชีวิตและสำนักเอาไว้ได้หรือไม่ก็ยังบอกได้ยาก การแทรกแซงของข้าไม่เพียงทำให้เกิดความวุ่นวาย ยังทำให้ศัตรูของพวกเจ้าไม่อาจทำตามแผนเดิม ต้องเตรียมการใหม่อย่างฉุกละหุก นับว่าเป็นการช่วยเหลือพวกเจ้าหลายส่วนแล้ว”
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องขอขอบคุณท่านแล้ว” เซี่ยหยางถอนหายใจ
“มิจำเป็น เหตุผลหลักก็ยังคงเป็นการทำไปเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากศิษย์ของเจ้าไม่อาจเข้าร่วมการทดสอบมันคงจะน่าเบื่อสำหรับข้า อย่างไรเสียการทดสอบนี้ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ข้าให้ความสนใจและจับตามอง”
จิตวิญญาณบรรพกาลก็เป็นตัวตนเช่นนี้ มันมิได้ใส่ใจเรื่องยิบย่อยหรือปัญหาของผู้ใด เพียงมองความบันเทิงของตนเองเป็นเป้าหมายหลักเท่านั้น
“ท่านคิดว่าศิษย์ของข้าจะสามารถผ่านบททดสอบนี้ได้หรือ?” เซี่ยหยางถามหยั่งเชิง
“เฮอะๆ หากศิษย์ของเจ้าทำไม่ได้ก็ไม่มีผู้อื่นทำได้ ในเวลาหลายพันปีนับว่าศิษย์ของเจ้ามีคุณสมบัติใกล้เคียงกับความเป็นไปได้มากที่สุดแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับโอกาสและปัจจัยภายนอกต่างๆ การที่ศิษย์ของเจ้ามีแม่หนูคนนั้นร่วมทางก็นับเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเป็นไปได้ให้กับศิษย์ของเจ้าอีกหลายส่วนเช่นกัน”
เซี่ยหยางพยักหน้าเห็นด้วย ประสบการณ์ของซ่งไป่หลางยังน้อยเกินไป การร่วมมือกับรั่วอวี่สามารถชดเชยปัญหาด้านนี้ได้ แม้รั่วอวี่จะมิได้มีอายุมากกว่าซ่งไป่หลางทว่าอย่างน้อยนางก็มีความคุ้นเคยกับดินแดนเทพพฤกษา รู้จักสิ่งต่างๆมากกว่าซ่งไป่หลางหลายเท่า ทั้งยังมีความสามารถในการต่อสู้และวิเคราะห์สถานการณ์สูงล้ำ ดูจากการที่นางช่วยให้ซ่งไป่หลางจัดการหมาป่ามายาสำเร็จก็สามารถบอกได้ถึงคุณสมบัติของนาง
สีหน้าของเซี่ยหยางแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “เช่นนั้น ปัญหาที่เหลือก็คงจะเป็นพวกคนจากตระกูลหั่ว”
ราชันยุทธ์ของตระกูลหั่วย่อมไม่แข็งแกร่งไปกว่าหมาป่ามายา ทว่าด้วยจำนวนที่มากกว่ารวมกับความจริงที่ว่าการต่อสู้กับมนุษย์มีโอกาสเกิดปัญหามากกว่าการต่อสู้กับสัตว์ปีศาจหรือสัตว์มายา ตราบใดที่ไม่อาจจัดการคนกลุ่มนี้หรือสลัดให้หลุดได้ไกลมากพอเกรงว่าจะยังไม่อาจยืนยันผลลัพธ์ของการทดสอบนี้ได้
กลุ่มของหั่วฟู่เดิมทีย่อมไม่อาจผ่านด่านสิ่งมีชีวิตมายาได้โดยง่ายเช่นกัน แต่ในเมื่อพวกมันเป็นฝ่ายมาทีหลังย่อมสามารถใช้ประโยชน์จากการแผ้วถางเส้นทางของซ่งไป่หลางและรั่วอวี่ ถึงเวลานั้นต่อให้ไม่อยากให้ติดตามก็ไม่อาจยับยั้งได้อีก
เซี่ยหยางถอนหายใจ สำหรับเรื่องนี้คงได้แต่เชื่อมั่นในตัวลูกศิษย์ของตนและสาวน้อยรั่วอวี่แล้ว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ข่อมค้าบบบบ