ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER9 : ปริศนาของคิว
CHAPTER9 : ปริศนาของคิว
        วีนัสหรี่ตาลงเล็กน้อยกับชายฉกรรจ์ที่ล้อมเธอเอาไว้ ชายบางคนก็ถือดาบ มีด หรือไม่ก็ปืน แต่ที่แน่ๆทุกอย่างล้วนเป็นอาวุทมีคมทั้งสิ้น นั่นยังไม่น่าสงสัยเท่ากับชายเหล่านี้ไม่ไช่ตำรวจทั้งเครื่องแต่งกายและท่าทางดูยังไงก็ไม่เหมือนตำรวจ เหมือนกับนักฆ่าหางแถวเสียมากกว่า ดูเหมือนเกรเตอร์จะฉลาดพอที่จะจ้างคนภายนอกมาคุ้มกันตนเอง แต่เหตุผลที่ทำให้เธอไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรงก็เพราะส่งแต่พวกฝีมือห่วยๆมาเป็นคู่ต่อสู้มันเหมือนกับเป็นการดูถูกดีๆนี่เอง
        ชายคนด้านหน้าพุ่งทะยานปลายมีดผ่านแขนของวีนัสไป เลือดอุ่นๆทำให้เธอหลุดออกจากพวัง วีนัสยกมือขึ้นปาดเลือด รสและกลิ่นเลือดมันทำให้เธอรู้สึกพลุ๊กพร่าน ความต้องการสูบฉีด วีนัสเบิกนัยตากว้างเพ่งมองไปยังชายที่ทำร้ายเธอ แต่ดูเหมือนสายตานั้นจะซ่อนอยู่ภายไต้หน้ากากทำให้ชายคนนั้นไม่ได้เห็นแววตากระหายการฆ่าที่สุดแสนจะโหดเหี้ยมของวีนัส
        มือของวีนัสถูกเกร็งจนเล็บสีแดงยาวออกมาเส้นเลือดตรงมือเต้นตุบๆราวกับต้องการได้เลือดเพื่อเติมลมหายใจ
        ไร้เสียงร้องใดๆชายหลายคนถูกดึงลิ้นออกมาถึงพยายามร้องแค่ไหนก็ร้องไม่ออกเพียงชั่วพริบตาวีนัสก็สามารถกระชากจุดอ่อนไหวที่สุดในมุมปากออกมาได้ถึง ห้าคน ทำเอาคนที่เหลือพากันหน้าซีดเผือดทำท่าจะวิ่งหนี
        วีนัสยกนิ้วชี้จรดที่ปากพร้อมทั้งกระสิบออกมาเบาๆ “เด็กกำลังหลับอย่าส่งเสียงดัง”ทันทีที่พูดจบกลุ่มชายที่เหลือก็พากันวิ่งกรูออกไปแทบจะเหยียบกันตายทิ้งเพื่อนที่นอนกองอยู่กับพื้นหน้าตาเฉย และวีนัสเองก็ไม่มีท่าทีสนใจพวกที่นอนอยู่บนพื้นซักเท่าไหร่เพราะเธอนึกสนใจใครบางคนที่แผ่จิตสังหารออกมาอย่างรุนแรงราวกับต้องการท้าทายมาจากห้องเกรเตอร์ได้ซักพักแล้ว
        วีนัสไม่รอช้าเดินเข้าไปตามคำเชื้อเชิญและก็ได้พบกับหญิงสาวร่างอ้อนแอ้น ชุดหนังรัดรูปเน้นทรวงอก ผิวสีแทนละเอียด ในมือถือสิ่งที่คงเป็นอาวุทประจำตัว แส้
        “เธอคงทำให้ฉันพอใจบ้างนะ”วีนัสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเรียบ
        “วีนัส เธอจะไม่มีวันลืมคืนนี้ได้เลย”น้ำเสียงทรงเสน่ห์แต่มั่นใจของหญิงสาวพูดขึ้น
        วีนัสยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆโยนลิ้นที่ติดมือมาไปใกล้ๆตัวเกรเตอร์ เกรเตอร์เป็นชายแก่อ้วยท้วนตามคอและร่างแยเต็มไปด้วยทองหยอง น่าจะเรียกว่าตู้ทองเคลื่อนที่มากกว่าหัวหน้าหน่วยปราบปราม
        “ฉันชื่อ กราเดียร์ยินที่ได้พบคนดังในตำนานค่ะ คุณวีนัส”กราเดียย่อตัวลงเล็กน้อยในท่าเตรียม
        “ฉันจะจำเอาไว้”วีนัสยืนกอดอกในท่าสบายๆอย่างไม่ใส่ใจนัก เธอเรียนรู้มาจากอีเกิ้ลจงทำให้เค้าศัตรูกลัวแต่อย่าแสดงออกถึงความกลัว และที่สำคัญที่สุดถ้าเธอมั่นใจว่าเธอไม่มีทางแพ้จงอย่าจู่โจมก่อนเพราะไม่อยางนั้นจะหมดสนุก
        กราเดียกค่อยๆเลื่อนไปใกล้ๆวีนัสพร้อมทั้งเหวี่ยงแส้ในมือไปรอบๆด้านบนศรีษะอย่างลองเชิงแต่วีนัสยังคงยืนอยู่ในท่าสบายๆ
        “รับมือ”กราเดียเหวี่ยงแส้จากด้านหลังหมายจะฟาดวีนัสแต่ที่ฟาดได้มีเพียงแต่อากาศธาตุเท่านั้น “หนอย”กราเดียกัดฟันกรอดพร้อมทั้งเหวี่ยงแส้ไปที่วีนัสอีกครั้งแต่เธอก็หลบได้ทุกครั้ง และไอ้ท่าทางสบายอารมณ์ของวีนัสมันก็ทำให้กราเดียร์หมดความอดทน ฟาดแส้ไม่ยั้งอย่างไม่รู้ทิศทาง
        “ฮะ ๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกของวีนัสดังก้องไปทั่วทำให้เกรเตอร์นั่งชันเข่าอย่างกลัวตายอยู่ด้านในมุมสุดของห้องสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ
        “ไหนบอกจะทำให้ฉันสนุกไงล่ะ น่าเบื่อ”วีนัสตะคอกเสียงดังข้างหูกราเดียร์มทันทำให้เธอฟาดไปมาอย่างบ้าคลั่งราวกับคนบ้า
        ความกลัวตายเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง อีเกิ้ลมันสอนเสมอให้ฉันยอมรับความตาย แต่ตัวเค้าเองกับไม่เคยยอมรับความสูญเสีย ความรู้สึกที่วีนัสไม่เข้าใจ
        “จบเกมกันซักที”วีนัสกระชากศรีษะของกราเดียร์กระแทกกับพนังเลือดสีแดงไหลเปลอะไปทั่วทั้งกำแพง วีนัสหยุดเล็กน้อยก่อนที่จะกระชากไปด้านหลัง หัวของกราเดียร์กระแทกกับกระจกกันกระสุนเข้าอย่างจังทำให้เธอสำลักออกมาเป็นเลือด
        วีนัสจ้องเขม็งไปที่ร่างอาบเลือดของคราเดียร์ เธอรู้สึกว่ากราเดียร์กำลังพูดบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นการร้องขอชีวิต เล็บแหลมคมจ่ออยู่ที่คอกราเดียร์ แววตาของวีนัสแสดงให้เห็นว่าความตายของหญิงคนนี้คือสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด
        แอะ แอะ
        เสียงของนาธานทำให้เธอชะงักอยู่มือพร้อมทั้งแววตาที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นอ่อนลง “ฉันลืมไปว่าวันนี้จะไม่ฆ่าใคร”วีนัสยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะผละมือออก
        แง้ แง้
        วีนัสหันไปตามเสียงร้องแต่ก็ต้องพบว่านาธานไม่อยู่ด้านหลังของเธออีกแล้ว เกรเตอร์กำลังอุ้มนาธาน พร้อมทั้งเอามีดจ่อคอหอยของเด็กน้อย สายตาแสดงให้เห็นว่าเค้าใกล้บ้าเต็มทน “อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กนี่ตาย”เกรเตอร์ขู่แต่เค้าทำจริงแน่ๆ เพื่อแลกกับชีวิตของตัวเค้าเอง
        “เหรอ”วีนัสค่อยๆถอดหน้ากากแฟนท่อมออกเผยให้เห็นนัยตาสีฟ้าที่มันขุ่นมัวและไม่สบอารมณ์เอามากๆ
        “อุ๊...อ๊อก”เกรเตอร์ปล่อยมือจากเด็กน้อยจับไปที่คอตัวเองเพราะเค้ารู้สึกว่าเริ่มหายใจไม่ออก ราวกับว่าอากาศถูกดึงไปหมด
        วีนัสค่อยๆช้อนร่างของนาธานและค่อยๆโอ๋เบาๆ
        “ถึง...ฉัน ตาย ...แกก็หนีไม่...รอดอยู่ดี ห้องนี้เป็นห้องปิดตายไม่..สา.มารถเปิดได้อีกแล้ว....แกจะต้องถูกจับอยู่ที่...นี่ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”สิ้นเสียงเกรเตอร์ก็ขาดใจตายอยู่ตรงนั้น
        วีนัสไม่แม้แต่จะชำเลืองมองร่างไร้วิญญาณของเกรเตอร์เลยแม้แต่น้อย เธอค่อยๆหยิบปืนกระบอกใหญ่ออกมาจากกระเป๋าสีน้ำตาล ที่มีตัวปุ่มสองปุ่มสีฟ้าและแดงอยู่ด้านข้าง
        วีนัสกดไปที่ปุ่มแดงจ่อไปที่กระจกในระยะเผาขนซักห้านาที แต่ก็ไม่มีรอยแตกร้าวแค่ปืนไฟไม่สามารถทำให้กระจกกันกระสุนแตกได้ วีนัสเปลี่ยนไปใช้น้ำแข็งแทนและจ่อซ้ำลงไปที่เดิม กระจกที่ได้รับสองอูณภูมิที่แตกต่างถึงกับเกิดรอยร้าวและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สายลมพัดเข้ามาจากด้านนอกทำให้เรือนผมสีแดงของเธอพริ้วไหวไปตามสะเก็ดกระจก
        นักฆ่าสาวเก็บปืนกระบอกยักษ์และหน้ากากแฟนท่อมเข้ากระเป๋าสีน้ำตายอย่างไม่รีบร้อน เมื่อแน่ใจว่าเก็บทุกอย่างจนหมดแล้ว วีนัสก็กระโดดออกจากหน้าต่างพุ่งดิ่งลงจากชั้น 75!!!
        ก่อนที่จะถึงพื้นแสงสีฟ้าก็ผุดขึ้นจากพื้นรองรับฝ่าเท้าของวีนัสเอาไว้ดูเหมือนเธอจะบังคับลมให้รองรับเธอก่อนจะโหม่งโลกเพียงเสิ้ยววินาที
        วันัสปัดเศษกระจกตามตัวออกเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป พร้อมทั้งดึงผ้าปิดตานาธานออก เด็กน้อยทำเสียงแอะ แอะ ชอบใจเป็นการใหญ่
       
        “กลับมากันได้ซักทีนะ”วีนัสยืนพิงประตูห้องครัวเพ่งมองไปที่สองหนุ่ม กับหนึ่งสาวที่ทิ้งให้เธอต้องอยู่ดูแลนาธานถึงสามวันเต็มๆ
        “ก็อาจาร์ยน่ะ ไม่ยอมรอเลย ขับเร็วอย่างกับจรวด”วาคิวลี่ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะอย่างเนื่อยอ่อน
        “หือ.. ไม่ยอมรอเหรอ.. อีเกิ้ล”วีนัสชำเรืองมองใบหน้าด้านข้างที่กำลังกุมขมับด้วยความกลุ้มของอีเกิ้ล “มันแปลกๆ อยู่นะ”
        อีเกิ้ลยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมทั้งยกมือทั้งสองข้างขึ้นทำท่ายอมแพ้ “ขอโทษๆ เป็นแผนของฉันเองแหละ ฉันเองอยากจะให้โคและวาคิวลี่ได้เห็นการทำงานจริง แต่ก็ไม่อยากให้เห็นการฆ่าที่โหดร้ายนัก การที่เอาเด็กไปด้วยก็เป็นเครื่องประกันว่าเธอจะไม่ฆ่าใครให้โหดเหี้ยมต่อหน้าพวกเด็ก”
        “เหรอ”วีนัสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระแทก
        “อีกอย่าง ดูเหมือนว่าเธอกับนาธานจะเข้ากันได้มากกว่าที่ฉันคิดซะอีกนะ”อีเกิ้ลยิ้มออกมาพร้อมทั้งเพ่งมองไปที่เด็กน้อยในอ้อมกอดวีนัส “เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันก็จะไปนอนล่ะ” อีเกิ้ลรีบตัดบทด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อไปชั้นสองก็ต้องพบบางอย่างทีดูผิดสังเกตุออกไป “แจกันอันนี้”ทันทีที่พูดวีนัสก็สะดุ้งโหยง แต่ก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เช่นเคย “พึ่งทำความสะอาดใหม่เหรอ” วีนัสรีบพยักหน้าทันทีที่อีเกิ้ลหันมาถาม
        อีเกิ้ลยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบนเหลือเพียงความโล่งใจของวีนัส
        “เอาล่ะ วาคิวลี่ ดูแลต่อให้ด้วยนะ”วีนัสส่งเด็กน้อยให้วาคิวลี่ แต่ทันทีที่นาธานถึงมือวาคิวลี่เค้าก็ร้องไห้ออกมาอีก ทำให้วาคิวลี่ตกใจจนแทบทำนาธานหลุดมือ
        “สงสัยนาธานคงอยากจะอยู่กับคุณวีนัสมากกว่าล่ะมั้งคะ”ทันทีที่วีนัสรับนาธานมาเค้าก็หยุดร้องทันที  แถมยังหัวเราะแอะ ๆ อย่างพอใจ
        “เฮ้ออ เป็นเด็กที่เจ้าปัญหาจริงๆนะ”น้ำเสียงของวีนัสบ่งบอกถึงความรำคาญแต่นัยตากับดูแล้วอ่อนโยน เฉกเช่นแม่กับลูก
               
        อิ๊ดดดดดดดดด
        “หือ ใครมานะ ดึกๆดื่นๆ โคไปดูสิ”วีนัสหันไปสั่งแต่สายตายังเพ่งมองอยู่ที่การ์ตูน
        “คับผม”โคฮัมเพลงเบาๆเดินตรงไปเปิดประตูตามคำสั่งของวีนัส
        ทันทีที่เปิดประตูออกผู้มาเยือนก็โพล่งออกมาทำให้โคผงะแทบหงายหลังด้วยความตกใจ
        “นาธาน”เสียงแป๋นๆที่ฟังดูเสียดหูเรียกชื่อเด็กน้อย นาธานมีท่าทีดีใจอย่างเห็นได้ชัดแถมยังกระโดดโหยงๆพยายามจะเข้าไปหาหญิงที่เรียกเค้า
        “ลูกรัก เป็นยังไงบ้างจ๊ะ คิดถึงแม่มั้ย”คุณนายไวโอเลตตรงเข้าประคองกอดนาธาน
        “สวัสดีค่ะ... แต่รู้สึกว่ากำหนดการณ์กลับ มันอีกสี่วันไม่ใช่เหรอคะ”วีนัสถามด้วยน้ำเสียงฉงน
        “ใช่ค่ะ แต่บังเอิญว่าพวกเราจะต้องย้ายบ้านตามที่ทำงานของสามีกระทันหันค่ะ ก็เลยต้องเลื่อนเวลากลับเข้ามา แล้วนาธานแกทำอะไรรบกวนพวกคุณหรือเปล่าคะ”วีนัสไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแต่มองนาธานในอ้อมกอดของแม่เค้าที่หลับปุ๋ยในท่าทางอุ่นใจ
        “ไม่ค่ะ แกเป็นเด็กดีมาก”วีนัสยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่โคและวาคิวลี่เห็นได้ชัดว่ามันช่างเป็นยิ้มที่ดูอ้างว้างซะเหลือเกิน
        “งั้นขอตัวก่อนนะคะ เพราะต้องเตรียมเก็บของย้ายพรุ่งนี้”คุณนายไวโอเลตโค้วศรีษะเล็กน้อยและเดินออกไปพร้อมทั้งนาธานในอ้อมกอด
        “เสียใจเหรอ”เสียงทุ้มเค้มของอีเกิ้ลพูดขึ้น เค้าค่อยๆเอียงศรีษะของวีนัสเข้าไปซุกตรงอกพร้อมทั้งลูบเบาๆราวกับต้องการปรอบโยน
        “เพราะ...”วีนัสพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักออกมาเบาๆ
        “ใช่แล้วล่ะ เพราะเราเองแหละ”อีเกิ้ลพูดเหมือนยืนยันในสิ่งที่วีนัสกำลังคิด
        “เอ๋”โคและวาคิวลี่มองหน้ากันด้วยสีหน้าฉงนในสิ่งที่วีนัสและอีเกิ้ลกำลังคุยกันอยู่
        “เพราะเราเป็นนักฆ่า ถ้าเมื่อใดที่เราสนิทกับใครมากเกินไปเค้าก็จะกันสิ่งนั้นออกไป เพื่อคนนอกจะได้ไม่โดนลูกหลง และความลับจะไม่แพร่งพรายออกไป ความโดดเดี่ยวที่แสนเศร้า ความอ้างว้างที่เหน็บหนาว”อีเกิ้ลกอดไปที่ร่างบาง สายตาล่องลอยไปไกล
        “จะว่าไปแม่ของฉันก็เป็นเหมือนคุณนายไวโอเลตเลยนะ รักมาก ห่วงมาก”วาคิวลี่พูดขึ้น
        “แม่ฉันก็เหมือนกัน ทำอะไรเสี่ยงนิดหน่อยก็จะมาคอยตำหนิ ยืนต่อว่า”โคเสริมทัพ
        “แต่ที่เค้าทำไปก็เพราะเป็นห่วง..”
        “และหวังดี”โคยิ้มออกมาเล็กน้อยในคำตอบของตัวเอง “อยากจะเจอแม่อีกสักครั้งจังเลยนะ”วาคิวลี่พยักหน้าเร็วๆอย่างเห็นด้วย
        “แล้วแม่ของคุณอีเกิ้ลล่ะคะ”อีเกิ้ลยิ้มออกมาเล็กน้อยกับคำถามของวาคิวลี่
        “โหด แม่ของฉันโหดสุดๆ”อีเกิ้ลหัวเราะออกมาเล็กน้อย พร้อมๆกับที่วีนัสผละออกจากอ้อมกอดของอีเกิ้ล
        “แล้วแม่ของคุณวีนัสล่ะคะ”วีนัสชายตามองผู้ถามเล็กน้อยด้วยสายตาเย็นชาและเดินขึ้นชั้นสองไปเงียบๆ
        “วีนัสความจำเสื่อม ไม่มีความจำเกี่ยวกับครอบครัวหรอก”อีเกิ้ลตอบแทนหลังจากที่วีนัสลับสายตาไปแล้ว
        “เหรอคะ”วาคิวลี่ก้มหน้าทำสีหน้าสำนึกผิด
        “ไม่เป็นไร ๆ ๆ”อีเกิ้ลลูบหัววาคิวลี่เล็กน้อย และเดินตามวีนัสออกไป
        “อีเกิ้ล”เสียงเรียกของวีนัสที่ดังมาจากในห้องหยุดการเคลื่อนไหวของอีเกิ้ลเอาไว้
        “อะไร”อีเกิ้ลเดินเข้าไปในห้องและนั่งลงบนเตียงข้างๆวีนัส
        “ฉันจะกลับองค์กร”วีนัสตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
        “จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน จะได้พาโคกับวาคิวลี่ไปพบบอสด้วย อีกอย่างเธอเองก็ไม่ได้เข้าแคปซูลมาหลายวันแล้วด้วย เดี๋ยวร่างกายจะทรุดเอา แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะ”
        “วันนี้”วีนัสคว้าเสื้อโค้ทสีดำข้างตัว พร้อมทั้งเดินนำออกไป
        ................................
        “อาจาร์ยครับ”
        “หือ”
        “ที่ๆ เราจะไปเนี่ยคือองค์กรของนักฆ่าใช่มั้ยครับ”
        อีเกิ้ลดึงแว่นตาดำขึ้นใส่พร้อมทั้งพยักหน้าเล็กน้อย
        “แล้วเราจะไปกันด้วยรถเลยเหรอครับ”
        “แล้วจะให้ไปด้วยอะไรล่ะ”
        “ผมเคยเห็นในทีวี จะมีช่องจากทางไต้ดินเชื่อมต่อกับทางทัพไต้ดิน”
        “และก็จะมีหนูนา เดินไปเดินมาคอยชักลอกใช่มั้ย”วาคิวลี่เสริม
        “นั่นแหละใช่เลย”โคโพล่งออกมาอย่างสนุกสนาน
        “พอ ๆ ๆ เว่อร์”อีเกิ้ลตอบด้วยน้ำเสียงขำขัน
        “เราจะไปกันด้วยรถเพราะวันนี้ไปกันหลายคน ถ้าไปคนเดี๋ยวมักจะใช้รถแท๊กซี่น่ะ คนพวกนี้ในสังคมอย่างนี้ไม่สนใจหรอกว่าเราจะต้องการให้ไปส่งที่ไหน ขอแค่ให้มีเงินจ่ายก็พอ”
        “พร้อมนะ”วีนัสหยิบแว่นตาเลนส์สีน้ำตาลขึ้นใส่
        โคและวาคิวลี่พยักหน้าพร้อมๆกัน
        “ดี” วีนัสเหยียบสุดแรงทำให้รถพุ่งออกไปแทบจะลอยข้ามไปทับบ้านฝั่งตรงกันข้าม
        “อ๊ากกก”โคและวาคิวลี่ร้องออกมาสุดเสียงเมื่อวีนัสหกหลบเกือบไม่พ้นเสาร์ไฟฟ้าหน้าบ้านคุณนายไวโอเลต
        ................
        เอี๊ยดดดด
        “ถึงแล้ว”วีนัสหันไปมองด้านหลังแล้วพบว่าโคกับวาคิวลี่นั่งกอดกันกลมหลับตาปี๋อยู่ที่ด้านหลังรถ “ถึงแล้ว”วีนัสย้ำอีกครั้งทำให้โคและวาคิวลี่รีบผละมือออกจากกัน
        ป้ายหักๆหน้าทางเข้าเขียนด้วยหนังสือเรือนๆว่า ศูนย์พัฒนาพันธ์ปลาโลมา วีนัสก้มลงมุดโซ่เหล็กที่กั้นอยู่ พร้อมทั้งเดินนำไป
        “ที่นี่ใช่องค์กรแน่เหรออาจาร์ย”
    “เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า”อีเกิ้ลตอบปัดๆไป
        วีนัสเดินนำออกไปก่อนพร้อมทั้งหยิบปากกาสีน้ำเงินเข้มออกจากกระเป๋า และเดินเข้าไปในลิพน์ พร้อมทำท่ากวักมือเรียกโค กับวาคิวลี่ให้เดินตามเข้าไป ทั้งสองเดินตามหลังอีเกิ้ลเข้าไปอย่างว่าง่าย
        ทันทีที่เข้ามากันครบวีนัสก็เสียบปากกาด้ามนั้นลงไปในช่องวงกลมด้านล่างฐานตัวเลขที่เอาไว้กดตัวเลข ทันทีที่เสียบปากกาเข้าไปลิพน์ก็เลื่อนลงทั้งๆที่อยู่ชั้นหนึ่งแต่ลิพน์กับเลื่อนลง
        “อรุณสวัสดิ์ค่ะ วีนัส”ทันทีที่เสียงของเครื่องตอบรับดับลงประตูลิพน์ก็เปิดออก ภายในเต็มไปด้วยผู้คนเดินไปเดินมาและหุ่นยนต์ลักษณะเมือนถังขยะกำลังทำงานอยู่
        อีเกิ้ลเดินนำออกไปก่อนตามด้วยวีนัสมันทำให้โคและวาคิวลี่รู้สึกประหม่าเพราะทุกคนที่อีเกิ้ลและวีนัสเดินผ่ายจะโค้งหัวเล็กน้อยเป็นเชิงทำความเคารพทุกสายตาถูกจับจ้องไปที่ทั้งสองราวกับคนดัง คนที่ทุกคนต้องให้ความสนใจ
        “กลัวเหรอ”วีนัสพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของทั้งสอง “นี่ยังไม่ถึงด้านในเลยนะ แค่ส่วนที่เอาไว้ทำงานทั่วไป”โคพยักหน้าลอยๆอย่างเหลือเชื่อ
        อีเกิ้ลไปหยุดที่แท่นวงกลมตรงกลางห้องพอมายืนจุดนี้พวกเค้าก็ยิ่งเด่นเข้าไปใหญ่ “เข้ามาสิ” อี้เกิ้ลหันไปสั่งเล็กน้อยกับลูกศิษย์ทั้งสอง
        “ค่ะ/ครับ”ทันทีที่โคและวาคิวลี่มายืนในวงกลมนั้นพื้นวงกลมก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นราวกับลิพน์
        “ว้าว”วาคิวลี่อุทานออกมาเสียงดังเมื่อลิพน์นั้นเลื่อนขึ้นผ่านไต้น้ำ พวกเค้าเห็นปากน้อยปลาใหญ่มากมาย พื้นน้ำเป็นสีเขียวฟ้าสวย
        “นี่แหละของจริง”วีนัสพูดขึ้น พร้อมทั้งเพ่งมองไปที่ประตูลิพน์
        “เอาล่ะ”อีเกิ้ลผลักโคกับวาคิวลี่ออกจากประตูลิพน์และยกมือทั้งสองข้างไปด้านหน้า
        ทันทีที่ประตูลิพน์เปิดชายหนุ่มหลายคนก็โค้งหัวลงพร้อมตะเบ็งเสียงออกมา“ขออนุญาติครับ”
        “ตามสบาย”อีเกิ้ลยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมทั้งกวักมือเป็นเชิงเชื้อเชิญ
        อีเกิ้ลสบัดมือตบหน้าของชายทางขวาที่พยายามจะเข้ามาชกเค้า และจับศรีษะของคนทางซ้ายเหวี่ยงออกไปก่อนจะกระโดดเตะคนด้านหน้าเรียงกันสามคนล้มระเนระนาด “อ้าว ๆ ๆ ฝีมือไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยนะ”อีเกิ้ลพูดด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ
        วีนัสเดินออกมาด้านหน้าเล็กน้อย “อีเกิ้ลฉันรีบ” อีเกิ้ลหันมามองวีนัสเล็กน้อยอย่างเสียดายและก็ค่อยๆเลื่อนไปอยู่ทางด้านหลัง
        วีนัสส่องสายตาอาฆาตรไปที่คนพวกนั้น ชายหลายคนถึงกับเดินถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่วีนัสเดินลมรอบๆตัวก็ปรากฎออกมาสะบัดชายหลายคนให้กระเด็นออกไปไกล แสงสีเขียวตวัดไปรอบๆเหมือนแซ่แต่ชายหลายคนก็ยังบุกเข้าโจมตีไม่หยุด
        “อาจาร์ยคะ คนพวกนี้เป็นใครเหรอคะ”วาคิวลี่ถามขึ้นอย่างสงสัย
        “พวกsui ที่ต้องการตำแหน่งน่ะ กฎมีแค่ถ้าสามารถชกหน้าพวกที่เป็นมืออาชีพได้ครั้งเดียวก็จะสามารถรับงานได้ ถือเป็นมืออาชีพระดับล่าง”อีเกิ้ลตอบคำถามสั้นๆ
        “คือการทดสอบนั่นเอง”โคถามขึ้น
        “ก็ประมาณนั้น”อีเกิ้ลยักไหล่เล็กน้อย “เพราะอย่างนี้พวกมืออาชีพเลยไม่ค่อยอยากกลับเข้ามาถ้าไม่จำเป็น โชคร้ายหน่อยที่วันนี้วีนัสรีบ”
        “เหลือ สิบคนสินะ”วีนัสชำเรืองมองชายอีกประมาณสิบกว่าคนที่ยังประคองตัวยืนอยู่ได้ “ถ้าพวกนายจัดการสองคนนั้นได้”วีนัสชี้ไปที่โคและวาคิวลี่ “ฉันจะรับรองพวกนายเป็นนักฆ่าอาชีพ”
        วาคิวลี่และโคชะงักอย่างตกใจเพ่งมองไปยังวีนัสที่ค่อยๆลดพลังลงและเดินไปยืนข้างๆอีเกิ้ล วาคิวลี่พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
        “ที่ๆพวกเธอควรมองไม่ใช่ฉันแต่เป็นพวกนั้น”วีนัสชี้ไปที่ชายสิบกว่าคนที่มีท่าทางฮึกเฮิมขึ้นมา “ดูฉันทำงานมาตั้งหลายวันแล้วนี่ น่าจะสู้เองได้แล้ว”อีเกิ้ลชำเลืองมองใบหน้าสะใจของวีนัสเล็กน้อยก่อนจะลอบคิดอะไรบางอย่าง
        ‘แก้แค้นสินะ’อีเกิ้ลถอนหายใจอย่างเนื่อยอ่อน
        วีนัสเพ่งมองตรงไปอาจจะเป็นเพราะโคและวาคิวลี่มากับพวกเค้าจึงทำให้ต่างฝ่ายต่างก็ลังเลไม่กล้าเข้าประทะก่อน “ฉันรีบ” ชายหนุ่ม โค และวาคิวลี่หันไปมองวีนัสที่กำลังก้มลงมองนาฬิกา “ให้เวลายี่สิบนาที”
        “ย๊ากกกกก”ชายด้านหน้าสุดพุ่งตรงเข้าหาโคหมายจะทำร้าย
        “โคระวัง”สิ้นเสียงวาคิวลี่ก็โดนกระชากผมจากทางด้านหลังกระแทกฝาผนังอย่างแรง เธอรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับสลบ
        ชายอีกสองคนพยายามจะเดินเข้ามาล็อกแขนวาคิวลี่แต่เธอเอียงตัวหลบโดยอาศัยความรวดเร็วได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
        “วาคิวลี่ไม่เป็นไรนะ ไหวรึเปล่า”โคพูดขึ้นพร้อมทั้งปาดเลือดที่ข้างปากออก
        “ไหว ไม่ต้องห่วง”วาคิวลี่ตอบพร้อมทั้งหลบหมัดไปทางซ้ายทีขวาที อาการมึนๆของเธอชักจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว
        “อีกยีสิบนาที”วีนัสพูดเตือนสติ กลุ่มชายเหล่านั้นมองหน้ากันก่อนจะหยิบอาวุทมีคมออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
        “ขี้โกงนี่นา”วาคิวลี่ค้านเสียงดังพรางหันไปมองวีนัส
        “ไม่มีกฎห้ามใช้ของมีคมนี่นา”วีนัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
        “แต่พวกเราไม่มีอาวุทเลยนี่นา”โคแย้งขึ้นบ้าง
        “งั้นก็เอานี่ไป”วีนัสโยนบางสิ่งกระทบพื้นเสียงดัง รูปร่างของมันโคสามารถจำได้ในทันทีเพราะมันคือปืนไซโครน 225
        “ว้าว”วาคิวลี่อุทานเสียงดังพรางวิ่งไปหยิบปืนนั้น
        เมื่อสัมผัสปืนนั้นก็พบว่ามันหนักเกินกว่าที่เธอจะหยิบมันได้ “โค มันหนัก ยกไม่ขึ้น”วาคิวลี่หันไปตะโกนบอกโค
        “ก็แน่นอนล่ะ คิวเคยบอกว่า ไซโครน 225 คือปืนประจำตัวของอีเกิ้ลมีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโล มีอนุภาพขนาดเอาขีปนาวุทมามัดรวมกันห้าอัดได้เลย มืออาชีพหลายคนยังยกมันไม่ขึ้นเลยนับประสาอะไรกับพวกเราล่ะ”โคตอบพร้อมทั้งปัดมีดที่พุ่งเข้ามาหาเค้า “รีบๆลุกขึ้นมาได้แล้ว ปืนน่ะปล่อยเอาไว้อย่างนั้นแหละ”
        วาคิวลี่ผละมือออกจากปืนสีดำสนิท พลันนัยตาก็เปลี่ยนเป็นสีทองดุดแมวที่กำลังล่าเหยื่อ เธอกระโจนไปด้านหน้ากระแทกชายตรงหน้าล้มคว่ำลงไป
        “ทำได้ดีนิ”โคเอ่ยปากชม “แต่ลองดูของฉันซะก่อน”โคโบกมือเล็กน้อยพร้อมทั้งแสงสีส้มนวลก็ปรากฎขึ้นครอบร่างชายสามถึงสี่คน ชายเหล่านั้นหยุดอยู่นิ่งราวกับถูกแช่แข็ง
        ปัง
        ลูกปืนเฉียดใบหน้าของโคไปเล็กน้อยท่าทีของชายที่ยิงปืนดูร้อนรนเหมือนคนใกล้บ้า
        “ใจดีจังนะ”อีเกิ้ลพูดขึ้นลอยๆแต่มันก็ดึงความสนใจวีนัสได้มากจนทำให้เธอหันไปมองผู้พูด “เหลือแต่พวกอ่อนหัดทั้งนั้น ไม่ครณามือโคกับวาคิวลี่หรอก”
        วีนัสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยหันมาเพ่งมองพวกโคและวาคิวลี่ “ทั้งๆที่มีแต่พวกอ่อนหัดลูกศิษย์ของนายยังหืดขึ้นคอ สอนกันมายังไงได้แค่นี้” น้ำเสียงดูถูกของวีนัสฟังดูแดกดัน
        “สอนเหมือนที่สอนเธอนั่นแหละ”อีเกิ้ลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขำขัน
        “งั้นเชียว นายกำลังจะบอกว่าพวกนี้ก็เหมือนฉันงั้นเหรอ”อีเกิ้ลยักไหล่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา
        วีนัสคิ้วกระตุกเล็กน้อยพร้อมทั้งปล่อยไอสังหารออกมา จนทำให้กลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ต้องหันมามอง “คงต้องวัดฝีมือกันหน่อยแล้วมั้ง”
        “อย่าเลยวีนัส เธอกับฉันมันยังห่างกัน”อีเกิ้ลพูดด้วยน้ำเสียงขำขันฟังดูมั่นใจ
        “งั้นเชียว”วีนัสชำเรืองตาอย่างเคียดแค้นไปที่อีเกิ้ล พร้อมทั้งลมหมุนในมือทั้งสองข้าง
        “โอโฮ ยุขึ้นแฮะ”อีเกิ้ลหัวเราะออกมาอย่างสะใจพรางหยิบดาบสีดำสนิทออกมาจากในเสื้อโค้ท
        “ว้าว เท่ห์จัง”วาคิวลี่อุทานออกมา
        “จะว่าไปฉันก็ไม่เคยเห็นอาวุทของอีเกิ้ลมาก่อนเลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนคราสสิคขนาดใช้ดาบ”โคหันไปพูดกับวาคิวลี่
        “แต่อาวุทประจำตัวของอีเกิ้ลไม่ใช่ปืนกระบอกนั้นเหรอ”วาคิวลี่ชี้ไปที่ปืน
        “อันนี้ฉันก็ไม่รู้นะ”โคตอบ
        “ปืนกระบอกนั้นน่ะ ถือว่าเป็นปืนที่อีเกิ้ลนิยมใช้ไม่ใช่อาวุทประจำตัว”ชายอีกคนที่เคยเป็นศัตรูพูดสขึ้นดูเหมือนเค้าจะรู้ประวัติอีเกิ้ลดีพอสมควร “แต่อาวุทประจำตัวจริงๆของอีเกิ้ลคืออะไรก็ไม่เคยมีใครรู้”
        โคและวาคิวลี่พยักหน้า พร้อมทั้งทำหน้าเหลือเชื่อ
        “เป็นผู้ชายที่ลึกลับจริงๆนะ”วาคิวลี่หันไปพูดกับโค
        “ฉันว่าเป็นคู่หูที่ลึกลับมากกว่านะ”
        “แต่ฉันก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าอาจาร์ยอายุเท่าไหร่กันแน่”
        โคเหลือบมองวาคิวลี่เล็กน้อย “แล้วคิดว่าอายุซักเท่าไหร่ล่ะ”
        “ฉันอยู่ที่นี่มาเจ็ดปี แต่อีเกิ้ลมาอยู่ก่อนฉันนานแล้วล่ะ ส่วยคนที่อยู่ที่นี่มานานที่สุดก็25ปี แต่ก็อีกแหละอีเกิ้ลอยู่ที่นี่มานานกว่าเพื่อนคงไม่มีใครรู้ความลับนี้นอกจากตัวเค้าเอง”ชายอีกคนพูดขึ้น
        ปัง
        “เหวอ”โคอุทานออกมาเสียงดังเมื่อพายุหมุนเฉียดใบหน้าของเค้าไปเล็กน้อย
        “ไม่เอาน่าวีนัสต่อให้โจมตีมายังไงก็เหมือนเดิม”อีเกิ้ลพูดขึ้นพร้อมๆกับยกดาบปัดพลังลมของเธออย่างไม่ยากเย็นนัก
        “ไม่มีทาง”วีนัสค้านเสียงแข็ง “เมื่อไหร่จะเลิกทำเล่นๆซะที มาต่อสู้กันจริงๆสิ”
        อีเกิ้ลเอียงคอเล็กน้อย “วีนัสมีคนแค่สองคนที่จะทำให้ฉันเองจริงได้นะ ซึ่งเค้าเหล่านั้นไม่ใช่เธอ”อีเกิ้ลพูดขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา
        “ฉันจะเป็นคนที่สามเอง”วีนัสพูดขึ้นพร้อมทั้งอัดพลังลมลูกใหญ่อีกลูกเข้าหมายจะประทะอีเกิ้ลแต่มันก็เป็นเพียงแค่ลมเบาๆสำหรับอีเกิ้ล
        “อย่างเสียแรงเปล่าเลย เพราะสองคนที่ทำได้ คือเทพกับปีศาจ”อีเกิ้ลยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมสายตาบ่งบอกถึงความต้องการฆ่าซึ่งมันทำให้วีนัสหยุดชะงัก
        “ก็ได้”วีนัสลดมือลงเพราะกำลังของเธอกับอีเกิ้ลยังห่างชั้นกันนัก ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีวันก้าวข้ามชายคนนี้ได้แน่นอน “หมดเวลาสามสิบนาทีแล้วนะ”วีนัสเดินนำออกไปโดยที่ไม่หันมาสนใจโคและวาคิวลี่ที่กำลังทำหน้าตาเหลือเชื่อแบบสุด ๆ
        ..
        มืด หนาว ว้าเหว่ เดียวดาย อะไรบางอย่างบอกว่าที่นี่คือสถานที่ที่เธอคุ่นเคยทั้งๆที่ไม่เห็น ไม่ได้ลืมตา ไม่สิ ลืมตาอยู่แต่มองไม่เห็น แต่รู้สึกคุ้นเคย มืดแต่สว่าง หนาวแต่อบอุ่น ว้าเหว่แต่สงบ
        “พี่จ๋า พี่จ๋า รอรินด้วย”เสียงอะไรบางอย่างดังแว่วใกล้ๆหูของเธอแต่เมื่อหันไปมองกลับไม่พบอะไร
        เสียงอะไรน่ะ คุ้นเคยแต่ไม่เคยได้ยิน เสียงของเด็ก เด็กที่ไหนกำลังพูด
        “พี่จ๋ารินทำขนมมาให้กิน พี่จ๋ากินมั้ย”
        “พี่จ๋ารินง่วงแล้ว เมื่อไหร่จะได้นอนซักที”
        “พี่จ๋า”
       
        “พี่จ๋า”
        วีนัสมองไปรอบๆตัว แต่ก็ไม่พบต้นเหตุของเสียงไม่พบอะไรนอกจากความมืด
        “เรนมานี่สิ มาหาแม่สิลูก”เสียงของหญิงสาวพูดขึ้นเป็นเสียงที่ฟังดูอบอุ่น
        “เรนดูแลน้องให้ดีนะลูก อย่ารังแกน้องนะ”เสียงของชายหนุ่มพูดขึ้นบ้าง
        “ค่ะ”เสียงใสๆฟังดูมั่นคงดังไปทั่วทุกทิศ และก้องอยู่อย่างนั้นราวกับมันก้องอยู่ในสมองของเธอ
        ..
        “อ๊าาาาาา”วีนัสตะโกนก้องเสียงดังแคปซูลที่เธอนอนแตกกระจายไปทั่วทุกทิศ เธอเป็นอย่างนี้บ่อยแต่มีครั้งนี้ที่ความฝันชัดกว่าทุกครั้ง
        แฮ่ก ๆ ๆ ๆ
        วีนัสหายใจหอบเสียงดัง พรางนึกถึงความฝันที่มันเด่นชัดขึ้นทุกวันทุกวัน
        “ไม่เป็นอะไรนะ”อีเกิ้ลพูดขึ้นพรางอุ้มวีนัสขึ้นมาจากพื้น
        “ไม่”วีนัสตอบห้วนๆหลังจากที่อีเกิ้ลวางเธอลงบนเตียงสีขาวอ่อนนุ่มภายในห้อง
        “อีเกิ้ล”
        “หือ”อีเกิ้ลขานรับทันทีที่นั่งลงข้างเตียง พร้อมทั้งดึงผ้าขึ้นห่มร่างเปล่าเปลือยของวีนัส
        “นายเข้ามาในห้องฉันอีกแล้วนะ”
        อีเกิ้ลสะดุ้งโหยง “ยังไม่ชินอีกเหรอ”
        “จำเป็นต้องชินด้วยเหรอ”วีนัสปรีสายตาเพ่งมองไปที่ด้านหลังของอีเกิ้ล “ได้นอนบ้างรึยัง”
        “ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกน่า”อีเกิ้ลตอบแบบปัดๆ วีนัสมักจะนอนหลับสนิทเสมอเมื่อได้มาอยู่ที่นี่ซึ่งผิดกับอีเกิ้ล เค้าไม่เคยหลับตาลงเมื่อมานอนที่นี่
        “อืม” วีนัสครางเบาๆทำสีหน้าเคร่งเครียด “อีเกิ้ล”
        “หือ”
        “ฉัน อยากจะรู้ว่าพ่อแม่ฉันเป็นใคร นายพอจะรู้บ้างมั้ย”
        “ไม่รู้ แต่ถ้าถามว่าฉันรู้จักเธอได้ไง และตอนไหนฉันก็พอตอบได้”
        “แล้วนายกับฉันเจอกันตอนไหน”
        อีเกิ้ลยิ้มยิงฟันออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “ลองขอร้องหวานๆไม่ได้เหรอ”
        วีนัสเหล่สายตาอย่างเบื่อหน่าย “ไม่”
        “งั้นก็ไม่ต้องรู้”
        “ฉันสืบเองก็ได้ จะยากแค่ไหนกันเชียว”
        “เรื่องของเธอเนี่ยอยู่ในส่วนของโปรเจ็กส์ X นะ”วีนัสสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยิน โปรเจ็กส์ที่อีเกิ้ลพูดถึงคือส่วนที่เป็นความลับสุดยอดของบริษัทที่จะรู้ก็เฉพาะผู้บริหารระดับใหญ่ๆในองค์กรเท่านั้น แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ถึงความลับภายในแต่ทำไมอีเกิ้ลถึงได้รู้ล่ะ
        “สงสัยล่ะสิว่าทำไมฉันถึงได้รู้”วีนัสทำหน้าสงสัยใคร่รู้ “เธอลืมไปแล้วเหรอ ฉันก็เคยอยุ่ในคณะบริหารมาก่อน ถึงตอนนี้จะลาออกมาเป็นอาจาร์ยแล้วก็ตาม แต่ฉันก็แน่ใจว่าเรื่องของเธออยู่ในโปรเจ็กส์ X เพราะมันเป็นส่วนที่ฉันดูแลอยู่”
        “อะ..จริงด้วย”วีนัสพูดราวกับนึกบางอย่างออก
        “เอาล่ะ ทีนี้จะพูดหวานๆได้รึยัง”อีเกิ้ลพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน
        “ไม่มีทาง”
        “ดี งั้นเธอก็ไม่มีทางรู้นะ” วีนัสก้มหน้าราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
        “ก็ได้”วีนัสพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “คุณอีกเกิ้ลคะ ช่วยบอกเรื่องที่วีนัสอยากรู้หน่อยได้มั้ยคะ”
        “อย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย”อีเกิ้ลขยับท่าทางเล็กน้อย “เอาล่ะ ตอนที่ฉันเป็นคณะบริหารได้รับงานใหญ่ชิ้นนึง คือหัวหน้าเก็บกวาดงานที่เค้าทำไว้ไมสมบูรณ์ หลังจากจัดการอะไรหลายๆอย่างเสร็จแล้วอ้อช่วงนั้นคิวยังเป็นลูกน้องในสังกัดฉันด้วย หลังจากจบงานฉันกับคิวก็ไปเจอเธอนอนอยู่ไต้สะพานเนื้อตัวมอมแมมหายใจถี่หอบเหมือนหนีอะไรซักอย่างมา คิวสงสารก็เลยรับตัวเธอมาเลี้ยงไว้ และยิ่งพอองค์กรรู้ว่าเธอเป็นพวกอีทีเรียสเค้าก็ยิ่งอ้าแขนต้องรับเธอ พรสวรรค์ของเธอเด่นชัดตั้งแต่ยังเด็ก ถึงแม้คิวจะพยายามห้ามแค่ไหนแต่ดูเหมือนคนในองค์กรจะไม่รับฟัง จนต้องจำยอมส่งเธอให้องค์กร คืนนั้นคิวมาขอร้องฉันให้ช่วยดูแลเธอ ฉันก็เลยออกจากผู้บริหารมาเป็นอาจาร์ยแทนทำหน้าทีสอนเธอมาเรื่อย”
        วีนัสทำสีหน้าครุ่งคิด “คิวเป็นลูกน้องอีเกิ้ลมาก่อนงั้นเหรอ ถ้าจำไม่ผิดคิวอายุ 43 แล้ว นายอายุเท่าไหร่กันแน่เนี่ยอีเกิ้ล”
        “ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนล่ะ”อีเกิ้ลรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะสลายตัวหายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
        “เฉไฉทั้งปี”วีนัสครางเบาๆก่อนจะหลับสู่ห้วงนิทรา
        ..
        “คุณวีนัสครับ”เสียงสดใสของชายหนุ่มเรียกให้เธอหยุดฝีเท้าลง
        “มีอะไร”
        “ผมรู้มาจากอีเกิ้ลว่าคุณวีนัสต้องการหาพ่อกับแม่”
        “แล้วไง”
        “คิวฝากบางอย่างมาให้คุณครับ ผมคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่คุณต้องการหา”
        วีนัสรับกระดาษใบเล็กๆจากคิวมา “แล้วทำไมพึ่งเอามาให้”
        “คิวเคยบอกว่าให้กระดาษแผ่นนี้เมื่อคุณวีนัสต้องการพบพ่อแม่ ผมคิวว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่คุณต้องการ
        “งั้นเหรอ”วีนัสก้มหน้ามองกระดาษแผ่นเล็กๆในมือมันเล็กเกินกว่าจะห่ออะไรไว้ด้านในและมันก็ไม่มีข้อความอะไรด้วย เป็นกระดาษเปล่าที่ดูไม่มีค่าอะไร “แล้วนี่มันคืออะไร”
        “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ คิวบอกว่าคุณต้องหาคำตอบเอง”โคเดินตามวีนัสอย่างสนใจใคร่รู้
        “แล้วเค้าไม่ได้บอกอะไรอีกแล้วเหรอ”
        โคส่ายหน้าแทนคำตอบ
        วีนัสพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจกระดาษในมืออีกครั้ง เธอกำกระดาษนั้นทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
        “โคไปตามอีเกิ้ลกับวาคิวลี่”
        “ทำไมล่ะครับ”โคถามอย่างสงสัยพรางมองด้านหลังของวีนัสที่ค่อยๆเดินเร็วขึ้น
        “ฉันจะกลับ”
       
        ทันทีที่ถึงบ้านวีนัสก็ทิ้งทุกอย่างกองอยู่หน้าประตูบ้านปล่อยให้อีเกิ้ลเก็บเหมือนเคย
        “รีบร้อนอะไรนักหนานะ”อีเกิ้ลพูดขึ้นพรางหยิบรองเท้าบูทสีดำของวีนัสเก็บเข้าตู้เก็บรองเท้า
        “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ”โคตอบพรางเดินนำเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยมีทุกคนเดินตามเข้าไป
        “สิ่งที่คิวเหลือไว้”วีนัสควานหาอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้า และพบขวดน้ำยาสี่ห้าขวดที่มีหลายสีปะปนกันอยู่ วีนัสเลือกออกมาประมาณห้าขวดได้
        “เอาล่ะ”วีนัสหยิบกระดาษขึ้นดมเล็กน้อยเธอได้กลิ่นหอมบางๆ “น่าจะเป็นโรงแรม กระดาษเนียนเรียบคงเป็นกระดาษที่เคาร์เตอร์เก็บของของโรงแรมแห่งหนึ่ง” วีนัสหยิบไฟแช๊กส์ขึ้นมาและเผากระดาษแผ่นนั้นผงสีดำร่วงกราวในถาดที่เธอเตรียมเอาไว้
        วีนัสเทผงสีดำนั้นลงในน้ำสีม่วงหลอดเล็กและเขย่ามันเล็กน้อย พร้อมๆกับเทน้ำยาสีชมพูลงไปน้ำในหลอดเปลี่นเป็นสีเขียวอ่อนๆ วีนัสไม่รอช้าหยิบยาสีฟ้า แดง และเหลืองใส่ลงไปคนมันเล็กน้อยจนทำให้สีออกมาเป็นสีขาวขุ่นๆ เธอตั้งไฟรอซักพักก่อนจะวางหลอดลงไปอย่างเบามือ ควันสีชมพูลอยออกมาจากหลอดแก้ว วีนัสดมมันเล็กน้อยเธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอร์
        “กลิ่นไวน์ลีโอเวียร่า ปี1653 เหล้าชนิดนี้มีอยู่แค่ที่เดียวโรงแรมสวีทแกรนโฮเทล จะเปิดเฉพาะวันฉลองครบรอบหนึ่งปีของโรงแรม”วีนัสดับไฟพร้อมทั้งวิ่งลงไปด้านล่างเธอไม่ลืมที่จะหยิบสร้อยคอรูปอาร์สองตัวซ้อนกันมาสวม
        “ฉันไปด้วย พวกเธอรอที่นี่”อีเกิ้ลหันไปสั่งเหล่าลูกศิษย์ และหยิบกุญแจรถวิ่งตามออกไป
        “ไปที่ไหน”
        “โรงแรมสวีทแกรนโฮเทล”
        “อ้อ โรงแรมโปรดคิว”อีเกิ้ลหยิบแว่นตาดำขึ้นสวมก่อนจะเหยียบคันเร่งกระชากวีนัสที่พยายามจะรัดเข็มขัดเต็มแรง
        โรงแรมขึ้นชื่อระดับไฮน์คราสสวีทแกรนโฮเทล ลักษณะเหมือนหอคอยสูงน้ำพุถูกสร้างรอบๆโรงแรมในเวลากลางคืนแสงไฟจะสะท้อนไปทั่วทำให้น้ำลื่นไหลดูมีชีวิต นับเป็นสถานที่ฮันนีมูนอันสำคัญ สวนหย่อมรอบๆถูกตัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ประดับประดาด้วยแสงไฟระยิบระยับ
        วีนัสเดินดุ่มๆโดยไม่สนใจบรรยากาศรอบๆเลยแม้แต่น้อย
        “วีนัสหยุดก่อน”อีเกิ้ลพูดขึ้นหยุดกึ่งเดินกึ่งวิ่งของวีนัส
        “อะไร”
        “แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงว่าคิวฝากเธอไว้ในล็อกไหน อีกอย่างถ้าไม่มีกุญแจก็ไม่สามารถเอามาได้หรอกนะ”
        วีนัสยิ้มกริ่มอย่างผู้มีชัย “นี่ไงล่ะ” เธอหยิบสร้อยคอรูปตัวอาร์ออกมาจากในเสื้อ “กุญแจ”
        วีนัสยื่นสร้อยคอให้บริการหนุ่มบนเคาเตอร์ ชายคนนั้นโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะหายเข้าด้านใน เค้าออกมาพร้อมกับกล่องดำใบใหญ่ “ขอห้องสวีทหนึ่งห้อง”
        บริการหนุ่มยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นคีย์การ์ดให้กับวีนัส
               
        “ทำอะไรอยู่”อีเกิ้ลพูดพรางเพ่งมองไปที่วีนัสซึ่งกำลังถือปืนเลเซอร์ขนาดจิ๋ว จี้ลงบนกล่องสีดำของคิว
        “ฉันดูเหมือนกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ”
        “ไม่รู้สิ เธอดูเหมือนกำลัง... เจาะพื้นห้องอยู่ล่ะมั้ง”
        วีนัสโยนปืนกระบอกนั้นลงบนเตียงเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เธอทำดูจะไร้ประโยชน์ “ใครเป็นคนสร้างกระเป๋าใบนี้เนี่ย”
        อีเกิ้ลหยิบเบียร์ออกมาจากตู้เย็นใบเล็กๆภายในห้อง “ไม่รู้สิ เธอก็รู้จักคิวดีนี่ เค้าเป็นอัจฉริยะเรื่องอย่างนี้”
        “อย่างคิวน่ะ ไม่ได้เรียกว่าอัจฉริยะหรอก สร้างแต่ของไร้สาระทั้งนั้น แต่ดันมีเพื่อนเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายคนได้”วีนัสพูดขึ้นพรางยกมือรับเบียร์ที่อีเกิ้ลโยนให้
        “เธอจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ฉันจะออกไปข้างนอกนะ จะกลับมาพรุ่งนี้”อีเกิ้ลโยนกระป๋องเบียร์เปล่าลงถังขยะก่อนจะหยิบเสื้อโค้ทเดินออกไป
        วีนัสทรุดตัวลงนั่งเพ่งมองไปที่ประตูที่อีเกิ้ลเดินออกไป พรางยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
        “ฮัลโหลโคเหรอ”วีนัสพูดกับโคผ่านโทรศัพน์ “อีเกิ้ลออกไปแล้วนะ บอกวาคิวลี่แสตนด์บายได้เลย” วีนัสปิดมือถือ พรางหัวเราะออกมาเสียงเบาๆแต่ฟังดูเยือกเย็นและน่ากลัว
        .............................................................................
โอ้ พระเจ้าช่วย วีนัสมีแผนอะไรกันแน่นะ หรือว่าจะเป็น.........
        วีนัสหรี่ตาลงเล็กน้อยกับชายฉกรรจ์ที่ล้อมเธอเอาไว้ ชายบางคนก็ถือดาบ มีด หรือไม่ก็ปืน แต่ที่แน่ๆทุกอย่างล้วนเป็นอาวุทมีคมทั้งสิ้น นั่นยังไม่น่าสงสัยเท่ากับชายเหล่านี้ไม่ไช่ตำรวจทั้งเครื่องแต่งกายและท่าทางดูยังไงก็ไม่เหมือนตำรวจ เหมือนกับนักฆ่าหางแถวเสียมากกว่า ดูเหมือนเกรเตอร์จะฉลาดพอที่จะจ้างคนภายนอกมาคุ้มกันตนเอง แต่เหตุผลที่ทำให้เธอไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรงก็เพราะส่งแต่พวกฝีมือห่วยๆมาเป็นคู่ต่อสู้มันเหมือนกับเป็นการดูถูกดีๆนี่เอง
        ชายคนด้านหน้าพุ่งทะยานปลายมีดผ่านแขนของวีนัสไป เลือดอุ่นๆทำให้เธอหลุดออกจากพวัง วีนัสยกมือขึ้นปาดเลือด รสและกลิ่นเลือดมันทำให้เธอรู้สึกพลุ๊กพร่าน ความต้องการสูบฉีด วีนัสเบิกนัยตากว้างเพ่งมองไปยังชายที่ทำร้ายเธอ แต่ดูเหมือนสายตานั้นจะซ่อนอยู่ภายไต้หน้ากากทำให้ชายคนนั้นไม่ได้เห็นแววตากระหายการฆ่าที่สุดแสนจะโหดเหี้ยมของวีนัส
        มือของวีนัสถูกเกร็งจนเล็บสีแดงยาวออกมาเส้นเลือดตรงมือเต้นตุบๆราวกับต้องการได้เลือดเพื่อเติมลมหายใจ
        ไร้เสียงร้องใดๆชายหลายคนถูกดึงลิ้นออกมาถึงพยายามร้องแค่ไหนก็ร้องไม่ออกเพียงชั่วพริบตาวีนัสก็สามารถกระชากจุดอ่อนไหวที่สุดในมุมปากออกมาได้ถึง ห้าคน ทำเอาคนที่เหลือพากันหน้าซีดเผือดทำท่าจะวิ่งหนี
        วีนัสยกนิ้วชี้จรดที่ปากพร้อมทั้งกระสิบออกมาเบาๆ “เด็กกำลังหลับอย่าส่งเสียงดัง”ทันทีที่พูดจบกลุ่มชายที่เหลือก็พากันวิ่งกรูออกไปแทบจะเหยียบกันตายทิ้งเพื่อนที่นอนกองอยู่กับพื้นหน้าตาเฉย และวีนัสเองก็ไม่มีท่าทีสนใจพวกที่นอนอยู่บนพื้นซักเท่าไหร่เพราะเธอนึกสนใจใครบางคนที่แผ่จิตสังหารออกมาอย่างรุนแรงราวกับต้องการท้าทายมาจากห้องเกรเตอร์ได้ซักพักแล้ว
        วีนัสไม่รอช้าเดินเข้าไปตามคำเชื้อเชิญและก็ได้พบกับหญิงสาวร่างอ้อนแอ้น ชุดหนังรัดรูปเน้นทรวงอก ผิวสีแทนละเอียด ในมือถือสิ่งที่คงเป็นอาวุทประจำตัว แส้
        “เธอคงทำให้ฉันพอใจบ้างนะ”วีนัสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเรียบ
        “วีนัส เธอจะไม่มีวันลืมคืนนี้ได้เลย”น้ำเสียงทรงเสน่ห์แต่มั่นใจของหญิงสาวพูดขึ้น
        วีนัสยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆโยนลิ้นที่ติดมือมาไปใกล้ๆตัวเกรเตอร์ เกรเตอร์เป็นชายแก่อ้วยท้วนตามคอและร่างแยเต็มไปด้วยทองหยอง น่าจะเรียกว่าตู้ทองเคลื่อนที่มากกว่าหัวหน้าหน่วยปราบปราม
        “ฉันชื่อ กราเดียร์ยินที่ได้พบคนดังในตำนานค่ะ คุณวีนัส”กราเดียย่อตัวลงเล็กน้อยในท่าเตรียม
        “ฉันจะจำเอาไว้”วีนัสยืนกอดอกในท่าสบายๆอย่างไม่ใส่ใจนัก เธอเรียนรู้มาจากอีเกิ้ลจงทำให้เค้าศัตรูกลัวแต่อย่าแสดงออกถึงความกลัว และที่สำคัญที่สุดถ้าเธอมั่นใจว่าเธอไม่มีทางแพ้จงอย่าจู่โจมก่อนเพราะไม่อยางนั้นจะหมดสนุก
        กราเดียกค่อยๆเลื่อนไปใกล้ๆวีนัสพร้อมทั้งเหวี่ยงแส้ในมือไปรอบๆด้านบนศรีษะอย่างลองเชิงแต่วีนัสยังคงยืนอยู่ในท่าสบายๆ
        “รับมือ”กราเดียเหวี่ยงแส้จากด้านหลังหมายจะฟาดวีนัสแต่ที่ฟาดได้มีเพียงแต่อากาศธาตุเท่านั้น “หนอย”กราเดียกัดฟันกรอดพร้อมทั้งเหวี่ยงแส้ไปที่วีนัสอีกครั้งแต่เธอก็หลบได้ทุกครั้ง และไอ้ท่าทางสบายอารมณ์ของวีนัสมันก็ทำให้กราเดียร์หมดความอดทน ฟาดแส้ไม่ยั้งอย่างไม่รู้ทิศทาง
        “ฮะ ๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกของวีนัสดังก้องไปทั่วทำให้เกรเตอร์นั่งชันเข่าอย่างกลัวตายอยู่ด้านในมุมสุดของห้องสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ
        “ไหนบอกจะทำให้ฉันสนุกไงล่ะ น่าเบื่อ”วีนัสตะคอกเสียงดังข้างหูกราเดียร์มทันทำให้เธอฟาดไปมาอย่างบ้าคลั่งราวกับคนบ้า
        ความกลัวตายเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง อีเกิ้ลมันสอนเสมอให้ฉันยอมรับความตาย แต่ตัวเค้าเองกับไม่เคยยอมรับความสูญเสีย ความรู้สึกที่วีนัสไม่เข้าใจ
        “จบเกมกันซักที”วีนัสกระชากศรีษะของกราเดียร์กระแทกกับพนังเลือดสีแดงไหลเปลอะไปทั่วทั้งกำแพง วีนัสหยุดเล็กน้อยก่อนที่จะกระชากไปด้านหลัง หัวของกราเดียร์กระแทกกับกระจกกันกระสุนเข้าอย่างจังทำให้เธอสำลักออกมาเป็นเลือด
        วีนัสจ้องเขม็งไปที่ร่างอาบเลือดของคราเดียร์ เธอรู้สึกว่ากราเดียร์กำลังพูดบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นการร้องขอชีวิต เล็บแหลมคมจ่ออยู่ที่คอกราเดียร์ แววตาของวีนัสแสดงให้เห็นว่าความตายของหญิงคนนี้คือสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด
        แอะ แอะ
        เสียงของนาธานทำให้เธอชะงักอยู่มือพร้อมทั้งแววตาที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นอ่อนลง “ฉันลืมไปว่าวันนี้จะไม่ฆ่าใคร”วีนัสยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะผละมือออก
        แง้ แง้
        วีนัสหันไปตามเสียงร้องแต่ก็ต้องพบว่านาธานไม่อยู่ด้านหลังของเธออีกแล้ว เกรเตอร์กำลังอุ้มนาธาน พร้อมทั้งเอามีดจ่อคอหอยของเด็กน้อย สายตาแสดงให้เห็นว่าเค้าใกล้บ้าเต็มทน “อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กนี่ตาย”เกรเตอร์ขู่แต่เค้าทำจริงแน่ๆ เพื่อแลกกับชีวิตของตัวเค้าเอง
        “เหรอ”วีนัสค่อยๆถอดหน้ากากแฟนท่อมออกเผยให้เห็นนัยตาสีฟ้าที่มันขุ่นมัวและไม่สบอารมณ์เอามากๆ
        “อุ๊...อ๊อก”เกรเตอร์ปล่อยมือจากเด็กน้อยจับไปที่คอตัวเองเพราะเค้ารู้สึกว่าเริ่มหายใจไม่ออก ราวกับว่าอากาศถูกดึงไปหมด
        วีนัสค่อยๆช้อนร่างของนาธานและค่อยๆโอ๋เบาๆ
        “ถึง...ฉัน ตาย ...แกก็หนีไม่...รอดอยู่ดี ห้องนี้เป็นห้องปิดตายไม่..สา.มารถเปิดได้อีกแล้ว....แกจะต้องถูกจับอยู่ที่...นี่ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”สิ้นเสียงเกรเตอร์ก็ขาดใจตายอยู่ตรงนั้น
        วีนัสไม่แม้แต่จะชำเลืองมองร่างไร้วิญญาณของเกรเตอร์เลยแม้แต่น้อย เธอค่อยๆหยิบปืนกระบอกใหญ่ออกมาจากกระเป๋าสีน้ำตาล ที่มีตัวปุ่มสองปุ่มสีฟ้าและแดงอยู่ด้านข้าง
        วีนัสกดไปที่ปุ่มแดงจ่อไปที่กระจกในระยะเผาขนซักห้านาที แต่ก็ไม่มีรอยแตกร้าวแค่ปืนไฟไม่สามารถทำให้กระจกกันกระสุนแตกได้ วีนัสเปลี่ยนไปใช้น้ำแข็งแทนและจ่อซ้ำลงไปที่เดิม กระจกที่ได้รับสองอูณภูมิที่แตกต่างถึงกับเกิดรอยร้าวและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สายลมพัดเข้ามาจากด้านนอกทำให้เรือนผมสีแดงของเธอพริ้วไหวไปตามสะเก็ดกระจก
        นักฆ่าสาวเก็บปืนกระบอกยักษ์และหน้ากากแฟนท่อมเข้ากระเป๋าสีน้ำตายอย่างไม่รีบร้อน เมื่อแน่ใจว่าเก็บทุกอย่างจนหมดแล้ว วีนัสก็กระโดดออกจากหน้าต่างพุ่งดิ่งลงจากชั้น 75!!!
        ก่อนที่จะถึงพื้นแสงสีฟ้าก็ผุดขึ้นจากพื้นรองรับฝ่าเท้าของวีนัสเอาไว้ดูเหมือนเธอจะบังคับลมให้รองรับเธอก่อนจะโหม่งโลกเพียงเสิ้ยววินาที
        วันัสปัดเศษกระจกตามตัวออกเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป พร้อมทั้งดึงผ้าปิดตานาธานออก เด็กน้อยทำเสียงแอะ แอะ ชอบใจเป็นการใหญ่
       
        “กลับมากันได้ซักทีนะ”วีนัสยืนพิงประตูห้องครัวเพ่งมองไปที่สองหนุ่ม กับหนึ่งสาวที่ทิ้งให้เธอต้องอยู่ดูแลนาธานถึงสามวันเต็มๆ
        “ก็อาจาร์ยน่ะ ไม่ยอมรอเลย ขับเร็วอย่างกับจรวด”วาคิวลี่ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะอย่างเนื่อยอ่อน
        “หือ.. ไม่ยอมรอเหรอ.. อีเกิ้ล”วีนัสชำเรืองมองใบหน้าด้านข้างที่กำลังกุมขมับด้วยความกลุ้มของอีเกิ้ล “มันแปลกๆ อยู่นะ”
        อีเกิ้ลยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมทั้งยกมือทั้งสองข้างขึ้นทำท่ายอมแพ้ “ขอโทษๆ เป็นแผนของฉันเองแหละ ฉันเองอยากจะให้โคและวาคิวลี่ได้เห็นการทำงานจริง แต่ก็ไม่อยากให้เห็นการฆ่าที่โหดร้ายนัก การที่เอาเด็กไปด้วยก็เป็นเครื่องประกันว่าเธอจะไม่ฆ่าใครให้โหดเหี้ยมต่อหน้าพวกเด็ก”
        “เหรอ”วีนัสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระแทก
        “อีกอย่าง ดูเหมือนว่าเธอกับนาธานจะเข้ากันได้มากกว่าที่ฉันคิดซะอีกนะ”อีเกิ้ลยิ้มออกมาพร้อมทั้งเพ่งมองไปที่เด็กน้อยในอ้อมกอดวีนัส “เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันก็จะไปนอนล่ะ” อีเกิ้ลรีบตัดบทด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อไปชั้นสองก็ต้องพบบางอย่างทีดูผิดสังเกตุออกไป “แจกันอันนี้”ทันทีที่พูดวีนัสก็สะดุ้งโหยง แต่ก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เช่นเคย “พึ่งทำความสะอาดใหม่เหรอ” วีนัสรีบพยักหน้าทันทีที่อีเกิ้ลหันมาถาม
        อีเกิ้ลยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบนเหลือเพียงความโล่งใจของวีนัส
        “เอาล่ะ วาคิวลี่ ดูแลต่อให้ด้วยนะ”วีนัสส่งเด็กน้อยให้วาคิวลี่ แต่ทันทีที่นาธานถึงมือวาคิวลี่เค้าก็ร้องไห้ออกมาอีก ทำให้วาคิวลี่ตกใจจนแทบทำนาธานหลุดมือ
        “สงสัยนาธานคงอยากจะอยู่กับคุณวีนัสมากกว่าล่ะมั้งคะ”ทันทีที่วีนัสรับนาธานมาเค้าก็หยุดร้องทันที  แถมยังหัวเราะแอะ ๆ อย่างพอใจ
        “เฮ้ออ เป็นเด็กที่เจ้าปัญหาจริงๆนะ”น้ำเสียงของวีนัสบ่งบอกถึงความรำคาญแต่นัยตากับดูแล้วอ่อนโยน เฉกเช่นแม่กับลูก
               
        อิ๊ดดดดดดดดด
        “หือ ใครมานะ ดึกๆดื่นๆ โคไปดูสิ”วีนัสหันไปสั่งแต่สายตายังเพ่งมองอยู่ที่การ์ตูน
        “คับผม”โคฮัมเพลงเบาๆเดินตรงไปเปิดประตูตามคำสั่งของวีนัส
        ทันทีที่เปิดประตูออกผู้มาเยือนก็โพล่งออกมาทำให้โคผงะแทบหงายหลังด้วยความตกใจ
        “นาธาน”เสียงแป๋นๆที่ฟังดูเสียดหูเรียกชื่อเด็กน้อย นาธานมีท่าทีดีใจอย่างเห็นได้ชัดแถมยังกระโดดโหยงๆพยายามจะเข้าไปหาหญิงที่เรียกเค้า
        “ลูกรัก เป็นยังไงบ้างจ๊ะ คิดถึงแม่มั้ย”คุณนายไวโอเลตตรงเข้าประคองกอดนาธาน
        “สวัสดีค่ะ... แต่รู้สึกว่ากำหนดการณ์กลับ มันอีกสี่วันไม่ใช่เหรอคะ”วีนัสถามด้วยน้ำเสียงฉงน
        “ใช่ค่ะ แต่บังเอิญว่าพวกเราจะต้องย้ายบ้านตามที่ทำงานของสามีกระทันหันค่ะ ก็เลยต้องเลื่อนเวลากลับเข้ามา แล้วนาธานแกทำอะไรรบกวนพวกคุณหรือเปล่าคะ”วีนัสไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแต่มองนาธานในอ้อมกอดของแม่เค้าที่หลับปุ๋ยในท่าทางอุ่นใจ
        “ไม่ค่ะ แกเป็นเด็กดีมาก”วีนัสยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่โคและวาคิวลี่เห็นได้ชัดว่ามันช่างเป็นยิ้มที่ดูอ้างว้างซะเหลือเกิน
        “งั้นขอตัวก่อนนะคะ เพราะต้องเตรียมเก็บของย้ายพรุ่งนี้”คุณนายไวโอเลตโค้วศรีษะเล็กน้อยและเดินออกไปพร้อมทั้งนาธานในอ้อมกอด
        “เสียใจเหรอ”เสียงทุ้มเค้มของอีเกิ้ลพูดขึ้น เค้าค่อยๆเอียงศรีษะของวีนัสเข้าไปซุกตรงอกพร้อมทั้งลูบเบาๆราวกับต้องการปรอบโยน
        “เพราะ...”วีนัสพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักออกมาเบาๆ
        “ใช่แล้วล่ะ เพราะเราเองแหละ”อีเกิ้ลพูดเหมือนยืนยันในสิ่งที่วีนัสกำลังคิด
        “เอ๋”โคและวาคิวลี่มองหน้ากันด้วยสีหน้าฉงนในสิ่งที่วีนัสและอีเกิ้ลกำลังคุยกันอยู่
        “เพราะเราเป็นนักฆ่า ถ้าเมื่อใดที่เราสนิทกับใครมากเกินไปเค้าก็จะกันสิ่งนั้นออกไป เพื่อคนนอกจะได้ไม่โดนลูกหลง และความลับจะไม่แพร่งพรายออกไป ความโดดเดี่ยวที่แสนเศร้า ความอ้างว้างที่เหน็บหนาว”อีเกิ้ลกอดไปที่ร่างบาง สายตาล่องลอยไปไกล
        “จะว่าไปแม่ของฉันก็เป็นเหมือนคุณนายไวโอเลตเลยนะ รักมาก ห่วงมาก”วาคิวลี่พูดขึ้น
        “แม่ฉันก็เหมือนกัน ทำอะไรเสี่ยงนิดหน่อยก็จะมาคอยตำหนิ ยืนต่อว่า”โคเสริมทัพ
        “แต่ที่เค้าทำไปก็เพราะเป็นห่วง..”
        “และหวังดี”โคยิ้มออกมาเล็กน้อยในคำตอบของตัวเอง “อยากจะเจอแม่อีกสักครั้งจังเลยนะ”วาคิวลี่พยักหน้าเร็วๆอย่างเห็นด้วย
        “แล้วแม่ของคุณอีเกิ้ลล่ะคะ”อีเกิ้ลยิ้มออกมาเล็กน้อยกับคำถามของวาคิวลี่
        “โหด แม่ของฉันโหดสุดๆ”อีเกิ้ลหัวเราะออกมาเล็กน้อย พร้อมๆกับที่วีนัสผละออกจากอ้อมกอดของอีเกิ้ล
        “แล้วแม่ของคุณวีนัสล่ะคะ”วีนัสชายตามองผู้ถามเล็กน้อยด้วยสายตาเย็นชาและเดินขึ้นชั้นสองไปเงียบๆ
        “วีนัสความจำเสื่อม ไม่มีความจำเกี่ยวกับครอบครัวหรอก”อีเกิ้ลตอบแทนหลังจากที่วีนัสลับสายตาไปแล้ว
        “เหรอคะ”วาคิวลี่ก้มหน้าทำสีหน้าสำนึกผิด
        “ไม่เป็นไร ๆ ๆ”อีเกิ้ลลูบหัววาคิวลี่เล็กน้อย และเดินตามวีนัสออกไป
        “อีเกิ้ล”เสียงเรียกของวีนัสที่ดังมาจากในห้องหยุดการเคลื่อนไหวของอีเกิ้ลเอาไว้
        “อะไร”อีเกิ้ลเดินเข้าไปในห้องและนั่งลงบนเตียงข้างๆวีนัส
        “ฉันจะกลับองค์กร”วีนัสตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
        “จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน จะได้พาโคกับวาคิวลี่ไปพบบอสด้วย อีกอย่างเธอเองก็ไม่ได้เข้าแคปซูลมาหลายวันแล้วด้วย เดี๋ยวร่างกายจะทรุดเอา แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะ”
        “วันนี้”วีนัสคว้าเสื้อโค้ทสีดำข้างตัว พร้อมทั้งเดินนำออกไป
        ................................
        “อาจาร์ยครับ”
        “หือ”
        “ที่ๆ เราจะไปเนี่ยคือองค์กรของนักฆ่าใช่มั้ยครับ”
        อีเกิ้ลดึงแว่นตาดำขึ้นใส่พร้อมทั้งพยักหน้าเล็กน้อย
        “แล้วเราจะไปกันด้วยรถเลยเหรอครับ”
        “แล้วจะให้ไปด้วยอะไรล่ะ”
        “ผมเคยเห็นในทีวี จะมีช่องจากทางไต้ดินเชื่อมต่อกับทางทัพไต้ดิน”
        “และก็จะมีหนูนา เดินไปเดินมาคอยชักลอกใช่มั้ย”วาคิวลี่เสริม
        “นั่นแหละใช่เลย”โคโพล่งออกมาอย่างสนุกสนาน
        “พอ ๆ ๆ เว่อร์”อีเกิ้ลตอบด้วยน้ำเสียงขำขัน
        “เราจะไปกันด้วยรถเพราะวันนี้ไปกันหลายคน ถ้าไปคนเดี๋ยวมักจะใช้รถแท๊กซี่น่ะ คนพวกนี้ในสังคมอย่างนี้ไม่สนใจหรอกว่าเราจะต้องการให้ไปส่งที่ไหน ขอแค่ให้มีเงินจ่ายก็พอ”
        “พร้อมนะ”วีนัสหยิบแว่นตาเลนส์สีน้ำตาลขึ้นใส่
        โคและวาคิวลี่พยักหน้าพร้อมๆกัน
        “ดี” วีนัสเหยียบสุดแรงทำให้รถพุ่งออกไปแทบจะลอยข้ามไปทับบ้านฝั่งตรงกันข้าม
        “อ๊ากกก”โคและวาคิวลี่ร้องออกมาสุดเสียงเมื่อวีนัสหกหลบเกือบไม่พ้นเสาร์ไฟฟ้าหน้าบ้านคุณนายไวโอเลต
        ................
        เอี๊ยดดดด
        “ถึงแล้ว”วีนัสหันไปมองด้านหลังแล้วพบว่าโคกับวาคิวลี่นั่งกอดกันกลมหลับตาปี๋อยู่ที่ด้านหลังรถ “ถึงแล้ว”วีนัสย้ำอีกครั้งทำให้โคและวาคิวลี่รีบผละมือออกจากกัน
        ป้ายหักๆหน้าทางเข้าเขียนด้วยหนังสือเรือนๆว่า ศูนย์พัฒนาพันธ์ปลาโลมา วีนัสก้มลงมุดโซ่เหล็กที่กั้นอยู่ พร้อมทั้งเดินนำไป
        “ที่นี่ใช่องค์กรแน่เหรออาจาร์ย”
    “เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า”อีเกิ้ลตอบปัดๆไป
        วีนัสเดินนำออกไปก่อนพร้อมทั้งหยิบปากกาสีน้ำเงินเข้มออกจากกระเป๋า และเดินเข้าไปในลิพน์ พร้อมทำท่ากวักมือเรียกโค กับวาคิวลี่ให้เดินตามเข้าไป ทั้งสองเดินตามหลังอีเกิ้ลเข้าไปอย่างว่าง่าย
        ทันทีที่เข้ามากันครบวีนัสก็เสียบปากกาด้ามนั้นลงไปในช่องวงกลมด้านล่างฐานตัวเลขที่เอาไว้กดตัวเลข ทันทีที่เสียบปากกาเข้าไปลิพน์ก็เลื่อนลงทั้งๆที่อยู่ชั้นหนึ่งแต่ลิพน์กับเลื่อนลง
        “อรุณสวัสดิ์ค่ะ วีนัส”ทันทีที่เสียงของเครื่องตอบรับดับลงประตูลิพน์ก็เปิดออก ภายในเต็มไปด้วยผู้คนเดินไปเดินมาและหุ่นยนต์ลักษณะเมือนถังขยะกำลังทำงานอยู่
        อีเกิ้ลเดินนำออกไปก่อนตามด้วยวีนัสมันทำให้โคและวาคิวลี่รู้สึกประหม่าเพราะทุกคนที่อีเกิ้ลและวีนัสเดินผ่ายจะโค้งหัวเล็กน้อยเป็นเชิงทำความเคารพทุกสายตาถูกจับจ้องไปที่ทั้งสองราวกับคนดัง คนที่ทุกคนต้องให้ความสนใจ
        “กลัวเหรอ”วีนัสพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของทั้งสอง “นี่ยังไม่ถึงด้านในเลยนะ แค่ส่วนที่เอาไว้ทำงานทั่วไป”โคพยักหน้าลอยๆอย่างเหลือเชื่อ
        อีเกิ้ลไปหยุดที่แท่นวงกลมตรงกลางห้องพอมายืนจุดนี้พวกเค้าก็ยิ่งเด่นเข้าไปใหญ่ “เข้ามาสิ” อี้เกิ้ลหันไปสั่งเล็กน้อยกับลูกศิษย์ทั้งสอง
        “ค่ะ/ครับ”ทันทีที่โคและวาคิวลี่มายืนในวงกลมนั้นพื้นวงกลมก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นราวกับลิพน์
        “ว้าว”วาคิวลี่อุทานออกมาเสียงดังเมื่อลิพน์นั้นเลื่อนขึ้นผ่านไต้น้ำ พวกเค้าเห็นปากน้อยปลาใหญ่มากมาย พื้นน้ำเป็นสีเขียวฟ้าสวย
        “นี่แหละของจริง”วีนัสพูดขึ้น พร้อมทั้งเพ่งมองไปที่ประตูลิพน์
        “เอาล่ะ”อีเกิ้ลผลักโคกับวาคิวลี่ออกจากประตูลิพน์และยกมือทั้งสองข้างไปด้านหน้า
        ทันทีที่ประตูลิพน์เปิดชายหนุ่มหลายคนก็โค้งหัวลงพร้อมตะเบ็งเสียงออกมา“ขออนุญาติครับ”
        “ตามสบาย”อีเกิ้ลยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมทั้งกวักมือเป็นเชิงเชื้อเชิญ
        อีเกิ้ลสบัดมือตบหน้าของชายทางขวาที่พยายามจะเข้ามาชกเค้า และจับศรีษะของคนทางซ้ายเหวี่ยงออกไปก่อนจะกระโดดเตะคนด้านหน้าเรียงกันสามคนล้มระเนระนาด “อ้าว ๆ ๆ ฝีมือไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยนะ”อีเกิ้ลพูดด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ
        วีนัสเดินออกมาด้านหน้าเล็กน้อย “อีเกิ้ลฉันรีบ” อีเกิ้ลหันมามองวีนัสเล็กน้อยอย่างเสียดายและก็ค่อยๆเลื่อนไปอยู่ทางด้านหลัง
        วีนัสส่องสายตาอาฆาตรไปที่คนพวกนั้น ชายหลายคนถึงกับเดินถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่วีนัสเดินลมรอบๆตัวก็ปรากฎออกมาสะบัดชายหลายคนให้กระเด็นออกไปไกล แสงสีเขียวตวัดไปรอบๆเหมือนแซ่แต่ชายหลายคนก็ยังบุกเข้าโจมตีไม่หยุด
        “อาจาร์ยคะ คนพวกนี้เป็นใครเหรอคะ”วาคิวลี่ถามขึ้นอย่างสงสัย
        “พวกsui ที่ต้องการตำแหน่งน่ะ กฎมีแค่ถ้าสามารถชกหน้าพวกที่เป็นมืออาชีพได้ครั้งเดียวก็จะสามารถรับงานได้ ถือเป็นมืออาชีพระดับล่าง”อีเกิ้ลตอบคำถามสั้นๆ
        “คือการทดสอบนั่นเอง”โคถามขึ้น
        “ก็ประมาณนั้น”อีเกิ้ลยักไหล่เล็กน้อย “เพราะอย่างนี้พวกมืออาชีพเลยไม่ค่อยอยากกลับเข้ามาถ้าไม่จำเป็น โชคร้ายหน่อยที่วันนี้วีนัสรีบ”
        “เหลือ สิบคนสินะ”วีนัสชำเรืองมองชายอีกประมาณสิบกว่าคนที่ยังประคองตัวยืนอยู่ได้ “ถ้าพวกนายจัดการสองคนนั้นได้”วีนัสชี้ไปที่โคและวาคิวลี่ “ฉันจะรับรองพวกนายเป็นนักฆ่าอาชีพ”
        วาคิวลี่และโคชะงักอย่างตกใจเพ่งมองไปยังวีนัสที่ค่อยๆลดพลังลงและเดินไปยืนข้างๆอีเกิ้ล วาคิวลี่พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
        “ที่ๆพวกเธอควรมองไม่ใช่ฉันแต่เป็นพวกนั้น”วีนัสชี้ไปที่ชายสิบกว่าคนที่มีท่าทางฮึกเฮิมขึ้นมา “ดูฉันทำงานมาตั้งหลายวันแล้วนี่ น่าจะสู้เองได้แล้ว”อีเกิ้ลชำเลืองมองใบหน้าสะใจของวีนัสเล็กน้อยก่อนจะลอบคิดอะไรบางอย่าง
        ‘แก้แค้นสินะ’อีเกิ้ลถอนหายใจอย่างเนื่อยอ่อน
        วีนัสเพ่งมองตรงไปอาจจะเป็นเพราะโคและวาคิวลี่มากับพวกเค้าจึงทำให้ต่างฝ่ายต่างก็ลังเลไม่กล้าเข้าประทะก่อน “ฉันรีบ” ชายหนุ่ม โค และวาคิวลี่หันไปมองวีนัสที่กำลังก้มลงมองนาฬิกา “ให้เวลายี่สิบนาที”
        “ย๊ากกกกก”ชายด้านหน้าสุดพุ่งตรงเข้าหาโคหมายจะทำร้าย
        “โคระวัง”สิ้นเสียงวาคิวลี่ก็โดนกระชากผมจากทางด้านหลังกระแทกฝาผนังอย่างแรง เธอรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับสลบ
        ชายอีกสองคนพยายามจะเดินเข้ามาล็อกแขนวาคิวลี่แต่เธอเอียงตัวหลบโดยอาศัยความรวดเร็วได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
        “วาคิวลี่ไม่เป็นไรนะ ไหวรึเปล่า”โคพูดขึ้นพร้อมทั้งปาดเลือดที่ข้างปากออก
        “ไหว ไม่ต้องห่วง”วาคิวลี่ตอบพร้อมทั้งหลบหมัดไปทางซ้ายทีขวาที อาการมึนๆของเธอชักจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว
        “อีกยีสิบนาที”วีนัสพูดเตือนสติ กลุ่มชายเหล่านั้นมองหน้ากันก่อนจะหยิบอาวุทมีคมออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
        “ขี้โกงนี่นา”วาคิวลี่ค้านเสียงดังพรางหันไปมองวีนัส
        “ไม่มีกฎห้ามใช้ของมีคมนี่นา”วีนัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
        “แต่พวกเราไม่มีอาวุทเลยนี่นา”โคแย้งขึ้นบ้าง
        “งั้นก็เอานี่ไป”วีนัสโยนบางสิ่งกระทบพื้นเสียงดัง รูปร่างของมันโคสามารถจำได้ในทันทีเพราะมันคือปืนไซโครน 225
        “ว้าว”วาคิวลี่อุทานเสียงดังพรางวิ่งไปหยิบปืนนั้น
        เมื่อสัมผัสปืนนั้นก็พบว่ามันหนักเกินกว่าที่เธอจะหยิบมันได้ “โค มันหนัก ยกไม่ขึ้น”วาคิวลี่หันไปตะโกนบอกโค
        “ก็แน่นอนล่ะ คิวเคยบอกว่า ไซโครน 225 คือปืนประจำตัวของอีเกิ้ลมีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโล มีอนุภาพขนาดเอาขีปนาวุทมามัดรวมกันห้าอัดได้เลย มืออาชีพหลายคนยังยกมันไม่ขึ้นเลยนับประสาอะไรกับพวกเราล่ะ”โคตอบพร้อมทั้งปัดมีดที่พุ่งเข้ามาหาเค้า “รีบๆลุกขึ้นมาได้แล้ว ปืนน่ะปล่อยเอาไว้อย่างนั้นแหละ”
        วาคิวลี่ผละมือออกจากปืนสีดำสนิท พลันนัยตาก็เปลี่ยนเป็นสีทองดุดแมวที่กำลังล่าเหยื่อ เธอกระโจนไปด้านหน้ากระแทกชายตรงหน้าล้มคว่ำลงไป
        “ทำได้ดีนิ”โคเอ่ยปากชม “แต่ลองดูของฉันซะก่อน”โคโบกมือเล็กน้อยพร้อมทั้งแสงสีส้มนวลก็ปรากฎขึ้นครอบร่างชายสามถึงสี่คน ชายเหล่านั้นหยุดอยู่นิ่งราวกับถูกแช่แข็ง
        ปัง
        ลูกปืนเฉียดใบหน้าของโคไปเล็กน้อยท่าทีของชายที่ยิงปืนดูร้อนรนเหมือนคนใกล้บ้า
        “ใจดีจังนะ”อีเกิ้ลพูดขึ้นลอยๆแต่มันก็ดึงความสนใจวีนัสได้มากจนทำให้เธอหันไปมองผู้พูด “เหลือแต่พวกอ่อนหัดทั้งนั้น ไม่ครณามือโคกับวาคิวลี่หรอก”
        วีนัสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยหันมาเพ่งมองพวกโคและวาคิวลี่ “ทั้งๆที่มีแต่พวกอ่อนหัดลูกศิษย์ของนายยังหืดขึ้นคอ สอนกันมายังไงได้แค่นี้” น้ำเสียงดูถูกของวีนัสฟังดูแดกดัน
        “สอนเหมือนที่สอนเธอนั่นแหละ”อีเกิ้ลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขำขัน
        “งั้นเชียว นายกำลังจะบอกว่าพวกนี้ก็เหมือนฉันงั้นเหรอ”อีเกิ้ลยักไหล่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา
        วีนัสคิ้วกระตุกเล็กน้อยพร้อมทั้งปล่อยไอสังหารออกมา จนทำให้กลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ต้องหันมามอง “คงต้องวัดฝีมือกันหน่อยแล้วมั้ง”
        “อย่าเลยวีนัส เธอกับฉันมันยังห่างกัน”อีเกิ้ลพูดด้วยน้ำเสียงขำขันฟังดูมั่นใจ
        “งั้นเชียว”วีนัสชำเรืองตาอย่างเคียดแค้นไปที่อีเกิ้ล พร้อมทั้งลมหมุนในมือทั้งสองข้าง
        “โอโฮ ยุขึ้นแฮะ”อีเกิ้ลหัวเราะออกมาอย่างสะใจพรางหยิบดาบสีดำสนิทออกมาจากในเสื้อโค้ท
        “ว้าว เท่ห์จัง”วาคิวลี่อุทานออกมา
        “จะว่าไปฉันก็ไม่เคยเห็นอาวุทของอีเกิ้ลมาก่อนเลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนคราสสิคขนาดใช้ดาบ”โคหันไปพูดกับวาคิวลี่
        “แต่อาวุทประจำตัวของอีเกิ้ลไม่ใช่ปืนกระบอกนั้นเหรอ”วาคิวลี่ชี้ไปที่ปืน
        “อันนี้ฉันก็ไม่รู้นะ”โคตอบ
        “ปืนกระบอกนั้นน่ะ ถือว่าเป็นปืนที่อีเกิ้ลนิยมใช้ไม่ใช่อาวุทประจำตัว”ชายอีกคนที่เคยเป็นศัตรูพูดสขึ้นดูเหมือนเค้าจะรู้ประวัติอีเกิ้ลดีพอสมควร “แต่อาวุทประจำตัวจริงๆของอีเกิ้ลคืออะไรก็ไม่เคยมีใครรู้”
        โคและวาคิวลี่พยักหน้า พร้อมทั้งทำหน้าเหลือเชื่อ
        “เป็นผู้ชายที่ลึกลับจริงๆนะ”วาคิวลี่หันไปพูดกับโค
        “ฉันว่าเป็นคู่หูที่ลึกลับมากกว่านะ”
        “แต่ฉันก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าอาจาร์ยอายุเท่าไหร่กันแน่”
        โคเหลือบมองวาคิวลี่เล็กน้อย “แล้วคิดว่าอายุซักเท่าไหร่ล่ะ”
        “ฉันอยู่ที่นี่มาเจ็ดปี แต่อีเกิ้ลมาอยู่ก่อนฉันนานแล้วล่ะ ส่วยคนที่อยู่ที่นี่มานานที่สุดก็25ปี แต่ก็อีกแหละอีเกิ้ลอยู่ที่นี่มานานกว่าเพื่อนคงไม่มีใครรู้ความลับนี้นอกจากตัวเค้าเอง”ชายอีกคนพูดขึ้น
        ปัง
        “เหวอ”โคอุทานออกมาเสียงดังเมื่อพายุหมุนเฉียดใบหน้าของเค้าไปเล็กน้อย
        “ไม่เอาน่าวีนัสต่อให้โจมตีมายังไงก็เหมือนเดิม”อีเกิ้ลพูดขึ้นพร้อมๆกับยกดาบปัดพลังลมของเธออย่างไม่ยากเย็นนัก
        “ไม่มีทาง”วีนัสค้านเสียงแข็ง “เมื่อไหร่จะเลิกทำเล่นๆซะที มาต่อสู้กันจริงๆสิ”
        อีเกิ้ลเอียงคอเล็กน้อย “วีนัสมีคนแค่สองคนที่จะทำให้ฉันเองจริงได้นะ ซึ่งเค้าเหล่านั้นไม่ใช่เธอ”อีเกิ้ลพูดขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา
        “ฉันจะเป็นคนที่สามเอง”วีนัสพูดขึ้นพร้อมทั้งอัดพลังลมลูกใหญ่อีกลูกเข้าหมายจะประทะอีเกิ้ลแต่มันก็เป็นเพียงแค่ลมเบาๆสำหรับอีเกิ้ล
        “อย่างเสียแรงเปล่าเลย เพราะสองคนที่ทำได้ คือเทพกับปีศาจ”อีเกิ้ลยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมสายตาบ่งบอกถึงความต้องการฆ่าซึ่งมันทำให้วีนัสหยุดชะงัก
        “ก็ได้”วีนัสลดมือลงเพราะกำลังของเธอกับอีเกิ้ลยังห่างชั้นกันนัก ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีวันก้าวข้ามชายคนนี้ได้แน่นอน “หมดเวลาสามสิบนาทีแล้วนะ”วีนัสเดินนำออกไปโดยที่ไม่หันมาสนใจโคและวาคิวลี่ที่กำลังทำหน้าตาเหลือเชื่อแบบสุด ๆ
        ..
        มืด หนาว ว้าเหว่ เดียวดาย อะไรบางอย่างบอกว่าที่นี่คือสถานที่ที่เธอคุ่นเคยทั้งๆที่ไม่เห็น ไม่ได้ลืมตา ไม่สิ ลืมตาอยู่แต่มองไม่เห็น แต่รู้สึกคุ้นเคย มืดแต่สว่าง หนาวแต่อบอุ่น ว้าเหว่แต่สงบ
        “พี่จ๋า พี่จ๋า รอรินด้วย”เสียงอะไรบางอย่างดังแว่วใกล้ๆหูของเธอแต่เมื่อหันไปมองกลับไม่พบอะไร
        เสียงอะไรน่ะ คุ้นเคยแต่ไม่เคยได้ยิน เสียงของเด็ก เด็กที่ไหนกำลังพูด
        “พี่จ๋ารินทำขนมมาให้กิน พี่จ๋ากินมั้ย”
        “พี่จ๋ารินง่วงแล้ว เมื่อไหร่จะได้นอนซักที”
        “พี่จ๋า”
       
        “พี่จ๋า”
        วีนัสมองไปรอบๆตัว แต่ก็ไม่พบต้นเหตุของเสียงไม่พบอะไรนอกจากความมืด
        “เรนมานี่สิ มาหาแม่สิลูก”เสียงของหญิงสาวพูดขึ้นเป็นเสียงที่ฟังดูอบอุ่น
        “เรนดูแลน้องให้ดีนะลูก อย่ารังแกน้องนะ”เสียงของชายหนุ่มพูดขึ้นบ้าง
        “ค่ะ”เสียงใสๆฟังดูมั่นคงดังไปทั่วทุกทิศ และก้องอยู่อย่างนั้นราวกับมันก้องอยู่ในสมองของเธอ
        ..
        “อ๊าาาาาา”วีนัสตะโกนก้องเสียงดังแคปซูลที่เธอนอนแตกกระจายไปทั่วทุกทิศ เธอเป็นอย่างนี้บ่อยแต่มีครั้งนี้ที่ความฝันชัดกว่าทุกครั้ง
        แฮ่ก ๆ ๆ ๆ
        วีนัสหายใจหอบเสียงดัง พรางนึกถึงความฝันที่มันเด่นชัดขึ้นทุกวันทุกวัน
        “ไม่เป็นอะไรนะ”อีเกิ้ลพูดขึ้นพรางอุ้มวีนัสขึ้นมาจากพื้น
        “ไม่”วีนัสตอบห้วนๆหลังจากที่อีเกิ้ลวางเธอลงบนเตียงสีขาวอ่อนนุ่มภายในห้อง
        “อีเกิ้ล”
        “หือ”อีเกิ้ลขานรับทันทีที่นั่งลงข้างเตียง พร้อมทั้งดึงผ้าขึ้นห่มร่างเปล่าเปลือยของวีนัส
        “นายเข้ามาในห้องฉันอีกแล้วนะ”
        อีเกิ้ลสะดุ้งโหยง “ยังไม่ชินอีกเหรอ”
        “จำเป็นต้องชินด้วยเหรอ”วีนัสปรีสายตาเพ่งมองไปที่ด้านหลังของอีเกิ้ล “ได้นอนบ้างรึยัง”
        “ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกน่า”อีเกิ้ลตอบแบบปัดๆ วีนัสมักจะนอนหลับสนิทเสมอเมื่อได้มาอยู่ที่นี่ซึ่งผิดกับอีเกิ้ล เค้าไม่เคยหลับตาลงเมื่อมานอนที่นี่
        “อืม” วีนัสครางเบาๆทำสีหน้าเคร่งเครียด “อีเกิ้ล”
        “หือ”
        “ฉัน อยากจะรู้ว่าพ่อแม่ฉันเป็นใคร นายพอจะรู้บ้างมั้ย”
        “ไม่รู้ แต่ถ้าถามว่าฉันรู้จักเธอได้ไง และตอนไหนฉันก็พอตอบได้”
        “แล้วนายกับฉันเจอกันตอนไหน”
        อีเกิ้ลยิ้มยิงฟันออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “ลองขอร้องหวานๆไม่ได้เหรอ”
        วีนัสเหล่สายตาอย่างเบื่อหน่าย “ไม่”
        “งั้นก็ไม่ต้องรู้”
        “ฉันสืบเองก็ได้ จะยากแค่ไหนกันเชียว”
        “เรื่องของเธอเนี่ยอยู่ในส่วนของโปรเจ็กส์ X นะ”วีนัสสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยิน โปรเจ็กส์ที่อีเกิ้ลพูดถึงคือส่วนที่เป็นความลับสุดยอดของบริษัทที่จะรู้ก็เฉพาะผู้บริหารระดับใหญ่ๆในองค์กรเท่านั้น แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ถึงความลับภายในแต่ทำไมอีเกิ้ลถึงได้รู้ล่ะ
        “สงสัยล่ะสิว่าทำไมฉันถึงได้รู้”วีนัสทำหน้าสงสัยใคร่รู้ “เธอลืมไปแล้วเหรอ ฉันก็เคยอยุ่ในคณะบริหารมาก่อน ถึงตอนนี้จะลาออกมาเป็นอาจาร์ยแล้วก็ตาม แต่ฉันก็แน่ใจว่าเรื่องของเธออยู่ในโปรเจ็กส์ X เพราะมันเป็นส่วนที่ฉันดูแลอยู่”
        “อะ..จริงด้วย”วีนัสพูดราวกับนึกบางอย่างออก
        “เอาล่ะ ทีนี้จะพูดหวานๆได้รึยัง”อีเกิ้ลพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน
        “ไม่มีทาง”
        “ดี งั้นเธอก็ไม่มีทางรู้นะ” วีนัสก้มหน้าราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
        “ก็ได้”วีนัสพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “คุณอีกเกิ้ลคะ ช่วยบอกเรื่องที่วีนัสอยากรู้หน่อยได้มั้ยคะ”
        “อย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย”อีเกิ้ลขยับท่าทางเล็กน้อย “เอาล่ะ ตอนที่ฉันเป็นคณะบริหารได้รับงานใหญ่ชิ้นนึง คือหัวหน้าเก็บกวาดงานที่เค้าทำไว้ไมสมบูรณ์ หลังจากจัดการอะไรหลายๆอย่างเสร็จแล้วอ้อช่วงนั้นคิวยังเป็นลูกน้องในสังกัดฉันด้วย หลังจากจบงานฉันกับคิวก็ไปเจอเธอนอนอยู่ไต้สะพานเนื้อตัวมอมแมมหายใจถี่หอบเหมือนหนีอะไรซักอย่างมา คิวสงสารก็เลยรับตัวเธอมาเลี้ยงไว้ และยิ่งพอองค์กรรู้ว่าเธอเป็นพวกอีทีเรียสเค้าก็ยิ่งอ้าแขนต้องรับเธอ พรสวรรค์ของเธอเด่นชัดตั้งแต่ยังเด็ก ถึงแม้คิวจะพยายามห้ามแค่ไหนแต่ดูเหมือนคนในองค์กรจะไม่รับฟัง จนต้องจำยอมส่งเธอให้องค์กร คืนนั้นคิวมาขอร้องฉันให้ช่วยดูแลเธอ ฉันก็เลยออกจากผู้บริหารมาเป็นอาจาร์ยแทนทำหน้าทีสอนเธอมาเรื่อย”
        วีนัสทำสีหน้าครุ่งคิด “คิวเป็นลูกน้องอีเกิ้ลมาก่อนงั้นเหรอ ถ้าจำไม่ผิดคิวอายุ 43 แล้ว นายอายุเท่าไหร่กันแน่เนี่ยอีเกิ้ล”
        “ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนล่ะ”อีเกิ้ลรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะสลายตัวหายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
        “เฉไฉทั้งปี”วีนัสครางเบาๆก่อนจะหลับสู่ห้วงนิทรา
        ..
        “คุณวีนัสครับ”เสียงสดใสของชายหนุ่มเรียกให้เธอหยุดฝีเท้าลง
        “มีอะไร”
        “ผมรู้มาจากอีเกิ้ลว่าคุณวีนัสต้องการหาพ่อกับแม่”
        “แล้วไง”
        “คิวฝากบางอย่างมาให้คุณครับ ผมคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่คุณต้องการหา”
        วีนัสรับกระดาษใบเล็กๆจากคิวมา “แล้วทำไมพึ่งเอามาให้”
        “คิวเคยบอกว่าให้กระดาษแผ่นนี้เมื่อคุณวีนัสต้องการพบพ่อแม่ ผมคิวว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่คุณต้องการ
        “งั้นเหรอ”วีนัสก้มหน้ามองกระดาษแผ่นเล็กๆในมือมันเล็กเกินกว่าจะห่ออะไรไว้ด้านในและมันก็ไม่มีข้อความอะไรด้วย เป็นกระดาษเปล่าที่ดูไม่มีค่าอะไร “แล้วนี่มันคืออะไร”
        “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ คิวบอกว่าคุณต้องหาคำตอบเอง”โคเดินตามวีนัสอย่างสนใจใคร่รู้
        “แล้วเค้าไม่ได้บอกอะไรอีกแล้วเหรอ”
        โคส่ายหน้าแทนคำตอบ
        วีนัสพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจกระดาษในมืออีกครั้ง เธอกำกระดาษนั้นทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
        “โคไปตามอีเกิ้ลกับวาคิวลี่”
        “ทำไมล่ะครับ”โคถามอย่างสงสัยพรางมองด้านหลังของวีนัสที่ค่อยๆเดินเร็วขึ้น
        “ฉันจะกลับ”
       
        ทันทีที่ถึงบ้านวีนัสก็ทิ้งทุกอย่างกองอยู่หน้าประตูบ้านปล่อยให้อีเกิ้ลเก็บเหมือนเคย
        “รีบร้อนอะไรนักหนานะ”อีเกิ้ลพูดขึ้นพรางหยิบรองเท้าบูทสีดำของวีนัสเก็บเข้าตู้เก็บรองเท้า
        “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ”โคตอบพรางเดินนำเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยมีทุกคนเดินตามเข้าไป
        “สิ่งที่คิวเหลือไว้”วีนัสควานหาอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้า และพบขวดน้ำยาสี่ห้าขวดที่มีหลายสีปะปนกันอยู่ วีนัสเลือกออกมาประมาณห้าขวดได้
        “เอาล่ะ”วีนัสหยิบกระดาษขึ้นดมเล็กน้อยเธอได้กลิ่นหอมบางๆ “น่าจะเป็นโรงแรม กระดาษเนียนเรียบคงเป็นกระดาษที่เคาร์เตอร์เก็บของของโรงแรมแห่งหนึ่ง” วีนัสหยิบไฟแช๊กส์ขึ้นมาและเผากระดาษแผ่นนั้นผงสีดำร่วงกราวในถาดที่เธอเตรียมเอาไว้
        วีนัสเทผงสีดำนั้นลงในน้ำสีม่วงหลอดเล็กและเขย่ามันเล็กน้อย พร้อมๆกับเทน้ำยาสีชมพูลงไปน้ำในหลอดเปลี่นเป็นสีเขียวอ่อนๆ วีนัสไม่รอช้าหยิบยาสีฟ้า แดง และเหลืองใส่ลงไปคนมันเล็กน้อยจนทำให้สีออกมาเป็นสีขาวขุ่นๆ เธอตั้งไฟรอซักพักก่อนจะวางหลอดลงไปอย่างเบามือ ควันสีชมพูลอยออกมาจากหลอดแก้ว วีนัสดมมันเล็กน้อยเธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอร์
        “กลิ่นไวน์ลีโอเวียร่า ปี1653 เหล้าชนิดนี้มีอยู่แค่ที่เดียวโรงแรมสวีทแกรนโฮเทล จะเปิดเฉพาะวันฉลองครบรอบหนึ่งปีของโรงแรม”วีนัสดับไฟพร้อมทั้งวิ่งลงไปด้านล่างเธอไม่ลืมที่จะหยิบสร้อยคอรูปอาร์สองตัวซ้อนกันมาสวม
        “ฉันไปด้วย พวกเธอรอที่นี่”อีเกิ้ลหันไปสั่งเหล่าลูกศิษย์ และหยิบกุญแจรถวิ่งตามออกไป
        “ไปที่ไหน”
        “โรงแรมสวีทแกรนโฮเทล”
        “อ้อ โรงแรมโปรดคิว”อีเกิ้ลหยิบแว่นตาดำขึ้นสวมก่อนจะเหยียบคันเร่งกระชากวีนัสที่พยายามจะรัดเข็มขัดเต็มแรง
        โรงแรมขึ้นชื่อระดับไฮน์คราสสวีทแกรนโฮเทล ลักษณะเหมือนหอคอยสูงน้ำพุถูกสร้างรอบๆโรงแรมในเวลากลางคืนแสงไฟจะสะท้อนไปทั่วทำให้น้ำลื่นไหลดูมีชีวิต นับเป็นสถานที่ฮันนีมูนอันสำคัญ สวนหย่อมรอบๆถูกตัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ประดับประดาด้วยแสงไฟระยิบระยับ
        วีนัสเดินดุ่มๆโดยไม่สนใจบรรยากาศรอบๆเลยแม้แต่น้อย
        “วีนัสหยุดก่อน”อีเกิ้ลพูดขึ้นหยุดกึ่งเดินกึ่งวิ่งของวีนัส
        “อะไร”
        “แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงว่าคิวฝากเธอไว้ในล็อกไหน อีกอย่างถ้าไม่มีกุญแจก็ไม่สามารถเอามาได้หรอกนะ”
        วีนัสยิ้มกริ่มอย่างผู้มีชัย “นี่ไงล่ะ” เธอหยิบสร้อยคอรูปตัวอาร์ออกมาจากในเสื้อ “กุญแจ”
        วีนัสยื่นสร้อยคอให้บริการหนุ่มบนเคาเตอร์ ชายคนนั้นโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะหายเข้าด้านใน เค้าออกมาพร้อมกับกล่องดำใบใหญ่ “ขอห้องสวีทหนึ่งห้อง”
        บริการหนุ่มยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นคีย์การ์ดให้กับวีนัส
               
        “ทำอะไรอยู่”อีเกิ้ลพูดพรางเพ่งมองไปที่วีนัสซึ่งกำลังถือปืนเลเซอร์ขนาดจิ๋ว จี้ลงบนกล่องสีดำของคิว
        “ฉันดูเหมือนกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ”
        “ไม่รู้สิ เธอดูเหมือนกำลัง... เจาะพื้นห้องอยู่ล่ะมั้ง”
        วีนัสโยนปืนกระบอกนั้นลงบนเตียงเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เธอทำดูจะไร้ประโยชน์ “ใครเป็นคนสร้างกระเป๋าใบนี้เนี่ย”
        อีเกิ้ลหยิบเบียร์ออกมาจากตู้เย็นใบเล็กๆภายในห้อง “ไม่รู้สิ เธอก็รู้จักคิวดีนี่ เค้าเป็นอัจฉริยะเรื่องอย่างนี้”
        “อย่างคิวน่ะ ไม่ได้เรียกว่าอัจฉริยะหรอก สร้างแต่ของไร้สาระทั้งนั้น แต่ดันมีเพื่อนเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายคนได้”วีนัสพูดขึ้นพรางยกมือรับเบียร์ที่อีเกิ้ลโยนให้
        “เธอจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ฉันจะออกไปข้างนอกนะ จะกลับมาพรุ่งนี้”อีเกิ้ลโยนกระป๋องเบียร์เปล่าลงถังขยะก่อนจะหยิบเสื้อโค้ทเดินออกไป
        วีนัสทรุดตัวลงนั่งเพ่งมองไปที่ประตูที่อีเกิ้ลเดินออกไป พรางยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
        “ฮัลโหลโคเหรอ”วีนัสพูดกับโคผ่านโทรศัพน์ “อีเกิ้ลออกไปแล้วนะ บอกวาคิวลี่แสตนด์บายได้เลย” วีนัสปิดมือถือ พรางหัวเราะออกมาเสียงเบาๆแต่ฟังดูเยือกเย็นและน่ากลัว
        .............................................................................
โอ้ พระเจ้าช่วย วีนัสมีแผนอะไรกันแน่นะ หรือว่าจะเป็น.........
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น