ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    creative การกลับมาของความรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER6 : คิว

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 48


    CHAPTER6 : คิว



            “ข้างนอกฝนตกแล้วนะคะ ข้างนอกก็มืดแล้วทำไมคุณวีนัสยังไม่กลับมาซะที” วาคิวลี่เกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างมองออกไปด้านนอกซึ่งท้องฟ้าเป็นสีดำสนิท และเมฆสีดำลอยต่ำอย่างเห็นได้ชัด



            “วันนี้วีนัสมีงาน”อีเกิ้ลหอบผ้าที่เก็บเข้ามาเดินเข้ามาในบ้าน ดูเหมือนเค้าจะออกไปเก็บเสื้อผ้าทันก่อนที่ฝนจะตก



            วาคิวลี่เพ่งมองตรงออกไปด้านนอกพลันตาสีเขียวของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีทองมีประกายเหมือนแมว แต่คมชัดและดุดันเหมือนเหยี่ยว



            “วาคิวลี่ อย่าใช้พลังมองหาวีนัส เธอไม่ชอบให้ใครติดตามตอนกำลังทำงาน”น้ำเสียงของอีเกิ้ลแฝงไปด้วยอารมณ์ชุนเชียวเล็กน้อย



            “แต่ฉันไม่มีอะไรทำนื่นา”วาคิวลี่หันมามองอีเกิ้ลที่กำลังนั่งรีดผ้า อยู่บนโต้ะเตี้ย สีขาวพับได้



            “งั้นก็มาคุยกับเรื่องทั่วๆไปดีกว่า”อีเกิ้ลตั้งเตารีดขึ้นพร้อมทั้งทำสีหน้าใช้ความคิด “เอาเรื่องนี้ดีกว่า เธอเห็นคุณนายไวโอเลตแล้วใช่มั้ยล่ะ”อีเกิ้ลหยุดมองวาคิวลี่ที่พยักหน้าหงึกๆเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่าต่อ “ไวโอเลตเป็นผู้หญิงที่ต้องระวังมากที่สุด เพราะเธอมีกล้องส่องดาว แต่อย่าคิดว่าหล่อนเอาไว้ส่องดาวนะ ผู้หญิงปากสว่างคนนั้นเอาไว้ส่องดูพฤติกรรมของเพื่อนบ้าน”อีเกิ้ลหยิบเตารีบและเริ่มทำงานอีกครั้ง “แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เธอไม่ค่อยจะสนบ้านเราซักเท่าไหร่ เพราะตลอดห้าปีที่ผ่านมาฉันกับวีนัสไม่เคยทำอะไรให้เจ้าหล่อนมีเรื่องไปเม้าท์ได้ซักเรื่องเดียว”



            “แล้วพวกคุณรอดมาได้ยังไงคะเนี่ย”



            อีเกิ้ลยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “มันก็ง่ายๆอย่างที่วีนัสบอกไงล่ะ ทำทุกอย่างให้เป็นกิจวัตรประจำวัน”



            “เหรอคะ”วาคิวลี่ก้มหน้ามองพื้นทำสีหน้าใช้ความคิด



            “แล้วเห็นคุณนายเบิร์กแล้วใช่มั้ย คนแถวนี้เรียกแกว่าป้าหลงเพราะแกไม่เคยเข้าบ้านถูกหลังซักครั้งเดียว ที่เห็นแกตัดหญ้าอยู่น่ะ ไม่ใช่บ้านแกหรอกนะ บ้านคุณแอนดริวเพื่อนข้างบ้านสุดเงียบ เค้าไม่เคยสุงสิงกับใครเลย ความจริงควรจะเรียกว่าพวกเราจำหน้าแกไม่ได้เลยซะมากกว่า เพราะตลอดห้าปีเคยเจอแกแค่สองครั้งเท่านั้น”



            วาคิวลี่ดูมีท่าทีสนใจกับเรื่องเล่าของอีเกิ้ลจนลืมเรื่องการมองดูวีนัสไปซะสนิท



            ในซอยอับมืดสนิท วีนัสในชุดสีดำมัน เดินลุยฝนตรงไปด้านหน้าเพียงลำพัง เธอได้ยินเสียงโอดครวญจากเด็กน้อยข้างถนนที่ถูกรุมกระทืบ เพราะไปขโมยขนมปังชิ้นเล็กๆเพื่อประทังชีวิต สำหรับวีนัสแล้วเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่หาดูได้ทั่วไปจึงทำให้เธอไม่ใส่ใจนัก เพราะถึงวันนี้เธอจะช่วยเด็กคนนี้ แต่เด็กนั่นก็ต้องมาขโมยขนมปังอีกอยู่ดี



            กลิ่นเหม็นๆของขยะที่ผสมกับน้ำฝนทำให้ยิ่งเหม็นเน่าเข้าไปใหญ่แต่ก็ไม่สามารถดึงความสนใจของเธอไปจากร้านเหล้าโทรมๆที่มีชื่อป้ายทำจากไม้เขียนว่า ROSE ซึ่งจะหักแหล่มิหักแหล่ วีนัสเพ่งมองตรงไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ผลักประตูไม้เก่าๆที่มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดทันทีที่สัมผัสเข้าไปข้างใน



            สัมผัสแรกที่เธอเจอคือกลุ่มฝุ่นที่พากันตรงเข้ามาทางเธอมันทำให้เธอสำลักแต่ก็ไม่มากนัก ภายในร้านมืดสนิทแลดูไม่เหมือนร้านเหล้าที่เคยรุ่งเรืองเมื่อสมัยก่อน



            “นั่นใครน่ะ”เสียงทุ้มต่ำของชายแก่ตะคอกขึ้น



            “ฉันเองอาจาร์ยคิว”วีนัสคานเรียกชายแก่คนนั้น



            “วีนัสเหรอ มานี่สิ มากินเหล้าด้วยกัน ฉันเลี้ยงเอง”ชายแก่ที่ใบหน้ามีแต่รอยเหี่ยวย่นกวักมือเรียกเธอด้วยรอยยิ้ม



            วีนัสทรุดตัวนั่งตามคำบอกของคิวสายตาเพ่งมองหลังของคิว ซึ่งเค้ากำลังผสมเหล้าให้วีนัสอยู่



            “อาจาร์ยคิว รู้ใช่มั้ยว่าฉันมาทำไม”วีนัสเห็นคิวชะงักลงเล็กน้อย



            “รู้สิ”



            “อาจาร์ยจำที่เคยสอนฉันได้มั้ย”



            “นั่นมันนานมาแล้วนะ ตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอต้องไปอยู่กับอีเกิ้ล อาจาร์ยมือหนึ่ง แต่ดีแล้วล่ะ อยู่กับอีเกิ้ลเป็นยังไงบ้าง”



            “ก็เรื่อยๆ แล้วอาจาร์ยล่ะ”



            “ก็อย่างที่เห็นแหละร้านดูแย่ไปเยอะ ลูกค้าเดือนนี้ก็แทบจะไม่มีเลย”



            “อาจาร์ยยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะคะ”วีนัสยกเหล้าที่มีกลิ่นอ่อนๆอย่างที่เธอเคยชอบขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว



            “.............เฮ้อ”



            “นักฆ่าที่ถูกเผยโฉมหน้าแล้วจะต้องถูกเก็บ”วีนัสพึมพำออกมาเบาๆแต่ก็พอที่พวกเค้าทั้งสองจะได้ยิน



            “เธอคงจะปล่อยฉันไปไม่ได้สินะ”คิวไม่หันไปดูใบหน้าเย็นชาของวีนัสแม้แต่น้อย



            “ช่วยให้ความร่วมมือด้วยนะคะ”วีนัสหยิบปืนสีดำสนิทที่มีรูปของเทพีวีนัสสีขาวนวลอยู่ด้านข้างกระบอกปืน



            “ปืนไซโครน 225 ปืนประจำตัวที่อีเกิ้ลเคยใช้สินะ ในที่สุดมันก็กลายเป็นของเธอตามที่เธอได้พูดเอาไว้ ดีใจเหลือเกินที่ได้ตายด้วยน้ำมือของเด็กที่เป็นมือหนึ่ง กับปืนของเจ้าของตำนานยมทูต”คิวหลับตาลงน้ำตาใสๆไหลออกมาเล็กน้อยก่อนที่ลูกกระสุนเหล็กสีดำจะพุ่งทะลุหัวเค้าออกไปอีกด้าน เลือดสีแดงกระจายไปทั่วทั้งร้าน แต่ไม่มีเลือดซักหยดกระเด็นมาถูกตัววีนัสเลย



            วีนัสมองด้วยสายตาเย็นชาไปยังชายแก่ที่พยายามเอื้อมมือมาสัมผัสเธอ แต่ร่างของชายแก่ยิ่งเอื้อมก็ยิ่งไกลออกไป “วี...นั..ส” เสียงสุดท้ายที่ชายแกพูดก่อนจะทรุดตัวลงนอนกับพื้นจมกองเลือดสีแดงของตัวเอง



            วีนัสยกขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะเทลงบนร่างไร้วิญญาณของชายแก่จนหมดขวด พร้อมทั้งหยิบเทียนไขข้างตัวทิ้งมันลงบนร่างนั้น



            >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



            “เฮ้ยๆๆ ไฟไหม้เว้ยๆ หาน้ำมาดับเร็ว”เสียงอึกกะทึกครึกโครมของชายหนุ่มหลายคนที่พากันวิ่งวุ่นวายไปหมดเพื่อเอาน้ำมาดับไฟ



            “ร้าน ROSE เว้ย ไฟไหม้ใหญ่แล้ว เร็วเข้าๆ”



            วีนัสเดินออกจากฝฝูงคนด้วยแววตาเย็นชาและใบหน้าซีดเผือดอาจเป็นเพราะความวุ่นวายทำให้ไม่มีใครสังเกตสีหน้าของวีนัส



            >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



            แหมะ แหมะ



            เสียงน้ำหยดจากเสื้อของวีนัสมันชุ่มไปทั้งพื้นหน้าประตูบ้านเธอ แต่ดูเหมือนสาวเจ้าจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย



            “กลับมาแล้วเหรอ”อีเกิ้ลยกผ้าขนหนูขึ้นเช็ดผมสีแดงชุ่มฝนของวีนัสเบาๆ



            วีนัสกำเสื้อของอีเกิ้ลแน่นจนทำให้ตัวเค้าเองเจ็บแปล๊บๆตรงที่เล็บวีนัสจิกเข้าไป



            อีเกิ้ลหันไปมองสีหน้าตกใจของวาคิวลี่เล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน “ขึ้นไปนอนได้แล้ว”



            วาคิวลี่รีบเดินขึ้นห้องไปตามคำสั่งทันที โดยที่มีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ก็เดินขึ้นไป



            “วีนัส จะให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”อีเกิ้ลก้มลงมองต้นคอของวีนัสเพราะเธอก้มหน้ามองพื้นอยู่



            วีนัสดึงหน้าของอีเกิ้ลให้ก้มตัวลงมาประกบปากกับเธออย่างรุนแรง และคลายออกอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา



            อีเกิ้ลยกร่างบางที่เปียกชุ่มของวีนัสเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนสีขาวสะอาดโล่งและค่อยๆปลดเสื้อนอกของเธอออก



            จ๋อม จ๋อม



            เค้าค่อยๆประคองร่างเปลือยเปล่าของวีนัสลงในอ่างอย่างเบามือ เธอก็ไม่มีท่าทีขัดขืนสายตาที่มองเหมือนปลาที่ตายแล้ว



            “ทำไมล่ะอีเกิ้ล ทำไมนายไม่เคยแตะต้องฉันแม้ซักครั้งเดียว”วีนัสถามขึ้นแต่สายตายังคงเหม่อลอย



            อีเกิ้ลหยิบสบู่ข้างตัวขึ้นบรรจงถูกไปบนผิวเนียนของวีนัส “ฉันเลี้ยงเธอมากับมือ เธอก็เหมือนลูกสาวฉัน จะให้พ่อมีความสัมพันธ์เกินเลยกับลูกสาวเหรอ”



            “ไม่เห็นเหมือนกันสักหน่อย”วีนัสพูดด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิมแต่ยังคงเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ



            “เธอก็รู้นี่นาว่าฉันน่ะ”แวบนึงที่สายตาของอีเกิ้ลเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดแต่ก็ไม่ทันทีวีนัสจะได้เห็นมันก็กลับคืนมาเป็นดวงตาปกติ



            “สัญญากับคนที่รักไว้ใช่มั้ยล่ะ”วีนัสตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “เค้าอาจจะลืมนายไปแล้วก็ได้” วีนัสหันไปสบตากับอีเกิ้ลเล็กน้อย ในใจก็หวังจะให้เค้าแสดงความรู้สึกออกมามากกว่านี้ อย่างน้อย



            “เค้าลืมไปแล้วล่ะ”วีนัสมีท่าทีตกใจเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้ “แต่ตราบใดที่ฉันยังไม่ลืม ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม”อีเกิ้ลยิ้มอบอุ่น พร้อมทั้งเงยหน้ามาสบตาสีฟ้าที่มีแต่ความสงสัยของวีนัส



            “ตามใจ”วีนัสพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย “แล้วทำไมไปหลอกวาคิวลี่ว่าพวกเราเคยมีอะไรกันล่ะ”



            “ฮึ”อีเกิ้ลหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ฉันไม่อยากให้ใครคิดว่าฉันไร้สมรรถภาพ” ทันทีที่พูดจบอีเกิ้ลก็เทฟองสบู่ลงในน้ำพร้อมทั้งตีฟองให้ฟู



            วีนัสเหลือบสายตามองหน้าแสนซีเรียสของอีเกิ้ลด้วยรอยขบขัน



            “เธออย่ามามองฉันอย่างนี้นะวีนัส ฉันไม่ได้ไร้สมรรถภาพ” อีเกิ้ลหันไปทำตาถลึงใส่วีนัส  “เอาล่ะพร้อมแล้วนะ”วีนัสพยักหน้าทันทีที่คำถามสิ้นสุด



            อีเกิ้ลกดไปบนศรีษะวีนัสและกดมันลงไปช้าๆจนมิดทั้งศรีษะ เมื่อเห็นว่าวีนัสลงไปหมดแล้วอีเกิ้ลจึงหยิบนาฬิกาจับเวลาออกมาจากกระเป๋าหน้าและเริ่มจับเวลา



            >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



            วีนัสมองไปรอบๆ ภาพเบื้องหน้ามีแต่ความมืด เธอจะต้องรออยู่อย่างนี้อย่างน้อยห้านาทีเพื่อสิ่งที่เธอต้องการ



            “ถ้าอีเกิ้ลไม่ไร้สมรรถภาพแปลว่าเราก็ไร้เสน่ห์สินะ”วีนัสพูดพึมพำออกมาราวกับพูดกับตัวเอง



            สุดท้ายแล้ววีนัสก็หาคำตอบให้ตัวเองได้ เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมคิดว่าตัวเองไร้เสน่ห์แน่นอน



            แสงสว่างวาบที่ทำให้แสบตาบังคับวีนัสหลุดออกจากความคิด พื้นที่ที่เธออยู่คือพื้นหญ้าสีเขียวดอกไม้ระรานตา และต้นใม้ใหญ่สูงเด่นที่น่าแปลกก็คือต้นไม้นั้นสูงและใหญ่กว่าปกติหลายเท่า อีกทั้งใบไม้ยังเป็นสีเงินอร่ามตา ตัดกับพื้นดินสีเขียวชะอุ่ม อีกทั้งต้นไม้นั่นเป็นต้นไม้ต้นเดียวในพื้นที่แห่งนี้



            “ขอดูหน่อยนะ”วีนัสยกมือขึ้นสัมผัสกับต้นไม้นั้น พร้อมทั้งหลับตาลง



            ภาพต่างๆวิ่งผ่านหัวของวีนัสภาพของบางสิ่ง บางสถานที่ ที่แคบๆชื้น และเหม็นอับชายคนนั้น เสื้อสีน้ำตาลนั่น และอะไรบางอย่างที่ดูคุ้นตาสีเงินประดับอยู่บนคอของเค้า



            “วีนัส เธอไปนานเกินไปแล้ว”เสียงของอีเกิ้ลสะท้อนไปทั่วทำให้เธอปวดแปล๊บๆ ในหู



            อีเกิ้ลกระชากร่างบางขึ้นจากน้ำ วีนัสมีท่าทีหอบเล็กน้อย หน้าของเธอซีดเผือดเหมือนคนตาย อีเกิ้ลรอจนวีนัสหายหอบจึงเริ่มถามคำถาม



            “เจอมั้ย” วีนัสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย



            “เจอของที่ดีกว่านั้นอีก ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว”วีนัสรับผ้าขนหนูสีเทาขึ้นคลุมร่างกายลวกๆโดยไม่ลืมที่จะล้างตัวจนสะอาด



            “จะให้ไปด้วยมั้ย”อีเกิ้ลยืนพิงประตูมองวีนัสแต่งตัวด้วยชุดสีดำสนิทเหมือนเดิม



            “ไม่”วีนัสตอบเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และเดินออกจากห้องไปทันที



            >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



            อยากจะเห็นเหลือเกิน ชายที่ทำให้คิวยอมตายแลกกับการมีชีวิตของชายคนนี้ แต่คิวคงไม่รู้ถึงความสามารถที่มันงอกเงยออกมาจากความพยายาม นับห้าปีนี้หรอก ความสามารถในการเชื่อมต่อต้นไม้แห่งอนาคตได้ แต่ความดีนี้ก็คงต้องยกให้อีเกิ้ลชายผู้รอบรู้ และไอ้นิสัยห่ามๆบวกกับเหตุผลที่เค้าไม่ยอมเข้าไปเองเพราะขี้เกรียจ



            สิ้นความคิดวีนัสก็มาถึงสถานที่ที่เธอต้องการ ผับ dargon dead (มังกรยมทูต) ผับที่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกก่อนถึงจะเข้าได้ วีนัสหยิบบัตรสีดำสนิทที่มีรูปมังกรสีดำอยู่หน้าบัตรขึ้นมาแสดงให้ชายร่างยักษ์ดู



            วีนัสหยิบแว่นตาสีดำขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันแสงแสบตาจากในผับแห่งนี้ เธอพยายามไม่หันไปมองผู้ชายรอบๆที่เพ่งมองเธออย่างระราบละล้วง มันช่างน่าขยะแขยงซะเหลือเกิน สายตาที่อีเกิ้ลไม่มีวันทำกับเธอ



            วีนัสสังเกตุเห็นชายร่างบึกที่เคยยืนอยู่หน้าประตูกำลังกระซิบบางอย่างกับผู้ชายที่คนแถวนี้เรียกว่า บอส แต่ก็ไม่สะดุดตาเธอเท่ากับชายที่นั่งอยู่มุมในสุดของผับ วีนัสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ผู้ชายเสื้อสีน้ำตาล และยังสร้อยเงินอันนั้นไม่ผิดตัวแน่ๆ เพียงแต่ว่าจะทำยังไงถึงจะลากผู้ชายที่นั่งอยู่ชั้นวีไอพีของผับอันดับหนึ่งได้… คงไม่มีทางทำได้สินะ… ที่ทำได้คือ…วีนัสรับแชมเปญจากบาเทนเดอร์พร้อมทั้งแก้วสองใบในมือ และเดินตรงเข้าไปหาชายคนนั้น



            จากมุมที่ชายคนนั้นนั่งอยู่ทำให้เห็นใบหน้าของเค้าไม่ชัดนัก แต่วีนัสก็มั่นใจว่าคงเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีทีเดียว ไม่สิน่าจะเรียกว่าหล่อเลยหล่ะ แต่ถ้าจะเทียบระหว่างอีเกิ้ลกับชายคนนี้ คงต้องบอกว่าอีเกิ้ลหน้าตาดีกว่าถึงแม้จะเล็กน้อย แต่เค้าคงไม่ไร้สมรรถภาพเหมือนอีเกิ้ลหรอกนะ



            “นั่งด้วยได้มั้ยคะ”วีนัสโค้งตัวลงเล็กน้อยพร้อมทั้งรอยยิ้มเสแสร้ง



            “เชิญ”ชายคนนั้นตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก



            วีนัสทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างเผยให้เห็นขาเนียนขาวอมชมพู เธอเปิดแชมเปญและรินมันลงบนแก้วช้าๆสายตายังคงมองรอดผ่านแว่นดำไปยังเป้าหมาย



            “เธอต้องการอะไร”เสียงทุ้มเค้มฟังดูมีโทสะของชายคนนั้นพูดขึ้น



            “กินแชมเปญ”วีนัสยกแชมเปญขึ้นดื่มหน้าตาเฉย โดยไม่สนใจท่าทางมีโทสะของชายคนนั้น



            ชายคนนั้นหันตาสีน้ำตาลเข้มเพ่งมองใบหน้าไม่ทุกข์ร้อนของวีนัส เค้ารู้ดีว่าวีนัสมาเพื่ออะไรวันนี้คิวตาย แล้วเค้าจะเป็นรายต่อไป แต่อย่าคิดว่าจะยอมตายกันง่ายๆ

            “ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอต้องการอะไร”ชายคนนั้นถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าวีนัสยังนั่งดื่มแชมเปญด้วยท่าทีใจเย็นเหมือนเช่นเคย



            วีนัสปราดสายตาผ่านแว่นดำมองชายคนนั้นเล็กน้อย “ก่อนที่จะถาม คุณก็ควรจะบอกชื่อของตัวเองก่อนไม่ใช่เหรอคะ ฉันคิดว่า.... นั่นเป็นมารยาท ฉันชื่อวีนัส” วีนัสกลับไปดื่มแชมเปญโดยไม่ใส่ใจท่าทีร้อนใจของชายหนุ่มเลย



            “ฉันชื่อ.... โค”



            “ก็ดีทีนี้ ช่วยบอกฉันหน่อยสิโค ว่านายได้สร้อยเส้นนั้นมายังไง”วีนัสวางแก้วแชมเปญลงเพ่งมองไปยังโคด้วยสายตาเย็นชา



            “ฉันจำเป็นต้องตอบเหรอ”โคพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ มีไม่กี่คนที่พบวีนัสแล้วแต่ยังนิ่งสงบอยู่ต้องยอมรับว่าชายคนนี้ทำให้วีนัสนึกสนใจ ไม่สิเธอนึกสนใจตั้งแต่คิวปกป้องชายคนนี้ด้วยชีวิต



            “ไม่จำเป็นหรอก แต่โค..ต้องตอบ”วีนัสดึงแว่นตาออกเพ่งมองตรงไปด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม แววตาที่เธอใช้เสมอเมื่อต้องการฆ่าใครซักคน



            โคก้มลงมองพื้นเล็กน้อย ก่อนที่เค้าจะค่อยๆปริปากบอกเรื่องที่วีนัสต้องการจะรู้ “คิวเป็นคนให้ เค้าบอกว่าจะมีคนมาเอามันคืนพร้อมๆกับการตายของเค้า ถ้าพ้นคืนนี้ได้ฉันก็จะรอด แต่ถ้าไม่ เค้าจะรออยู่ในนรก” โครู้สึกได้ว่ามือของเค้าเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย แต่เค้าก็ยังคงทำใจดีสู้เสือยอมรับว่า เค้ารู้สึกหวั่นใจกับผู้หญิงที่เจอกันครั้งแรกคนนี้ซะเหลือเกิน



            “งั้นเหรอ”วีนัสลูบไปที่ข้อมือตัวเองอย่างเคยชินเธอมันเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่ใช้ความคิด “ถ้ารอดวันนี้ได้..สินะ”



            “ฉันจะต้องตายใช่มั้ย”โคกลั้นใจถามออกมาแต่ยังคงไม่หันไปมองใบหน้านิ่งสนิทของวีนัส



            “ใช่..นายต้องตาย ถ้าฉันต้องการ”วีนัสตอบออกมาแต่ก็เป็นคำตอบที่ฟังดูหยิ่งจองหอง แต่โครู้ว่าเธอทำได้แน่นอน “แต่บังเอิญ นิสัยของฉันไม่ฆ่าใครที่บอสไม่ได้สั่งซะด้วย”วีนัสหันไปมองหน้าด้านข้างที่ดูจะสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย “แต่..ต้องแลกกับสร้อยเส้นนั้น” วีนัสยกแชมเปญขึ้นดื่มรวดเดียวหมด



            “ไม่”



            “หือ”วีนัสเอียงคอเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้รับ



            “ว่าไงนะ”



            “ฉันไม่ให้”น้ำเสียงของโคดูสั่นถึงแม้จะเล็กน้อยแต่วีนัสก็พอจะจับได้



            “นายคงไม่ได้ยินสินะ ฉันไม่ได้ขอร้อง แต่ฉันสั่ง”วีนัสยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม เธอรู้สึกได้ว่าลิมิตรของเธอมันใกล้หมดเต็มที



            “ไม่”โคยังยืนกรานตามเดิม



            วีนัสกระตุกคิ้วเล็กน้อยอย่างหมดความอดทน “น่าสนใจนี่ แล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันจะเอามันไปไม่ได้”



            “คิวให้ฉันไว้ มันถือเป็นของสำคัญ อย่างน้อยก็เป็นสิ่งเดียวที่คิวเหลือเอาไว้ให้”



            “นี่ๆๆ นายลืมไปแล้วเหรอ คิวไม่ไดเหลือสร้อยนี้ไว้ให้นาย เค้าบอกว่าจะมีคนมาเอามันคืน ซึ่งนั่นก็คือฉันอย่างไม่ต้องสงสัย”วีนัสพูดอย่างใจเย็น และดูเหมือนนี่จะเป็นน้ำอดน้ำทนสุดท้ายของเธอแล้ว



                                    .....................................................................................





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×