ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 3 : MARS TOWER
CHAPTER 3 : MARS TOWER
        “เอาล่ะนักเรียนปีหนึ่งทุกคน”เป็นเสียงของรุ่นพี่นิโคไลท์ “เรามีกฎระเบียบเล็กน้อยสำหรับการอยู่ร่วมกัน ข้อแรกถ้าต้องการประลองหรือต่อสู้กัน สำหรับตึกเราแล้วถือว่าไม่ผิด.....แต่จะต้องไม่ทำให้ตึกเรียนหรืออาคารเสียหายเด็ดขาด  ข้อสองการเข้าเรียนของที่นี่ค่อนข้างตรงต่อเวลาเพราะฉะนั้นฉันหวังว่าคงไม่ได้ยินว่ามีใครเข้าเรียนสายนะ ส่วนอีกข้อถือว่าเป็นกฎเฉพาะกับตึก mt ซึ่งตั้งโดยรุ่นพี่รุ่นแรก อย่าสู้กันเองอย่างระแวงพรรคพวก ศัตรูพรรคพวกคือศัตรูเราอย่าเหมาเอาเพื่อนเราเป็นศัตรู อ้อแล้วอีกอย่างนึงพวกตึกเรามักจะมีปัญหากับพวก qt (เมอคิวรี่ ทาวเวอร์) เสมอ เพราะฉะนั้นทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับพวกเค้าจะดีกว่า สุดท้ายอาจาร์ยของที่นี่ ผู้ชายเราจะเรียกว่ามิสเตอร์ ส่วนผู้หญิงให้เรียกมาดาม กฎทั้งหมดก็มีแค่นี้มีอะไรจะถามมั้ย”
        “รุ่นพี่ครับ แล้วเวลาปิดหอ หรือข้อห้ามล่ะครับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
        “กฎพวกนั้นสำหรับมาส์ทาวเวอร์ตั้งไปก็เท่านั้น มีก็เหมือนไม่มีก็เลยเลิกใช้ไปแล้วล่ะ”รุ่นพี่ตอบเสียงดุแต่หน้าตายังอมยิ้มอยู่ “ถ้าพวกนายไม่มีอะไรแล้ว ก็แยกย้ายกันไปได้แต่อย่าเข้าเรียนสาย อาหารเช้าวันพรุ่งนี้แม่ครัวบอกว่าจะทำพาสต้า สำหรับตึกมาส์แล้วถือว่าเป็นอาหารที่รสดีที่สุดเพราะฉะนั้นฉันอยากให้พวกนายทุกคนลงมากิน”เมื่อรุ่นพี่พูดจบก็เดินออกไปทันที
        ทันทีที่รุ่นพี่ไปเหล่าลิงทะโมนประจำมาส์ทาวเวอร์ก็จับกลุ่มกันเม้าส์กันเป็นแถบบางคนก็เดินทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่
        “สวัสดีจ๊ะ อองรี” เป็นเสียงของสาวน้อยผมบรอนพูดขึ้น เสียงของเธอหวานกว่าที่พวกมิทอสคิดไว้มาก ส่วนอองรีแค่ยิ้มเล็กน้อย และก้มลงไปอ่านหนังสือต่อ
        “สวัสดีครับ ผมดันเต้ และเพื่อนผมมิทอส”มิทอสเริ่มเปิดบทสนทนาทันที
        “ฉันเวโรนิก้า เลออาร์ฟค่ะ”สาวผมบรอนพูดขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “และนี่ ลิลลี่ บราวเพื่อนของฉันเองค่ะ” เวโรนิก้าผายมือออกเผยให้เห็นเพื่อนของเธอที่มีผมสีน้ำตาลซึ่งพวกมิทอสโบกมือเล็กน้อยเป็นเชิงสวัสดี “ส่วนสองคนนี้คนผมฟ้าชื่อโอเด็ทคนผมชมพูชื่อไนติงเกล”
        “สวัสดีครับสาวๆ”ดันเต้พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งมิทอสโบกมือเป็นเชิงทักทายส่วนอองรีแค่เหลือบมองเล็กน้อย พร้อมทั้งผงกหัวนิดนึงเป็นเชิงทักทาย
        “อองรี แกรู้จักเวโรนิก้าด้วยเหรอ” มิทอสหันมาถาม แต่สายตายังคงมองพวกเวโรนิก้าที่คุยอยู่กับดันเต้
        “ไม่รู้จัก”อองรีตอบเสียงเรียบ แต่สายตายังคงจับจ้องหนังสือในมือ
        “เฮ้ยไม่รู้จักแล้วพวกหล่อนเดินเข้ามาทักแกทำไมวะ”
        “ไม่รู้”
        “เหรอ แต่ฉันว่ายังเวโรนิก้าต้องชอบแกแหงเลย”
        “ไม่รู้”
        “เฮ้ย อองรี พูดกับแกนี่เหมือนคุยกับตัวเองเลยนะเว้ย ตอบอะไรที่มันดีๆกว่านี้หน่อยสิวะ”คราวนี้มิทอสพูดแต่น้ำเสียงมีน้ำโหเล็กน้อย
        “ก็ฉันไม่รู้ แล้วแกจะให้ฉันตอบว่าอะไรล่ะ”คนตอบคำถามเริ่มหมดความอดทนลดหนังสือลง มองได้คนถามด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าแกอยากรู้นักแกก็ไปถามเวโรนิก้าเองเองสิ”
        “วะ อองรีถ้าฉันกล้าฉันก็ไม่มาถามแกหรอกเว้ย”มิทอสตอบ แต่ตอนนี้ความอดทนมันขาดผึงไปเรียบร้อยแล้ว
        “เดี๋ยวๆเดี๋ยวก่อนพวกแกนี่ยังไงนะอ้าปากคุยกันไม่ได้เป็นต้องทะเลาะกัน” ดันเต้เดินเข้ามาห้ามก่อนสงครามย่อยๆกลางห้องนั่งเล่นจะเกิดขึ้น หลังจากดันเต้พูดจบอองรีก็เก็บของลวกๆ เดินออกไปทันที
        “เฮ้ย อองรี แกจะไปไหน”มิทอสตะโกนถาม
        “กลับห้อง”อองรีตอบ แต่ยังคงย่างสามขุมเดินต่อโดยไม่หันไปมอง
        “ฉันไปด้วย” มิทอสตอบพร้อมวิ่งตามอองรีไป
        “เฮ้อ ไอ้พวกนี้ทะเลาะกันอยู่แหม็บๆดีกันแล้ว”ดันเต้พูดพร้อมทั้งวิ่งตามอองรีกับมิทอสไปโดยลืมปล่อยให้สี่สาวมองพวกเค้าอย่าง งงๆ
        ทันทีที่ถึงห้องเจ้าตัวดีก็รีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ ส่วนอองรีเดินเอาหนังสือไปเก็บ ดันเต้เดินไปนั่งบนเตียง
        “อองรี แกว่าพวกเรานี่ทำไมถึงได้สนิทกันได้วะ”ดันเต้เปิดบทสนทนา
        “อาจจะเป็นเพราะว่า พวกเราต่างเก็บความลับของซึ่งกันและกันล่ะมั้ง”อองรีพูดพร้อมทั้งเดินมานั่งบนเตียงของตัวเอง
        “อืม มันก็จริงนะ ฉันเป็นพวกนอกรีต แกเป็นเผ่าปีศาจและไอ้มิทอสก็เป็นครึ่งหญิงครึ่งชาย”ดันเต้พูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
        “เฮ้ย ไม่ใช่ๆ ยังมีมากกว่านั้นอีกเว้ย”มิทอสที่เดินออกมาจากห้องน้ำพูดขึ้น และเดินมากอดคอเพื่อนทั้งสอง
        “เพราะพวกเรา มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันมิตรภาพ เราจะไม่มีทางทิ้งกันพวกเรายอมตายแทนกันได้ ถ้าเรียกแบบผู้หญิงก็คือเรามีพรมลิขิตร่วมกันไงจ๊ะ”มิทอสพูด พรางส่งนัยตาหวานเยิ้มชวนอ้วกให้เพื่อนๆ
        “ฮะๆๆๆๆ”มิทอส ดันเต้ และอองรี หัวเราะขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่มิทอสจะเริ่มก่อสงครามหมอนขนาดย่อม
    .
        “เอาล่ะนักเรียนปีหนึ่งทุกคน”เป็นเสียงของรุ่นพี่นิโคไลท์ “เรามีกฎระเบียบเล็กน้อยสำหรับการอยู่ร่วมกัน ข้อแรกถ้าต้องการประลองหรือต่อสู้กัน สำหรับตึกเราแล้วถือว่าไม่ผิด.....แต่จะต้องไม่ทำให้ตึกเรียนหรืออาคารเสียหายเด็ดขาด  ข้อสองการเข้าเรียนของที่นี่ค่อนข้างตรงต่อเวลาเพราะฉะนั้นฉันหวังว่าคงไม่ได้ยินว่ามีใครเข้าเรียนสายนะ ส่วนอีกข้อถือว่าเป็นกฎเฉพาะกับตึก mt ซึ่งตั้งโดยรุ่นพี่รุ่นแรก อย่าสู้กันเองอย่างระแวงพรรคพวก ศัตรูพรรคพวกคือศัตรูเราอย่าเหมาเอาเพื่อนเราเป็นศัตรู อ้อแล้วอีกอย่างนึงพวกตึกเรามักจะมีปัญหากับพวก qt (เมอคิวรี่ ทาวเวอร์) เสมอ เพราะฉะนั้นทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับพวกเค้าจะดีกว่า สุดท้ายอาจาร์ยของที่นี่ ผู้ชายเราจะเรียกว่ามิสเตอร์ ส่วนผู้หญิงให้เรียกมาดาม กฎทั้งหมดก็มีแค่นี้มีอะไรจะถามมั้ย”
        “รุ่นพี่ครับ แล้วเวลาปิดหอ หรือข้อห้ามล่ะครับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
        “กฎพวกนั้นสำหรับมาส์ทาวเวอร์ตั้งไปก็เท่านั้น มีก็เหมือนไม่มีก็เลยเลิกใช้ไปแล้วล่ะ”รุ่นพี่ตอบเสียงดุแต่หน้าตายังอมยิ้มอยู่ “ถ้าพวกนายไม่มีอะไรแล้ว ก็แยกย้ายกันไปได้แต่อย่าเข้าเรียนสาย อาหารเช้าวันพรุ่งนี้แม่ครัวบอกว่าจะทำพาสต้า สำหรับตึกมาส์แล้วถือว่าเป็นอาหารที่รสดีที่สุดเพราะฉะนั้นฉันอยากให้พวกนายทุกคนลงมากิน”เมื่อรุ่นพี่พูดจบก็เดินออกไปทันที
        ทันทีที่รุ่นพี่ไปเหล่าลิงทะโมนประจำมาส์ทาวเวอร์ก็จับกลุ่มกันเม้าส์กันเป็นแถบบางคนก็เดินทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่
        “สวัสดีจ๊ะ อองรี” เป็นเสียงของสาวน้อยผมบรอนพูดขึ้น เสียงของเธอหวานกว่าที่พวกมิทอสคิดไว้มาก ส่วนอองรีแค่ยิ้มเล็กน้อย และก้มลงไปอ่านหนังสือต่อ
        “สวัสดีครับ ผมดันเต้ และเพื่อนผมมิทอส”มิทอสเริ่มเปิดบทสนทนาทันที
        “ฉันเวโรนิก้า เลออาร์ฟค่ะ”สาวผมบรอนพูดขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “และนี่ ลิลลี่ บราวเพื่อนของฉันเองค่ะ” เวโรนิก้าผายมือออกเผยให้เห็นเพื่อนของเธอที่มีผมสีน้ำตาลซึ่งพวกมิทอสโบกมือเล็กน้อยเป็นเชิงสวัสดี “ส่วนสองคนนี้คนผมฟ้าชื่อโอเด็ทคนผมชมพูชื่อไนติงเกล”
        “สวัสดีครับสาวๆ”ดันเต้พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งมิทอสโบกมือเป็นเชิงทักทายส่วนอองรีแค่เหลือบมองเล็กน้อย พร้อมทั้งผงกหัวนิดนึงเป็นเชิงทักทาย
        “อองรี แกรู้จักเวโรนิก้าด้วยเหรอ” มิทอสหันมาถาม แต่สายตายังคงมองพวกเวโรนิก้าที่คุยอยู่กับดันเต้
        “ไม่รู้จัก”อองรีตอบเสียงเรียบ แต่สายตายังคงจับจ้องหนังสือในมือ
        “เฮ้ยไม่รู้จักแล้วพวกหล่อนเดินเข้ามาทักแกทำไมวะ”
        “ไม่รู้”
        “เหรอ แต่ฉันว่ายังเวโรนิก้าต้องชอบแกแหงเลย”
        “ไม่รู้”
        “เฮ้ย อองรี พูดกับแกนี่เหมือนคุยกับตัวเองเลยนะเว้ย ตอบอะไรที่มันดีๆกว่านี้หน่อยสิวะ”คราวนี้มิทอสพูดแต่น้ำเสียงมีน้ำโหเล็กน้อย
        “ก็ฉันไม่รู้ แล้วแกจะให้ฉันตอบว่าอะไรล่ะ”คนตอบคำถามเริ่มหมดความอดทนลดหนังสือลง มองได้คนถามด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าแกอยากรู้นักแกก็ไปถามเวโรนิก้าเองเองสิ”
        “วะ อองรีถ้าฉันกล้าฉันก็ไม่มาถามแกหรอกเว้ย”มิทอสตอบ แต่ตอนนี้ความอดทนมันขาดผึงไปเรียบร้อยแล้ว
        “เดี๋ยวๆเดี๋ยวก่อนพวกแกนี่ยังไงนะอ้าปากคุยกันไม่ได้เป็นต้องทะเลาะกัน” ดันเต้เดินเข้ามาห้ามก่อนสงครามย่อยๆกลางห้องนั่งเล่นจะเกิดขึ้น หลังจากดันเต้พูดจบอองรีก็เก็บของลวกๆ เดินออกไปทันที
        “เฮ้ย อองรี แกจะไปไหน”มิทอสตะโกนถาม
        “กลับห้อง”อองรีตอบ แต่ยังคงย่างสามขุมเดินต่อโดยไม่หันไปมอง
        “ฉันไปด้วย” มิทอสตอบพร้อมวิ่งตามอองรีไป
        “เฮ้อ ไอ้พวกนี้ทะเลาะกันอยู่แหม็บๆดีกันแล้ว”ดันเต้พูดพร้อมทั้งวิ่งตามอองรีกับมิทอสไปโดยลืมปล่อยให้สี่สาวมองพวกเค้าอย่าง งงๆ
        ทันทีที่ถึงห้องเจ้าตัวดีก็รีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ ส่วนอองรีเดินเอาหนังสือไปเก็บ ดันเต้เดินไปนั่งบนเตียง
        “อองรี แกว่าพวกเรานี่ทำไมถึงได้สนิทกันได้วะ”ดันเต้เปิดบทสนทนา
        “อาจจะเป็นเพราะว่า พวกเราต่างเก็บความลับของซึ่งกันและกันล่ะมั้ง”อองรีพูดพร้อมทั้งเดินมานั่งบนเตียงของตัวเอง
        “อืม มันก็จริงนะ ฉันเป็นพวกนอกรีต แกเป็นเผ่าปีศาจและไอ้มิทอสก็เป็นครึ่งหญิงครึ่งชาย”ดันเต้พูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
        “เฮ้ย ไม่ใช่ๆ ยังมีมากกว่านั้นอีกเว้ย”มิทอสที่เดินออกมาจากห้องน้ำพูดขึ้น และเดินมากอดคอเพื่อนทั้งสอง
        “เพราะพวกเรา มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันมิตรภาพ เราจะไม่มีทางทิ้งกันพวกเรายอมตายแทนกันได้ ถ้าเรียกแบบผู้หญิงก็คือเรามีพรมลิขิตร่วมกันไงจ๊ะ”มิทอสพูด พรางส่งนัยตาหวานเยิ้มชวนอ้วกให้เพื่อนๆ
        “ฮะๆๆๆๆ”มิทอส ดันเต้ และอองรี หัวเราะขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่มิทอสจะเริ่มก่อสงครามหมอนขนาดย่อม
    .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น