ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Holy สงครามแห่งแผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #19 : CHAPTER 19 : ราชินีแห่งเลอร์ฮาร์ฟ

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 50


    ราชินีแห่งเลอร์ฮาร์ฟ


            คารินกระชับดาบในมือขวาและโล่ในมือซ้าย หยาดเหงื่อไหลออกมาจากมือขวาที่กำดาบเธอมองไปรอบๆที่มีผู้คนมากมายยืนเชียร์อยู่ข้างสนาม และมองไปยังคนที่ทำให้เธอต้องมายืนอยู่บนนี้อองรีไม่สามารถช่วยเธอได้เลยเพราะบนเวทีนี้ถูกปูอาณาเขตขั้นสูงไว้ทำให้ไม่สามารถให้คนนอกเข้าไปก้าวก่ายการต่อสู้ในครั้งนี้ได้

            ‘เอาล่ะคาริน แกใจเย็นๆนะ จะทำยังไงดี เวทย์ใช้ไม่ได้ตอนนี้ดาบผ่ามิติก็อยู่กับดันเต้ ผีมือดาบก็ไม่เอาอ่าว แถมคู่ต่อสู้ยังเป็นแม่ทัพ หนีก็ไม่ได้เอาไงดีวะคารินเดินไปรอบๆสนามอย่างระแวดระวังและอยู่ในท่าพร้อมรบ

            “ย่าเสียงตะโกนกึกก้องของนักรบสาวแค่ได้ยินเสียงใจก็แป้วแล้ว ไลล่าตวัดดาบเข้าประทะกับโล่เหล็กของคารินเธอย้ำแล้วย้ำอีก คารินถึงแม้จะมีเกราะบังอยู่ก็ตามแต่แรงโจมตีของไลล่าก็กระเทือนมาถึงเธอจนทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่มือซ้ายแปล๊บๆ

            “ทำไมไม่สู้ล่ะ หนีน่ะมันไม่ทำให้ชนะหรอกนะไลล่าพูดด้วยน้ำเสียงชวนหัวเราะ

            คารินกำดาบแน่นและฟาดลงด้วยความโกรธไลล่าเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อยทำให้คารินเสียงหลักล้มคะมำลงไปนอนคว่ำกับพื้น เธอกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ โกรธที่ไม่สามารถทำอะไรได้ คารินค่อยๆลุกขึ้นอีกครั้งแต่ดูเหมือนไลล่าจะไม่รีรอตวัดดาบลงมาหมายจะปลิดชีวิตดีที่คารินกลิ้งตัวหลบคมดาบทันไม่อย่างนั้นเธอคงโดนผ่าออกเป็นสองซีกแน่นอน ทันทีที่เธอตั้งหลักได้อีกครั้งเธอก็ฟาดดาบลงไปที่ตัวไลล่า แต่ไม่เป็นผลเพราะไลล่ายกโล่ขึ้นกันไว้คารินตวัดดาบงัดเอาโล่ของไล่ล่าลอยเข้าฝูงคน และยืนหอบด้วยความเหนื่อยเธอกระชับดาบด้วยสองมือแน่น และตวัดลงไปยังเป้าหมายอีกครั้งไลล่ายกดาบขึ้นป้องและตวัดดาบเฉือนใบหน้าของคารินจนเลือดสีแดงอุ่นๆไหลอาบแก้ม

            “แค่กๆๆคารินหายใจอย่างเหงื่อใสๆไหลลงมาปนกับเลือดที่อยู่ข้างแก้มทำให้เธอรู้สึกแสบบริเวณแผล ในขณะที่นักรบสาวตรงหน้ายังคงยิ้มกริ่มกับชัยชนะที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม

            ‘ไม่ไหวสู้ไม่ไหวแล้วนัยตาของเธอเริ่มพล่ามัวต้องรีบจบมันให้เร็วที่สุด แต่จะทำยังไงล่ะหรือจะยอมแพ้..... ไม่มีวันความคิดต่างๆไหลเข้าสู่สมองที่พร่ามัวของเธอ เธอมองไปยังบุคคลที่ทำให้เธอต้องมายืนอยู่ตรงนี้ซึ่งตอนนี้มันกำลังกัดฟันกรอดและนัยตาของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้งเธอรู้ได้ทันทีว่ามันโกรธมากโกรธจนจะควบคุมไม่อยู่ เธอจะต้องรีบชนะ ชนะให้เร็วที่สุด

            คารินกระชับดาบขึ้นอีกครั้งและเอามือซ้ายยกขึ้นปาดเหงื่อฮะๆๆๆๆๆเสียงหัวเราะของคารินดังขึ้น เธอหัวเราะด้วยน้ำเสียงแห่งชัยชนะ ทำให้คู่ต่อสู้ถึงกับชะงักด้วยความตกใจ

            “กลัวแพ้จนเสียสติไปแล้วหรือไงไลล่าพูดด้วยน้ำเสียงเย้อหยัน

            “ฮะๆๆๆคารินยกดาบขึ้นและชี้ไปที่คู่ต่อสู้ศึกครั้งนี้เราจะเป็นผ่ายชนะคารินตะโกนก้องสุดเสียงและตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง

            ไลล่ากัดฟันกรอด ด้วยความโกรธเธอยอมรับว่าไม่เคยโกรธใครมากขนาดนี้ คารินหยามหน้าเธอมาก เธอคงต้องจบการต่อสู้นี้ด้วยความตายเสียแล้ว ย่าไลล่าชูดาบขึ้นและตะโกนก้อง

            คารินกำดาบแน่นแต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม เธอรับการฟาดฟันอย่างบ้าระห่ำของไลล่าด้วยโล่แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม ยิ้มที่ทำให้ไลล่าโกรธมากขึ้นและโกรธหนักขึ้นไปอีก

            ไลล่าหอบด้วยความเหนื่อยเนื่องจากเธอโจมตีติดต่อกันอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลานาน และมิหนำซ้ำเธอยิ่งฟันก็ยิ่งโกรธเพราะเธอฟันไม่โดนคารินเลย คารินแสยะรอยยิ้มอย่างเหื้ยมเกรียมเธอถอดโล่ที่มือซ้ายออกกระชับดาบที่มือขวาแน่น ไม่ใช่เพราะว่าเธอคิดว่าเธอจะชนะแต่มือซ้ายของเธอมันไม่มีแรงที่จะยกโล่อีกแล้วจึงทำให้โล่กลายเป็นตัวถ่วงสำหรับเธอไป คารินเอามือขวากำดาบและเอามือซ้ายที่มีแผลชกรรจ์นับไม่ถ้วนไข้วไว้ที่หลังยืนตัวตรงด้วยใบหน้าอันเย็นชาอย่างผู้มีชัย

            ‘ถ้าไลล่าโจมตีเข้ามาอีกเราคงรับไม่ไหวแน่ๆความคิดที่พลั่งพลูออกมาจากสมองของคารินที่ตอนนี้เธอทำหน้าอย่างผู้มีชัยอยู่เสียเต็มประดา

            “ย่าไลล่าชูดาบขึ้นและฟาดมันลงสุดแรงคารินเพียงแค่เอื้ยวตัวหลบเล็กน้อยทำให้ดาบโดนตัวเธอแค่เฉียดๆ แต่เธอก็พยายามปกปิดปาดแผลเอาไว้เพื่อให้ไลล่าคิดว่าเธอสามารถหลบได้ทุกดาบแต่ความจริงเธอหลบแทบจะไม่ได้เลย แต่ความเจ็บมันก็แทรกผ่านร่างกายเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนทุกครั้งที่ไลล่าฟาดดาบลงมาเธอก็จะได้รับความเจ็บปวดที่ไม่สามารถจะตะโกนร้องออกมาได้ คารินทำใด้แค่เพียงแสร้งยิ้มอย่างผู้มีชัย

            ฉึก

            เสียงดาบของไลล่าที่เธอเจาะมันลงไปในพื้นปูนตรงเวทีเพื่อประคองร่างของเธอไว้ไม่ให้ล้มลง ความจริงแล้วแผนของคารินเธอน่าจะดูออกแต่เพราะความโกรธทำให้เธอไร้ซึ่งเหตุผล สายตาของเธอพร่ามัวด้วยความเหนื่อยแต่ก็ต้องยอมรับถึงหัวใจนักรบของเธอไลล่าต่อสู้อย่างนี้มาได้สามชั่วโมงแล้วโดยหารู้ไม่ว่าเธอคือคนเดียวบนเวทีนี้ที่เป็นคนโจมตี เธอมองออกไปยังคู่ต่อสู้ของเธอแต่ใบหน้าของคารินยังคงมีรอยยิ้มเช่นเดิมและยังคงยืนอยู่ในท่าเดิม สายตาเย็นชาที่มองอย่างไม่สะทกสะท้านแต่ถ้าเธอมองดีๆสายตานั้นไร้ซึ่งแววตาไปแล้วเพราะตอนนี้คารินสลบในท่ายืน

            เคร้ง

            เสียงดาบที่ไลล่าปล่อยให้ล้มลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกและร่างของไลล่าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อนอนแผ่อยู่บนพื้น

            “ฉันแพ้แล้วเสียงเบาๆเหมือนกระซิบของไลล่าปิดการต่อสู้ครั้งนี้

            “คารินอองรีรีบกระโดดขึ้นเวทีและประคองร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดของคารินลงจากเวทีโดยที่ทั้งสองข้างทางผู้คนต่างแหวกออกเพื่อให้นักรบสาวที่ต่อสู้ด้วยสมองไม่ใช่ด้วยกำลังเดินผ่าน โดยที่เธอยังไม่รู้ตัวว่าเธอเป็น

    ......................................................................................................................


            “โอ๊ย เจ็บเสียงครางของคารินที่นอนเอาหลังอิงหมอนอยู่เพื่อให้อองรีใส่ยา ดีนะที่โฟร์ให้ยามาเยอะทำให้คารินไม่ต้องเจ็บตัวไปหลายวัน

            “เอาน่าเจ็บนิดเจ็บหน่อย เจ็บน้อยกว่าตอนที่อยู่บนเวทีซะอีกทำบ่นไปได้ดันเต้ที่ยืนเกาหัวอยู่ข้างๆพูดขึ้น

            “วะ แกนี่ แกไม่ลองเป็นฉันดูบ้างล่ะคารินพูดอย่างหัวเสีย พร้อมทั้งยื่นมือซ้ายให้อองรีทำแผล

            “เออๆๆ ทำไมมันไม่ฟันปากแกวะจะได้ไม่ต้องมานั่งร้องโวยวายเวลาใส่ยาดันเต้พูดด้วยอารมณ์ขัน

            “ไอ้เมืองบ้านี่ไม่อยู่แล้วคารินพึมพำเบาๆกับตัวเอง

            “เหอะ ปกติชอบวางแผนให้คนนู้นคนนี้ทำตามนักนี่ พอลองลงไปทำเองแล้วรู้สึกยังไงล่ะดันเต้พูดด้วยรอยยิ้ม

            “วะ ไอ้นี่นิ ฉันเป็นคนป่วยนะเว้ย แกเลิกซ้ำเติมซะทีเถอะคารินพูดพร้อมทั้งเอนกายลงนอนโดยมีอองรีจัดหมอนและผ้าห่มให้อ่ะคารินคว้าปากกาเล่มงามจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้อองรีถือว่าเป็นการขอบใจแล้วกันที่ช่วยทำแผลให้อองรีรับปากกามาเพ่งมอง

            “ไปกันได้แล้วเสียงทุ้มต่ำของอองรีที่เรียกเพื่อนของมันอีกคนให้ออกจากห้องเพื่อให้สาวน้อยในห้องได้นอนพัก

            “ฉันนอนก่อนแล้วนะดันเต้พูดทันทีที่เดินเข้ามาในห้องนอน

            “อือคำตอบสั้นๆของคนโดนถาม

            เมื่อเห็นว่าเพื่อนล้มลงนอนแล้วอองรีจึงเดินไปที่โต๊ะภายในห้องพรางหยิบปากกาที่ได้รับออกมา เมื่อมองไปรอบๆด้ามก็พบว่าที่ด้ามปากกามีภาษาเวทย์มนต์สีฟ้าเขียนว่า อองรีของที่บังเอิญถือว่าเป็นการขอบใจเนื่ย ทำไมมันถึงได้มีชื่อฉันอยู่ได้ล่ะอองรีพูดด้วยน้ำเสียงชวนหัวเราะ ก่อนที่เค้าจะดับตะเกียงล้มลงนอน และหลับสู่ห่วงนิทรา

            “คาริน ตื่นได้แล้วเสียงกระซิบเบาๆของอองรีที่เรียกให้สาวน้อยร่างบางตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา

            “อือ อีกสิบนาทีเสียงของคารินราวกับขอไปที

            “ไม่ได้ เราต้องเดินทางแล้ว

            “อืม... เช้าแล้วเหรอแพขนตาสีดำของเธอค่อยๆเปิดขึ้นรับกับรุ่งอรุณใหม่

            “ถ้าตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า จะได้เดินทางอองรีเมื่อเห็นเจ้าตัวดีตื่นแล้วจึงไม่รีรอสั่งการอย่างง่ายๆและเดินออกไป

            “อื้อ......คารินครางเบาๆและลุกขึ้นบิดขี้เกรียจ พรางก้มลงมองแผลที่เมื่อวานมันยังเหวอะหวะอยู่แต่ตอนนี้มันหายดีเป็นปลิดทิ้ง ราวกับเวทย์มนต์

            “อ้าวแล้วคารินล่ะดันเต้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้านล่างถามคนที่กำลังเดินมาร่วมโต๊ะด้วย

            “ตื่นแล้ว เดี๋ยวคงลงมาอองรีตอบพร้อมทั้งทรุดตัวลงนั่งข้างๆดันเต้

            “งั้นเหรอ ก็ดี เพราะความยุ่งยากกำลังเดินมานู่นแล้วดันเต้พูดพร้อมมองไปทางทหารหญิงแต่งชุดเกราะเต็มยศเดินมุ่งตรงมาที่พวกเค้า

            คารินกำลังจับเอาเสื้อผ้าขาดวิ่นเพราะการต่อสู้เมื่อวานเข้ากระเป๋าเพื่อจะเอาออกไปทิ้งเว๊ยเสื้อตัวโปรดซะด้วยคารินสบทด่าตลอดทาง

            แอ๊ดดด

            “ว๊ากกกกก พวกแกจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉ้านนนคารินแหกปากเสียงดังเพราะมีทหารหญิงร่างบึกสองคนเข้ามาล็อกแขนเธอและลากเธอออกจากห้องอองรี ดันเต้ช่วยด้วย

            “ใจเย็นๆคารินเค้าแค่จะมาเชิญเราไปที่ปราสาทอองรีเดิมมาขนาบข้างคาริน

            “แล้วไอ้การที่เข้ามาล๊อกแขนแล้วลากออกมาเนี่ยมันเป็นวิธีเชิญเรอะคารินสบทออกมาอย่างหัวเสีย

            “เอาน่าอย่างน้อยแกก็ไม่ต้องเดินเองไงดันเต้พูดไปหัวเราะไป

            “ไอ้ดันเต้ แกดูสภาพของฉันสิแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะอีกสิ้นคำพูดดันเต้ก็มองไปรอบๆดูสภาพเพื่อนของมัน

            “อืม... มันก็ไม่เลวนี่นา ดูดีออกดันเต้เอามือลูบคางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “ปล่อยฉันนนคารินตะโกนลั่นพร้อมทั้งยื่นขาออกไปจะทีบไอ้เพื่อนปากหมาที่มันปากหมาไม่ได้ดูเวล่ำเวลาเลย ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่ามันโดนล๊อกแขน

            “ฮะๆๆๆๆดันเต้หัวเราะไปตลอดทางกับท่าทีของคาริน อองรีก็ได้แต่เดินอมยิ้มเช่นกัน

            ลักษณะปราสาทของเลอร์ฮาร์ฟก็เหมือนทั่วไปคือเป็นหอคอยทรงสูงที่เน้นสูงไว้ก่อน มีธงประจำเมืองอยู่โดยรอบของปราสาท ผนังทำด้วยหินสีเทาพื้นปูด้วยพรมแดงตลอดทั้งปราสาท ตลอดทางยังเต็มไปด้วยคนรับใช้ที่เป็นผู้ชายและทหารที่เป็นผู้หญิง

            “เมื่อไหร่จะถึงซะทีคารินบ่นวนไปวนมาอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เดินเข้าปราสาท แต่ก็ต้องยอมรับความอดทนของทหารที่ลากมันมาจริงเพราะนอกจากจะไม่บ่นซักแอะแล้วยังทำหน้าที่ลากมันไปอย่างขมักขะเม้นถึงแม้จะมีชายตามองมันบ้างนิดหน่อยก็ตาม

            “องค์หญิงเพคะเราพาตัวมาให้แล้วค่ะเสียงของทหารที่เดินนำหน้าพูดขึ้นตรงหน้าประตู

            “อื้อ พาเข้ามาเลยเสียงทรงอำนาจของผู้หญิงที่อยู่อีกด้านของประตูพูดขึ้น

            ‘เสียงมันคุ้นๆนาคารินคิดในขณะที่ทหารลากตัวเธอเข้าไปในห้องนั้น

            “ว่าแล้วว่าต้องเป็นพวกนาย มาสร้างวีรกรรมอะไรในเมืองฉันยะ

            ‘พอมาฟังใกล้แล้วยิ่งคุ้นเข้าไปใหญ่เลยแฮะ

            “อองรี แล้วพาสาวที่ไหนมาด้วยล่ะนี่ มิทอสล่ะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ

            ‘โอโฮรู้จักเรากับอองรีด้วยแฮะ

            “คารินหันหน้าไปดูก็ได้ไม่ต้องยืนคิดหรอกอองรีพูดเตือนสติสาวน้อยที่ยืนทำท่าคิดอยู่

            “เออ จริงด้วยพูดจบเจ้าคนคิดมากก็หันไปมองหน้าองค์หญิง หา! เวโรนิก้า เธอเองเหรอคารินอุทานอย่างตกใจ

            “แล้วเธอเป็นใครล่ะเวโรนิก้าถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

            “อ้าว ฉันเองไง มิทอสไงคารินชี้ไปที่ตัวเอง โดยที่ไม่สนใจสีหน้างงๆของเวโรนิก้า

            “คือเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ดันเต้รีบอธิบายเรื่องทั้งหมดก่อนที่เวโรนิก้าจะถาม

            “อ้อ เข้าใจล่ะเวโรนิก้าพยักหน้าเล็กน้อยงั้นก็ขอโทษทีนะที่ไลล่าทำเสียมารยาทเวโรนิก้าชี้ไปที่ทหารที่อยู่ข้างกายเธอซึ่งก็คือไลล่านั้นเอง จากสีหน้าของไลล่าดูเธอจไม่ค่อยพอใจซักเท่าไหร่นักส่วนเหตุผลที่ฉันพาพวกเธอมาเนี่ยก็เพราะว่า ไลล่าเค้าอยากแก้มือน่ะเวโรนิก้ายกชาขึ้นดื่มด้วยสีหน้านิ่งๆ

            “เอ่อ.. ไม่ดีกว่ามั้งเพราะเราต้องเดินทางกันอีกไกล และต้องแวะหลายที่ด้วยเนอะคารินหันไปมองอองรีเพื่อหาแนวร่วม อองรีไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงยืนยัน

            “ว้า แย่จังเวโรนิก้าพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายเป็นที่สุด

            “อีกอย่างนะฉันยังรู้สึกเจ็บๆอยู่เลยคารินพูดพร้อมทั้งหัวเราะแหะๆ หันไปมองดันเต้ที่ตอนนี้มันกำลังหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจโลกภายนอก

            “ฉันมีข้อเสนอดันเต้ที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นฉันจะสู้แทนเอามั้ยดันเต้วางหนังสือเล่มนั้นลง

            “เดิมพันกันอะไรล่ะไลล่าพูดขึ้นบ้าง

            “อืม.... เอาเป็น... เดิมพันกับไอ้อองรีแล้วกันดันเต้ชี้ไปที่ของที่เค้าใช้เดิมพัน

            “เฮ้ย.... ดันเต้คารินตะโกนดังลั่นด้วยความตกใจ

            “ว่าไงดันเต้หันไปถามไลล่าโดยไม่สนใจคาริน และของที่ใช้เดิมพันเลยงั้นฉันแถมไอ้คารินอีกคนเอามั้ยดันเต้ยิ้มยิงฟัน

            “น่าสนใจ แล้วถ้าเกินเราแพ้ล่ะเวโลนิก้าถามขึ้นบ้าง

            “ฉันไม่เอาอะไรหรอกดันเต้ยิ้มอย่างจริงใจ

            “ว่าไงไลล่าเวโลนิก้าหันไปถามแม่ทัพประจำตัว

            “ไม่มีปัญหาค่ะไลล่าตอบรับการต่อสู้ด้วยรอยยิ้ม

            “ดันเต้ แกทำอะไรไปรู้มั้ยคารินหันมาด่าดันเต้ขณะที่เตรียมตัวอยู่ข้างเวที

            “ไม่ต้องห่วงน่า ฉันชนะแน่ดันเต้โบกมือเล็กน้อย

            “อย่างนี้เราก็ออกไปจากเมืองนี้ช้าไปอีกน่ะสิ

            “ก็ถือซะว่าฉันจะได้ลองดาบเล่มใหม่ไงล่ะ

            “อ๋อแปลว่าความจริงต้องการลองดาบใช่มั้ย

            “คิดเองเองแล้วกันพูดจบดันเต้ก็ลุกเดินขึ้นสู่สังเวียน

            ดันเต้กระชับดาบลินินสีเงินแน่น เค้ายืนหายใจเข้าและค่อยๆผ่อนมันออกอย่างช้าๆมือขาวมีดาบแต่มือซ้ายไม่มีอะไรเลย ดันเต้จะสู้โดยไม่ใช้โล่

            “ฉันต่อให้เธอดันเต้ชี้ไปที่โล่ ไลล่าหน้าร้อนฉ่าด้วยความโกรธแต่เธอต้องพยายามคุมสติเอาไว้ไม่ให้โกรธไม่อย่างนั้นจะซ้ำรอยเดิมอีก

            ไลล่าเดินไปรอบๆเวทีอย่างช้าๆดันเต้ยืนอยู่บนกลางเวทีอย่างไปสนใจนัก เธอพยายามหาช่องโหว่ไม่สิเธอเห็นช่องโหว่นับไม่ถ้วนแต่เลือกไม่ถูกว่าจะโจมตีช่องโหว่ไหนดี

            “อองรี รู้สึกจะมั่นใจมากเลยนะเวโรนิก้าหันไปพูดกันอองรีที่นั้งอยู่ข้างๆ

            “ครั้งนี้ดันเต้จะชนะอองรียิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

            “อะไรทำให้เจ้ามั่นใจอย่างนั้นเวโรนิก้าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

            “ไม่เพียงแต่มันจะชนะ ผู้หญิงคนนั้นอองรีชี้ไปที่ไลล่าจะได้รับความกลัวอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนอองรีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆและรอยยิ้มเย็นชา

            “เมือไหร่จะบุกซักที

            “อะไลล่าผงะออกอย่างตกใจเพราะดันเต้มายืนพูดอยู่ข้างหลังเธอ เธอฟันลงไปที่ดันเต้อย่างตกใจ

            “เธอฟันอะไรน่ะดันเต้พูดด้วยน้ำเสียงขบขันโดยไม่สนใจสายตาที่ตื่นกลัวของไลล่าเลยเธอตกใจเพราะตอนนี้ดันเต้ไปยืนอยู่ตรงจุดเดิมแล้ว

            ดันเต้ชี้ไปที่ด้านขวาทำให้ไลล่าหันไปมองตามที่ดันเต้ชี้เมื่อเธอหันมาก็พบว่าดันเต้ยังอยุ่ตรงจุดเดิมแต่ข้างแก้มของเธอมีเลือดสีแดงอุ่นๆไหลออกมา

            “คนเรามันกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นจริงมั้ยเวโรนิก้าอองรีหันไปถามหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งหล่อนมีสีหน้าตื่นกลัวไม่แพ้ไลล่าเลยและนั่นเป็นสิ่งที่ดันเต้ถนัด

            “แค่อุ่นเครื่องเองของจริงมันต่อจากนี้ตะหาก ถ้ากลัวตายก็ยอมแพ้ซะเถอะคารินที่ยืนอยู่ข้างสนามตะโกนพูดกับไลล่าฉันไม่ได้ดูถูกนะ แต่ว่าฉันเตือนไลล่ามองคารินด้วยสายตาอาฆาต

            “อย่ามองเพื่อนฉันด้วยสายตาอย่างนั้นดันเต้พูดด้วยเสียงเย็นๆ ทำเอาไลล่าผงะออกและมองไปรอบๆอย่างตื่นกลัวและพบว่าดันเต้ยังคงยืนอยู่ตรงจุดเดิม

            ดันเต้ยกดาบขึ้นพาดบ่าและหาวออกมาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อไหร่เธอจะพร้อมซะทีเนี่ยดันเต้พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

            “ย่าไลล่าตะโกนเสียงดัน หล่อนฟันไปเต็มแรงแต่ก็พบว่าเธอฟันไม่โดนใครเลยโดนเพียงอากาศธาตุ แฮ่ก ๆๆไลล่าหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนทั้งๆที่เธอพึ่งจะสู้มาไม่ถึงสิบนาที

            ไลล่าหันไปมองรอบๆแต่ก็ไม่พบใครเพียงแต่รู้สึกเหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างหลังตลอดเวลา แต่พอเธอหันไปกลับไม่พบใคร

            “เวโรนิก้าถ้าเธอไม่พาแม่ทัพของเธอลงมาจากเวทีล่ะก็ หล่อนต้องสติแตกกลายเป็นคนบ้าแน่ๆอองรีหันไปพูดกับเวโรนิก้าที่มีสีหน้าตื่นตกใจ

            เวโรนิก้าลุกขึ้นยืนและตะโกนก้องเสียงดังเพื่อหยุดการต่อสู้เราขอจบการต่อสู้กับแขกต่างเมืองแต่เพียงเท่านี้สิ้นคำพูดเวโรนิก้าก็สั่งให้คนไปนำตัวไลล่าที่มีท่าทีหวาดกลัวทุกคนลงมาจากเวที

            “แล้วดันเต้ล่ะเวโรนิก้าหันไปถามอองรีเนื่องจากไม่เห็นดันเต้อยู่บนเวทีเลย

            “นั่นไงอองรีชี้ไปที่ดันเต้ซึ่งกำลังนั่งหัวเราะคิกคักกินคุ๊กกี้อยู่ข้างๆคาริน

            “เค้าทำได้ยังไงเวโรนิก้าหันไปถามอองรีอีกครั้ง

            “ดันเต้ปล่อยจิตสังหารเล็กน้อยไปยังจุดที่เค้าต้องการ มันคงศึกษามาบ้างแล้วว่าการลงจากเวทีขณะต่อสู้ถือว่าไม่แพ้พูดจบอองรีก็เดินไปสมทบกับพวกเพื่อนๆที่อยู่ด้านล่าง

            “น่าเสียดายนะที่ไม่ได้สู้กับยายเวโรนิก้าดันเต้หันไปพูดกันอองรีที่เดินตรงมาที่พวกเค้า

            “นั่นสินะ เวโรนิก้าน่าจะเก่งกว่านี้มาก ถึงเธอจะแสร้งทำเป็นตกใจก็ตามอองรีหันไปพูดกับดันเต้

            “เป็นอย่างที่ฉันบอกใช่มั้ยล่ะ ยัยนั้นต้องการหาคนไปร่วมกองกำลังของตัวเอง แต่ก็ต้องการรู้กำลังของพวกเราเอาไว้ก่อนเพราะไม่แน่อาจจะต้องกลายเป็นศตรูกันเองคารินพูดพร้อมหยิบคุ๊กกี้ขึ้นกิน

            “แต่ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะไม่ได้อะไรไปเลยนะดันเต้หันไปมองเวโรนิก้าที่มีสีหน้าเจ็บใจอยู่เล็กๆและแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น

            “หล่อนเล่นเกมเก่งจริงๆแต่ก็สู้คนสร้างไม่ได้หรอกคารินรู้ทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เธอสู้ด้วยเป็นแม่ทัพอะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นจะสู้ทั้งทีดันไปเจอแม่ทัพ

            “เอาล่ะเดินทางกันต่อเถอะดันเต้เดินล๊อกคอดึงทุกคนออกไปจากลานประลอง

            “ขอบใจมากเลยนะที่มาส่งดันเต้หันไปพูดกันเวโรนิก้า

            “ไม่เป็นไรหรอกไงก็เพื่อนกันเธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

            “อ่ะดันเต้ล้วงไปในกระเป๋าเสื้อหยิบกิ๊บติดผมที่เป็นรูปใบโครเวอร์สีเขียวออกมาและเหน็บไปที่ผมของเวโรนิก้าอย่างเบามือเป็นผู้หญิงน่ะควรจะแต่งตัวสวยๆไว้นะดันเต้ยิ้มอย่างน่าเอ็นดู

            “อะ...เวโรนิก้าหน้าขึ้นสีระเรื่อเป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายกล้าทำอย่างนี้กับเธอขอบใจดันเต้เดินออกไปโดยที่ไม่สนใจสีหน้าของเวโรนิก้าเลย ก็มันบังเอิญเจอตกอยู่นี่นาแล้วก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรด้วย เอาให้กับคนที่ใช้มันได้ดีกว่า

            “เอาล่ะเดินทางกันได้ จุดหมายต่อไปที่ราบเซาส์คารินตะควบม้านำออกไปทันทีที่พูดจบ คอยก่อนนะตาแก่

    ......................................................................................................................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×