คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : CHAPTER 19 : ราชินีแห่งเลอร์ฮาร์ฟ
ราชินีแห่งเลอร์ฮาร์ฟ
คารินกระชับดาบในมือขวาและโล่ในมือซ้าย หยาดเหงื่อไหลออกมาจากมือขวาที่กำดาบเธอมองไปรอบๆที่มีผู้คนมากมายยืนเชียร์อยู่ข้างสนาม และมองไปยังคนที่ทำให้เธอต้องมายืนอยู่บนนี้อองรีไม่สามารถช่วยเธอได้เลยเพราะบนเวทีนี้ถูกปูอาณาเขตขั้นสูงไว้ทำให้ไม่สามารถให้คนนอกเข้าไปก้าวก่ายการต่อสู้ในครั้งนี้ได้
‘เอาล่ะคาริน แกใจเย็นๆนะ จะทำยังไงดี เวทย์ใช้ไม่ได้ตอนนี้ดาบผ่ามิติก็อยู่กับดันเต้ ผีมือดาบก็ไม่เอาอ่าว แถมคู่ต่อสู้ยังเป็นแม่ทัพ หนีก็ไม่ได้เอาไงดีวะ’ คารินเดินไปรอบๆสนามอย่างระแวดระวังและอยู่ในท่าพร้อมรบ
“ย่า”เสียงตะโกนกึกก้องของนักรบสาวแค่ได้ยินเสียงใจก็แป้วแล้ว ไลล่าตวัดดาบเข้าประทะกับโล่เหล็กของคารินเธอย้ำแล้วย้ำอีก คารินถึงแม้จะมีเกราะบังอยู่ก็ตามแต่แรงโจมตีของไลล่าก็กระเทือนมาถึงเธอจนทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่มือซ้ายแปล๊บๆ
“ทำไมไม่สู้ล่ะ หนีน่ะมันไม่ทำให้ชนะหรอกนะ”ไลล่าพูดด้วยน้ำเสียงชวนหัวเราะ
คารินกำดาบแน่นและฟาดลงด้วยความโกรธไลล่าเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อยทำให้คารินเสียงหลักล้มคะมำลงไปนอนคว่ำกับพื้น เธอกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ โกรธที่ไม่สามารถทำอะไรได้ คารินค่อยๆลุกขึ้นอีกครั้งแต่ดูเหมือนไลล่าจะไม่รีรอตวัดดาบลงมาหมายจะปลิดชีวิตดีที่คารินกลิ้งตัวหลบคมดาบทันไม่อย่างนั้นเธอคงโดนผ่าออกเป็นสองซีกแน่นอน ทันทีที่เธอตั้งหลักได้อีกครั้งเธอก็ฟาดดาบลงไปที่ตัวไลล่า แต่ไม่เป็นผลเพราะไลล่ายกโล่ขึ้นกันไว้คารินตวัดดาบงัดเอาโล่ของไล่ล่าลอยเข้าฝูงคน และยืนหอบด้วยความเหนื่อยเธอกระชับดาบด้วยสองมือแน่น และตวัดลงไปยังเป้าหมายอีกครั้งไลล่ายกดาบขึ้นป้องและตวัดดาบเฉือนใบหน้าของคารินจนเลือดสีแดงอุ่นๆไหลอาบแก้ม
“แค่กๆๆ”คารินหายใจอย่างเหงื่อใสๆไหลลงมาปนกับเลือดที่อยู่ข้างแก้มทำให้เธอรู้สึกแสบบริเวณแผล ในขณะที่นักรบสาวตรงหน้ายังคงยิ้มกริ่มกับชัยชนะที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
‘ไม่ไหวสู้ไม่ไหวแล้ว’นัยตาของเธอเริ่มพล่ามัว ‘ต้องรีบจบมันให้เร็วที่สุด แต่จะทำยังไงล่ะหรือจะยอมแพ้..... ไม่มีวัน’ ความคิดต่างๆไหลเข้าสู่สมองที่พร่ามัวของเธอ เธอมองไปยังบุคคลที่ทำให้เธอต้องมายืนอยู่ตรงนี้ซึ่งตอนนี้มันกำลังกัดฟันกรอดและนัยตาของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้งเธอรู้ได้ทันทีว่ามันโกรธมากโกรธจนจะควบคุมไม่อยู่ เธอจะต้องรีบชนะ ชนะให้เร็วที่สุด
คารินกระชับดาบขึ้นอีกครั้งและเอามือซ้ายยกขึ้นปาดเหงื่อ “ฮะๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของคารินดังขึ้น เธอหัวเราะด้วยน้ำเสียงแห่งชัยชนะ ทำให้คู่ต่อสู้ถึงกับชะงักด้วยความตกใจ
“กลัวแพ้จนเสียสติไปแล้วหรือไง”ไลล่าพูดด้วยน้ำเสียงเย้อหยัน
“ฮะๆๆๆ”คารินยกดาบขึ้นและชี้ไปที่คู่ต่อสู้ “ศึกครั้งนี้เราจะเป็นผ่ายชนะ” คารินตะโกนก้องสุดเสียงและตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง
ไลล่ากัดฟันกรอด ด้วยความโกรธเธอยอมรับว่าไม่เคยโกรธใครมากขนาดนี้ คารินหยามหน้าเธอมาก เธอคงต้องจบการต่อสู้นี้ด้วยความตายเสียแล้ว “ย่า” ไลล่าชูดาบขึ้นและตะโกนก้อง
คารินกำดาบแน่นแต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม เธอรับการฟาดฟันอย่างบ้าระห่ำของไลล่าด้วยโล่แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม ยิ้มที่ทำให้ไลล่าโกรธมากขึ้นและโกรธหนักขึ้นไปอีก
ไลล่าหอบด้วยความเหนื่อยเนื่องจากเธอโจมตีติดต่อกันอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลานาน และมิหนำซ้ำเธอยิ่งฟันก็ยิ่งโกรธเพราะเธอฟันไม่โดนคารินเลย คารินแสยะรอยยิ้มอย่างเหื้ยมเกรียมเธอถอดโล่ที่มือซ้ายออกกระชับดาบที่มือขวาแน่น ไม่ใช่เพราะว่าเธอคิดว่าเธอจะชนะแต่มือซ้ายของเธอมันไม่มีแรงที่จะยกโล่อีกแล้วจึงทำให้โล่กลายเป็นตัวถ่วงสำหรับเธอไป คารินเอามือขวากำดาบและเอามือซ้ายที่มีแผลชกรรจ์นับไม่ถ้วนไข้วไว้ที่หลังยืนตัวตรงด้วยใบหน้าอันเย็นชาอย่างผู้มีชัย
‘ถ้าไลล่าโจมตีเข้ามาอีกเราคงรับไม่ไหวแน่ๆ’ ความคิดที่พลั่งพลูออกมาจากสมองของคารินที่ตอนนี้เธอทำหน้าอย่างผู้มีชัยอยู่เสียเต็มประดา
“ย่า”ไลล่าชูดาบขึ้นและฟาดมันลงสุดแรงคารินเพียงแค่เอื้ยวตัวหลบเล็กน้อยทำให้ดาบโดนตัวเธอแค่เฉียดๆ แต่เธอก็พยายามปกปิดปาดแผลเอาไว้เพื่อให้ไลล่าคิดว่าเธอสามารถหลบได้ทุกดาบแต่ความจริงเธอหลบแทบจะไม่ได้เลย แต่ความเจ็บมันก็แทรกผ่านร่างกายเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนทุกครั้งที่ไลล่าฟาดดาบลงมาเธอก็จะได้รับความเจ็บปวดที่ไม่สามารถจะตะโกนร้องออกมาได้ คารินทำใด้แค่เพียงแสร้งยิ้มอย่างผู้มีชัย
ฉึก
เสียงดาบของไลล่าที่เธอเจาะมันลงไปในพื้นปูนตรงเวทีเพื่อประคองร่างของเธอไว้ไม่ให้ล้มลง ความจริงแล้วแผนของคารินเธอน่าจะดูออกแต่เพราะความโกรธทำให้เธอไร้ซึ่งเหตุผล สายตาของเธอพร่ามัวด้วยความเหนื่อยแต่ก็ต้องยอมรับถึงหัวใจนักรบของเธอไลล่าต่อสู้อย่างนี้มาได้สามชั่วโมงแล้วโดยหารู้ไม่ว่าเธอคือคนเดียวบนเวทีนี้ที่เป็นคนโจมตี เธอมองออกไปยังคู่ต่อสู้ของเธอแต่ใบหน้าของคารินยังคงมีรอยยิ้มเช่นเดิมและยังคงยืนอยู่ในท่าเดิม สายตาเย็นชาที่มองอย่างไม่สะทกสะท้านแต่ถ้าเธอมองดีๆสายตานั้นไร้ซึ่งแววตาไปแล้วเพราะตอนนี้คารินสลบในท่ายืน
เคร้ง
เสียงดาบที่ไลล่าปล่อยให้ล้มลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกและร่างของไลล่าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อนอนแผ่อยู่บนพื้น
“ฉันแพ้แล้ว”เสียงเบาๆเหมือนกระซิบของไลล่าปิดการต่อสู้ครั้งนี้
“คาริน”อองรีรีบกระโดดขึ้นเวทีและประคองร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดของคารินลงจากเวทีโดยที่ทั้งสองข้างทางผู้คนต่างแหวกออกเพื่อให้นักรบสาวที่ต่อสู้ด้วยสมองไม่ใช่ด้วยกำลังเดินผ่าน โดยที่เธอยังไม่รู้ตัวว่าเธอเป็น
......................................................................................................................
“โอ๊ย เจ็บ”เสียงครางของคารินที่นอนเอาหลังอิงหมอนอยู่เพื่อให้อองรีใส่ยา ดีนะที่โฟร์ให้ยามาเยอะทำให้คารินไม่ต้องเจ็บตัวไปหลายวัน
“เอาน่าเจ็บนิดเจ็บหน่อย เจ็บน้อยกว่าตอนที่อยู่บนเวทีซะอีกทำบ่นไปได้”ดันเต้ที่ยืนเกาหัวอยู่ข้างๆพูดขึ้น
“วะ แกนี่ แกไม่ลองเป็นฉันดูบ้างล่ะ”คารินพูดอย่างหัวเสีย พร้อมทั้งยื่นมือซ้ายให้อองรีทำแผล
“เออๆๆ ทำไมมันไม่ฟันปากแกวะจะได้ไม่ต้องมานั่งร้องโวยวายเวลาใส่ยา”ดันเต้พูดด้วยอารมณ์ขัน
“ไอ้เมืองบ้านี่ไม่อยู่แล้ว”คารินพึมพำเบาๆกับตัวเอง
“เหอะ ปกติชอบวางแผนให้คนนู้นคนนี้ทำตามนักนี่ พอลองลงไปทำเองแล้วรู้สึกยังไงล่ะ”ดันเต้พูดด้วยรอยยิ้ม
“วะ ไอ้นี่นิ ฉันเป็นคนป่วยนะเว้ย แกเลิกซ้ำเติมซะทีเถอะ”คารินพูดพร้อมทั้งเอนกายลงนอนโดยมีอองรีจัดหมอนและผ้าห่มให้ “อ่ะ” คารินคว้าปากกาเล่มงามจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้อองรี “ถือว่าเป็นการขอบใจแล้วกันที่ช่วยทำแผลให้” อองรีรับปากกามาเพ่งมอง
“ไปกันได้แล้ว”เสียงทุ้มต่ำของอองรีที่เรียกเพื่อนของมันอีกคนให้ออกจากห้องเพื่อให้สาวน้อยในห้องได้นอนพัก
“ฉันนอนก่อนแล้วนะ”ดันเต้พูดทันทีที่เดินเข้ามาในห้องนอน
“อือ”คำตอบสั้นๆของคนโดนถาม
เมื่อเห็นว่าเพื่อนล้มลงนอนแล้วอองรีจึงเดินไปที่โต๊ะภายในห้องพรางหยิบปากกาที่ได้รับออกมา เมื่อมองไปรอบๆด้ามก็พบว่าที่ด้ามปากกามีภาษาเวทย์มนต์สีฟ้าเขียนว่า อองรี “ของที่บังเอิญถือว่าเป็นการขอบใจเนื่ย ทำไมมันถึงได้มีชื่อฉันอยู่ได้ล่ะ”อองรีพูดด้วยน้ำเสียงชวนหัวเราะ ก่อนที่เค้าจะดับตะเกียงล้มลงนอน และหลับสู่ห่วงนิทรา
“คาริน ตื่นได้แล้ว”เสียงกระซิบเบาๆของอองรีที่เรียกให้สาวน้อยร่างบางตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา
“อือ อีกสิบนาที”เสียงของคารินราวกับขอไปที
“ไม่ได้ เราต้องเดินทางแล้ว”
“อืม... เช้าแล้วเหรอ”แพขนตาสีดำของเธอค่อยๆเปิดขึ้นรับกับรุ่งอรุณใหม่
“ถ้าตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า จะได้เดินทาง”อองรีเมื่อเห็นเจ้าตัวดีตื่นแล้วจึงไม่รีรอสั่งการอย่างง่ายๆและเดินออกไป
“อื้อ......”คารินครางเบาๆและลุกขึ้นบิดขี้เกรียจ พรางก้มลงมองแผลที่เมื่อวานมันยังเหวอะหวะอยู่แต่ตอนนี้มันหายดีเป็นปลิดทิ้ง ราวกับเวทย์มนต์
“อ้าวแล้วคารินล่ะ”ดันเต้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้านล่างถามคนที่กำลังเดินมาร่วมโต๊ะด้วย
“ตื่นแล้ว เดี๋ยวคงลงมา”อองรีตอบพร้อมทั้งทรุดตัวลงนั่งข้างๆดันเต้
“งั้นเหรอ ก็ดี เพราะความยุ่งยากกำลังเดินมานู่นแล้ว”ดันเต้พูดพร้อมมองไปทางทหารหญิงแต่งชุดเกราะเต็มยศเดินมุ่งตรงมาที่พวกเค้า
คารินกำลังจับเอาเสื้อผ้าขาดวิ่นเพราะการต่อสู้เมื่อวานเข้ากระเป๋าเพื่อจะเอาออกไปทิ้ง “เว๊ยเสื้อตัวโปรดซะด้วย”คารินสบทด่าตลอดทาง
แอ๊ดดด
“ว๊ากกกกก พวกแกจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉ้านนน”คารินแหกปากเสียงดังเพราะมีทหารหญิงร่างบึกสองคนเข้ามาล็อกแขนเธอและลากเธอออกจากห้อง “อองรี ดันเต้ช่วยด้วย”
“ใจเย็นๆคารินเค้าแค่จะมาเชิญเราไปที่ปราสาท”อองรีเดิมมาขนาบข้างคาริน
“แล้วไอ้การที่เข้ามาล๊อกแขนแล้วลากออกมาเนี่ยมันเป็นวิธีเชิญเรอะ”คารินสบทออกมาอย่างหัวเสีย
“เอาน่าอย่างน้อยแกก็ไม่ต้องเดินเองไง”ดันเต้พูดไปหัวเราะไป
“ไอ้ดันเต้ แกดูสภาพของฉันสิแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะอีก”สิ้นคำพูดดันเต้ก็มองไปรอบๆดูสภาพเพื่อนของมัน
“อืม... มันก็ไม่เลวนี่นา ดูดีออก”ดันเต้เอามือลูบคางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ปล่อยฉันนน”คารินตะโกนลั่นพร้อมทั้งยื่นขาออกไปจะทีบไอ้เพื่อนปากหมาที่มันปากหมาไม่ได้ดูเวล่ำเวลาเลย ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่ามันโดนล๊อกแขน
“ฮะๆๆๆๆ”ดันเต้หัวเราะไปตลอดทางกับท่าทีของคาริน อองรีก็ได้แต่เดินอมยิ้มเช่นกัน
ลักษณะปราสาทของเลอร์ฮาร์ฟก็เหมือนทั่วไปคือเป็นหอคอยทรงสูงที่เน้นสูงไว้ก่อน มีธงประจำเมืองอยู่โดยรอบของปราสาท ผนังทำด้วยหินสีเทาพื้นปูด้วยพรมแดงตลอดทั้งปราสาท ตลอดทางยังเต็มไปด้วยคนรับใช้ที่เป็นผู้ชายและทหารที่เป็นผู้หญิง
“เมื่อไหร่จะถึงซะที”คารินบ่นวนไปวนมาอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เดินเข้าปราสาท แต่ก็ต้องยอมรับความอดทนของทหารที่ลากมันมาจริงเพราะนอกจากจะไม่บ่นซักแอะแล้วยังทำหน้าที่ลากมันไปอย่างขมักขะเม้นถึงแม้จะมีชายตามองมันบ้างนิดหน่อยก็ตาม
“องค์หญิงเพคะเราพาตัวมาให้แล้วค่ะ”เสียงของทหารที่เดินนำหน้าพูดขึ้นตรงหน้าประตู
“อื้อ พาเข้ามาเลย”เสียงทรงอำนาจของผู้หญิงที่อยู่อีกด้านของประตูพูดขึ้น
‘เสียงมันคุ้นๆนา’ คารินคิดในขณะที่ทหารลากตัวเธอเข้าไปในห้องนั้น
“ว่าแล้วว่าต้องเป็นพวกนาย มาสร้างวีรกรรมอะไรในเมืองฉันยะ”
‘พอมาฟังใกล้แล้วยิ่งคุ้นเข้าไปใหญ่เลยแฮะ’
“อองรี แล้วพาสาวที่ไหนมาด้วยล่ะนี่ มิทอสล่ะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ”
‘โอโฮรู้จักเรากับอองรีด้วยแฮะ’
“คารินหันหน้าไปดูก็ได้ไม่ต้องยืนคิดหรอก”อองรีพูดเตือนสติสาวน้อยที่ยืนทำท่าคิดอยู่
“เออ จริงด้วย”พูดจบเจ้าคนคิดมากก็หันไปมองหน้าองค์หญิง “หา! เวโรนิก้า เธอเองเหรอ”คารินอุทานอย่างตกใจ
“แล้วเธอเป็นใครล่ะ”เวโรนิก้าถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“อ้าว ฉันเองไง มิทอสไง”คารินชี้ไปที่ตัวเอง โดยที่ไม่สนใจสีหน้างงๆของเวโรนิก้า
“คือเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้”ดันเต้รีบอธิบายเรื่องทั้งหมดก่อนที่เวโรนิก้าจะถาม
“อ้อ เข้าใจล่ะ”เวโรนิก้าพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็ขอโทษทีนะที่ไลล่าทำเสียมารยาท”เวโรนิก้าชี้ไปที่ทหารที่อยู่ข้างกายเธอซึ่งก็คือไลล่านั้นเอง จากสีหน้าของไลล่าดูเธอจไม่ค่อยพอใจซักเท่าไหร่นัก “ส่วนเหตุผลที่ฉันพาพวกเธอมาเนี่ยก็เพราะว่า ไลล่าเค้าอยากแก้มือน่ะ” เวโรนิก้ายกชาขึ้นดื่มด้วยสีหน้านิ่งๆ
“เอ่อ.. ไม่ดีกว่ามั้งเพราะเราต้องเดินทางกันอีกไกล และต้องแวะหลายที่ด้วยเนอะ”คารินหันไปมองอองรีเพื่อหาแนวร่วม อองรีไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงยืนยัน
“ว้า แย่จัง”เวโรนิก้าพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายเป็นที่สุด
“อีกอย่างนะฉันยังรู้สึกเจ็บๆอยู่เลย”คารินพูดพร้อมทั้งหัวเราะแหะๆ หันไปมองดันเต้ที่ตอนนี้มันกำลังหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจโลกภายนอก
“ฉันมีข้อเสนอ”ดันเต้ที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น “ฉันจะสู้แทนเอามั้ย”ดันเต้วางหนังสือเล่มนั้นลง
“เดิมพันกันอะไรล่ะ”ไลล่าพูดขึ้นบ้าง
“อืม.... เอาเป็น... เดิมพันกับไอ้อองรีแล้วกัน”ดันเต้ชี้ไปที่ของที่เค้าใช้เดิมพัน
“เฮ้ย.... ดันเต้”คารินตะโกนดังลั่นด้วยความตกใจ
“ว่าไง”ดันเต้หันไปถามไลล่าโดยไม่สนใจคาริน และของที่ใช้เดิมพันเลย “งั้นฉันแถมไอ้คารินอีกคนเอามั้ย”ดันเต้ยิ้มยิงฟัน
“น่าสนใจ แล้วถ้าเกินเราแพ้ล่ะ”เวโลนิก้าถามขึ้นบ้าง
“ฉันไม่เอาอะไรหรอก”ดันเต้ยิ้มอย่างจริงใจ
“ว่าไงไลล่า”เวโลนิก้าหันไปถามแม่ทัพประจำตัว
“ไม่มีปัญหาค่ะ”ไลล่าตอบรับการต่อสู้ด้วยรอยยิ้ม
“ดันเต้ แกทำอะไรไปรู้มั้ย”คารินหันมาด่าดันเต้ขณะที่เตรียมตัวอยู่ข้างเวที
“ไม่ต้องห่วงน่า ฉันชนะแน่”ดันเต้โบกมือเล็กน้อย
“อย่างนี้เราก็ออกไปจากเมืองนี้ช้าไปอีกน่ะสิ”
“ก็ถือซะว่าฉันจะได้ลองดาบเล่มใหม่ไงล่ะ”
“อ๋อแปลว่าความจริงต้องการลองดาบใช่มั้ย”
“คิดเองเองแล้วกัน”พูดจบดันเต้ก็ลุกเดินขึ้นสู่สังเวียน
ดันเต้กระชับดาบลินินสีเงินแน่น เค้ายืนหายใจเข้าและค่อยๆผ่อนมันออกอย่างช้าๆมือขาวมีดาบแต่มือซ้ายไม่มีอะไรเลย ดันเต้จะสู้โดยไม่ใช้โล่
“ฉันต่อให้เธอ”ดันเต้ชี้ไปที่โล่ ไลล่าหน้าร้อนฉ่าด้วยความโกรธแต่เธอต้องพยายามคุมสติเอาไว้ไม่ให้โกรธไม่อย่างนั้นจะซ้ำรอยเดิมอีก
ไลล่าเดินไปรอบๆเวทีอย่างช้าๆดันเต้ยืนอยู่บนกลางเวทีอย่างไปสนใจนัก เธอพยายามหาช่องโหว่ไม่สิเธอเห็นช่องโหว่นับไม่ถ้วนแต่เลือกไม่ถูกว่าจะโจมตีช่องโหว่ไหนดี
“อองรี รู้สึกจะมั่นใจมากเลยนะ”เวโรนิก้าหันไปพูดกันอองรีที่นั้งอยู่ข้างๆ
“ครั้งนี้ดันเต้จะชนะ”อองรียิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“อะไรทำให้เจ้ามั่นใจอย่างนั้น”เวโรนิก้าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ไม่เพียงแต่มันจะชนะ ผู้หญิงคนนั้น”อองรีชี้ไปที่ไลล่า “จะได้รับความกลัวอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน”อองรีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆและรอยยิ้มเย็นชา
“เมือไหร่จะบุกซักที”
“อะ”ไลล่าผงะออกอย่างตกใจเพราะดันเต้มายืนพูดอยู่ข้างหลังเธอ เธอฟันลงไปที่ดันเต้อย่างตกใจ
“เธอฟันอะไรน่ะ”ดันเต้พูดด้วยน้ำเสียงขบขันโดยไม่สนใจสายตาที่ตื่นกลัวของไลล่าเลยเธอตกใจเพราะตอนนี้ดันเต้ไปยืนอยู่ตรงจุดเดิมแล้ว
ดันเต้ชี้ไปที่ด้านขวาทำให้ไลล่าหันไปมองตามที่ดันเต้ชี้เมื่อเธอหันมาก็พบว่าดันเต้ยังอยุ่ตรงจุดเดิมแต่ข้างแก้มของเธอมีเลือดสีแดงอุ่นๆไหลออกมา
“คนเรามันกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นจริงมั้ยเวโรนิก้า”อองรีหันไปถามหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งหล่อนมีสีหน้าตื่นกลัวไม่แพ้ไลล่าเลย “และนั่นเป็นสิ่งที่ดันเต้ถนัด”
“แค่อุ่นเครื่องเองของจริงมันต่อจากนี้ตะหาก ถ้ากลัวตายก็ยอมแพ้ซะเถอะ”คารินที่ยืนอยู่ข้างสนามตะโกนพูดกับไลล่า “ฉันไม่ได้ดูถูกนะ แต่ว่าฉันเตือน”ไลล่ามองคารินด้วยสายตาอาฆาต
“อย่ามองเพื่อนฉันด้วยสายตาอย่างนั้น”ดันเต้พูดด้วยเสียงเย็นๆ ทำเอาไลล่าผงะออกและมองไปรอบๆอย่างตื่นกลัวและพบว่าดันเต้ยังคงยืนอยู่ตรงจุดเดิม
ดันเต้ยกดาบขึ้นพาดบ่าและหาวออกมาอย่างเบื่อหน่าย “เมื่อไหร่เธอจะพร้อมซะทีเนี่ย” ดันเต้พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“ย่า”ไลล่าตะโกนเสียงดัน หล่อนฟันไปเต็มแรงแต่ก็พบว่าเธอฟันไม่โดนใครเลยโดนเพียงอากาศธาตุ “แฮ่ก ๆๆ”ไลล่าหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนทั้งๆที่เธอพึ่งจะสู้มาไม่ถึงสิบนาที
ไลล่าหันไปมองรอบๆแต่ก็ไม่พบใครเพียงแต่รู้สึกเหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างหลังตลอดเวลา แต่พอเธอหันไปกลับไม่พบใคร
“เวโรนิก้าถ้าเธอไม่พาแม่ทัพของเธอลงมาจากเวทีล่ะก็ หล่อนต้องสติแตกกลายเป็นคนบ้าแน่ๆ”อองรีหันไปพูดกับเวโรนิก้าที่มีสีหน้าตื่นตกใจ
เวโรนิก้าลุกขึ้นยืนและตะโกนก้องเสียงดังเพื่อหยุดการต่อสู้ “เราขอจบการต่อสู้กับแขกต่างเมืองแต่เพียงเท่านี้” สิ้นคำพูดเวโรนิก้าก็สั่งให้คนไปนำตัวไลล่าที่มีท่าทีหวาดกลัวทุกคนลงมาจากเวที
“แล้วดันเต้ล่ะ”เวโรนิก้าหันไปถามอองรีเนื่องจากไม่เห็นดันเต้อยู่บนเวทีเลย
“นั่นไง”อองรีชี้ไปที่ดันเต้ซึ่งกำลังนั่งหัวเราะคิกคักกินคุ๊กกี้อยู่ข้างๆคาริน
“เค้าทำได้ยังไง”เวโรนิก้าหันไปถามอองรีอีกครั้ง
“ดันเต้ปล่อยจิตสังหารเล็กน้อยไปยังจุดที่เค้าต้องการ มันคงศึกษามาบ้างแล้วว่าการลงจากเวทีขณะต่อสู้ถือว่าไม่แพ้”พูดจบอองรีก็เดินไปสมทบกับพวกเพื่อนๆที่อยู่ด้านล่าง
“น่าเสียดายนะที่ไม่ได้สู้กับยายเวโรนิก้า”ดันเต้หันไปพูดกันอองรีที่เดินตรงมาที่พวกเค้า
“นั่นสินะ เวโรนิก้าน่าจะเก่งกว่านี้มาก ถึงเธอจะแสร้งทำเป็นตกใจก็ตาม”อองรีหันไปพูดกับดันเต้
“เป็นอย่างที่ฉันบอกใช่มั้ยล่ะ ยัยนั้นต้องการหาคนไปร่วมกองกำลังของตัวเอง แต่ก็ต้องการรู้กำลังของพวกเราเอาไว้ก่อนเพราะไม่แน่อาจจะต้องกลายเป็นศตรูกันเอง”คารินพูดพร้อมหยิบคุ๊กกี้ขึ้นกิน
“แต่ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะไม่ได้อะไรไปเลยนะ”ดันเต้หันไปมองเวโรนิก้าที่มีสีหน้าเจ็บใจอยู่เล็กๆและแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น
“หล่อนเล่นเกมเก่งจริงๆแต่ก็สู้คนสร้างไม่ได้หรอก”คารินรู้ทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เธอสู้ด้วยเป็นแม่ทัพอะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นจะสู้ทั้งทีดันไปเจอแม่ทัพ
“เอาล่ะเดินทางกันต่อเถอะ”ดันเต้เดินล๊อกคอดึงทุกคนออกไปจากลานประลอง
“ขอบใจมากเลยนะที่มาส่ง”ดันเต้หันไปพูดกันเวโรนิก้า
“ไม่เป็นไรหรอกไงก็เพื่อนกัน”เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อ่ะ”ดันเต้ล้วงไปในกระเป๋าเสื้อหยิบกิ๊บติดผมที่เป็นรูปใบโครเวอร์สีเขียวออกมาและเหน็บไปที่ผมของเวโรนิก้าอย่างเบามือ “เป็นผู้หญิงน่ะควรจะแต่งตัวสวยๆไว้นะ”ดันเต้ยิ้มอย่างน่าเอ็นดู
“อะ...”เวโรนิก้าหน้าขึ้นสีระเรื่อเป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายกล้าทำอย่างนี้กับเธอ “ขอบใจ” ดันเต้เดินออกไปโดยที่ไม่สนใจสีหน้าของเวโรนิก้าเลย ก็มันบังเอิญเจอตกอยู่นี่นาแล้วก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรด้วย เอาให้กับคนที่ใช้มันได้ดีกว่า
“เอาล่ะเดินทางกันได้ จุดหมายต่อไปที่ราบเซาส์”คารินตะควบม้านำออกไปทันทีที่พูดจบ “คอยก่อนนะตาแก่”
......................................................................................................................
ความคิดเห็น