ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Holy สงครามแห่งแผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #16 : CHAPTER 16 : บทสุดท้ายของความรัก

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 50


    บทสุดท้ายของความรัก

            “คุณอลิสเป็นมังกรวารีเหรอฟอลค่อนยิงคำถามกับอลิส

            “ใช่ค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ แต่พออายุได้17ก็เริ่มมีอาการ เมื่อเห็นอย่างนั้นจึงเริ่มศึกษา ตอนรู้คราวแรกก็ช๊อกเหมือนกันแต่ตอนนี้ก็ยอมรับได้แล้วค่ะอลิสตอบด้วยรอยยิ้ม โดยมีพี่โฟร์มองอยู่ห่างๆคงจะไม่ค่อยไว้ใจฟอลค่อนล่ะมั้ง

            “อองรีแกเป็นอะไรรึเปล่าคารินหันไปถามอองรี เพราะว่าตลอดทางมันเงียบมาตลอดถึงแม้จะเป็นคนเงียบอยู่แล้วแต่ตอนนี้มันเงียบจนผิดวิสัย

            อองรีเงยหน้าขึ้นมามองคนถาม และนั่นถึงกับทำให้คนถามหน้าซีด แต่ก็ไม่เท่ากับหน้าของอองรี เพราะตอนนี้หน้าของอองรีแทบจะไม่มีสีเลย เลือดสีแดงไหลกระอักออกจากปากของชายหนุ่ม

            “อองรีคารินอุทานอย่างขวัญเสีย

            “ไปโดนอะไรมาเนี่ย พี่โฟร์มาทางนี้เร็วดันเต้ตะโกนเสียงดัง

            “ถอดเสื้อออกเร็วโฟร์ตะโกนสั่งคารินที่อยู่ใกล้ที่สุด คารินไม่พูดอะไรเพียงแต่ทำตามคำสั่งโดยดี เมื่อถอดเสื้อออกจึงเผยให้เห็นแผลยาวจากต้นคอลงมาถึงท้องน้อย เลือดอุ่นๆไหลออกมาจากแผลเป็นทาง

            “คงเป็นตอนที่มันเอาไม้เท้าเรดดราก้อนรับดาบล่ะมั้งโฟร์สันนิฐาน พร้อมทั้งเอาผ้ามาซับแผลของคนที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวสลบไปแล้ว เอายามาโฟร์หันไปสั่งอลิสที่อยู่ใกล้ตนที่สุด

           “อองรีแกต้องไม่เป็นอะไรนะคารินตะโกนอยู่ข้างๆอองรี ด้วยน้ำตานองหน้า

            ‘ขนาดสถานะการเลวร้ายแค่ไหนเธอยังไม่ยอมร้องไห้ แล้วถ้าคนที่นอนตรงนั้นเป็นเราเธอจะร้องไห้อย่างนี้มั้ยนะนิโคไลท์มองไปยังร่างบางที่ร้องเรียกชื่อคนที่เธอรัก

            การรักษาเป็นไปอย่างเร่งรีบอาจจะเป็นเพราะยาทิพย์มีไม่เพียงพอสำหรับบาดแผลใหญ่ขนาดนี้ จึงจำเป็นต้องอาศัยการเย็บเอา

            “เสร็จแล้วล่ะอลิสยื่นผ้าให้โฟร์ซับเหงื่อแต่ต้องนอนพักซัก 2-3 วัน

            หมับ

            อองรีจับมือโฟร์และบีบจนทำให้โฟร์หน้าถอดสีด้วยความเจ็บ

            “ไม่ได้ต้องเดินทางต่ออองรีพยายามเค้นเสียงพูด

            “ไม่ได้แกต้องพักคารินปฎิเสธเสียงแข็ง พร้อมทั้งหยิบยานอนหลับออกจากกระเป๋า

            “ไม่อองรีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา และสบัดหน้าหนีทันที ขอร้องทุกคนถึงกับผงะออกทันที

            “แกจะบอกว่า ที่แกไม่ยอมให้โฟร์รักษาแต่แรก ก็เพราะต้องการเดินทางต่อเหรอคารินพูดด้วยเสียงสั่น อองรีไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่แค่พยักหน้าเล็กน้อย

            “เวลาของเธอเหลือน้อยแล้วอองรีพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงนิ่งเหมือนเดิม พวกเพื่อนๆเมื่อเห็นว่าอองรีพ้นขีดอันตรายแล้วจึงทยอยออกไปทิ้งอองรีกับคารินไว้สองคน

            “ถ้าฉันรอดแล้วแกตาย ชีวิตฉันจะมีไปเพื่ออะไรคารินพูดพร้อมก้มหน้าพยายามกลั้นน้ำตา อองรีเมื่อเห็นน้ำตาของคาริน ก็โน้มเอาตัวคารินเข้ามาซุกอก

            “อย่าร้อง มันทำให้ฉันเจ็บอองรีพยายามเค้นเสียงตอบ ที่เค้าต้องโน้มคารินลงมาซุกอกเพราะไม่อยากให้เธอเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเค้าฟังสิหัวใจฉัน มันยังเต้น ฉันจะไม่มีวันไปไหนอองรีลูบหัวคารินเบาๆ น้ำตาใสๆไหลลงบนอกอุ่นของอองรี ความอุ่นที่แสดงให้รุ้ว่าชายคนนี้ยังมีชีวิต

            “คืนนี้แกต้องพักคารินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

            “อืออองรีตอบ เค้าใจอ่อนเพราะน้ำตาของเธอทุกที

            “ถ้าไม่หายแกต้องนอนพักต่อ

            “อือ

            “ชีวิตแกเป็นของฉัน ถ้าฉันไม่สั่งให้ตายแกห้ามตายนะ

            “อือ

            “แกสัญญาแล้วนะ

            “อือ...นัยตาสีเขียวน้ำทะเลของอองรีค่อยๆหรี่ลงเรื่อยๆ ทั้งคู่หลับในอ้อมกอดของกันและกัน


            นิโคไลท์ที่ยืนมองอยู่นานด้านนอก ในใจของเค้าร้อนผ่าวและเจ็บแปล๊บ เป็นครั้งแรกที่เค้ารู้สึกอย่างนี้ โฟร์เดินมาแตะบ่าเค้าเบาๆ นิโคไลท์เดินตามโฟร์ออกไป จากไปจากภาพบาดตาบาดใจ

            “ถ้าเป็นแกคงแย่งมาไม่ยากนักหรอกโฟร์ทรุดตัวลงนั่ง ซึ่งมีนิโคไลท์นั่งลงที่ด้านตรงกันข้าม

            “เป็นครั้งแรกที่ฉันสูญเสียโดยที่ทำอะไรไม่ได้นิโคไลท์พูดพรางเอาไม้เขี่ยไปที่กองไฟ

            “ไม่ใช่แย่งไม่ได้ แต่ไม่แย่งโฟร์หันไปมองนิโคไลท์

            “อาจจะจริง

            “เอาน่าเพื่อน ซักวันแกก็จะเจอคนที่ดีกว่า

            “ฉันอาจจะเจอคนใหม่ แต่จะไม่มีวันเจอคนที่ดีกว่านิโคไลท์เหม่อมองออกไปทางที่คารินนอนพักอยู่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเธอก็จะอยู่ในหัวใจฉันตลอดโฟร์ตบบ่านิโคไลท์เป็นเชิงปลอบใจ น้ำใสๆไหลออกจากนัยตาของเค้าเพียงหยดเดียว แค่หยดเดียวเท่านั้น

        ..........................................................................................................................

     

            อองรีเอามือลูบไปที่ผมของสาวน้อยร่างบางตรงหน้าด้วยใบหน้าอ่อนโยนซึ่งสาบานได้ว่าต้องไม่มีใครเคยเห็นแน่นอน และคงไม่มีทางได้เห็น

            “ตอนหลับก็ดูน่ารักดีอยู่หรอกอองรีพูดพึมพำเบาๆเพราะเกรงว่าสาวน้อยที่นอนอยู่บนตักจะตื่นซะก่อน

            “อือออ อองรีคารินละเมอออกมาเสียงเบาๆ

            “อยู่นี่อองรีกระซิบข้างหูคาริน

            “อือ หือแพขนตาสีดำของเธอค่อยๆเปิดขึ้น อองรีเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวดีตื่นแล้วจึงกลับมาทำหน้าตาเย็นชาอีกครั้ง

            “อือคารินมองอองรีอย่างปรือๆ พร้อมทั้งยกมือขวาขึ้นสูง และตบลงบนหลังของอองรี

            “โอ๊ยอองรีถึงกับหน้าถอดสีด้วยความเจ็บเธอทำอะไรเนี่ยอองรีตะโกนเสียงดัง

            “อืม เยี่ยม หายแล้วล่ะ เดินทางกันต่อได้คารินลุกขึ้นพลางบิดขี้เกรียจ และเดินออกไปทิ้งไอ้คนเจ็บทำกำลังจะหายแต่จะไม่หายก็เพราะไอ้ผ่ามือของคนต้องการตรวจว่าหายรึยังนี่แหละ

            “อ้าวตื่นแล้วเหรอนิโคไลท์พูดขึ้นเมื่อเห็นคารินเดินออกมา

            “อื้อ หิวแล้วล่ะ มีอะไรกินบ้างเหรอคารินพูด โฟร์เมื่อเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปเพื่อดูอาการของอองรี

            “ตื่นมาก็จะกินเลยหรือไงฟอลค่อนที่กำลังย่างเนื้อนกอยู่เงยหน้าขึ้นมาเฮ้ย

            “เป็นอะไรไปอีกคนล่ะเนี่ยคารินผงะออกด้วยความตกใจ

            “แกไม่ใช่คารินนี่นา แกเป็นใครน่ะฟอลค่อนพูดพร้อมชี้ไปที่ร่างบางซึ่งตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นหนุ่มน้อยแทนแล้ว

            “หือคารินก้มลงมองตัวเองแล้วปรากฎว่าตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นมิทอสแล้วอ๋อเธอครางออกมาเบาๆในขณะที่ ดันเต้กลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆ

            มิทอสจึงต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟอลค่อนฟัง พรางกินเนื้อนกย่างไปด้วย ฟอลค่อนไม้ได้พูดอะไรเพียงแต่นั่งฟังอย่างตั้งใจ และทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ

            โฟร์เดินออกมาพร้อมทั้งอองรี ซึ่งแสดงว่าเค้าหายดีจนลุกออกมาได้แล้ว ดูภายนอนแทบไม่รู้ว่ามีได้รับบาดเจ็บ

            “อ่ะ คงหิวแล้วล่ะสินิโคไลท์ยื่นเนื้อนกย่างให้อองรี ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่รับ และทรุดตัวลงนั่งข้างๆนิโคไลท์ พร้อมทั้งมองไปยังเจ้าตัวดีที่กำลังนั่งฝอยเรื่องต่างๆให้ฟอลค่อนฟัง

            ‘สงสัยเมื่อคืนจะเป็นความฝันอองรีคิดพลางนึกถึงตอนที่เจ้าตัวดีตรงหน้าร้องห่มร้องไห้ไม่ให้มันตาย

            “เดินทางต่อไหวมั้ยเสียงของนิโคไลท์เรียกคนป่วยให้ตื่นจากพวัง

            “อือคำตอบสั้นๆง่ายๆของคนโดนถาม

            “ก็ดี เอาล่ะ พวกเราเดินทางกันได้แล้วทุกคนเมื่อได้ยินดังนั้นจึงแยกย้ายกันออกไปเก็บข้าวของ จะมีก็แต่อองรีที่ได้รับอภิสิทธ์ของคนป่วยนั่งเฉยๆ เพราะคำสั่งหมอใหญ่ของกลุ่ม

            นิโคไลท์กางแผนที่ออกมา และเริ่มไล่ตั้งแต่จุดที่เราเดินทางและพบว่าพวกเค้าถึงที่หมายพรุ่งนี้แน่นอน


            “เอาล่ะต่อจากนี้เราต้องเดินทางด้วยอูฐนะดันเต้อธิบายพร้อมชี้ไปที่พาหนะตัวใหม่

            การเดินทางด้วยอูฐค่อนข้างล่าช้า แต่ก็ยังดีกว่าเดินด้วยเท้า ซึ่งหัวเด็ดตีนขาดยังไงเจ้าตัวป่วนประจำคณะก็ต้องการให้อองรีนั่งอยู่กับโฟร์เผื่อฉุกเฉิน มิทอสนั่งไปกับอลิส ดันเต้นั่งกับนิโคไลท์ ส่วนฟอลค่อนนั่งกับกองสัมภาระ

            “อืม แย่จังฟอลค่อนพูดขึ้น

            “เกิดอะไรขึ้นเหรอมิทอสตะโกนถาม

            “กลิ่นพายุ เราต้องหาที่หลบก่อน

            “ตรงนั้นไงนิโคไลท์ชี้ไปที่ซอกผาด้านหน้า

            คณะเดินทางของมิทอสจึงจำเป็นต้องไปพักยังจุดที่นิโคไลท์ชี้ ซึ่งเป็นซอกเขาสูงคงพอที่ทุกคนจะเข้าไปหลบได้

            “เราคงต้องเดินทางกันพรุ่งนี้แล้วล่ะดันเต้ที่กลับมาจากออกไปดูสถานะ การพูดขึ้น

            “อืมอองรีทรุดตัวลงนั่งด้านใน

            “พายุลูกนี้จะพัดมานานมั้ยนิโคไลท์หันไปถามฟอลค่อน

            “ลูกใหญ่ น่าจะนานคำตอบของคนโดนถาม

            “หือ .....เธอเป็นอะไรอองรีพูดขี้นเมื่อเห็นมิทอสนั่งตัวสั่นอยู่

            “หนาวมิทอสตอบเสียงสั่น ถึงแม้ตอนกลางวันจะร้อน แต่ตอนกลางคืนกลับหนาวจับใจ

            อองรีผายมือออกดึงเจ้าตัวดีเข้ามานอนในอกเค้า ซึ่งวันนี้มันดูว่าง่ายมากกว่าเดิมมากคงเป็นเพราะมันแพ้ความหนาวจริงๆ

            “อือ อุ่นมิทอสครางเบาๆอย่างไม่ได้สติในอ้อมแขนและอกอุ่นของอองรี แต่ก็ยังมีสายตาที่มองมาอย่างเจ็บปวด นิโคไลท์เดินออกไปทันทีหนีออกจากภาพอันแสนเจ็บปวด

            คำคืนนี้หนาวกว่าทุกวันอาจจะเป็นเพราะพายุที่กระหน่ำเข้ามาตลอดคืนก็เป็นได้ แต่แสงจันทร์ก็ยังคงส่องสว่างแม้ซอกหินที่พวกเค้านอนอยู่จะแคบจนแสงจันทร์สาดส่องเข้าไปไม่ได้มากนัก แต่สำหรับชายที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ แสงจันทร์สีนวนรวมกับแสงไฟจากกองไฟทำให้เห็นใบหน้าของชายคนเดียวที่ตื่นอยู่ในค่ำคืนนี้ได้อย่างชัดเจน ชายที่มีใบหน้าอิดโรยอาจเป็นเพราะอากาศหนาวหรือไม่ก็เป็นเพราะในใจของเค้ามันเย็นยะเยือกไปกับภาพที่เค้ากำลังมองอยู่ก็เป็นได้ ภาพของสาวน้อยร่างบางที่ซบอยู่บนอกอุ่นพร้อมด้วยรอยยิ้ม

            นิโคไลท์มองร่างบางนั้นอย่างเจ็บปวด เค้าปราถนาเหลือเกินให้เป็นตัวเค้าเองที่อยู่แทนที่ชายคนที่เธอโอบกอด แต่ถึงแม้ปราถนาแค่ไหนก็ไม่อาจทำใด้ นิโคไลท์นั่งพร่ำบอกตัวเองว่าไม่ควรไปหลงรักเธอ หรือว่าเธอไม่ควรไปรักคนอื่น เค้าควรเกิดช้ากว่านี้ ถ้าเกิดช้ากว่านี้คนที่อยู่ใกล้เธออาจจะเป็นเค้าก็ได้หรือเธอควรเกิดเร็วกว่านี้ เหตุผลมากมายประดังออกมาหากแต่เหตุผลเดียวที่เป็นความจริงซึ่งเค้าไม่อาจหักใจยอมรับได้คือเค้าไม่มีวันได้เธอมา ไม่มีวัน

            ความหนาวประทังเข้ามาทำให้ร่างบางขยับเล็กน้อยซุกเข้าไป ให้ตัวเองอบอุ่นขึ้นกว่าเดิม นิโคไลท์ขยับตัวเองจากกองไฟด้านหน้าและเดินไปหยิบผ้ากำมะหยี่สีดำคลุมตัวสาวน้อยตรงหน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน สาวน้อยครางเล็กน้อยก่อนที่จะมีรอยยิ้มประกฎบนใบหน้า

            “นิโคไลท์โฟร์พูดขึ้นทำให้นิโคไลท์หันไปมองชายอีกคนที่ลุกขึ้นจากจุดที่เค้านอนอยู่

            “เปลี่ยนเวรเหรอนิโคไลท์เปิดบทสนทนาด้วยคำถาม โฟร์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย

            “แกก็รู้นี่นาโฟร์เปิดคำถามขึ้นอีกครั้ง

            “ใช่ ฉันรู้ ต่อให้ทำยังไงก็ไม่มีวันได้เธอมานิโคไลท์ทรุดตัวลงนั่งที่หน้ากองไฟอีกครั้ง

            “แล้วแกยัง..คำถามของโฟร์ยังไม่ทันจบเค้าก็ได้คำตอบ

            “ฉันแค่ต้องการเฝ้ามองน่ะ แค่มองเท่านั้นนิโคไลท์ตอบพร้อมทั้งโยนไม้เข้าไปในกองไฟอีกชุดนึง โฟร์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

        ..........................................................................................................

            หอคอยเทพ

            “คืนนี้หนาวนะชายในชุดนอนสีขาวที่นั่งอยู่ตรงระเบียงพูดขึ้น

            “ก็หนาวเหมือนทุกวันเสียงห้วนของชายที่อยู่ในเงามืดพูดขึ้น

            “ฮึๆๆ นึกอยู่แล้วว่าท่านต้องพูดอย่างนี้ชายคนนั้นลุกขึ้นและเดินออกไปพิงระเบียงหันหน้าเข้าเผชิญหน้ากับชายในเงามืด

            “เอาล่ะ ลูโด้ บอกเรื่องที่ข้าต้องการรู้มาได้แล้วชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเก็บอารมณ์

            “หือ แล้วเรื่องอะไรล่ะเสียงของลูโด้ดูสนุกสนานที่ได้ยั่วโมโหชายตรงหน้า

            “เจ้าอย่ามาทำเป็นถาม เจ้าก็รู้ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงต่อว่า เค้าค่อนข้างโกรธเล็กน้อย

            “ข้ารู้ๆ ข้าลูโด้ ชายผู้มองเห็นความเป็นไปของมนุษย์ ความต้องการ ความโสมม และความตายลูโด้ตอบด้วยเสียงหัวเราะ แต่ในเสียงนั้นแผงไปด้วยความเศร้า

            นานแค่ไหนแล้วที่เห็นคนที่รักต้องตายแต่ไม่อาจทำอะไรได้ ไม่เพียงเท่านั้นคนที่ไม่รู้จักมากมายที่ตายไปต่อหน้าต่อตา ความทรงจำ อนาคต ของคนมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาในโสตประสาทของเค้าราวกับสายน้ำ สายน้ำที่ไม่มีวันหยุด สายน้ำที่เค้าไม่ต้องการจะเห็น

            กี่ครั้งที่เค้าพยายามฆ่าตัวตาย แต่ราวกับพระเจ้าเล่นตลกต่อให้พยายามซักเท่าไหร่ตัวเองก็ไม่อาจจะดับลมหายใจของตนเองได้ ต่อให้กราบกรานกี่ครั้งเฝ้าขอเฝ้าภาวนาซักกี่ครั้ง ก็ไม่อาจได้ในสิ่งเดียวที่หวัง อิสรภาพ ที่ชายอย่างเค้าไม่มีทางได้

            “ลูโด้ชายคนนั้นพูดแต่น้ำเสียงเร่ง เรียกให้ลูโด้ตื่นจากพวัง

            “หึ เอาล่ะ จอมราชันต์ลูโด้เอ่ยชื่อของบุคคลที่ชายคนนั้นต้องการทราบ ลูโด้หลับตาลงเพื่อให้เห็นถึงสถานะ การของบุคคลที่เค้าต้องการ

     

    .....................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×