คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER 15 : เรื่องเล่าของหญิงคนหนึ่ง
เรื่องเล่าของหญิงคนหนึ่ง
\"ถึงแล้ว\"ดันเต้พูดเมื่อเห็นเมืองอยู่ข้างหน้า
\"เมืองอะไรน่ะ\"คารินอุทานเสียงดังเพราะเมืองที่เธอเห็นถึงแม้จะอยู่ในทะเลทรายแต่กลับมีสายรุ่งทอดยาวเต็มไปหมด แต่จะว่าไปเมืองนี้ดูเหมือนโอเอซิสมากกว่า เพราะเป็นเมืองที่มีแต่สีเขียว
\"เรนโบว์ เมืองเรนโบว์\"นิโคไลท์ตอบเพื่อใขข้อข้องใจของคาริน
\"ฟอลค่อนนายทำอะไรน่ะ\"คารินพูดเมื่อเห็นฟอลค่อนเอาผ้าคลุมหัวและเริ่มเอาหนวดปลอมมาใส่
\"เมืองนี้มีประกาศค่าหัวฉันอยู่\"ฟอลค่อนพูดเสียงเย็นๆ \"และที่สำคัญที่นี่ยังมีคนเจ้านั่นอยู่ อ้อ....แล้วที่นี่น่ะก็เปรียบเสมือนคุกคนที่ทำผิดร้ายแรงส่วนใหญ่ ก็จะถูกนำมาขังที่นี่\" ฟอลค่อนชี้ไปที่กรงเหล็กที่มีล้อเลื่อนได้ และบรรจุคนอยู่ข้างในซึ่งคาดว่าจะเป็นนักโทษ
\"อืมงั้นเมืองนี้ก็เป็นเมืองปลอดโจรสินะ\"อองรีพูดแต่พยายามเน้นเสียงคำว่าโจร
\"ก็ประมาณนั้น\"ฟอลค่อนตอบพร้อมยักไหล่เป็นเชิงว่าช่วยไม่ได้ก็ฉันเป็นโจรนี่หว่า
\"แล้วเราต้องทำอะไรกันบ้างล่ะ ถ้าต้องผ่านที่นี่\"ดันเต้หันไปถามฟอลค่อน
\"เยอะเลยล่ะ เมืองนี้ถือเป็นเมืองหน้าด่านแล้ว ถ้าพ้นเมืองนี้ก็จะเข้าสู่ดินแดนนอกรีต เพราะฉะนั้นก็ต้องเข้มงวดกันหน่อย\"ฟอลค่อนพูดพร้อมกระโดดลงมาจากสกอร์เปี้ยน นิโคไลท์และอองรีจึงกระโดดลงมา
\"พี่โฟร์ฝากดูแลคารินด้วยนะ\"อองรีหันไปฝากฝังไอ้คนอยู่ไม่สุขไว้กับพี่ชายที่เป็นตัวเลือกสุดท้าย โฟร์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงตกลง อองรีเมื่อเห็นดังนั้นจึงเดินตามนิโคไลท์ออกไป
มันนี่ท่าจะบ้าสั่งให้ลิงมานั่งเฉยๆ คารินคิดพรางมองไปรอบๆ แต่ถึงเธอจะเดินไปทางไหนพี่โฟร์ก็เดิมตามตลอด สลัดยังไงก็ไม่หลุดสุดท้ายก็คือช่างมัน
คารินมองออกไปรอบๆ แต่พลันสายตาก็มาหยุดที่สาวน้อยผมบรอนหน้ารักคนหนึ่งที่อยุ่ในคุกนักโทษ แต่ท่าทางเธอดูไม่เหมือนนักโทษเลยดูเหมือนเจ้าหญิงมากกว่าโอเด็ทซะอีก
\"พี่สาว ทำอะไรผิดเหรอ\"คารินเดินไปคุยกับพี่สาวตรงหน้า
\"พวกเจ้าเป็นคณะนักเดินทางสินะ\"ฝ่ายถูกถามไม่ตอบ แต่กลับยิงคำถามกลับมาแทน
\"ใช่ฮะ\"คารินตอบ พร้อมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่โฟร์ลากมา ทำให้โฟร์ต้องไปลากมาใหม่
\"งั้นเจ้าพอจะมีเวลาว่างฟังนิทานซักเรื่องมั้ย\"หญิงคนนั้นพูดด้วยท่าทางสง่างาม ถึงอายุเธอจะดูมากกว่าพวกเค้านิดหน่อยแต่ท่าทางเธอกับดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก
\"น่าสนใจ\"พี่โฟร์พูดพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ที่ลากมาใหม่ และมองดูที่ป้ายซึ่งเขียวว่านักโทษประหารตอนเที่ยงคืน
\"นิทานเรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมืองทอร์ปิคอล\"หญิงคนนั้นพูดด้วยในตาเหม่อลอย
................................................................................................
เมืองทอร์ปิคอล 2 เดือนก่อน
\"ในที่สุดก็จะได้กลับบ้านแล้ว\"หญิงน่ารักผมสีบรอนชโงกหน้าออกมาจากเกวียนไม้หลังงาม \"กี่ปีแล้วนะที่ไปอยู่ที่โรงเรียนประจำ\" หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงสดใส
\"อีกไม่นานก็จะถึงบ้านแล้วครับ\" ชายคนขับเกวียนที่มีผมสีบรอน เหมือนเธอและมีแววตาอ่อนโยนอายุอานามคงประมาณเธอพูดขึ้น
\"จ๊ะ ขอบใจมากเลยนะวิลที่มารับน่ะ\"หญิงคนนั้นพูดด้วยท่าทางไม่ถือตัวอาจเป็นเพราะวิลกับหล่อนเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก
\"เป็นเกรียรติอย่างยิ่งครับ\"วิลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน บทสนทนาจบลงทันทีเพราะตอนนี้เธอมาถึงปราสาทแล้ว
\"กรี๊ดดดด อย่านะๆ ได้โปรด ใครก็ได้ช่วยด้วย พาฉันกลับบ้านที\"เสียงของหญิงสาวเปลือยกายวิ่งออกมาจากปราสาท เธอร้องเสียงอ้อนวอนแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเธอ เพราะด้านหลังของหญิงคนนั้นเป็นชายแก่เดินตามออกมาพร้อมจิกหัวผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไป
\"ได้กลับแน่แต่จนกว่าฉันจะพอใจ\"เสียงของชายแก่คนนั้น เสียงที่เธอจำได้ดี
\"พ่อ\"หญิงผมบรอนตะโกนเสียงดัง แต่ก็ไม่อาจจะเชื่อว่านั่นคือบุคคลที่เธอเรียกว่าพ่อ ถึงเธอจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อก็ตาม
พ่อไม่ได้พูดอะไรเพียงชายหางตามองเล็กน้อย และเดินหายเข้าไปในปราสาท พร้อมหญิงเปลือยคนนั้น และน้ำเสียงที่ร้องโหยหวน
\"อลิสกลับมาแล้วเหรอ\"เสียงแม่ใหม่ของเธอพูดขึ้น เธอเป็นผู้หญิงที่ดูดีมีสง่าหน้าตาดูอิดโรย แต่ต้องยอมรับว่าเธอเป็นแม่ใหม่ที่ดีมาก บางทีอาจจะดีกว่าพ่อที่เลี้ยงดูเธอแบบทิ้งๆขว้างๆซะอีก \"กลับมาเหนื่อยๆสินะ วิลช่วยยกของขึ้นไปไว้บนห้องทีนะ\"แม่หันไปกับวิล ซึ่งวิลเองก็ทำตามโดยทันที
บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วย ความน่าขยะแขยงเพราะเค้าที่เธอเรียกว่าพ่อโลมเลียผู้หญิงสามสี่คนบนโต๊ะอาหาร ส่วนผู้ที่ได้ชื่อเป็นแม่ก็นั่งตัวสั่นอยู่ข้างๆเธอ
\"พ่อหยุดทำอย่างนี้ซะทีเถอะ\"อลิสตะโกนเสียงดัง ทำให้ผู้ที่ได้ชื่อว่าพ่อชายตามองเธออย่างเย็นชา
\"อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ ลูกคุณพึ่งจะกลับมาเหนื่อยๆ\"แม่พยายามไกล่เกลี่ย
\"แกคิดว่าแกเป็นใคร\"พ่อตะโกนด่าแม่ \"ไอ้แก่หนังเหี่ยวอย่างแก ถ้าไม่มีเงินใครเค้าจะเอา\"พ่อลุกขึ้นยืน และเริ่มตบแม่ แม่ล้มลงจากเก้าอี้พ่อก็เอาเท้าเหยียบซ้ำ โดยที่อลิสไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
\"คุณท่านครับ ผู้หญิงจากหอมารออยู่ที่ห้องแล้ว\"วิลเรียกพ่อ และนั่นทำให้พ่อหยุดทำร้ายแม่เดินออกไปทันที
\"ขอบใจนะวิลมาช่วยอยู่เสมอเลย\"แม่พูดในขณะที่อลิสพยุงเธอขึ้นมา
\"เสมอเลยเหรอคะ พ่อตบตีคุณมาเสมอเลยเหรอคะ\"อลิสแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ที่เห็นเมื่อกี้มันก็เป็นหลักฐานอย่างแน่นหนา
\"ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ\"แม่ลุกขึ้นและเดินออกไปโดยที่มีวิลพยุง
คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเนื่องจากไร้แสงจันทร์ หรือแสงจันทร์กำลังหลบสิ่งชั่วร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกันแน่ หากแต่เธอคนนั้นหญิงผมบรอนกลับไม่รู้ชะตากรรมที่ต้องเผชิญ
\"อือ เสียงอะไรน่ะ\"อลิสพึมพำในลำคอ แต่ยังคงหลับตาอยู่ ในห้องนอนที่มันเธอคิดว่ามันปลอดภัยแต่บัดนี้กำลังจะมีอสูรร้ายย่างกรายเข้ามา
\"หือ... พ่อ พ่อเข้ามาทำไม\"อลิสตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อนั่งอยู่บนเตียงข้างตัวเธอโดยเอามือพยายามจะกดเธอเอาไว้ \"ปล่อยนะ\"
\"ฮะๆๆๆ อลิสแกช่างเหมือนแม่จริง โตแล้วหน้าตาสะสวย ให้พ่อเถอะนะ\"เสียงแหบๆของพ่อที่เธอได้ยินมันเป็นเสียงสุดท้ายในคืนนั้น เพราะต่อจากนั้นมันมีแต่เสียงร้องโหยหวนที่ดังไปทั่ว แต่แม่กับวิลอยู่อีกตึกนึงจึงไม่อาจได้ยิน ส่วนคนที่ได้ยินก็กลัวจนไม่กล้าเข้าไปช่วย เธอจึงผ่านช่วงเวลาอันน่าสะอิดสะเอียนโดยที่ไม่มีใครสามารถช่วยได้
\"อลิสจ๊ะ นี่แม่เองนะ\"ผู้เป็นมารดาเคาะประตูเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามา \"อลิสจะทำอะไรน่ะ ลงมานะ\" แม่อุทานเสียงดังเมื่อเห็นลูกสาวยืนอยู่บนขอบหน้าต่างทำท่าจะกระโดด แต่ดีที่เธอรั้งตัวไว้ทัน
\"ไม่ๆๆ ไม่นะ ปล่อยหนู ให้หนูตายเถอะ\"อลิสตะโกนอย่างบ้าคลั่งใบหน้าที่สวยๆที่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
\"นี่มันเกินอะไรกันขึ้น หรือว่า\"แม่มองไปที่กระโปรงของอลิส และเห็นคราบเลือดจึงรู้ทันที เธอกอดอลิสไว้แน่นด้วยความสงสาร อลิสเมื่อเห็นดังนั้นเธอวิ่งตรงเข้าสู่อ้อมกอดของแม่
\"แม่ได้โปรดอย่าบอกวิล\"อลิสพูดแต่ยังเอาหน้าซุกอกของผู้เป็นแม่ แม่ไม่ได้พูดอะไรเพียงพยักหน้หงึกๆอย่างเร่งรีบ
ในคืนนั้นหลังจากจัดแจงเก็บข้าวของให้กับลูกสาวผู้น่าสงสาร เธอก็รีบเร่งลงมาด้านล่างถามหาชายหนุ่มทันที\"วิลมานี่หน่อย\"เสียงของคุณผู้หญิงเรียกวิล \"ช่วยพาอลิสหนีไปที\" คุณผู้หญิงพูดด้วยน้ำตาถึงวิลจะถามถึงเหตุผลเธอก็ไม่อาจตอบได้ วิลเมื่อเห็นดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ตอบตกลง
\"เอาเงินนี่ไปนะ\"แม่ยัดเงินให้อลิส \"ไปที่เรนโบว์แล้วจะปรอดภัย\"แม่พูดพร้อมดึงอลิสเข้ามากอด
\"แม่ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ\"อลิสพูด พร้อมทั้งเดินออกไปกับวิล
อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกนิดเดียวก็จะออกจากปราสาทได้แล้ว คำภาวนาของอลิสที่อยู่ในใจ
\"นั่นลูกจะไปไหนน่ะ\"เสียงของพ่อที่ดังมาจากเงามืด ถึงกับทำให้ทั้งเธอและวิลผงะทันที \"ลูกคิดว่าจะหนีพ่อพ้นเหรอ\"
ชายสี่ถึงห้าคนเดินออกมาดึงวิลกับอลิสให้แยกกัน
\"เลี้ยงไม่เชื่อง อย่างนี้คงเลี้ยงไว้ไม่ได้แล้ว\"พ่อชักดาบสั้นออกมาเดินตรงเข้าไปหาวิล
\"ไม่อย่านะพ่อ ได้โปรด\"อลิสตะโกนเสียงดัง
อ๊ากกกก
เสียงร้องโหยหวนเพราะความเจ็บปวดของวิลดังขึ้นเมื่อพ่อเอาดาบกรีดตาทั้งสองข้างของวิลเลือดสีแดงไหลออกจากตาของเขา และแผลเหวอะที่โดนมีดกรีดมีลูกกระตาไหลตาลงมาที่พื้น ก่อนที่จะสิ้นคำร้องโหยหวนพ่อก็เอามีดแทงที่อกวิลหมายปริดชีวิต
\"ฮะๆๆๆ ไม่มีใครหนีไปจากฉันได้ อลิสจำไว้\"พ่อหัวเราะเสียงดังและทิ่งร่างที่ไร้วิญญาณของวิลไว้ตรงนั้นโดยที่มีอลิสวิ่งตรงเข้าไปสัมผัสร่างที่ไร้ลมหายใจ
ทำไมพระเจ้าถึงยังปล่อยให้คนดีต้องตาย ในเมื่อคนที่ควรตายอยู่อย่าสุขสบาย วิลไม่ควรตายแต่ที่ควรตายควรจะเป็นมัน ความแค้นประดังเข้ามาในอก ความแค้นและความเสียใจมันมีมากเกินกว่าเหตุผล ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงแล้ว!!.......
คืนนี้พ่อก็มาอีก มาที่ห้องเธอ หลังจากโรมรันร่างที่ไร้จิตใจของอลิสเสร็จแล้ว
\"เดี๋ยวกินน้ำนี่ก่อน และจะไปสนุกด้วยต่อ\"พ่อพูดพร้อมกระดกน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะโดยมีอลิสมองอยู่อย่างเย็นชา
\"อ๊อก นี่มีอะไรเนี่ย ทำไมขยับไม่ได้\"พ่อยกมือขึ้นบีบคอ และทรุดตัวลง อลิสเดินออกไปที่เตาผิงหยิบไม้เขี่ยไฟที่เธอเตรียมเอาไว้ออกมา
\"แกจะทำอะไรน่ะ เอายาถอนพิษมานะ\"พ่อพูดอย่างทุรักทุเลถึงแม้ต้องการจะหนีแค่ไหนแต่ร่างกายมันก็ไม่ยอมขยับ
\"ไม่ต้องห่วงหรอก พิษนั่นไม่ทำให้ถึงตายหรอก เพราะแกต้องตายด้วยมือฉัน\" อลิสหยิบแท่งเหล็กเดินเข้าไปหาพ่อ
\"อย่านะ แกจะทำอะไรพ่อ อ๊ากกกกกกกก\"อลิสฟาดแท่งเหล็กร้อนเต็มแรง ส่วนที่ร้อนของแท่งเหล็กเมื่อโดนเนื้อแล้วมีเสียง ฉ่า ฉ่า และมีควัญสีขาวลอยออกมาพร้อมกับกลิ่นไหม้ เมื่อดึงเหล็กออกเนื้อส่วนนั้นก็หลุดติดมากับเหล็กเผยให้เห็นกระดูกสีขาวและเลือดสีแดงที่ไหลออกมา
\"ฉันเป็นพ่อแกนะ\"ครั้งทิ่สองที่อลิสฟาดลงไปถึงกับทำให้พ่อดิ้นขลุกขลักอย่างบ้าคลั่งเพราะความเจ็บปวด
\"อย่านะ\"ครั้งที่สาม
\"หยุดนะ ขอร้อง\"ครั้งที่สี่
\"และตอนที่ฉันขอร้องแกหยุดมั้ย\"อลิสพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่าเธอโกรธสุดขีด และฟาดเหล็กลงร่างเปื้อนเลือดของปีศาจตนนั้นอีกครั้ง ปีศาจที่เธอเคยเรียกว่าพ่อ
\"ฉันเป็นพ่อแกนะ ถ้าฆ่าพ่อพระเจ้าจะไม่ยกโทษให้นะ\"อลิสง้างมือสุดตัวพร้อมทั้งพูดว่า \"เรื่องของฉันกับพระเจ้า แกไม่ต้องมาสอด\"คำพูดสุดท้ายก่อนที่ด้ามเหล็กนั้นจะฟาดลงมาตัดหัวปริดชีพปีศาจตนนั้น
\"จบ นิทานเรื่องนี้สนุกมั้ย\"หญิงคนนั้นพูดพร้อมมองไปที่ผู้ฟังทั้งสองที่นั่งฟังตาค้าง
\"นี่เป็นเรื่องของเธอเหรอ\"โฟร์พูดขึ้น
\"ฮึๆๆ มันเป็นแค่นิทานน่ะ\"หญิงคนนั้นพูดขึ้นพร้อมหัวเราะเสียงดัง
\"แต่ฉันเชื่อว่าเป็นเรื่องของเธอนะ\"คารินพูดขึ้นบ้าง ถึงกับทำให้หญิงคนนั้นหันมามอง \"สายตาคนเราน่ะโกหกไม่ได้หรอก และสายตาเธอก็มีแต่ความเศร้า จริงมั้ยพี่โฟร์\"คารินหันไปมองบุคคลที่สามเพื่อต้องการคำยืนยัน โฟร์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงยืนยัน
\"เอาล่ะตัดสินใจแล้ว\"โฟร์พูดขึ้นพร้อมมองไปที่คารินอย่างมีเลศนัย และคารินเองดูเหมือนจะรู้ว่าโฟร์คิดอะไรอยู่เพราะก็เป็นสิ่งที่เธอกำลังคิดเหมือนกัน
\"ไว้เจอกันใหม่นะ\"โฟร์พูดพร้อมโค้งตัวเล็กน้อย ซึ่งสาวน้อยคนนั้นก็โค้งตัวรับ และมองนักเดินทางทั้งสองที่เดินออกไปอย่าง งงๆ
\"โว้...... เพื่อนๆ\" คารินเดินเข้าไปในกลุ่มเพื่อนอีกสี่คนที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่
\"เป็นยังไงบ้าง\"โฟร์เปิดบทสนทนาด้วยคำถามทันที
\"เรียบร้อยแต่หนังสือนี่อยู่ที่ได้ถึงเที่ยงคืนและจะหมดสิทธิ์ออกทันที\"อองรีพูดและยื่นหนังสือที่มีตราประทับส่งไปให้โฟร์ดู
\"เยี่ยม\"คารินพูดเสียงใส แต่น้ำเสียงของมันทำให้อองรีถึงกับขนลุก
\"เฮ้ยทำไม่ดีใจจังวะ แปลก มีอะไรดีๆหรือไง\"ดันเต้ถามคาริน
\"แฮะๆๆๆ\"คารินหันไปมองกับโฟร์แปปนึงก่อนจะพูดว่า\"เราจะปล้นคุก\"
..........................................................................................................
\"ไม่\"เสียงแข็งๆของอองรีที่พูดขึ้น
\"โธ่ๆๆ นะๆ น้า... อองรี แกก็ได้ฟังเรื่องของเค้าแล้วนี่นา น่าสงสารออก\"คารินอ้อนอองรีเสียงอ่อน เพราะทุกคนไม่มีปัญหาแล้วดันเต้กับนิโคไลท์ก็ตามใจมัน ส่วนฟอลค่อนก็ชอบเรื่องอย่างนื้อยู่แล้ว
\"ไม่\"เสียงยืนยันของชายหนุ่มผมสีน้ำเงิน
\"เออ ก็ได้ งั้นฉันจะไม่ไปไหน โกรธแล้วนะเว้ย\"คารินตวาดสุดเสียงและเดินกระทืบเท้าดังบึ๊ง บึ๊ง ออกไป ในเมื่อแผนอ้อนไม่ได้ผลก็ต้องใช้แผนสอง
\"เอาน่าอองรี มันก็ไม่เป็นไรหรอก แกก็รู้นิสัยของคารินมันดีนี่นา ถ้ามันไม่ได้ช่วยนะมันไม่ยอมไปแน่ๆ\"ดันเต้พูด เพราะยังไงอองรีก็ต้องใจอ่อนอยู่ดี แต่คราวนี้ให้ใจอ่อนเร็วขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง
อองรีเอามือกุมขมับด้วยความเครียด และเดินตามคารินออกไป
เห็นมั้ยมันก็ต้องใจอ่อน เสียงในใจของคาริน เมื่อเห็นเงาอองรีที่เดินหน้าบึ้งออกมาสะท้อนอยู่ในน้ำ
\"ก็ได้ แต่ต้องห้ามเกินเที่ยงคืน ถ้าเกินต่อให้ต้องลากแกไปฉันก็จะทำ\"เสียงของอองรีพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโหสุดๆ
“แฮะๆๆ รู้แล้วน่า ไปกันเถอะ”คารินเดินนำอองรีเข้าไปด้านในร้านเหล้าซึ่งเพื่อนๆก็รออยู่ก่อนแล้ว
“แล้วจะเอายังไง”นิโคไลท์พูดเพื่อเปิดประชุม
“ก็ต้องวางแผนกันก่อน”อองรีพูดขึ้นบ้าง
“อืม”ฟอลค่อนเอามือขึ้นกุมขมับเป็นเชิงคิด
“ที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดใช่มั้ย”โฟร์หันไปถามฟอคค่อน
“ก็ใช่นะ แต่ก็นั่นอีกแหล่ะที่เป็นปัญหา ที่นี่ไม่เคยมีเหตุการณ์ขโมยนักโทษเลย เพราะไม่ว่าจะขโมยยังไงก็ขโมยไม่ได้หรอก”ฟอลค่อนตอบ
“งั้นก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันที่นี่สินะ”คารินพูดขึ้นบ้าง
“เท่าที่รู้นะ ไม่เคย”
“พี่คิดเหมือนผมใช่มั้ย”คารินหันไปถามโฟร์ โฟร์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่หันมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมมองไปยังเพื่อนอองรีสลับกับฟอลค่อน
“ฉันมีแผนแล้วล่ะ”โฟร์กับคารินพูดขึ้นพร้อมกัน โดยไม่รีรอทั้งคู่เริ่มอธิบายแผนการทันที
“ไม่”ฟอลค่อนปฎิเสธเสียงดัง
“โธ่ ไม่เอาน่า อย่าดื้อสิ”โฟร์พูดขึ้นพร้อมมองไปยังเจ้าคนปฎิเสธเสียงแข็ง
“แล้วถ้าเกิดมันไม่เป็นไปตามแผนล่ะ”ฟอลค่อนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นๆ พลางคิดถึงผลที่ตามมาหากมันไม่สำเหร็จ
“ไม่ต้องห่วงหรอกเราจะหาทางช่วยนายเอง ดูอองรีสิยังไม่เห็นว่าอะไรเลย”คารินชี้ไปที่อองรีที่เอามือกุมหัว “หรือว่านายกลัวว่าความดังของนายมันจะน้อยเกินไปจนทำให้แผนนี้ไม่สำเหร็จ
“เธอคิดว่าฉันเป็นใคร ฉันฟอลค่อนนะ จอมโจรที่มีค่าหัวมากที่สุด”ฟอลค่อนลุกขึ้นตบโต๊ะ
“งั้นนายก็แสดงให้ฉันดูสิ”ฟอคค่อนถึงกับสะดุ้งเพราะตอนนี้เค้าติดกับเรียบร้อยแล้ว
“โธ่”ฟอลค่อนเอามือขึ้นตบหน้าผาก
“เอาล่ะพวกนายไปทำตามแผนได้แล้ว”คารินไล่เพื่อนๆ และตอนนี้เหลือโฟร์กับคารินอยู่กันสองคนที่ร้านเหล้า
“เป็นแผนที่ดีนะ”โฟร์หันไปพูดกับคาริน ที่ตอนนี้หล่อนกำลังตื่นเต้นสุดๆ
“ฉันทุ่มสุดตัวเลยนะเนี่ย”คารินพูดพร้อมยกเหล้าขึ้นมาดื่ม
“ใช้ความมั่นใจของพวกมัน”โฟร์พูดขึ้น
“ก่อนอื่นก็ต้องให้ฟอลค่อนไปแสดงตัวก่อน เพื่อเรียกแขก”คารินหันไปมองนายทหารสองคนที่อยู่โต๊ะด้านหลังพวกเค้า
“ฟอลค่อน หัวหน้ากองโจรฟอลค่อนบุกมาเร็วเข้าพวกเรา”ทหารคนหนี่งวิ่งหน้าตาตื่น เข้ามาเรียกเพื่อนทหารด้านใน ทหารที่นั้งอยู่ตรงร้านเหล้าจึงรีบวิ่งออกไปทันที โดยที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของโฟร์กับคารินส่งซึ่งบ่งบอกว่ามันช่างง่ายดายจริงๆ
“แต่ก็ยังไม่พอ แค่นี้เรียกได้ก็เฉพาะทหาร เพราะพวกคนเมืองนี้เชื่อใจทหารของพวกเค้ามากจึงไม่ได้ลุกออกไปดู เพราะฉะนั้นจึงต้องมีอีกแผน”คารินชี้ไปที่พลุด้านนอก
“เฮ้ย พลุนี่หว่าออกไปดูกันเร็ว”ชายที่นั่งอยู่ในร้านเหล้าวิ่งออกไปพร้อมกันบางคนนั้นร้าน
“หือ เป็นอย่างที่คิดไว้ ยังมีพวกที่ไม่สนใจอยู่ในร้านอีก”โฟร์พูดขึ้นบ้างเมื่อเห็นว่าในร้านยังมีคนอยู่อีกถึงจะไม่มากก็เถอะ
“เฮ้ย พวกเราดูนั่นสิ พลุตกลงไปที่ยุ่งข้าว พวกเรารีบช่วยกันดับไฟเร็ว”เจ้าของร้านตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นไฟที่ลุกขึ้นจากโรงเก็บข้าว พร้อมกับทุกคนที่เหลือวิ่งออกไป โดยที่ไม่ทันได้สังเกตุว่าโฟร์กับคารินเดินออกไปแล้วตั้งแต่เจ้าของร้านตะโกน
“สวัสดีครับมาดาม”โฟร์พูดกับอริส อลิสเมื่อเห็นดังนั้นจึงมองทั้งสองงงๆ
“หวัดดีพี่สาว”คารินหยิบเอาอุปกรณ์ส่วนตัวขึ้นมา และเริ่มสะเดาะกุญแจ สำหรับเจ้าตัวดีแล้วถือว่าไม่ยากเลย
“ออกมาได้แล้ว”โฟร์พูดพร้อมทำท่าจะดึงอลิสออกไป
“ไม่ค่ะ”อลิสอุทานเสียงดัง “ถ้าจะต้องตายฉันจะตายในฐานะเจ้าหญิงไม่ใช่ในฐานะนักโทษแหกคุก.......อีกอย่างไม่มีวิลอีกแล้วและฉันก็ไม่มีที่จะกลับไป”
“งั้น เหรอ”โฟร์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆถึงกับทำให้คารินขนลุก “ถ้าเธอตาย เธอก็คือซากเน่าๆที่ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้ แต่ถ้าเธอรอดเธอก็อาจจะช่วยคนที่เหมือนกับเธอ ที่กำลังทุกข์หรืออาจจะทรมานมากกว่าเธอร้อยเท่าก็ได้อย่าคิดว่าตัวเองทุกข์ที่สุด ยังมีคนอีกมากมายที่ทุกข์กว่าเธอ แต่ถ้ายังคิดว่าชีวิตของเธอมันไร้ค่ามากนักก็ยกให้ฉัน ตั้งแต่ตอนนี้ไปชีวิตของเธอเป็นของฉัน”เมื่อพูดจบโฟร์ก็กระชากอลิสออกมาทันที ยังไม่ทันที่อลิสจะขัดขืนโฟร์ก็ยกตัวหล่อนขึ้นพาดไหล่ และเดินออกไปทันที
“ว้าย ปล่อยๆๆ ปล่อยนะ”อลิสตะโกนลั่นพร้อมทั้งทุบลงบนหลังของโฟร์
ถึงแม้โฟร์จะมีร่างกายที่กำยำน้อยกว่าแทบจะทุกคนในคณะเดินทาง แต่แค่การทุบของสาวน้อยร่างบางก็ไม่อาจทำอะไรโฟร์ได้ อลิสเมื่อเห็นว่าทำยังไงก็คงไม่มีประโยชน์จีงต้องยอมสงบไปเอง คารินที่เดินตามมาเห็นดังนั้นถึงกับหัวเราะเสียงเบาๆออกมา
“โอ๊ะโอ๋ ทำอย่างนั้นกับสุภาพสตรีมันไม่ค่อยดีเลยนะ”เสียงของชายที่นั่งอยู่บนโขดหินหันหน้าเข้าประจันกับพวกคาริน แต่ไม่อาจเห็นหน้าได้ชัดๆเนื่องจากดาบในมือของเค้าที่ปักอยู่บนพื้นบนบังหน้าตาของเค้าหมด คารินเมื่อเหลือบเห็นดาบที่ชายคนนั้นถืออยู่ถึงกับหน้าซีด เพราะเป็นดาบที่เธอเคยเห็นมาก่อน ถึงแม้ด้ามดาบนั้นจะพันด้วยผ้าสีดำก็ตาม
“ดาบแห่งรัก ดาบที่ไม่มีสิ่งใดที่ตัดไม่ขาด ดาบสุดยอดดาบ มีคนที่ใช้มันได้เพียงคนเดียวในโลก หลังจากที่นายมันตายแล้วก็ถูกนำมาปักไว้ที่นี่ ไม่มีใครเคยยกมันออก เป็นดาบที่สร้างด้วยเลือดของเพื่อนผู้เป็นเจ้าของดาบ ดาบที่สร้างจากความรัก ดาบที่กวัดแกว่งเพื่อความรัก.... เป็นดาบที่ดีนะ”คำพูดของนิโคไลท์ลอยคว้างอยู่ในหัวของคาริน เพราะถึงจะมองยังไงมันก็คือดาบเล่มเดียวกันแน่ๆ ดาบอาธรรณ์
“หือ ดูเหมือนเธอจะรู้จักดาบของฉันนะ ดาบสีเลือด ดาบแห่งตำนาน ตำนานที่สาบสูญ ตำนานที่ไม่มีผู้ใดจดจำ”ชายคนนั้นยกดาบขึ้นพาดลงบนบ่าตัวเอง เผยให้เห็นนัยตาสีดำ และผมยาวที่ซอยเป็นลากไซยาวลงมา แต่มันกับไม่รุงรังเพราะถูกรวบไว้ที่ด้านหลังมีเพียงผมด้านหน้าเล็กน้อยที่ถูกปล่อยลงมา แสงจันทร์เผยให้เห็นใบหน้าของบุรุษตรงหน้าเค้ามีหน้าตาคมสันแต่กับตัดกับผิวขาวละเอียดของเค้า ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดของชนพื้นเมืองแหวกตรงอกเผยให้เห็นร่องอกกำยำ
คารินอยู่ในอาการตกตะลึงไม่รู้ว่าเป็นเพราะชายตรงหน้าที่หล่อบาดใจสาวหรือเพราะว่าเค้าเป็นชายเพียงคนเดียวที่จับแผนการของตนเองได้ แต่ในใจลึกๆก็รู้สึกคุ้นๆกับใบหน้าของผู้ชายคนนี้
“เป็นแผนที่ดี”เสียงทุ้มต่ำปนขบขันของชายคนนั้นเรียกคารินออกจากพวัง “เริ่มจากสร้างความวุ่นวายเพื่อล่อให้คนเข้าไปยังสถานที่ที่ต้องการ และจุดไฟเผาหัวใจของเมืองคือข้าวสาร ในจังหวะนั้นคนที่อยู่ใกล้ยังไงก็ต้องเข้าไปช่วยกันดับไฟแน่นอนอยู่แล้ว และบุคคลที่เข้าไปสร้างความวุ่นวายก็จะหลุดออกจากการจับกุมทันทีเพราะยังไงข้าวก็สำคัญกว่า” ชายคนนั้นพูดได้ถูกต้องทั้งหมดถึงกับทำให้คารินหน้าซีดหนักกว่าเดิม ถ้าเป็นคนธรรมดาต้องคิดว่าชายคนนี้อันตรายเกินไปต้องกำจัดแต่ไม่ใช่กับคารินความตกใจนั้นแฝงไปด้วยความตื่นเต้น
นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้เล่นเกมสนุกๆอย่างนี้ นานแค่ไหนแล้วนะทื่ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราต้องการ แต่ชายคนนี้กลับทำลายความน่าเบื่อจำเจที่เคยมี ทันทีที่ตนเองสิ้นความคิดคารินก็เผยรอยยิ้มราวกับว่าได้เห็นของสนุกแล้ว ร่างกายหล่อนสั่นระริกด้วยความตื่นเต้นในที่สุดก็ได้ใช้มัน มันที่คารินพูดถึงก็คือสิ่งที่ต้องมีทุกครั้งที่เธอวางแผนแต่กลับไม่เคยได้ใช้เลย แผนสอง ชายคนนั้นเห็นดังนั้นจึงแสยะยิ้มเป็นยิ้มที่มีความหมายเช่นเดียวกับคาริน ตื่นเต้น สนุก
“นายชื่ออะไร”คารินถามแต่ใบหน้ายังมีรอยยิ้ม
“คาออส”ชายคนนั้นพูดด้วยใบหน้าที่ยังคนมีรอยยิ้มระเรื่อ แต่ตอนนี้เค้าลุกขึ้นยืนแล้ว และกำลังเดินตรงมาที่พวกคารินพร้อมกับดาบสีเลือดในมือ
คาออสยกดาบสีเลือดขึ้นกระชับมือ พร้อมทั้งวิ่งเข้าหาคารินราวกับต้องการฟาดฟันให้จบลงในดาบเดียว คารินไม่ได้ขยับไปไหนเพียงแต่ยืนประจันหน้ากับชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ใช่เพราะว่าเธอถอดใจยอมตาย แต่เพราะตอนนี้เธอกำลังเริ่มแผนสอง
อีกเพียงแต่เซนต์เดียวดาบสีเลือดก็จะประทะกับร่างบาง แต่ก็ต้องหยุดลงไม่ใช่เพราะเจ้าของดาบต้องการหยุดแต่ต้องหยุดลงเพราะด้ามดาบและมือของเค้าถูกแช่ไปด้วยน้ำแข็ง คาออสเอียงคอเล็กน้อยมองไปยังบุคคลที่ใช้พลังหยุดดาบของเค้า
อลิสที่ขณะนี้ยืนอยู่ที่พื้นแล้ว เธอพ่นลมหายใจสีขาวออกมาจากปากและทุกสิ่งที่สายลมนั้นกระทบก็จะกลายเป็นน้ำแข็งแต่สำหรับวิธีดาบของคาออสแล้วแค่เวทย์มนต์ธรรมดาไม่สามารถหยุดดาบของเค้าไว้ได้ แต่ที่เค้าหยุดดาบลงเป็นเพราะน้ำแข็งนี่ไม่ใช่แค่เวทย์ธรรมดา
“รู้ได้ยังไงว่าฉันคือมังกรวารี”อลิสเอ่ยปากถามร่างบางที่เกือบจะโดนฟันแต่ยังยืนยิ้มอย่างพอใจอยู่ด้านหน้า
“เอาไงดีล่ะ คงเป็นเพราะว่าฉันไม่เห็นน้ำตาเธอล่ะมั้ง ตอนที่เธอเล่าเรื่องของตัวเองฉันไม่เห็นน้ำตาเธอ แล้วฉันก็เคยอ่านหนังสือเจอว่ามังกรวารีไม่อาจร้องไห้ได้หากสูญเสียร่างอันบริสุทธิ์ ไม่อาจร้องไห้ได้อีกเพราะทุกสิ่งที่ออกมาจากร่างกายแม้แต่น้ำตาจะกลายเป็นน้ำแข็ง”คารินหันมาตอบคำถามของอลิส
“แต่นั่นมันก็เป็นแค่การสันนิฐานอาจจะไม่ถูกก็ได้”อลิสพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ หากว่าเธอไม่ใช่มังกรวารี คารินก็คงตายไปแล้ว
“ฉันเชื่อใจสัญชาติญาณ ในเมื่อฉันกล้าจะสันนิฐานฉันก็กล้าที่จะพิสูจน์”คารินตอบด้วยแววตามุ่งมั่น “ต่อให้คนที่คาออสฟันไม่ใช่ฉันแต่เป็นพี่โฟร์ ฉันก็จะไม่ช่วย” อลิสหันไปมองโฟร์ โฟร์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าช้าๆ
“รู้สึกดีมั้ยที่ได้ปกป้อง”โฟร์หันไปพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับอลิส พร้อมทั้งเอามือลูบหัวหล่อนอย่างเอ็นดู
“แล้วอีกคนที่ต้องขอบคุณคือคาออส เพราะเค้าคงรู้อยู่แล้วว่านี่เป็นแผนของพวกเราแต่ก็ยังดำเนินการตามแผนของเรา”คารินหันไปพูดกับคาออสที่บัดนี้ใบหน้าของคาออสเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตร
“ฮะๆๆๆๆ ละครจบแล้ว ต่อไปจะเป็นของจริง”คาออสตวัดดาบเล็กน้อยน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนดาบถึงกับแตกออกจากดาบ
“แล้วแกล่ะชื่ออะไรเจ้าหนู”คาออสถามพรางฟาดดาบลงที่ตัวของคาริน เธอเอียงตัวหลบอย่างยากลำบากเพราะถึงแม้ดาบของคาออสจะใหญ่แต่เค้ากับเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว ซ้ำหลังจากที่ดาบฟาดลงยังมีเส้นใยแดงๆที่วิ่งตวัดออกจากดาบทำให้รอบๆดาบเกิดแรงระเบิด
“มิทอส”คารินพูดชื่อตอนเป็นชายออกมา และพยายามหลบดาบอย่างทุลักทุเล
“โจมตีมาสิ ความมั่นใจเมื่อกี้หายไปไหนหมด”คาออสแกว่งดาบไปมา ทำให้เส้นใยสีแดงทำลายทุกจุดรอบๆ โฟร์เห็นดังนั้นจึงอุ้มอลิสออกจากการต่อสู้
ดาบของคาออสแหวกผ่านม่านหมอกของฝุ่นควันที่เกิดจากการต่อสู้และพุ่งเข้าหาคารินหมายจะเอาชีวิต คารินเมื่อเห็นว่ายังไงก็คงหลบดาบนี้ไม่พ้นจึงยกแขนขึ้นกำบัง
เคร้ง
เสียงดาบกระทบกับบางสิ่งแต่ไม่ใช่ร่างบางของคารินเป็นไม้เท้าเรดดราก้อน ถ้าเป็นไม้เท้าธรรมดาพวกเค้าคงตายไปแล้วทั้งคู่
“อย่ามายุ่ง กับผู้หญิงของฉัน เดทไฟเออร์”อองรีร่ายคาถาอย่างรวดเร็วทันทีที่พูดจบประกายไปประทุออกจากไม้เท้าตรงเข้าโจมตีชายตรงหน้า คาออสเมื่อเห็นดังนั้นถึงแม้ต้องการจะกดดาบลงไปให้มากกว่านี้แต่ก็ต้องผละออกเพราะตอนนี้เค้าไม่ต้องการและชีวิตกับชายคนนั้น ‘ถึงกับแลกชีวิตเชียวเหรอ’
“หือ ผู้หญิงของฉันงั้นเหรอ เธอเป็นผู้หญิง”คาออสพูดพร้อมมองไปยังคารินที่ตอนนี้หล่อนพยุ่งตัวอองรีที่หายใจหอบเพราะใช้พลังมากเกินไป “นายน่ะ ไม่รู้ถึงอำนาจของไม้เท้าเรดดราก้อนหรือไง”คาออสชี้ไปที่อองรี “พลังของไม้เท้าเรดดร้าก้อนน่ะ มันมากกว่าพลังชีวิตของแกมากนัก ถ้าอยากดึงพลังของมันออกมาให้หมดก็สมควรฝึกให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นแกจะเป็นอีกคนที่ต้องสังเวยชีวิตเพราะมัน” คาออสเลื่อนลงมาชี้ที่ไม้เท้าในมือของอองรี อองรีกัดฟันกรอดเค้าไม่เคยโกรธใครมากขนาดนี้ ถึงจะโกรธซักแค่ไหนแต่ก็เป็นเรื่องจริงอองรีไม่สามารถดึงความสามารถของไม้เท้าเรดดร้าก้อนออกมาได้หมด
“แล้วเธอน่ะ เป็นผู้หญิงทำไมไม่บอกก่อน อย่างนี้ฉันเสียศักดิ์ศรีนะ ต้องมาไล่ต้อนผู้หญิง”คาออสพูดพรางหยิบดาบเข้าฟักที่อยู่ที่เอว “แต่คงต้องเอาพวกแกไปมอบให้กับเจ้าเมือง”คาออสเดินเข้าไปหาอองรีหมายจะจับกุม
“แผนสาม”คารินเงยหน้าขึ้นมองคาออสด้วยรอยยิ้ม ทำให้เค้าผงะออกทันที
โฟร์ที่เดินเข้ามาทางด้านหลังเทหลอดน้ำใสๆลงมาคาออสที่โดนเข้าไปเต็มๆถึงกับเข่าอ่อน เพราะมันเป็นยาชา
..............................................................................................
“ฮะๆๆๆ โดนจนได้”คาออสหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พรางนึงถึงคำพูดของคาริน
“พี่ชาย ฉันน่ะเป็นผู้ชายจริงๆนะ แต่ตอนนี้เป็นผู้หญิงชื่อคาริน”คารินย่อตัวลงนั่งข้างๆคาออสและก้มลงมองร่างของคาออสที่ขยับไม่ได้นอนอยู่บนพื้น เธอยิ้มออกมา “ถ้าอยากเจอกันอีก ไปเจอฉันได้ที่โรงเรียน mansion shine นะพี่ชาย”คารินเดินออกไปจากร่างของคาออสและเดินจากไป
“อืม”คาออสลุกขึ้นนั่งพลางขยับแขนด้วยความเมื่อยเพราะเค้านอนอย่างนี้มาได้สองชั่วโมงแล้ว
“หัวหน้ามาทำอะไรตรงนี้ครับ”ชายในชุดทหารวิ่งเข้ามาหาคาออส
“โอ้ ฝากไปบอกท่านเจ้าเมืองด้วยนะว่าสัญญาหมดแล้วฉันจะเดินทางออกวันนี้แล้ว”ทหารคนนั้นหน้าซีดเผือดทันทีเมื่อได้ยินเพราะว่าที่เมืองสายรุ้งเป็นเมืองที่ไม่มีโจรได้ก็เพราะมีคาออสคอยดูแลอยู่ และที่คาออสยังอยู่ที่นี่ก็เพราะสัญญากับเจ้าเมืองว่าจะอยู่แค่ปีเดียวเท่านั้น แต่ทุกคนก็หวังว่าคาออสอาจจะอยู่ต่อ
“แล้วหัวหน้าจะไปไหนครับ”ทหารคนนั้นถาม
“โรงเรียน mansion shine”คาออสพูดพร้อมทั้งแสยะรอยยิ้ม
..
ความคิดเห็น