คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER 14 : ฟอลค่อน
ฟอลค่อน
“อืม.... แค่กๆๆ”
“ที่นี่ที่ไหน”คารินพูดพร้อมมองไปรอบๆ ห้องที่เธออยู่ดูคล้ายห้องขัง ข้างๆเธอมีพี่โฟร์นอนสลบอยู่ “มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย แล้ว...... เดี๋ยวก่อน ฉันโดนทรายดูดนี่นา แล้วทำไม”คารินพยายามนึกเหตุการณ์ทั้งหมด
“พี่โฟร์ ตื่นเถอะ”คารินเมื่อได้สติจึงพยายามปลุกโฟร์
“อืม ที่นี่ที่ไหน”โฟร์พูดแต่น้ำเสียงยังสลึมสลือ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่ แต่ดูเหมือนคุกนะครับ”เสียงใสๆของคารินพูดขึ้น แต่คำพูดของมันดูจะไม่เข้ากับหน้าตามันซะเลย
“แล้วทุกคนล่ะ”พี่โฟร์พูดเมื่อเห็นว่ามีแค่พวกเค้าสองคนที่อยู่ในห้องขัง
แอ๊ด
เสียงของประตูชั้นนอกเปิดออกมา แสงจากด้านนอกเพียงเล็กน้อยเผยให้เห็นชายนัยตาสีน้ำตาลเหมือนเหยี่ยว ที่มีผิวขีเข้มแต่งกายด้วยชุดของคนพื้นเมืองที่ข้างตัวมีดาบที่ลักษณะเหมือนจันทร์เสี้ยว แต่โดยรวมจัดว่าหล่อทีเดียวแต่อายุคงไม่ต่างจากพวกเค้าซักเท่าไหร่ เค้าลากเก้าอี้เข้ามานั่งประจันหน้ากับโฟร์และคาริน
“พวกเธอชื่ออะไร”เสียงของชายคนนั้นพูดขึ้น
“เพื่อนๆของฉันอยู่ที่ไหน”คารินไม่ตอบคำถามแต่ยิงคำถามกลับแทน
“เพื่อนๆ ของเธออยู่ห้องข้างๆ”ชายคนนั้นพูดพร้อมชี้ไปที่กำแพงทางขวา “แต่พวกเธออย่าหวังเลยว่าพวกเค้าจะมาช่วยพวกเธอได้”ชายคนนั้นพูดราวกับรู้ถึงความคิดของพวกคาริน
“รอบนี้มีผู้หญิงสองคน คงขายเอาไปเป็นทาสได้”
“หือ สองคน”คารินพูดพร้อมทั้งหันไปมองพี่โฟร์ โฟร์ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ขยิบตาเล็กน้อย
“ผู้ชายผมสีน้ำเงิน”คารินหันมามองชายคนนั้นเพราะเค้าพูดถึงอองรี ชายที่เธออยากพบมากที่สุด “เค้าคงรักเธอมาก ขนาดจะตายอยู่แล้วยังร่ายเวทย์เพื่อช่วยชีวิตเธอ”คารินเมื่อฟังดังนั้นถึงกับหน้าขั้นสีทั้งอายและตื้นตัน “อืม.... น่าเสียดาย ถ้าต้องเอาไปเป็นทาส”ชายคนนั้นพูดพร้อมทั้งเดินออกไป
“พี่โฟร์ พี่เป็นผู้หญิงเหรอ”คารินรีบเปิดบทสนทนาทันที
“จะบ้าเหรอ ฉันเป็นผู้ชาย แต่คงเป็นเพราะหน้าฉันเหมือนผู้หญิงล่ะมั้งมันก็เลยคิดอย่างนั้น”โฟร์ไขข้อค่อยใจให้กับคาริน คารินไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าอย่างเหลือเชื่อ
“พวกแกออกมาได้แล้ว”ชายสองคนเดินเข้ามาดึงโฟร์และคารินออกจากห้องขัง
“พวกแกจะพาเราไปไหน”คารินพูดพร้อมพยายามขัดขืน
“พวกเธอน่าจะดีใจนะท่านฟอลค่อนไม่ได้เรียกผู้หญิงเข้าห้องมาตั้งนานแล้ว”ชายที่ดึงตัวคารินพูดพร้อมหัวเราะ และดึงคารินไปคนละทางกับพี่โฟร์ ถึงเธอจะพยายามขัดขืนแต่ก็ทำใม่ได้ เพราะคารินเองก็ยังไม่ฟื้นกำลัง
จากที่เดินออกมาทำให้พอคาดการณ์ได้ว่าพวกเค้าคงอยู่ไต้ดิน เพราะรอบๆมีแต่ทราย คารินไม่ขัดขืนเท่าไหร่เพราะต้องการออมกำลังไว้สำหรับหนี พวกเค้าเดินมาถึงประตูห้องสีน้ำตาล ชายคนนั้นไม่พูดอะไรเพียงแต่เปิดประตูและดันคารินเข้าไปพร้อมทั้งปิดประตูทันที
“อูย อะไรอีกล่ะเนี่ย”คารินพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมองไปรอบๆ และพอจะคาดการณ์ได้ว่าเป็นห้องนอน แต่ของใครล่ะ
“มาแล้วเหรอ”เสียงของชายหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจ
“อะ นาย”คารินพูดพร้อมชี้ไปที่ชายคนนั้น เพราะมันเป็นคนเดียวกับคนที่เข้ามาที่ห้องขังตอนแรก
“ฉันชื่อฟอลค่อน”ฟอลค่อนเดินไปนั่งลงบนเตียง
“แกจะทำอะไรฉัน”คารินเดินไปที่ประตู เมื่อลองบิดดูก็พบว่ามันล็อก
“อย่าคิดหนีเลยดีกว่า ที่นี่อยู่ไต้ดิน ไม่มีหน้าต่างให้เธอหนีหรอก”ฟอลค่อนพูด พร้อมมองไปที่คาริน “เอาล่ะมานี่สิ”ฟอลค่อนตบไปที่เตียงเป็นเชิงชวน
“ไม่”คารินตอบ เพราะรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้ามันไปนั่งตรงนั้น
“มานั่งตรงนี้ ถ้าฉันไม่บังเอิญไปเจอเธอล่ะก็ พวกเธอคงกลายเป็นผีเฝ้าทะเลทรายไปแล้ว”ฟอลค่อนพูดอีกครั้งคราวนี้เป็นเชิงสั่ง
“ไม่”เจ้าตัวดียังยืนกราน
“เหรอ”ฟอลค่อนหยิบแส้สีดำออกมา และสลัดไปรัดร่างของคารินมานอนบนเตียง
“อ๊ากกก ปล่อยๆๆ ปล่อยน้า”คารินตะโกนเสียงดัง
“เงียบ”
“ไม่ ช่วยด้วยๆ”
“ใครจะมาช่วยเธอได้”ฟอลค่อนพูดพร้อมขึ้นคร่อมบนตัวของคาริน
“อย่านะๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะกัดลิ้นตาย”คารินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แย่จัง”ฟอลค่อนพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย และหยิบผ้าขึ้นมาอุดปากคาริน
“อื้อ อื้อ อือ ออ”
“อย่างนี้ค่อยยังชั่ว”ฟอลค่อนพูด พร้อมทั้งเริ่มดึงเอาเสื้อนอกของตัวเองออก และก้มลงประทับรอยจูบที่ซอกคอของคาริน ไล่ลงมาจนเกือบถึงเนินอก
“อื้อ อื้อ”เสียงของคารินที่ไม่อาจรอดผ่านผ้าที่ปิดปากได้ ส่วนเจ้าคนถือดีที่มันคร่อมเธออยู่ก็เริ่มโรมเลียไปที่ร่างเธอ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชายที่หน้าตาดียังไงแต่มันก็ไม่เอา
อุแว้ อุแว้
“หือ เสียงเด็กที่ไหนร้อง”ฟอลค่อนพูดพร้อมทั้งลุกไปจากร่างของคาริน เค้าเดินออกไปจากห้องทิ้งให้คารินอยู่บนเตียงแต่ก็ยังถูกมัดอยู่
คารินพยายามดิ้นขลุกขลักจนมันตกลงมาที่พื้นหวังจะหนีไปให้ได้ก่อนที่ฟอลค่อนจะกลับมา
แอ๊ด
เสียงเปิดประตูดังขึ้นซึ่งแสดงว่าฟอลค่อนกลับมาแล้ว เธอพยายามคลานออกไปจากเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ มันเป็นความกลัว ความกลัวที่มากกว่าความตาย
“ไปทำอะไรอยู่ตรงพื้น”เสียงของชายที่เธออยากพบมากที่สุด เสียงของคนที่เธออยากได้ยินมากที่สุด อองรี
“มานี่ เดี๋ยวแก้เชือกให้”อองรีแก้เชีอกออกจากมือและแกะผ้าที่ปิดปากออก “มันทำอะไรเธอ”เมื่อแก้เชือกเสร็จอองรีก็ยิงคำถามทันที
“เปล่า”คารินพูดพร้อมทั้งลุกขึ้นมาแต่ก็ทำให้หน้าขาวๆของอองรีแดงขึ้นมา เพราะเสื้อของคารินมันถูกชีกขาดจนเห็นร่องอก
“เฮ้ย หันไป”คารินรีบตะโกนไล่ ชายหนุ่มรีบหันไปทันที พร้อมหยิบเสื้อนอกของเค้ายื่นให้คาริน
“ไอ้บ้านั่น”อองรีสบทในลำคอไม่รู้ว่าหน้าแดงๆของเค้ามันแดงเพราะโกรธ หรือว่าเพราะอาย
“เสร็จแล้ว เออ แล้วพวกแกหนีออกมาได้ยังไงน่ะ”คารินหันไปถามอองรี
“ไปดูเองแล้วกัน”อองรีพูดพร้อมทั้งเดินนำออกไปจากห้อง
สภาพที่คารินเห็นก็คือ ทารก...!!?? เต็มห้องไปหมด
“นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นเนื่ย”คารินหันไปถามอองรี แต่เค้าไม่ได้พูดอะไรเพียงชี้ไปที่โฟร์
“พี่โฟร์”คารินหันไปยังบุคคลที่สามที่นั่งอยู่ด้านบนโดยมีร่างของฟอลค่อนนอนสลบเลือดไหลอยู่
“แหม อย่ามองพี่อย่างนี้ซิ แค่กลเม็ดเล็กๆน้อยๆ ใครจะไปนึกล่ะว่าพวกมันจะพาพี่มาคอยเสิร์ฟเหล้า พี่ก็เลยเอาน้ำในสายน้ำแห่งการเริ่มต้นผสมเข้าไปนิดหน่อย แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นแหละ”พี่โฟร์พูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ก็พอดีอีกล่ะที่พวกอองรี หนีจากการถูกขังออกมาได้และก็จัดการฟอลค่อนคนนี้”พี่โฟร์ชี้ไปที่ฟอลค่อน
รู้สึกว่าทีมของเราเนี่ยจะอันตรายทุกคนเลยแฮะ ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของคาริน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรอองรีก็เดินไปที่ร่างของฟอลค่อน
“จะทำอะไรน่ะ สอบปากคำเหรอ”ดันเต้เดินเข้ามาคุยกับอองรีที่ข้างตัวอองรี
“ดีนะเนี่ยที่มันไม่พกอาวุทมาด้วย ไม่อย่างนั้นสงสัยจะจัดการยากกว่านี้”นิโคไลท์พูดขึ้น
“เฮ้ย นั่นแกจะทำอะไรน่ะ”ดันเต้ตะโกนเสียงดังกับการกระทำของอองรี เพราะตอนนี้เค้ายกฟอลค่อนขึ้นมา และทำท่าจะซัดต่อ
“พอแล้วล่ะอองรี ช่างมันเหอะ”คารินรีบพูดก่อนที่ฟอลค่อนจะไปพบยมบาลโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัว อองรีเมื่อได้ยินดังนั้นจึงปล่อยฟอลค่อนลงอย่างไม่เต็มใจนัก
“อืม”เสียงครางเบาๆของฟอลค่อนที่แสดงว่าเค้าตื่นแล้ว “อะไรกันเนี่ย” ฟอลค่อนตะโกนออกมาเสียงดังเพราะตอนนี้ถูกมัดและมีคนที่เค้าเคยจับไว้เป็นนักโทษนั่งมองเค้าอยู่
“นี่ฟอลค่อน ฉันมีข้อเสนอให้นาย”คารินพูดเสียงใส “ฉันปล่อยนายก็ได้ แต่นายต้องร่วมเดินทางไปกับฉัน” คำชวนของคารินถึงกับทำให้เพื่อนผงะออกทันที
“เฮ้ย แกจะบ้าเหรอ”ดันเต้อุทานเสียงดัง
“ไม่กลัวว่าฉันจะหักหลังพวกเธอเหรอ”ฟอลค่อนพูด
“แต่มันน่าเสียดายนี่นา ฝีมืออย่างนาย
“ฮะๆๆๆๆ ก็ได้ ข้าจะเดินทางไปกับพวกเจ้า”ฟอลค่อนระเบิดเสียงหัวเราะ
“ว้าว ดีๆ”คารินอุทานเสียงดังด้วยความดีใจ
“แต่... ขอเตือนไว้ก่อนนะ ถ้าแกทำอย่างวันนี้อีกฉันไม่เอาแกไว้แน่”อองรีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ก็เป็นน้ำเสียงที่แสดงให้รู้ว่าเค้าไม่ได้ล้อเล่น อย่าลองดีถึงกับทำให้ฟอลค่อนขนลุกซู่
“เออ”ฟอลค่อนตอบเสียงฮ้วนๆ
\"เฮ้ย\"ดันเต้ที่เดินไปดูโรงเก็บของอุทานเสียงดัง \"ลูกพ่อ\" ดันเต้หยิบดาบผ่ามิติออกมาจากกองผ้า
\"ไหนแกบอกว่าบังเอิญไปเจอพวกเราไง\"คารินหันมาพูดกับมิทอส
\"ที่บังเอิญน่ะ คือบังเอิญว่าพวกนายโดนฉันหมายตาตังหากล่ะ\"ฟอลค่อนรีบพูดเมื่อนิโคไลท์เปิดผ้าด้านในออก และเจอสกอร์เปี้ยนตัวเมียตัวนั้น \"อีกอย่างฉันก็ต้องไปเอายาที่ดินแดนนอกรีตเพื่อมารักษาลูกน้องฉันด้วย\"
จะไว้ใจได้มั้ยเนี่ย สิ่งแรกที่อองรีคิด แต่ก็ไม่อยากขัดใจคาริน ก็อีกแหละต้องยอมรับในฝีมือมันเหมือนกัน เพราะถึงขนาดทำให้อองรีมีแผลอยู่ที่แก้มขวาได้ แต่การรักษาของพี่โฟร์ก็ถือว่าเนี้ยบมากเพราะไม่เหลือรอยแผลไว้เลย
\"ฉันจะปล่อยนายล่ะนะ\"คารินพูด พร้อมถือมีดเดินไปต้ดเชือกที่ข้อมือของฟอลค่อน โดยที่มีอองรีมองอยู่อย่างระแวง
\"เฮ้อ ค่อยยังชั่ว\"ฟอลค่อนลุกขึ้นยืนพลางบิดขี้เกรียจ
\"แล้วพวกเธอจะไปที่ไหนกันล่ะ\"ฟอลค่อนเปิดประเด็นถามเมื่อนั่งลงบนสกอร์เปี้ยน
คารินจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟอลค่อนฟังระหว่างที่เดินทางไปเมืองต่อไป ทั้งเรื่องที่ตนเองโดนพิษและเรื่องเวลาที่ต้องเดินทาง ซึ่งตอนนี้มันเหลือน้อยลงทุกที
....................................................................................................................
ความคิดเห็น