ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Holy สงครามแห่งแผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #13 : CHAPTER 13 : ผืนทราย สกอร์เปี้ยน ทรายดูด

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 50


            ในปราสาทเอลฟ์

            “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณมิทอสเสียงใสๆของโอเด็ท เรียกมิทอสที่กำลังเดินไปที่คอกม้า

            “อะ!!.... ครับโอเด็ท มีอะไรเหรอมิทอสหันมาพูดกับโอเด็ทด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

            “คือว่า ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาค่ะ และเรื่องนี้จะบอกใครไม่ได้ทั้งนั้นนะคะ

            “อืมมม.... ได้ครับ แล้วเรื่องอะไรเหรอ

            “ถ้าฉันจะสารภาพรักกับผู้ชายคนหนึ่ง ควรจะพูดว่าอะไรดีคะ

            “ว้า เอาไงดีเนี่ย ผมก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่ซะด้วย

            “งั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะโอเด็ทพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

            “แต่ถ้าเป็นดันเต้ผมก็พอจะรู้นะครับว่ามันจะตอบว่าอะไรมิทอสหันมายิ้มให้กับโอเด็ทอย่างกวนๆ

            “จริงเหรอคะโอเด็ทโพล่งขึ้นเสียงดัง หากแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองได้ยืนยันบุคคลที่เธอจะสารภาพรักไปแล้ว

            “แหม เพื่อนเรานี่มันเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆเลยนา

            “แหม  คุณมิทอสล่ะก็

            “เอาเถอะครับ ผมคิดว่า มันน่าจะพูดว่า ผมแพ้เกสรดอกไม้คงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก

            “ไม่ตลกเลยนะคะ อย่าโกหกสิคะ

            “แน้  พอผมพูดจริงก็หาว่าโกหกซะงั้น

            “หรือไม่ก็ มันอาจจะบอกว่า

            “โอเด็ท ถ้าคุณสามาระทำร้ายผมได้แม้เพียงบาดแผลเดียวล่ะก็ผมจะยอมบอกความรู้สึกของผมกับคุณครับแน่นอนว่า มิทอสไม่เคยเดาการกระทำของเพื่อนสนิทไม่ออก

            “คงจะประมาณนี้ล่ะมั้งมิทอสเกาหัวพร้อมเดินออกไป

            ‘ต้องทำให้ได้เสียงภายในใจของสองสาว ที่ดันเต้ไม่รู้เลยว่ามันได้ฮึกเฮิมขึ้นมาแล้วด้วยไฟแห่งความรัก ผู้หญิงน่ากลัวกว่าที่คิดไว้มากนักนะ ดันเต้

            “ลาก่อนนะมิทอสหันมาโบกมือลาพวกชาวบ้านโดยที่มีโอเด็ทและโซฟียอยู่ด้านหน้า หล่อนโบกมือลาด้วยรอยยิ้ม โดยที่ดันเต้หารู้ไม่ว่ามันได้นำเอาหัวใจของพวกหล่อนติดกลับมาด้วย

            “ดันเต้ ทำไมแกไม่รับรักหล่อนล่ะอองรีถามขึ้น ทำให้ทุกคนหันมาสนใจการสนทนาทันที

            “อ้าวๆ พวกแกรู้ด้วยเหรอเนี่ยดันเต้พูดพร้อมผงะออก

            “ไอ้บ้าเราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว แล้วก็มีผู้หญิงพวกนี้เป็นพวกแรกที่ไม่เสร็จแกมิทอสพูดได้โดนใจอองรีเป็นที่สุด เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

            “ฮะๆๆ ปิดแกไม่มิดเลยแฮะดันเต้พูดอย่างขำขัน พร้อมทั้งวางศอกลงบนหน้าต่างเกวียน เพ่งมองออกไปด้านนอกที่ซึ่งเป็นทุ่งดอกไม้เขียวชะอุ่ม

            “ฉันก็เหมือนนก ความรักก็เหมือนกรง ฉันไม่อยากอยู่ในกรง

            “คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะที่ฉันได้พบกับหล่อนดันเต้พูดแต่สายตายังเหม่อมองไปยังนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า คำพูดของดันเต้ทำให้ทุกถึงกับเงียบไปตลอดทาง

        .............................................................................................

            หอคอยเทพ

            “ไม่ใช่หรอกดันเต้เอ๋ย ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหรอกชายที่อยู่บนหอคอยเทพสูงเสียดฟ้าพูดขึ้น พรางหยิบชาขึ้นมาจิบเล็กน้อย มองกลุ่มนกสีขาวบริสุทธิ์ที่โบกโบยบินไปในทิศทางที่เรียกว่าบ้าน


       ....................................................................................

            “นี่อองรี แล้วแกล่ะเป็นนกหรือเปล่ามิทอสพูดกับชายหนุ่ม เพราะตอนนี้เค้าอยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้นเนื่องจากพักกลางทางให้ม้าดื่มน้ำ ส่วนคนอื่นไปสำรองน้ำเก็บเอาไว้

            “ฉันอาจจะเป็นนกก็ได้ ถ้าฉันไม่ได้เจอแก ฉันก็เป็นคงเป็นนกปีกหัก แต่ยังดีที่ได้แกเป็นหลัก ให้จึงกล้าบินขึ้นอีกครั้งอองรีตอบอย่างเย็นชาแต่คำตอบของเค้ากับทำให้คนถามอายหน้าแดงม้วนหน้าแดงไปนาน

            “ฉันไม่มีวันไปจากแกหรอก ไม่ต้องห่วงอองรีหันมาพูดกับมิทอสด้วยรอยยิ้ม มิทอสเมื่อได้ยินดังนั้นจึงเดินยิ้มหน้าบานออกไปทันที

            “แต่แกต่างหากล่ะ ที่ฉันกลัวอองรีพูดด้วยแววตาเศร้าๆ เมื่อนึกว่าจะต้องเสียงมิทอสไป

            “ต่อจากนี้ไม่น่าจะยากแล้วล่ะมั้งดันเต้พูดขึ้นเมื่อเห็นเส้นทางที่เหลือ เพราะมันเหลือไม่มากแล้ว

            “ไม่ใช่ จากนี้ตะหากของจริงนิโคไลท์พูดขึ้นพร้อมชี้ไปบนแผนที่ เมืองไร้จันทร์

            “เมืองนี้เป็นเมืองที่ร้อนที่สุด เพราะไม่มีกลางคืน แล้วเรายังต้องแวะที่เมืองนี้เพื่อเตรียมพาหนะใหม่โฟร์พูดขึ้นบ้าง

            “อือ.... ดี พวกเราไปกันเหอะดันเต้พูดขึ้นพร้อมเดินขึ้นไปบนเกวียน มุ่งหน้าสู่เมืองหน้าด่านกั้นดินแดนทะเลทราย

            “ร้อนจังคำพูดแรกของดันเต้เมื่อเข้ามาเหยียมเมืองนี้ แต่มันก็ดีอยู่อย่างนึงคือมองไปทางไหนก็มีแต่สาวๆนุ่งน้อยห่มน้อยเต็มไปหมด

    โครงสร้างของเมืองส่วนใหญ่สร้างด้วยหินแดง แต่บางจุดก็สร้างด้วยหินที่กันความร้อนได้สูง แต่ที่เมืองนี้หินพวกนี้มีราคาแพงมาก ถ้าไม่ใช่เศรษฐี ก็สุลต่านที่จะสามารถมีเงินพอที่จะซื้อได้
           

            “เอาไงต่อดีมิทอสหยุดเดิน พรางหันมามองเพื่อนๆ

            “เดี๋ยวฉันจะไปหาพาหนะเอง พวกนายรออยู่แถวนี้นะ ไปกันเถอะโฟร์นิโคไลท์พูด ก่อนจะผละเดินจากไปทันที

            “ไปกินข้าวกันก่อนเถอะมิทอสหันไปพูดกับเพื่อนสนิททั้งสองของมัน พวกเค้าไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เดินตามมิทอสเข้าไปในร้านอาหาร

            “โอโฮแฮะ น่าเสียดายที่ไม่ได้ค้างคืนที่นี่ดันเต้พูดพร้อมหันไปมองรอบๆร้าน ซึ่งมีสาวๆสวยๆ หน้าตาคมๆอยู่มาก ซึ่งมิทอสก็รู้จักเพื่อนตนนี้ดี เลยไม่ได้พูดอะไร

            “อืม มีอะไรกินบ้างเนื่ยมิทอสนั่งลง พลางรีบหยิบเมนูขึ้นมาเพ่งดูเมนูของที่นี่ ถึงกับทำให้มิทอสหน้าซีดเป็นไก่ต้ม รู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก

            “อืม เยี่ยม อีแร้งย่างไฟ ไฮยีน่าทรายอบเกลือ ฉันกินไม่เป็นเลยซักอย่างมิทอสยื่นเมนูให้กับข้างกายอย่างรวดเร็วทันที

            “งั้นอาเป็นอันนี้แล้วกัน คงพอจะกินได้อองรีชี้ไปที่เมนูบริการสาวพยักหน้าเล็กน้อยและเดินออกไป ซักพักเธอกลับมาพร้อมจานที่ใส่เนื้อ ดูไม่ออกว่าเป็นเนื้ออะไร

            มิทอสไม่รอช้าตักเข้าปากทันที เพราะมันเชื่อว่าอองรีคงไม่สั่งพิษให้มันกินแน่นอน หลังจากที่ทั้งสามกินอาหารไปหมดแล้ว

            “แต่จะว่าไป เนื้อนี่ก็อร่อยดีนะ เนื้ออะไรเหรอดันเต้หันมาถามอองรี เพราะตอนที่อองรีกับมิทอสคุยกันเรื่องเมนู มันมัวแต่หันไปมองบริการสาวก้นใหญ่

            “ไม่รู้สิมิทอสตอบพร้อมชี้ไปที่อองรี

            “อันดรอยอองรีตอบอย่างเย็นๆ

            “อื้อ เนื้ออันดรอยมิทอสหันไปยืนยันคำตอบกับดันเต้

            “หา!! เนื้ออันดรอย ฉันจะอ้วกมิทอสหันไปทำหน้าพะอืดพะอมกับดันเต้

            “แต่มันก็อร่อยดีนะดันเต้หันมาพูดกับมิทอส พร้อมทั้งอมยิ้ม

            “ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปอ้วกมิทอสพูดพร้อมรีบวิ่งออกไปทันที

            “อองรี แกคงไม่ได้เอาเนื้ออันดรอยให้ฉันกินหรอกนะดันเต้หันมาถามอองรี

            “จริง

            “หา!!

            “ฉันล้อเล่นน่าอองรีตอบพร้อมทั้งอมยิ้ม

            “ฉันว่าแล้ว แกเองก็คงไม่กินเนื้ออันดรอยหรอกดันเต้พูดอย่างขำขันเมื่อมองมิทอสที่เดินหน้าซีดเข้ามา แปลว่ามันคงอ้วกออกมาหมดแหงเลย  พร้อมทั้งนั่งลงบนเก้าอี้และฟุบลงไปด้วยความเหนื่อย

            “มิทอสเสียงของพี่นิโคไลท์ที่เดินมาขยี้หัวเจ้าตัวดีที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ

            “พี่นิโคไลท์ อย่าพูดกับผมเลย เวลาผมพูดแล้วผมอยากจะอ้วกมิทอสพูดแต่ยังคงเอาหน้าฟุบกับโต๊ะอยู่

            “แล้วพี่ได้อะไรมาบ้างอองรีเงยหน้าขึ้นมาพูดกับนิโคไลท์


            “ฉันได้สกอปี้ยนเป็นพาหนะ ส่วนโฟร์ฉันให้มันไปหาข่าว วิธีการออกจากเมืองน่ะนิโคไลท์พูดพร้อมจิ้มเอาเนื้อที่อยู่บนโต๊ะเข้าปาก

            “อร่อยดีนี่ เนื้ออะไรเหรอนิโคไลท์พูด พร้อมทั้งเจ้าตัวดีที่รีบวิ่งออกไป มันคงไปอ้วกอีกรอบ

            “เป็นอะไรไปน่ะนิโคไลท์พูดพร้อมมองตามมิทอสออกไป

            “นี่มันเนื้อไฮยีน่าไม่ใช่เหรอนิโคไลท์พูด พร้อมมองไปที่เนื้อ

            “ไม่มีอะไรหรอกครับ อ้าวนั่นพี่โฟร์กลับมาแล้วดันเต้รับพูดเพื่อเปลี่ยนเรื่อง พอดีกับที่มิทอสกลับมานั่งหน้าฟุบโต๊ะเหมือนเดิม

            “เฮ้ยเสียงเจ้าตัวดีที่เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำให้สายตาของเพื่อนๆหันมาจับจ้องมันแทน

            “นึกออกแล้ว

            “อะไรเหรอดันเต้ดูกระตือรือร้นกับคำพูดของมิทอส

            “ราชินีโอเด็ท ชื่อเหมือนกับโอเด็ทลูกสาวก็อดแฮนเลยมิทอสพูดด้วยเสียงใส

            “แค่นี้อองรีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา มองมิทอสด้วยแววตาเดียวกับน้ำเสียง เด็กหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้นก็นั่งก้มหน้าสำนึกผิด

            “แล้วพี่โฟร์ได้อะไรมามาบ้างล่ะดันเต้รีบเปิดบทสนทนาทันที ก่อนที่อะไรมันจะเลวร้ายไปกว่านี้

            “เออ ลืมไปเลย คืออย่างนี้ ถ้าจะผ่านที่นี่น่ะ จะต้องไปประทับตราขอใบอนุญาติเดินทางกับเจ้าเมืองของที่นี่ก่อนพี่โฟร์พูดพร้อมชี้ไปที่ปราสาทข้างหน้า

            “อืม งั้นจะรออะไรอีก ไปกันเถอะนิโคไลท์พูด พร้อมนำทุกคนออกไปก่อน

            “ไปได้แล้วมิทอสอองรีหันมาพูดกับมิทอสซึ่งตอนนี้มันหน้าซีดน้อยลง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นเดินเลย

            “เฮ้อเสียงถอนหายใจของอองรี พรางคิดในใจว่าถ้าตอนนี้เป็นผู้หญิงนะเค้าคงช่วยอุ้มมันไปแล้ว อองรีจึงต้องช่วยพยุงมิทอสให้ลุกขึ้นและเดินออกไป

            “เฮ้ย!!”เสียงดันเต้อุทาน เนื่องจากเกวียนของพวกเค้าหายไปแล้ว

            “เกวียงหายไปได้ไงวะดันเต้โกนเสียงดัง พร้อมหันไปหาเพื่อนๆ

            “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงในเกวียนก็ไม่ค่อยมีอะไรอยู่แล้วนี่นาอองรีพูดด้วยน้ำเสียงปกติ

            “แต่ดาบผ่ามิติอยู่ในเกวียนนะดันเต้พูดด้วยน้ำเสียงเสียดายสุดๆ

            “งั้นก็คงไม่ได้คืนแล้วล่ะนิโคไลท์พูดพร้อมเอามือตบไหล่ดันเต้เป็นเชิงปลอบ

            “ช่ายๆๆ เพราะสำหรับที่นี่เค้าไม่ให้ฟ้องร้องกันหรอกเรื่องของหายอ่ะมิทอสพูดเพราะมันก็ศึกษาเรื่องนี้มาดีพอสมควร

            เนื่องด้วยเหตุนั้นทำให้ดันเต้ต้องยินยอมตัดใจและเดินคอตกตามเพื่อนไป

            “มาทำอะไรที่นี่เสียงของคนประทับตราผ่านด่านพูดขึ้น แต่ยังก้มหน้าอ่านหนังสือเดินทางของทุกคนอยู่

            “มาเยื่ยมเพื่อนนิโคไลท์พูดตามที่ได้เตี้ยมกันเอาไว้

            “เป็นเพื่อนกันเหรอ

            “ใช่นิโคไลท์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

            “อนุญาติให้ผ่านได้เสียงประทับตราบนนั้งสือเดินทางของทุกคนดังขึ้น ซึ่งแสดงว่าพวกเค้าสามารถเดินทางที่นี่ได้ทุกที่แล้ว

            “ไม่ยักกะเข้มงวดอย่างที่คิดไว้แฮะมิทอสพูดเมื่อเดินออกมาจากที่ทำการแล้ว

            “ก็เพราะที่นี่น่ะไม่ค่อยมีใครอยากมานักหรอกอองรีพูดพร้อมทั้งเก็บหนังสือเดินทางเข้าไปในกระเป๋า

            “พี่นิโคไลท์แล้วไหนล่ะพาหนะของพวกเรามิทอสพูดพร้อมทั้งหันไปมองรอบๆ

            “นั่นไงนิโคไลท์พูดพร้อมชี้ไปที่แมงป่องยักษ์สีดำ

            “ไม่ต้องห่วงหรอกมันไม่มีพิษนิโคไลท์พูดเมื่อเห็นหน้าซีดๆของมิทอส

            นิโคไลท์เดินขึ้นไปบนตัวของสกอร์เปี้ยนเป็นคนแรก และยื่นมือออกมาให้มิทอส แต่อองรีอุ้มมิทอสขึ้นมานั่งบนสกอร์เปี้ยนก่อนที่ เด็กหนุ่มจะยื่นมือไปรับไมตรีของนิโคไลท์ เจ้าของมือที่น่าแตกเมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ชักมือกลับ ส่วนดันเต้ก็พยายามกลั้นหัวเราะอยู่พรางคิดในใจว่า ได้เพื่อนเราคนนี้มันเสน่ห์แรงจริงๆเลแฮะ

            “คุณสมบัติของสกอร์เปี้ยนคือ มันสามารถมองเห็นทรายดูดได้ เพราะอย่างนั้นเราไม่ต้องกลัวเรื่องทรายดูด แต่ที่ต้องกลัวคือสภาพอากาศภายนอก เพราะเวลากลางวัลจะร้อนแทบคลั่ง แต่เวลากลางคืนก็จะหนาวจับใจด้วย มีคำถามมั้ยนิโคไลท์หันมาถามทุกคน ซึ่งทุกคนไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่สบัดหน้าไปมา

            “ดี งั้นก็เดินทางกันเลยนิโคไลท์พูด พร้อมดึงบังเหียนเพื่อบังคับให้สกอร์เปี้ยนเดินออกจากเมือง

            การเดินทางเป็นไปด้วยความราบรื่นเพราะพวกเค้าไม่ต้องมาคอยกังวลในเรื่องทรายดูด แต่ดูเหมือนอองรีจะกังวลบางเรื่องอยู่เล็กน้อย

            “เป็นอะไรไปวะอองรีมิทอสหันมาถามอองรีที่ทำหน้าตาคิดหนักอยู่

            “นี่มันฤดูใบไม้ผลิอองรีตอบ แต่มันดูไม่ค่อยเหมือนคำตอบซักเท่าไหร่ เหมือนกำลังพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า

            “เออ แล้วไงมิทอสพูดพร้อมหันไปมองไอ้คนตอบไม่ได้ศัพน์

            ยังไม่ทันที่ไอ้ตัวดีจะได้คำตอบอยู่ๆก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกับสกอร์เปี้ยนที่พวกเค้านั้งมา เพราะมันไม่ไปตามทางที่พวกเค้าต้องการ มันกลับเดินไปทางตรงกันข้าม

            “นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นเนี่ยมิทอสพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ เมื่อมองไปที่คนขับก็พบว่านิโคไลท์พยายามอย่างมากในการบังคับสกอร์เปี้ยนแต่ดูเหมือนว่าไม่เป็นผลอองรีมิทอสรีบหันไปหาอองรีเพราะคิดว่ายังไงมันก็คงรู้คำตอบแน่ๆ

                “อะไรนะมิทอสพูดด้วยน้ำเสียงถาม เพื่อต้องการคำยืนยันของผู้ให้คำตอบ ผู้ตอบไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้ายืนยันในคำตอบ

            “แกจะบ้าเหรอไงมิทอสหันไปพูดกับอองรีด้วยน้ำเสียง งงๆ แกจะบอกว่านี่เป็นฤดูผสมพันธ์ และได้สกอร์เปี้ยนยักษ์ตัวนี้กำลังเดินทางไปผสมพันธุ์เนี่ยนะถึงคำตอบจะดูบ้าๆ แต่ก็คงคิดได้แค่นั้นจริงๆ

            เป็นอย่างที่พูด เมื่อพาหนะของพวกเค้าไปจอดอยู่ตรงหน้าสกอร์เปี้ยนสาวสวย นิโคไลท์เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงสั่งให้ทุกคนรีบกระโดดออกจาก หลังสกอร์เปี้ยนทันที

            “พี่มันทำอะไรกันอยู่น่ะมิทอสหันไปถามนิโคไลท์แต่สายตายังมองไปที่สกอร์เปี้ยนทั้งสองตัวที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ ยังไม่ทันที่มิทอสจะได้คำตอบอยู่ดีๆสกอร์เปี้ยนตัวผู้ก็เริ่มขยับ มิทอสมองด้วยอาการตกใจในการกระทำของสกอร์เปี้ยนหนุ่ม

            “มันทำอะไรน่ะพี่มิทอสหันมาถามนิโคไลท์อีกครั้ง แต่ความเงียบคือคำตอบ ซึ่งหมายความว่าเค้าก็ไม่รู้

            “มันกำลังเต้นรำพี่โฟร์พูดพร้อมมองไปที่สกอร์เปี้ยนตัวผู้ ซึ่งตอนนี้มันทำท่าทางเหมือนเต้นรำจริงๆ โดยการขยับไปทางซ้ายที่ขวาที

            “ถ้าตัวเมียไม่ตอบรับ ต่อจากนี้พวกมันจะต่อสู้กันพี่โฟร์อธิบายต่อ

            เป็นจริงอย่างที่พูด เนื่องจากตกลงกันไม่ได้ ตัวผู้เลยเริ่มเอามือของมันเข้าประทะกับตัวเมีย เนื่องจากแรงประทะที่พวกเค้าไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ทำให้มิทอสกระเด็นลอยไป แต่ก็ไม่ไกลนัก

            “อูยเสียงครางของมิทอส พร้อมทั้งพยายามยืนขึ้น แต่ไม่สำเหร็จเพราะพื้นด้านล่างพยายามดึงตัวเค้าลงไปทรายดูดมิทอสตะโกนออกมาอย่างขวัญเสีย มือใหญ่ๆของอองรีคว้ามือของมิทอสไว้ได้ทัน แต่แรงของอองรีไม่อาจต้านแรงดึงของทรายดูดไว้ได้ ถึงแม้ว่าพวกเพื่อนๆของเค้าจะพยายามดึงทั้งคู่เอาไว้แต่ก็ทำให้พวกเค้าทั้งหมดจมลงหายไปในทราย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×