ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER7 : อีทีเรียส ตำนาน อองรีและคารินโฉมใหม่
CHAPTER7 : อีทีเรียส ตำนาน อองรีและคารินโฉมใหม่
        “มาดามครับ คุณกำลังรบกวนแขกของเราอยู่หรือเปล่าครับ”วีนัสเหลือบสายตาจากโคขึ้นมองชายร่างใหญ่ที่สีหน้าดูไม่เหมาะกับคำสภาพสักนิด ที่สำคัญเธอจำได้ว่าเค้าคือชายที่ยืนอยู่กับบอสของที่นี่
        วีนัสโบกมือเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจนักและหันหน้าทำท่าจะคุยกับโคต่อ
        “มาดามครับ”น้ำเสียงของชายคนนั้นฟังดูมีโทสะแต่ก็ไม่เท่ากิริยาท่าทางของชายคนนั้นเพราะเค้าเอื้อมมือจะสัมผัสไหล่บางของวีนัส
        วีนัสสะบัดหน้ามองพร้อมทั้งดึงลิ้นที่มันพูดจากวดโทสะของเธอมาได้ซักพักออกมาใกล้ๆใบหน้าเธอ ชายคนนั้นแสดงสีหน้าเจ็บปวดแต่วีนัสก็ไม่ได้สนใจในสีหน้านั้นแม้แต่เล็กน้อยเธอรู้สึกได้ว่ามีชายหลายคนเริ่มหันมาเพ่งมองเธอในแง่ร้าย วีนัสเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆหูของชายคนนั้นโดยที่มือยังจับลิ้นนั้นอยู่
        “ฉัน ต้อง การ สถาน ที่ ส่วน ตัว”วีนัสพูดทีละคำช้าๆชัดๆให้ชายคนนั้นได้ยิน ชายคนนั้นพยักหน้าเร็วๆทันทีที่เค้ายักหน้าเสร็จวีนัสก็ปล่อยลิ้นของเค้า
        “โค.. ตามฉันมาดีกว่า ฉันต้องการที่เงียบคุยกัน นายคงไม่อยากให้คนแถวนี้ต้องรับเคาะห์ไปด้วยใช่มั้ย”โคมองมือข้างขวาของวีนัสที่เกร็งจนเส้นเลือดขึ้นเล็บสีแดงงอกยาวออกมาเรื่อยๆ
        โคพยักหน้าเร็วๆด้วยความตกใจพร้อมทั้งเดินตามวีนัสออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
        วีนัสชายตามองชายคนที่เธอเกือบจะดึงลิ้นหลุดเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้ชายคนนั้นสะดุ้งโหยงก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างรีบเร่ง
        วีนัสเดินนำโคเข้ามาในซอยเล็กๆมืดสนิทและเงียบ วีนัสหยุดฝีเท้าลงพร้อมๆกับโค เธอหันหน้าประจันหน้ากับโค เค้าพยายามไม่แสดงสีหน้าหวาดหวั่นต่อหน้าวีนัส
        “เราคุยค้างกันถึงไหนแล้วนะ”
        โคเพ่งมองไปยังผู้ถาม แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
        “อ้อ ฉันต้องการสร้อยเส้นนั้น”วีนัสเหลือบสายตามองไปรอบๆมันทำให้โคนึกสงสัยกับท่าทางแปลกๆของเธอ “แต่ก่อนอื่น” วีนัสหยิบปืน ประจำตัวขึ้นมาไว้ที่ข้างตัว “เลิกหลบได้แล้ว”
        ชายหนุ่มร่างใหญ่ประมาณสี่ถึงห้าคนเดินออกมาจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังมันทำให้ซอยนี้ทั้งซอยดูคับแคบไปเลย ชายแต่ละคนถึงมีดหรือก็ไม้ยิ้มเยาะเดินมาทางวีนัส
        ชายสองคนพุ่งตรงมาทางวีนัสพร้อมทั้งมีดแหลมคมหมายจะเอาชีวิตเธอ วีนัสสะบัดมือเล็กน้อยก็เกิดคลื่นลมวิ่งวนตามมือเธอบิดมือของชายทั้งสองเป็นเกรียว
        อ๊ากกกก
        ชายทั้งสองร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด แต่ลมนั้นก็ไม่มีท่าทีจะหยุดลงแม้วีนัสจะวางมือลงแล้ว เธอล้วงมือเข้าไปในเสื้อควานหาอะไรบางอย่างและหยิบกล่องบุหรี่ออกมาทำท่าจะสูบมันแต่เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ก็หยุดมือเก็บมันเข้าไปในเสื้อเช่นเดิม
        ชายอีกสองคนทางด้านหลังมองหน้ากันและพุ่งตรงแต่ยังไม่ทันจะได้ถึงตัววีนัสเค้าก็หยุดฝีเท้าลงก้มมองร่างตัวเองที่ค่อยๆจะหลุดออกจากขา ล่วงลงสู่พื้น
        อ๊ากกก
        “หนวกหูจริง”วีนัสสบทออกมาอย่างหัวเสีย พร้อมทั้งยกมือที่ถือปืนขึ้นช้าๆ
        วีนัสหยิบบุหรี่ขึ้นมามองอีกครั้ง ทำสีหน้าครุ่นคิด แต่มือก็ยังคงลั่นไกออกมา กระสุนนัดแรกพุ่งตรงออกไปอย่างรอดเร็ว
        “หือ”วีนัสหันมามองเมื่อพบว่าเสียงร้อยยังไม่เงียบลงทั้งๆที่ลูกปืนควรจะเจาะหัวชายคนนั้นไปแล้วนี่นา
        โค ยืนอยู่ด้านหน้าร่างของชายพวกนั้น บาเรียสีขาวประกายแสงปรากฎขึ้นโอบร่างของพวกเค้าเอาไว้ กระสุนสีเงินลอยคว้างอยู่ด้านหน้าบาเรียนั้น วีนัสเอียงคอมองเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรวิธีของกระสุนก็เปลี่ยนไปกระสุนหันมาทางเธอแทน
        กระสุนพุ่งตรงเข้าสู่ผู้ที่ยิงมันออกมาอย่างรวดเร็วทันทีที่ม่านบาเรียนั้นหายไป ทันทีที่กระสุนประทะกับวีนัส กระสุนก็ระเบิดออกแตกกระจายเป็นวงกว้างทำให้ตัวโคเองได้รับบาดเจ็บ และชายสี่คนที่เค้าพยายามปกป้องเอาไว้ถึงแก่ความตายเพราะละอองไฟที่พุ่งมาโดน
        วีนัสปาดเลือดที่ไหลออกมาจากศรีษะมาโดนตาออกพร้อมทั้งเพ่งมองฝุ่นควันด้านหน้า
        “อีเกิ้ลต้องด่าฉันแน่เลย”โคตกใจแทบช็อกกับภาพที่เห็น วีนัสยืนด้วยท่าสบายๆ เธอยกปืนมาอยู่ในระดับสายตาเพื่อให้พอดีกับกระสุน กระสุนเจาะอยู่ที่ด้าม ตรงฐานของปืนเธอ กระสุนค้างอยู่อย่างนั้นซักพักก็ร่วงหล่นสู่พื้นโดยที่ปืนไม่มีแม้รอยขีดข่วน
        “ดูเหมือนความพยายามของนายจะไร้ค่านะ”วีนัสยิ้มเหี้ยมเกรียออกมา
        โคทรุดตัวลงนั้งคุกเข่า เค้าพอจะรู้ว่าวีนัสเก่งกว่าเค้าแต่ไม่คิดว่าจะห่างกันมากขนาดนี้ ขนาดปืนที่อันตรายที่สุดเธอยังหยุดได้โดยใช้ด้ามปืน
        โคดึงสร้อยเงินโยนให้วีนัสแต่โดยดีและหลับตาก้มหน้า พร้อมรับความตายที่วีนัสจะหยิบยื่นให้ จะบอกว่าไม่กลัวคงจะเป็นการโกหก แต่อย่างน้อยก็อยากจะตายอย่างเท่ๆ
        ทำไมนานจัง คั่นไกก็น่าจะจบแล้วนี่นา ห้วงคิดของโคผุดขึ้นมาเมื่อพบว่าทุกอย่างเงียบนานเกินไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ที่เค้าเจอมา วีนัส กำลังคุยโทรศัพน์โดยที่ไม่สนใจเค้าเลยแม้แต่น้อย
        “อืม ๆๆ โอเค ได้ๆๆ”วีนัสวางโทรศัพน์ลง หันไปมองโคอย่างฉงนกับท่าทาง สงสัยของโคและการที่เค้านั่งคุกเข่าอยู่
        วีนัสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “คุกเข่าทำไม”วีนัสเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
        “อ้าว แล้วไม่ได้จะฆ่าฉันเหรอ”
        วีนัสส่ายหน้าเบาๆอย่างเอือมระอา “ฉันบอกนายตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะฆ่านาย ที่สำคัญฉันก็โทรไปปรึกษากับอีเกิ้ลมาเค้าบอกว่าถ้านายเป็นพวก อีทีเรียสเหมือนพวกเราก็ให้พาไปพบเค้า”วีนัสลูบสร้อยเงินสัญลักษณ์ตัว R สองตัวไคว้กันเล็กน้อย พร้อมกลับหลังหันเดินออกไป “ตามมา”
        โคสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเรียกของวีนัสแต่เค้าก็เดินตามวีนัสไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
        >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
        “อ่ะ กาแฟ”อีเกิ้ลยื่นกาแฟดำให้โค เค้ารับมันอย่างว่าง่ายและวางมันลง
        “คือว่า..”อีเกิ้ลหันมามองโคด้วยสายตาสงสัยกับคำพูดของโค “อีทีเรียสคืออะไรเหรอครับ”โคถามขึ้นเพราะว่าจากที่วีนัสพูดมันฟังดูเหมือนจะเกี่ยวกับเค้า
        “เป็นคำถามที่ดี”อีเกิ้ลทิ้งตัวลงนั่งพรางกวักมือเรียกวาคิวลี่ให้มานั่งข้างๆโค “มานั่งด้วยกันจะได้บอกทีเดียวให้จบๆ”
        วีนัสชายตามองอีเกิ้ลเล็กน้อยจากการ์ตูนเรื่องโปรดที่วาคิวลี่อัดใส่ซีดีไว้ตามคำสั่งของเธอ แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเธอก็หันกลับไปมองโทรทัศน์ต่อ
        “อีทีเรียสคือ พวกลูกครึ่งที่มีพลังเหนือธรรมชาติ คนสมัยนี้เรียกอีกอย่างก็คือแม่มด แต่จะแตกต่างกันตรงที่พวกแม่มดนับถือจอมปีศาจอองรี ต่อต้านลูกสาวจอมเทพคาริน พวกเธอคงได้ยินมามากแล้วเกี่ยวกับตำนานของสองคนนี้ อองรีปีศาจร้ายล่อลวงลูกสาวของจอมเทพให้ตกหลุมรักหมายจะปกครองอำนาจทั้งสามขั้ว แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคาริน ผู้หญิงที่รวมประเทศสีดำจนกลายเป็นตำนานจอมราชันต์”อีเกิ้ลหยุดคำพูดลงเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่าตนเองนอกเรื่องมาแล้ว “วาคิวลี่เธอมีพลังของสัตว์หลายประเภท สายตาคมกริดเหมือนเหยี่ยว ว่องไวเหมือนแมวป่า แต่อ่อนโยนและซื่อสัตว์เหมือนสุนัข” อีเกิ้ลยิ้มออกมาเล็กน้อย กับที่ทีน้อยอกน้อยใจของวาคิวลี่กับคำพูดสุดท้ายของเค้า “โค จากที่ฉันตรวจดู นายไม่ได้สร้างบาเรียแต่สร้างอานาเขต ในอาณาเขตของนาย นายสร้างเงื่อนไขและทุกอย่างที่ผ่านเข้าไปจะต้องทำตาม ฉันพูดถูกมั้ย”อีเกิ้ลยกกาแฟดำของโคขึ้นดื่มก่อนที่มันจะเย็นซะก่อน
   
        “คุณรู้ได้ยังไงครับ”โคโพร่งออกมาอย่างเหลือเชื่อ
        “ประสบการณ์”อีเกิ้ลพูดขึ้นพร้อมทั้งดื่มกาแฟต่อ
        “แต่ดูเหมือนอีเกิ้ลอายุไม่ได้ห่างจากพวกเราซักเท่าไหร่เลยนะครับ”
        “ฮึ”ทั้งสามหันไปมองผู้ที่นั่งดูการ์ตูนอยู่ แต่กลับส่งเสียงหัวเราะผสมแดกดันออกมา
        “เอาเป็นว่าฉันรู้ก็แล้วกัน และฉันก็รู้อีกอย่าง นายคงไม่ชอบกาแฟดำสินะ”อีเกิ้ลหยิบแก้วเปล่าเดินเข้าไปในครัว โดยไม่สนใจท่าทีสุดทึ่งของลูกศิษย์ และชายผู้พึ่งรู้ต้วว่าตัวเองเป็นอีทีเรียส
        >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
       
        วันนี้วีนัสตาขวากระตุกทั้งวันปกติเธอไม่เคยเชื่อเรื่องนี้ซักเท่าไหร่หรอก แต่ว่ามันกระตุกมากจนเกินปกติ วีนัสจึงตัดสินใจรีบปั่นงานที่ได้รับและรีบตรงกลับบ้านทันที เพราะเอกสารที่เธอได้ก็มีแต่เรื่องที่ต้องการให้เธอไปเป็นนักแสดงโฆษณาสินค้ายี่ห้อหนึ่งของบริษัทที่เธอทำอยู่ ซึ่งแน่นอนล่ะวีนัสรีบเซ็นปฎิเสธอย่างไม่ต้องคิด
        “จะกลับแล้วเหรอคะ”วีนัสพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับเลขาส่วนตัวของเธอ และเดินออกไปจากบริษัททันที
        รถคันดำเปิดประถุนของวีนัสจอดอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่าวีไอพี เธอไม่รอช้าหยิบกุญแจเสียบและเร่งเครื่องตรงออกจากบริษัท แต่ไอ้ตาขวากระตุกของเธอมันไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย
        วีนัสเคลื่อนรถเข้าไปในอู่รถรอบเดียวจบอย่างไม่ยากเย็นนัก
        “คุณวีนัสคะ”วีนัสหยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงของคุณนายไวโอเลตเรียกเอาไว้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปแสร้งยิ้มให้กับคุณนายไวโอเลต
        “มีอะไรเหรอคะ”
        “คือว่าบ้านดิฉันจับฉลากไปเที่ยวต่างประเทศได้สองที่น่ะค่ะ”
        “จริงเหรอคะ”วีนัสโพล่งออกมาอย่างตกใจ ไม่ต้องสงสัยมันคือการแสร้งทำ
        “เพราะฉะนั้นดิฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องน่ะค่ะ”วีนัสรู้สึกได้ว่าตาขวาของเธอมันกระตุกไม่หยุดทันทีที่ไวโอเลตพูดเรื่องที่เธอต้องการจะขอร้อง
        >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
        อีเกิ้ลก้มลงมองรองเท้าที่ถอดอย่างสะเปะสะปะของวีนัส เค้าหยิบมันขึ้นมามองเล็กน้อยก่อนจะเอาไปวางในห้องเก็บรองเท้าอย่างสงสัย
        “วันนี้ทำไมกลับเร็วจัง”อีเกิ้ลพูดขึ้นแต่สายตายังมองไปที่ห้องเก็บรองเท้า
        แอ๊  แอ๊ะ แอ๋
        “หือ วีนัสเธอพูดอะไรนะ”อีเกิ้ลหันไปมองตามเสียงร้อง แต่ก็ต้องตกใจเข่าแทบทรุดหลังชนกับกำแพงไถลครูดลงมากองกับพื้น
        “ฮ่า ๆ ๆ ๆ”อีเกิ้ลหัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่อยู่กับภาพที่เห็น วีนัสอุ้มเด็กทารกที่มือขวาและมือซ้ายถือตะกร้าลูกไม้สีชมพู สีหน้าแสดงออกมาให้เห็นว่าเบื่อหน่ายสุดขีดกับหน้าที่ที่โดนยัดเยียดโดยที่เธอไม่ต้องการ
        “มันเกิดอะไรกันขึ้นเนี่ย”อีเกิ้ลปาดน้ำตาที่ไหลออกมา เพราะหัวเราะสุดขีดออกเล็กน้อย
        วีนัสส่งสายตาอาฆาตรแค้นออกมามองไปทางบ้านของคุณนายไวโอเลตกับสามีของหล่อนที่กำลังกระวีกระวาดเก็บข้าวเก็บของอย่างสบายใจเฉิบ
        แง้ ๆ ๆ
        วีนัสก้มหน้ามองเด็กทารกในอ้อมกอดด้วยสีหน้าตกใจ เพราะเด็กตะโกนร้องเสียงดังแสบแก้วหู
        “เด็กคงกลัวเธอแหละ”อีเกิ้ลรีบประคองเด็กน้อยไว้อย่างเบามือ “ไปชงนมสิ” เค้าสั่งวีนัสพร้อมทั้งเดินไปตรงโซฟาเด็กมีท่าทีหยุดร้องแล้ว
        วีนัสมองไปยังอีเกิ้ลด้วยสายตาอาฆาตรหนักกว่าเดิมก่อนที่จะเดินกระแทกเท้าตรงเข้าไปในครัวเพื่อชงนมตามที่อีเกิ้ลสั่ง แต่ดูเหมือนเธอจะมีปัญหาอีกแล้ว ไอ้ชงนมเนี่ยมันชงยังไงกันล่ะ
        วีนัสหยิบกระป๋องนมขึ้นมาอ่านด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมทั้งกวาดมือไปรอบๆ หม้ออะรูมิเนี่ยมลอยตามมือเธอตรงไปที่เตาและไฟก็ลุกพรึบออกมาเอง
        “อืม.. .ต้มน้ำ แล้วก็ใส่ผงนม อืม..ใส่น้ำร้อนเหรอ ฮึ ความจริงมันก็ไม่เห็นจะยากซักกะหน่อย”วีนัสวางกล่องนมและเริ่มชงตามขั้นตอน เธอได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆกับเสียงหัวเราะของเด็กเล็ดลอดออกมาจากห้องนั่งเล่น
        “อ่ะ”วีนัสยื่นขวดนมให้อีเกิ้ลพร้อมทั้งทรุดนั่งลงข้างๆ
        อีเกิ้ลเพ่งมองไปที่ขวดนมในมือราวกับกำลังใช้ความคิด “ยื่นมือมา”เค้าหันไปพูดกับวีนัส เธอยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย อีเกิ้ลยิ้มให้วีนัสเล็กน้อยและหยดมันลงบนมือเธอ
        “ร้อน”วีนัสพูดขึ้นพร้อมทั้งลูบไปที่ต้นแขน
        “ใช่ ร้อน ร้อนอย่างนี้เด็กจะกินได้ยังไง ไปชงมาใหม่”อีเกิ้ลยื่นขวดนมคืนให้วีนัสโดยไม่สนใจท่าทีไม่สบอารมณ์ของเธอเลย วีนัสเดินปึงปังกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งและกลับมาในอีกครึ่งชั่วโมง
        “นี่นม 20องศาไม่ขาดไม่เกิน”วีนัสพูดอย่างมั่นอกมั่นใจในผลงานจนทำให้อีเกิ้ลแอบอมยิ้มออกมาเล็กน้อย
        “ทำได้ดีมาก สิ้นสุดภารกิจ”อีเกิ้ลป้อนนมให้เด็กน้อยกิน “เค้าชื่ออะไร”
        “นาธาน”วีนัสตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นักแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่เด็กน้อยในอ้อมกอดของอีเกิ้ล
                              ......................................................................................
        “มาดามครับ คุณกำลังรบกวนแขกของเราอยู่หรือเปล่าครับ”วีนัสเหลือบสายตาจากโคขึ้นมองชายร่างใหญ่ที่สีหน้าดูไม่เหมาะกับคำสภาพสักนิด ที่สำคัญเธอจำได้ว่าเค้าคือชายที่ยืนอยู่กับบอสของที่นี่
        วีนัสโบกมือเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจนักและหันหน้าทำท่าจะคุยกับโคต่อ
        “มาดามครับ”น้ำเสียงของชายคนนั้นฟังดูมีโทสะแต่ก็ไม่เท่ากิริยาท่าทางของชายคนนั้นเพราะเค้าเอื้อมมือจะสัมผัสไหล่บางของวีนัส
        วีนัสสะบัดหน้ามองพร้อมทั้งดึงลิ้นที่มันพูดจากวดโทสะของเธอมาได้ซักพักออกมาใกล้ๆใบหน้าเธอ ชายคนนั้นแสดงสีหน้าเจ็บปวดแต่วีนัสก็ไม่ได้สนใจในสีหน้านั้นแม้แต่เล็กน้อยเธอรู้สึกได้ว่ามีชายหลายคนเริ่มหันมาเพ่งมองเธอในแง่ร้าย วีนัสเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆหูของชายคนนั้นโดยที่มือยังจับลิ้นนั้นอยู่
        “ฉัน ต้อง การ สถาน ที่ ส่วน ตัว”วีนัสพูดทีละคำช้าๆชัดๆให้ชายคนนั้นได้ยิน ชายคนนั้นพยักหน้าเร็วๆทันทีที่เค้ายักหน้าเสร็จวีนัสก็ปล่อยลิ้นของเค้า
        “โค.. ตามฉันมาดีกว่า ฉันต้องการที่เงียบคุยกัน นายคงไม่อยากให้คนแถวนี้ต้องรับเคาะห์ไปด้วยใช่มั้ย”โคมองมือข้างขวาของวีนัสที่เกร็งจนเส้นเลือดขึ้นเล็บสีแดงงอกยาวออกมาเรื่อยๆ
        โคพยักหน้าเร็วๆด้วยความตกใจพร้อมทั้งเดินตามวีนัสออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
        วีนัสชายตามองชายคนที่เธอเกือบจะดึงลิ้นหลุดเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้ชายคนนั้นสะดุ้งโหยงก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างรีบเร่ง
        วีนัสเดินนำโคเข้ามาในซอยเล็กๆมืดสนิทและเงียบ วีนัสหยุดฝีเท้าลงพร้อมๆกับโค เธอหันหน้าประจันหน้ากับโค เค้าพยายามไม่แสดงสีหน้าหวาดหวั่นต่อหน้าวีนัส
        “เราคุยค้างกันถึงไหนแล้วนะ”
        โคเพ่งมองไปยังผู้ถาม แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
        “อ้อ ฉันต้องการสร้อยเส้นนั้น”วีนัสเหลือบสายตามองไปรอบๆมันทำให้โคนึกสงสัยกับท่าทางแปลกๆของเธอ “แต่ก่อนอื่น” วีนัสหยิบปืน ประจำตัวขึ้นมาไว้ที่ข้างตัว “เลิกหลบได้แล้ว”
        ชายหนุ่มร่างใหญ่ประมาณสี่ถึงห้าคนเดินออกมาจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังมันทำให้ซอยนี้ทั้งซอยดูคับแคบไปเลย ชายแต่ละคนถึงมีดหรือก็ไม้ยิ้มเยาะเดินมาทางวีนัส
        ชายสองคนพุ่งตรงมาทางวีนัสพร้อมทั้งมีดแหลมคมหมายจะเอาชีวิตเธอ วีนัสสะบัดมือเล็กน้อยก็เกิดคลื่นลมวิ่งวนตามมือเธอบิดมือของชายทั้งสองเป็นเกรียว
        อ๊ากกกก
        ชายทั้งสองร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด แต่ลมนั้นก็ไม่มีท่าทีจะหยุดลงแม้วีนัสจะวางมือลงแล้ว เธอล้วงมือเข้าไปในเสื้อควานหาอะไรบางอย่างและหยิบกล่องบุหรี่ออกมาทำท่าจะสูบมันแต่เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ก็หยุดมือเก็บมันเข้าไปในเสื้อเช่นเดิม
        ชายอีกสองคนทางด้านหลังมองหน้ากันและพุ่งตรงแต่ยังไม่ทันจะได้ถึงตัววีนัสเค้าก็หยุดฝีเท้าลงก้มมองร่างตัวเองที่ค่อยๆจะหลุดออกจากขา ล่วงลงสู่พื้น
        อ๊ากกก
        “หนวกหูจริง”วีนัสสบทออกมาอย่างหัวเสีย พร้อมทั้งยกมือที่ถือปืนขึ้นช้าๆ
        วีนัสหยิบบุหรี่ขึ้นมามองอีกครั้ง ทำสีหน้าครุ่นคิด แต่มือก็ยังคงลั่นไกออกมา กระสุนนัดแรกพุ่งตรงออกไปอย่างรอดเร็ว
        “หือ”วีนัสหันมามองเมื่อพบว่าเสียงร้อยยังไม่เงียบลงทั้งๆที่ลูกปืนควรจะเจาะหัวชายคนนั้นไปแล้วนี่นา
        โค ยืนอยู่ด้านหน้าร่างของชายพวกนั้น บาเรียสีขาวประกายแสงปรากฎขึ้นโอบร่างของพวกเค้าเอาไว้ กระสุนสีเงินลอยคว้างอยู่ด้านหน้าบาเรียนั้น วีนัสเอียงคอมองเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรวิธีของกระสุนก็เปลี่ยนไปกระสุนหันมาทางเธอแทน
        กระสุนพุ่งตรงเข้าสู่ผู้ที่ยิงมันออกมาอย่างรวดเร็วทันทีที่ม่านบาเรียนั้นหายไป ทันทีที่กระสุนประทะกับวีนัส กระสุนก็ระเบิดออกแตกกระจายเป็นวงกว้างทำให้ตัวโคเองได้รับบาดเจ็บ และชายสี่คนที่เค้าพยายามปกป้องเอาไว้ถึงแก่ความตายเพราะละอองไฟที่พุ่งมาโดน
        วีนัสปาดเลือดที่ไหลออกมาจากศรีษะมาโดนตาออกพร้อมทั้งเพ่งมองฝุ่นควันด้านหน้า
        “อีเกิ้ลต้องด่าฉันแน่เลย”โคตกใจแทบช็อกกับภาพที่เห็น วีนัสยืนด้วยท่าสบายๆ เธอยกปืนมาอยู่ในระดับสายตาเพื่อให้พอดีกับกระสุน กระสุนเจาะอยู่ที่ด้าม ตรงฐานของปืนเธอ กระสุนค้างอยู่อย่างนั้นซักพักก็ร่วงหล่นสู่พื้นโดยที่ปืนไม่มีแม้รอยขีดข่วน
        “ดูเหมือนความพยายามของนายจะไร้ค่านะ”วีนัสยิ้มเหี้ยมเกรียออกมา
        โคทรุดตัวลงนั้งคุกเข่า เค้าพอจะรู้ว่าวีนัสเก่งกว่าเค้าแต่ไม่คิดว่าจะห่างกันมากขนาดนี้ ขนาดปืนที่อันตรายที่สุดเธอยังหยุดได้โดยใช้ด้ามปืน
        โคดึงสร้อยเงินโยนให้วีนัสแต่โดยดีและหลับตาก้มหน้า พร้อมรับความตายที่วีนัสจะหยิบยื่นให้ จะบอกว่าไม่กลัวคงจะเป็นการโกหก แต่อย่างน้อยก็อยากจะตายอย่างเท่ๆ
        ทำไมนานจัง คั่นไกก็น่าจะจบแล้วนี่นา ห้วงคิดของโคผุดขึ้นมาเมื่อพบว่าทุกอย่างเงียบนานเกินไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ที่เค้าเจอมา วีนัส กำลังคุยโทรศัพน์โดยที่ไม่สนใจเค้าเลยแม้แต่น้อย
        “อืม ๆๆ โอเค ได้ๆๆ”วีนัสวางโทรศัพน์ลง หันไปมองโคอย่างฉงนกับท่าทาง สงสัยของโคและการที่เค้านั่งคุกเข่าอยู่
        วีนัสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “คุกเข่าทำไม”วีนัสเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
        “อ้าว แล้วไม่ได้จะฆ่าฉันเหรอ”
        วีนัสส่ายหน้าเบาๆอย่างเอือมระอา “ฉันบอกนายตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะฆ่านาย ที่สำคัญฉันก็โทรไปปรึกษากับอีเกิ้ลมาเค้าบอกว่าถ้านายเป็นพวก อีทีเรียสเหมือนพวกเราก็ให้พาไปพบเค้า”วีนัสลูบสร้อยเงินสัญลักษณ์ตัว R สองตัวไคว้กันเล็กน้อย พร้อมกลับหลังหันเดินออกไป “ตามมา”
        โคสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเรียกของวีนัสแต่เค้าก็เดินตามวีนัสไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
        >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
        “อ่ะ กาแฟ”อีเกิ้ลยื่นกาแฟดำให้โค เค้ารับมันอย่างว่าง่ายและวางมันลง
        “คือว่า..”อีเกิ้ลหันมามองโคด้วยสายตาสงสัยกับคำพูดของโค “อีทีเรียสคืออะไรเหรอครับ”โคถามขึ้นเพราะว่าจากที่วีนัสพูดมันฟังดูเหมือนจะเกี่ยวกับเค้า
        “เป็นคำถามที่ดี”อีเกิ้ลทิ้งตัวลงนั่งพรางกวักมือเรียกวาคิวลี่ให้มานั่งข้างๆโค “มานั่งด้วยกันจะได้บอกทีเดียวให้จบๆ”
        วีนัสชายตามองอีเกิ้ลเล็กน้อยจากการ์ตูนเรื่องโปรดที่วาคิวลี่อัดใส่ซีดีไว้ตามคำสั่งของเธอ แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเธอก็หันกลับไปมองโทรทัศน์ต่อ
        “อีทีเรียสคือ พวกลูกครึ่งที่มีพลังเหนือธรรมชาติ คนสมัยนี้เรียกอีกอย่างก็คือแม่มด แต่จะแตกต่างกันตรงที่พวกแม่มดนับถือจอมปีศาจอองรี ต่อต้านลูกสาวจอมเทพคาริน พวกเธอคงได้ยินมามากแล้วเกี่ยวกับตำนานของสองคนนี้ อองรีปีศาจร้ายล่อลวงลูกสาวของจอมเทพให้ตกหลุมรักหมายจะปกครองอำนาจทั้งสามขั้ว แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคาริน ผู้หญิงที่รวมประเทศสีดำจนกลายเป็นตำนานจอมราชันต์”อีเกิ้ลหยุดคำพูดลงเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่าตนเองนอกเรื่องมาแล้ว “วาคิวลี่เธอมีพลังของสัตว์หลายประเภท สายตาคมกริดเหมือนเหยี่ยว ว่องไวเหมือนแมวป่า แต่อ่อนโยนและซื่อสัตว์เหมือนสุนัข” อีเกิ้ลยิ้มออกมาเล็กน้อย กับที่ทีน้อยอกน้อยใจของวาคิวลี่กับคำพูดสุดท้ายของเค้า “โค จากที่ฉันตรวจดู นายไม่ได้สร้างบาเรียแต่สร้างอานาเขต ในอาณาเขตของนาย นายสร้างเงื่อนไขและทุกอย่างที่ผ่านเข้าไปจะต้องทำตาม ฉันพูดถูกมั้ย”อีเกิ้ลยกกาแฟดำของโคขึ้นดื่มก่อนที่มันจะเย็นซะก่อน
   
        “คุณรู้ได้ยังไงครับ”โคโพร่งออกมาอย่างเหลือเชื่อ
        “ประสบการณ์”อีเกิ้ลพูดขึ้นพร้อมทั้งดื่มกาแฟต่อ
        “แต่ดูเหมือนอีเกิ้ลอายุไม่ได้ห่างจากพวกเราซักเท่าไหร่เลยนะครับ”
        “ฮึ”ทั้งสามหันไปมองผู้ที่นั่งดูการ์ตูนอยู่ แต่กลับส่งเสียงหัวเราะผสมแดกดันออกมา
        “เอาเป็นว่าฉันรู้ก็แล้วกัน และฉันก็รู้อีกอย่าง นายคงไม่ชอบกาแฟดำสินะ”อีเกิ้ลหยิบแก้วเปล่าเดินเข้าไปในครัว โดยไม่สนใจท่าทีสุดทึ่งของลูกศิษย์ และชายผู้พึ่งรู้ต้วว่าตัวเองเป็นอีทีเรียส
        >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
       
        วันนี้วีนัสตาขวากระตุกทั้งวันปกติเธอไม่เคยเชื่อเรื่องนี้ซักเท่าไหร่หรอก แต่ว่ามันกระตุกมากจนเกินปกติ วีนัสจึงตัดสินใจรีบปั่นงานที่ได้รับและรีบตรงกลับบ้านทันที เพราะเอกสารที่เธอได้ก็มีแต่เรื่องที่ต้องการให้เธอไปเป็นนักแสดงโฆษณาสินค้ายี่ห้อหนึ่งของบริษัทที่เธอทำอยู่ ซึ่งแน่นอนล่ะวีนัสรีบเซ็นปฎิเสธอย่างไม่ต้องคิด
        “จะกลับแล้วเหรอคะ”วีนัสพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับเลขาส่วนตัวของเธอ และเดินออกไปจากบริษัททันที
        รถคันดำเปิดประถุนของวีนัสจอดอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่าวีไอพี เธอไม่รอช้าหยิบกุญแจเสียบและเร่งเครื่องตรงออกจากบริษัท แต่ไอ้ตาขวากระตุกของเธอมันไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย
        วีนัสเคลื่อนรถเข้าไปในอู่รถรอบเดียวจบอย่างไม่ยากเย็นนัก
        “คุณวีนัสคะ”วีนัสหยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงของคุณนายไวโอเลตเรียกเอาไว้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปแสร้งยิ้มให้กับคุณนายไวโอเลต
        “มีอะไรเหรอคะ”
        “คือว่าบ้านดิฉันจับฉลากไปเที่ยวต่างประเทศได้สองที่น่ะค่ะ”
        “จริงเหรอคะ”วีนัสโพล่งออกมาอย่างตกใจ ไม่ต้องสงสัยมันคือการแสร้งทำ
        “เพราะฉะนั้นดิฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องน่ะค่ะ”วีนัสรู้สึกได้ว่าตาขวาของเธอมันกระตุกไม่หยุดทันทีที่ไวโอเลตพูดเรื่องที่เธอต้องการจะขอร้อง
        >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
        อีเกิ้ลก้มลงมองรองเท้าที่ถอดอย่างสะเปะสะปะของวีนัส เค้าหยิบมันขึ้นมามองเล็กน้อยก่อนจะเอาไปวางในห้องเก็บรองเท้าอย่างสงสัย
        “วันนี้ทำไมกลับเร็วจัง”อีเกิ้ลพูดขึ้นแต่สายตายังมองไปที่ห้องเก็บรองเท้า
        แอ๊  แอ๊ะ แอ๋
        “หือ วีนัสเธอพูดอะไรนะ”อีเกิ้ลหันไปมองตามเสียงร้อง แต่ก็ต้องตกใจเข่าแทบทรุดหลังชนกับกำแพงไถลครูดลงมากองกับพื้น
        “ฮ่า ๆ ๆ ๆ”อีเกิ้ลหัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่อยู่กับภาพที่เห็น วีนัสอุ้มเด็กทารกที่มือขวาและมือซ้ายถือตะกร้าลูกไม้สีชมพู สีหน้าแสดงออกมาให้เห็นว่าเบื่อหน่ายสุดขีดกับหน้าที่ที่โดนยัดเยียดโดยที่เธอไม่ต้องการ
        “มันเกิดอะไรกันขึ้นเนี่ย”อีเกิ้ลปาดน้ำตาที่ไหลออกมา เพราะหัวเราะสุดขีดออกเล็กน้อย
        วีนัสส่งสายตาอาฆาตรแค้นออกมามองไปทางบ้านของคุณนายไวโอเลตกับสามีของหล่อนที่กำลังกระวีกระวาดเก็บข้าวเก็บของอย่างสบายใจเฉิบ
        แง้ ๆ ๆ
        วีนัสก้มหน้ามองเด็กทารกในอ้อมกอดด้วยสีหน้าตกใจ เพราะเด็กตะโกนร้องเสียงดังแสบแก้วหู
        “เด็กคงกลัวเธอแหละ”อีเกิ้ลรีบประคองเด็กน้อยไว้อย่างเบามือ “ไปชงนมสิ” เค้าสั่งวีนัสพร้อมทั้งเดินไปตรงโซฟาเด็กมีท่าทีหยุดร้องแล้ว
        วีนัสมองไปยังอีเกิ้ลด้วยสายตาอาฆาตรหนักกว่าเดิมก่อนที่จะเดินกระแทกเท้าตรงเข้าไปในครัวเพื่อชงนมตามที่อีเกิ้ลสั่ง แต่ดูเหมือนเธอจะมีปัญหาอีกแล้ว ไอ้ชงนมเนี่ยมันชงยังไงกันล่ะ
        วีนัสหยิบกระป๋องนมขึ้นมาอ่านด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมทั้งกวาดมือไปรอบๆ หม้ออะรูมิเนี่ยมลอยตามมือเธอตรงไปที่เตาและไฟก็ลุกพรึบออกมาเอง
        “อืม.. .ต้มน้ำ แล้วก็ใส่ผงนม อืม..ใส่น้ำร้อนเหรอ ฮึ ความจริงมันก็ไม่เห็นจะยากซักกะหน่อย”วีนัสวางกล่องนมและเริ่มชงตามขั้นตอน เธอได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆกับเสียงหัวเราะของเด็กเล็ดลอดออกมาจากห้องนั่งเล่น
        “อ่ะ”วีนัสยื่นขวดนมให้อีเกิ้ลพร้อมทั้งทรุดนั่งลงข้างๆ
        อีเกิ้ลเพ่งมองไปที่ขวดนมในมือราวกับกำลังใช้ความคิด “ยื่นมือมา”เค้าหันไปพูดกับวีนัส เธอยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย อีเกิ้ลยิ้มให้วีนัสเล็กน้อยและหยดมันลงบนมือเธอ
        “ร้อน”วีนัสพูดขึ้นพร้อมทั้งลูบไปที่ต้นแขน
        “ใช่ ร้อน ร้อนอย่างนี้เด็กจะกินได้ยังไง ไปชงมาใหม่”อีเกิ้ลยื่นขวดนมคืนให้วีนัสโดยไม่สนใจท่าทีไม่สบอารมณ์ของเธอเลย วีนัสเดินปึงปังกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งและกลับมาในอีกครึ่งชั่วโมง
        “นี่นม 20องศาไม่ขาดไม่เกิน”วีนัสพูดอย่างมั่นอกมั่นใจในผลงานจนทำให้อีเกิ้ลแอบอมยิ้มออกมาเล็กน้อย
        “ทำได้ดีมาก สิ้นสุดภารกิจ”อีเกิ้ลป้อนนมให้เด็กน้อยกิน “เค้าชื่ออะไร”
        “นาธาน”วีนัสตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นักแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่เด็กน้อยในอ้อมกอดของอีเกิ้ล
                              ......................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น