ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    creative การกลับมาของความรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER5 : หน้ากากหลังเงามืด

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 48


    CHAPTER6 : หน้ากากหลังเงามืด



            เสียงแซงแซ่ของคนหลายคนที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยจะได้ศัพท์ ดังอื้ออึงไปทั่งทั้งร้าน วีนัสเลือกที่จะนั่งอยู่มุมสุดด้านในซึ่งปราศจากเสียงรบกวนหรือน้อยที่สุด พรางเพ่งมองออกไปด้านนอกผ่านหน้าต่างอย่างเหม่อลอย เธอก้มดูนาฬิกาเล็กน้อยและพบว่ายังเหลือเวลาอีกมากสำหรับการพักผ่อน



            กี่ปีแล้วนะที่ทำงานนี้ ไม่สิถ้าจะเริ่มกันจริงๆฉันอายุเท่าไหร่กันแน่ เพราะตัวเองก็แทบจะจำช่วงเวลาก่อนจะมาทำงานนี้ไม่ได้เลย จะมีก็แต่สิ่งที่บอสเคยบอกว่าพบวีนัสที่บ้านหลังหนึ่งใจกลางเมืองในสภาพเนื้อตัวมอมแมม ในมือถือแผ่นดิกส์เปล่าแผ่นเดียว นัยตาเหม่อลอย สูญเสียความทรงจำไปหมดแล้ว แม้แต่ชื่อยังจำไม่ได้… และอีเกิ้ลผู้ชายคนแรกที่เธอรู้จักตั้งแต่จำความได้ จำได้ว่าตอนเธอมาที่นี่อีเกิ้ลก็มีใบหน้าราวอายุ 15 เหมือนตอนนี้ ไม่รู้ว่าอายุจริงๆของเค้าเท่าไหร่กันแน่ อีเกิ้ลเคยบอกว่าวีนัสเลิกยิ้มไปตั้งแต่ฆ่าเหยื่อคนแรกไป แต่มันนานแค่ไหนแล้วล่ะ อย่าว่าแต่ความทรงจำสมัยก่อนเลย ความทรงจำเมื่อไม่นานมานี่เธอก็แทบจะลืมไปหมดแล้ว



            วีนัสค่อยๆเลื่อนมือไปหยิบแก้วเบียร์ที่ดูไม่ค่อยสะอาดซักเท่าไหร่ขึ้นมาจิบเล็กน้อย พรางก้มลงดูนาฬิกาอีกครั้ง วีนัสขมวดคิ้วเล็กน้อยกับเวลาที่ล่วงเลยมานานมากจนเกินไป



            “ขอโทษที รอนานมั้ย”เสียงทุ้มเค้มของชายในชุดดำคลุมด้วยเสื้อกั๊กสีน้ำตาลอ่อนพูดขึ้น



            วีนัสเข้าใจดีว่าเพราะอะไรอีเกิ้ลถึงมาสาย ปกติเค้าจะเป็นคนตรงเวลาเสมอจะมีก็เพียงวันนี้เท่านั้น เหมือนเค้าจะไปที่ไหนซักแห่งในทุกๆปี วีนัสเคยแอบตามอีเกิ้ลไปหลายครั้งแต่ก็ต้องพบกับความล้มเหลว เธอรู้เสมอว่าอิเกิ้ลเก่งกว่าเธอมากแต่ยังไงก็ยังอยากรู้อยู่ดีกว่าเค้าไปที่ไหน



            “ไม่เป็นไร”วันัสลุกขึ้นพร้อมทั้งวางแบงค์สีสีเทาไว้บนโต๊ะโดยที่ไม่รอตังทอน “งานเป็นยังไงบ้าง”อิเกิ้ลเปิดบทสนทนาทันทีที่เดินออกมาจากร้าน



            “ก็ดี”คำตอบสั้นๆของคนพูดน้อย “แล้วนายล่ะ”



            “ง่ายกว่างานที่แล้วเยอะ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร”



            “เหรอ”



            วีนัสหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้หลังเล็กสีน้ำตาลที่ดูเก่าและซอมซ่อกลมกลืนไปกับซอยแห่งนี้ ยิ่งเวลากลางคืนมันยิ่งไม่น่าดูเท่าไหร่



            อิเกิ้ลเดินนำออกไปก่อน เค้าหยิบกุญแจสีเงินออกมาไขประตูนั้นและเปิดเข้าไป ภายในบ้านถูกตบแต่งอย่างเรียบๆ ของบางชิ้นแทบจะไม่เคยมีใครสัมผัส แต่ก็ไม่มีฝุ่นเกาะเพราะเจ้าของบ้านมักทำความสะอาดอยู่เสมอ



            “จะอาบน้ำหรือว่ากินข้าวก่อน”อีเกิ้ลหันไปถามวีนัสที่ค่อยๆถอดชุดคลุมสีดำออก



            “อาบน้ำ”วีนัสตอบพร้อมทั้งทำท่าจะเดินขึ้นไปชั้นบน



            “งั้นเดี๋ยวฉันทำกับข้าวให้ก็แล้วกัน”อีเกิ้ลเดินฮัมเพลงเข้าไปในครัวอย่างสบายอกสบายใจ



            ซ่า ซ่า ซ่า



            วีนัสหรี่ส่ายตาเพ่งมองไปยังห้องน้ำที่ดูเหมือนจะมีคนใช้อยู่ก่อนเธอแต่ในเมื่อบ้านหลังนี้มีแค่เธอกับอีเกิ้ลที่อยู่ชั้นล่างแล้วใครกันล่ะที่อยู่ในห้องน้ำ หรือว่าป้าหลงข้างบ้าน หลงทางเข้าบ้านผิด แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะต่อให้หลงแค่ไหนคงไม่มีทางใส่สายเดี่ยวสีชมพูสำหรับวัยรุ่นแน่นอน แต่ถ้าเป็นโจรมันก็กล้าหาญมากทีเดียว



            วีนัสค่อยๆคว้าปืนเก็บเสียงในเบาะไต้เตียงช้าๆ สายตายังเพ่งมองไปยังห้องน้ำแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆออกมาจากห้องน้ำ



            เสียงผู้หญิงหรือว่าอีเกิ้ลจะพาผู้หญิงมานาน ไม่สิก็เมื่อวานมันไปทำงาน หรือว่า...



            วีนัสคว้าปืนเดินฉับๆออกจากห้องทันที และพุ่งตรงเข้าไปในห้องครัว



            “อ้าว อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ”อีเกิ้ลหันขวับไปด้านหลัง แต่ก็ต้องทำตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นวีนัสยกปืนเล็งมาที่เค้า



            ปัง



            ลูกปืนเฉียดแก้มอีเกิ้ลไปเล็กน้อยดีที่เค้ายังหลบทันไม่งั้นคงเจาะกะโหลกไปเจอยมบาลแล้ว “แกเป็นบ้าอะไรอีกวะวีนัส”



            “แกโดดงาน ไปหิ้วผู้หญิงมานอนเหรอ” วีนัสไม่เปิดโอกาศหิอีเกิ้ลต่อปากต่อคำ คว้าปืนอีกกระบอกยิงไม่เลี้ยง



            “เธอ”อีเกิ้ลกระโดดไปหลบอยู่ด้านข้างตู้เย็น “จะบ้าเหรอไง” ทันทีที่พูดจบวีนัสก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของอีเกิ้ลแล้ว พร้อมปืนบอมขนาดเล็กแต่รุนแรงกว่าปืนธรรมดามาก



            ปัง



            อีเกิ้ลยกเท้ากระโดดทีบกำแพงทิ้งตัวออกไปด้านข้างหลบลูกกระสุน และหันไปมองสภาพของตู้เย็นที่มันยับยู่ยี่ไปแล้ว “รู้มั้ยว่าตู้เย็นนั้นเป็นของขวัญแต่งงานนะ”



            วีนัสชำเลืองมองสภาพของตู้เย็นเล็กน้อย “ไอ้อันที่เป็นของขวัญน่ะ ฉันทำพังไปตั้งนานแล้ว อันนี้อันใหม่”



            “เฮ๊ย ได้ยังไง ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย”



            “ก็ฉันไม่ได้บอกนี่นา”วีนัสสะบัดแขนเล็กน้อยเกินเป็นคลื่นลมสีเขียวหมายจะปาดคออีเกิ้ล



            อีเกิ้ลกระโดดตีลังกากลับหลัง ทำให้คลื่นลมนั้นพลาดเป้าไปโดนกำแพงด้านหลังทำให้มันแตกกระจายไปทั้งห้อง ทันทีที่ขาถึงพื้นเค้าก็กระโดดด้วยปรายเท้าขึ้นไปเดินไต่กับฝาผนังอ้อมไปล็อกคอวีนัสเอาไว้



            “ไม่เอาน่าวีนัส เก็บกวาดห้องนี่มันไม่ง่ายเลยนะ”



            วีนัสเหลือบมองอีเกิ้ลเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆลอยตัวขึ้นพร้อมๆกับอีเกิ้ลที่ไม่มีท่าทีตกใจซักเท่าไหร่



            “วีนัส ไม่เอาน่า เธอก็รู้ว่าท่านี้มันเจ็บทั้งคู่”



            วีนัสแสยะรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก่อนที่จะปล่อยทั้งร่างของพวกเค้าทั้งคู่ตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง



            “นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นคะ”เสียงใสๆที่ฟังดูคุ้นหูทำให้วีนัสหันไปมองตามเสียง



            “วาคิวลี่ เธอมาทำอะไรที่นี่”วีนัสถามด้วยน้ำเสียงสงสัย



            “อ้าว ก็คุณอิเกิ้ลบอกแล้วนี่คะว่า วาคิวลี่จะมาเป็นรูมเมทใหม่”



            >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



            วีนัสยกชาร้อนขึ้นดื่มเล็กน้อย เพ่งมองไปยังทีวีที่มีการ์ตูนของดิสนี่อยู่ โดยที่มีอิเกิ้ลเดินถือไม้เพื่อซ่อมกำแพง และไมโครเวฟใหม่กับของใช้ที่แตกไป เดินอยู่ด้านหลัง



            “คุณวีนัสคะ”วาคิวลี่ที่นั่งอยู่โซฟาเคียงข้างๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวั่นเกรง



            “หือ”วีนัสหันไปมองวาคิวลี่ด้วยท่าทีเย็นชา



            “จะไม่ช่วยหน่อยเหรอคะ”วาคิวลี่ชี้ไปที่อีเกิ้ลที่กำลังซ่อมกำแพงอยู่ด้วยอารมณ์รื่นเริง



            “ไม่จำเป็น”



            “ถ้าอย่างนั้นขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ”วันัสพยักหน้าเล็กน้อยแต่สายตายังเพ่งมองไปที่การ์ตูน



            “ทะเลาะกันขนาดนี้ไม่ต้องปลับความเข้าใจกันเหรอคะ”



            “ไม่จำเป็นหรอก เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเป็นกิจวัต ถือว่าเป็นการออกกำลังกาย”อิเกิ้ลหันมาตอบแทนวีนัสที่ไม่มีท่าทีอยากจะตอบซักเท่าไหร่ “อีกอย่างนะ พวกเราก็แต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น อาจจะมีบ้าง ที่มีเซ็กส์กันแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของความรักหรอก”อีเกิ้ลตอบยิ้มๆ



            “เหรอคะ” วาคิวลี่ก้มหน้าลงมองพื้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามอีเกิ้ล “แล้ววาคิวลี่ต้องมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรเหรอคะ”



            “น้องสาวของอีเกิ้ล”วีนัสตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อย่าไปชวนอีเกิ้ลคุย เดี๋ยวจะไม่เสร็จ”วีนัสหันไปโบกมือไล่ให้อีเกิ้ลทำงานต่อ



            “เหรอคะ”



            หลังจากจบบทสนทนาวีนักก็เดินผละออกไปทันที คาดว่าเธอคงไปอาบน้ำตามที่คิดไว้แต่แรก ทิ้งให้อีเกิ้ลและวาคิวลี่อยู่ในห้องด้วยกันสองคน



            “คุณอีเกิ้ลคะ ทำไมทีมพวกคุณถึงมีกันสองคนคะ”



            “จะเรียกว่าทีมก็ไม่ได้หรอกนะ เพราะพวกเราก็ไม่เคยทำงานร่วมกันแต่ที่มาอยู่ด้วยกันก็เพื่อบังหน้าเท่านั้นเอง ส่วนเหตุผลที่วีนัสทำงานกับใครเค้าไม่ค่อยได้ก็เป็นเพราะนิสัยโผงผางของเธอนั้นแหละทำให้คู่หูตายไปหลายคนแล้ว จะมีก็แต่ฉันที่เป็นคนฝึกเธอมาเท่านั้นแหละที่อยู่กับวีนัสได้”อิเกิ้ลหันไปยิ้มให้วาคิวลี่เล็กน้อย “ส่วนเธอก็ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าไม่ทำให้เค้าโกรธเค้าก็จะไม่ทำร้ายเธอหรอก อีกอย่างฉันมีหน้าที่ต้องดูแลเธอเหมือนที่ดูแลวีนัสหรือเรียกอีกอย่างก็คือครูผึก ฉันยังไม่ยอมให้เธอตายหรอก”



            วาคิวลี่ก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาด้วยใบหน้าแดงๆ “งั้นขอถามอีกคำถามได้มั้ยคะ”



            “ได้สิ”อีเกิ้ลพูดโดยที่ไม่หันไปมองใบหน้าแดงๆของวาคิวลี่



            “คุณอีเกิ้ลความจริงอายุเท่าไหร่เหรอคะ”



            ปัง



            เสียงของค้อนในมือของอีเกิ้ลตกกระทบพื้นเสียงดังทำให้วาคิวลี่สะดุ้งโหยงสุดตัว



            “ขอโทษนะคะ ไม่คิดว่าคุณจะโกรธ ก็เห็นคุณอีเกิ้ลบอกว่าเคยฝึกวีนัสมาแต่ดูคุณอีเกิ้ลไม่ค่อยแก่เลยน่ะค่ะ”



            “แย่แล้ว”อีเกิ้ลตะคอกสุดเสียงทำให้วาคิวลี่ขวัญเสียหนักเข้าไปอีก “ฉันลืมขนมพายไว้ในเวฟ” อิเกิ้ลรีบวิ่งออกไปทันทีที่พูดจบ



            “เฮ้อออ”วาคิวลี่ถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างสบายใจ พรางนึกในใจว่าคุณอีเกิ้ลจะโกรธแล้วซะอีก “แต่ก็ไม่รู้อายุอยู่ดีแหละ”



            “ฉันรู้จักอีเกิ้ลมาสิบปี”วีนัสเดินลงมาบนคอมีผ้าสีส้มอ่อนพาดอยู่ ผมสีแดงลู่ลงมาเพราะความชื้นแต่ก็แค่หมาดๆเท่านั้น “ไม่เคยรู้วันเกิด ชื่อจริง น้ำหนักหรือส่วนสูงของเค้าเลย เธออย่าหวังดีกว่าว่าจะได้รู้อะไร และ”วีนัสทรุดตัวลงบนโต๊ะกินข้าวไกล้ๆกับโซฟาที่วาคิวลี่นั่ง “อีเกิ้ลรู้ทุกอย่างในตัวเธอ”



            “พายมาแล้ว”อีเกิ้ลยยกพายสีน้ำตาลสวยและหอมหวานวางลงบนโต๊ะ



            วีนัสก้มลงมองพายเล็กน้อย “ฉันจะกินข้าว”



            อิเกิ้ลขมวดคิ้วเล็กน้อยมองวีนัส วีนัสก็เพ่งมองอีเกิ้ลด้วยสายตาเย็นชาเช่นกัน



            “นี่ก็เช้าแล้ว พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันก่อนมั้ยคะ แล้วค่อยกลับมากินพาย”วาคิวลี่พูดขึ้นก่อนที่จะเกิดสงครามย่อยๆและทำให้บ้านพังขึ้นอีก



            อีเกิ้ลและวีนัสลุกขึ้นเดินออกไปเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของตัวเอง และเดินมาจ่อหน้าประตูบ้าน ทั้งคู่สร้างความฉงนให้กับวาคิวลี่มาก ที่ทั้งคู่ไม่ยอมออกไป และการแต่งตัวที่ดูผิดไปจากเดิมมาก



            วีนัสสวมหมวกฟูฟ่องสีดำเอียงเล็กน้อยดูสง่างาม เพรชเม็ดโตถูกประดับอยู่บนหมวกนั้นอย่างสวยหรู เสื้อกำมะหยี่สำดำสนิทที่อยู่ด้านในแลดูอบอุ่นแต่ก็ไม่เท่าเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวที่ดูมีค่า กระโปรงรัดรูปสีขาวยาวลงมาปิดถึงส้นเท้ารับกับรองเท้าส้นสูงสีขาวดูสะอาดตา กระโปรงถูกแหวกด้านหลังผ่าจนถึงขาอ่อน เผยให้เห็นเนื้อต้นขา นวลเนียนขาว คู่กับอีเกิ้ลที่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทเสื้อด้านในเป็นสีขาวตัดกับเสื้อนอก นาฬิกาเรือนทองฝังเพรชถูกประดับอย่างบรรจงบนข้อมือของเค้า ผมสีทองยุ่งๆถูกรวบไปทางด้านหลังและเป็นทรงกว่าเดิมมาก



            วีนัสเลื่อนมือไปคล้องแขนอีเกิ้ลและเอาหัวซบไปบนไหล่เค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่อีเกิ้ลจะเปิดประตูออกไป



            “สวัสดีค่ะคุณนาย เบิร์ก”วีนัสหันไปยิ้มทักทายให้หญิงแก่ข้างบ้านซึ่งกำลังตัดหญ้าอยู่



            “สวัสดีค่ะ นั่นใครเหรอคะ”หญิงแก่ร่างท้วมบ้านตรงกับข้ามพูดขึ้น



            “น้องสาวอีเกิ้ลค่ะ จะมาอยู่กับเราตั้งแต่วันนี้ค่ะ”



            “ต๊ายย หน้าตาไม่คอ่ยเหมือนพี่ชายเลยนะคะ”



            “น้องสาวต่างแม่น่ะครับ”อีเกิ้ลกอดเอววีนัสและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “วาคิวลี่มานี่สิ”อีเกิ้ลกวักมือเรียกวาคิวลี่ที่ทำหน้าเบ อย่างทึ่งๆ กับการแสดงของคู่รักหวานเจิ๊ยบคู่นี้



            “สวัสดีค่ะ หนูชื่อวาคิวลี่ค่ะ”



            “สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อไวโอเลตนะจ๊ะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกล่ะ”



            วีนัสยกมือขึ้นปิดปากทำท่าทางซาบซึ้ง “คุณกรุณาเรามากเลยค่ะไวโอเลต”



            “เราจะไปสายแล้วนะที่รัก”



            “จริงด้วยสิคะ ขอตัวก่อนนะคะคุณไวโอเลต และคุณนายเบิร์ก”สองสาวเพื่อนบ้านโบกมือเล็กน้อยทันทีที่รถของอีเกิ้ลขับออกไป



            “สุดยอดดดด”วาคิวลี่พูดด้วยน้ำเสียงสุดทึ่ง



            “ถ้าไม่ทำอย่างนี้พวกนั้นคงไม่เชื่อ ซอยนี้มีแต่พวกปากสว่างทั้งนั้น”วีนัสพูดออกมาทำให้อีเกิ้ลหัวเราะออกมาเล็กน้อย



            “แล้วเราจะไปกินกันที่ไหนคะ”



            “ร้านอาหารบลูไดมอน”



            >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



            ร้านอาหารเรียบๆที่อยู่ในซอยของคนมีเงิน ข้างในถูกจัดเรียบๆผสมผสานกับต้นไม้และสีเขียวยิ่งทำให้ดูสว่างมากขึ้น



            “สวัสดีครับคุณและคุณนายเออร์เซีย”



            “สวัสดีจ๊ะฟรองซัว นี่น้องสาวฉันเอง ช่วยจัดที่ให้เหมือนเดิมนะ”



            ฟรองซักโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินนำออกไป จุดที่วีนัสและอีเกิ้ลเลือกจะนั่งบนระเบียงชั้นสองที่ดูร่มรื่น



            “พวกพี่มาที่นี่บ่อยเหรอคะ”วาคิวลี่พูดกับทั้งสองที่เดินนำเธออยู่



            วีนัสหันไปมองหน้าวาคิวลี่ทันทีที่สั่งอาหารเสร็จรอจนฟรองซัวหายเดินออกไป “การทำอะไรให้เป็นกิจวัตรจะทำให้เรากลมกลืนไปกับทุกสภาพแวดล้อม”วีนัสหยิบผ้าสีขาวบนโต๊ะวางลงที่หน้าขาของอีเกิ้ล



            “ถ้าฉันไม่รู้มาก่อนก็คงคิดว่าพวกคุณเป็นสามีภรรยากันจริงๆ”



            “นั่นแหละที่เราต้องการ”อีเกิ้ลพูดก่อนจะหันไปจูบที่แก้มของวีนัสเบาๆ



            อาหารเช้าในวันนี้มีแต่อาหารเบาๆ พวกเค้าคุยกันถึงเรื่องกิจวัตรที่ทำกันเป็นประจำและกิจวัตรที่วาคิวลี่ควรทำคือการทำงานนั่นเอง อีเกิ้ลทำงานอยู่ที่บริษัทซอร์ฟแวร์ในตำแห่งผู้บริหารผ่ายบุคคล ส่วนวีนัสทำงานอยู่ในบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่ง งานของพวกเค้าส่วนใหญ่จะมีเวลาไม่ค่อยตรงกันแต่เมื่อมีงานของนักฆ่าด่วนเข้ามา ต่างฝ่ายต่างก็อ้างเรื่องครอบครัว ทำให้พวกเค้าทั้งคู่ดูเป็นคนรักครอบครัวกันมากๆ ส่วนเรื่องที่พวกเค้าไม่มีลูก ก็จะอ้างว่าอีเกิ้ลไม่สามารถมีลูกได้ เพราะอุบัติเหตุทางอากาศ



            วาคิวลี่ทึ่งไม่หายกับการวางตัวอย่างไม่มีบกพร่องของวีนัสและอีเกิ้ลตลอด ห้าปีที่ผ่านมา พวกเค้าแต่งงานกันตอนวีนัสอายุ 15 ตามใบทะเบียน ตอนนี้คงจะซัก 20 แต่อีเกิ้ลกลับบอกว่าตอนวีนัสแต่งคงจะซักประมาณ สิบปีได้ล่ะมั้ง



            “เดี๋ยวฉันมีงานในอีกชั่วโมง”วีนัสปราดสายตาเล็กน้อยลงมองดูที่นาฬิกาข้อมือ “เอานี่ไปหาซื้อของใช้จำเป็น และอย่าลืมซื้อเสิ้อผ้ามาด้วยล่ะ” การ์ดสีทองถูกหยิบออกจากกระเป๋าถือขนมิ้งสีดำของเธอ และส่งให้สู่มือวาคิวลี่



            “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันก็ต้องไปทำงานแล้วเหมือนกัน ถ้าหลงทางก็เรียกแท็กซี่เอาก็แล้วกันนะ วันนี้ฉันจะกลับบ้านเร็วนะวีนัส”ทันทีที่อีเกิ้ลพูดจบ เค้าก็หันไปหอมแก้มวีนัสฟอดใหญ่ พร้อมทั้งหยิบเสื้อคลุมที่ฟรองซัวเก็บไป ตอนเข้ามาขึ้นสวม



            >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



            วาคิวลี่เลือกจะซื้อเสื้อผ้าในย่านร้านอาหารที่พวกเธอกินเพราะเนื่องด้วยว่ากลัวจะหลงทาง อีกอย่างตรงจุดที่เธออยู่ก็ถือได้ว่าเป็นแหล่งห้างสรรพสินค้าหลายๆสาขาทีเดียวจึงไม่ยากเย็นนักที่จะเดินหาเสื้อผ้าถูกใจแล้วยังบัตรเครดิตที่ไม่จำกัดวงเงินของวีนัสด้วยแล้ว



            ถึงความตระการตาในย่านร้านค้าจะมีมากแต่สิ่งที่วาคิวลี่สนใจและจดจ่อก็คือการใช้ชิวิตของวีนัสและอีเกิ้ล ต้องยอมรับว่าพวกเค้ามีชีวิตที่ไม่เหมือนใครจนทำให้เธอรู้สึกทึ่งเอามากๆ ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่ชั่วโมงทำให้เธอรู้จักวิธีอยู่ในสังคมของอาชีพนักฆ่ามากยิ่งขึ้น



            เมื่อความไคร่รู้มีมากกว่าความต้องการ วาคิวลี่จึงไม่รอช้าวิ่งตรงกระโดดขึ้นรถแท๊กซี่ตรงกลับบ้านทันที อย่างน้อยก็เพื่อจะได้เห็นช่วงเวลาที่พวกเค้ากลับบ้านกันมาแล้วว่าเป็นยังไง



            แกร๊ก



            วาคิวลี่หยิบกุญแจสีเงินขึ้นไขประตูบ้านโดยที่ไม่ลืมจะทักเหล่าเพื่อนบ้านตามคำสั่งของวีนัส



            “กลับมาแล้วเหรอ”วาคิวลี่ผงะออกอย่างตกใจเมื่อเห็นอีเกิ้ลนั่งอยู่บนโซฟาสายตาเพ่งมองไปที่โทรทัศน์



            “คุณอีเกิ้ลไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ”



            “ทำแล้ว กลับมาแล้ว”อีเกิ้ลหยิบถาดผลไม้เดินไปที่โต๊ะกินข้าว



            “กลับมาแล้ว นี่คุณอีเกิ้ลทำงานกี่ชั่วโมงกันแน่คะเนี่ย”



            “สำหรับวันนี้ 3 ชั่วโมง แต่ปกติทำครึ่งวัน”



            วาคิวลี่มีท่าทีฉงนเล็กน้อย ช่างเป็นงานง่ายที่รายได้ดีซะเหลือเกิน “ดูเหมือนคุณอีเกิ้ลกำลังรอวาคิวลี่อยู่เหรอคะ”



            “ใช่ ไปนั่งตรงนั้นสิ”อีเกิ้ลชี้ไปที่เก้าอี้ไม้แบบพับได้คล้ายโต๊ะเลคเชอร์



            วาคิวลี่เดินไปนั่งอย่างว่าง่ายๆ แต่ก็ยังคงมีความสงสัยอยู่



            “เอาล่ะ ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันเรื่องของรายละเอียดการอยู่ร่วมกัน มีกฎข้อสองข้อที่ฉันบอกแทบจะทุกคนที่จะมาเป็นคู่หูให้วีนัส อย่างแรกเรื่องพลังของวีนัสเธอคงจะเคยเห็นมาบ้างแล้ว วีนัสสามารถควบคุมโมเลกุลได้แต่ไม่สามารถเปลี่ยนสถานะของวัตถุได้” วาคิวลี่เอียงคอเล็กน้อยคิ้วแทบจะชนกันด้วยความสงสัย “สมมุติ ถ้าวีนัสใช้พลังทำให้แอปเปิ้ลลอยมาอยู่ในมือ เธอคิดว่าวีนัสทำได้ยังไง”



            “ก็...โดยการสั่งให้ผลไม้ลอยมาอยู่ในมือไงคะ”



            “ถูก..แต่แค่ครึ่งเดียว วีนัสยังสามารถใช้แรงดันของลมรอบๆแอปเปิ้ลพยุงมันมาที่มือได้”



            “อืมมม.... งั้นก็แปลว่าพลังของคุณวีนัสยังมีจุดอ่อนอยู่ที่ ใม่สามารถเปลี่ยนสถานะของสิ่งของได้ เช่นจากของแข็งกลายเป็นของเหลว หรือจากอากาศกลายเป็นน้ำอย่างนั้นสินะคะ”



            “นั่นก็ใช่อีกแหละ แต่ถ้าวีนัสทำอย่างนี้ล่ะ”อีเกิ้ลหยิบแอปเปิ้ลโยนใส่เครื่องทำน้ำผลไม้ และเทมันลงในแก้ว “วีนัสเป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา ทำให้สามารถดึงประสิทธิภาพของพลังออกมาได้หมด อย่าแอปเปิ้ลนี่ถ้าใช้แรงอัดก็จะสามารถทำให้เป็นน้ำได้”อีเกิ้ลยกน้ำแอปเปิ้ลขึ้นดื่มเล็กน้อย “ที่ฉันพูดให้เธอฟังก็เพราะว่าไม่ต้องการให้เธอทดสอบพลังของวีนัสเหมือนคู่หูที่ผ่านๆมา” อีเกิ้ลเพ่งสามตามองไปที่ใบหน้าไฝ่รู้ของวาคิวลี่ “และอีกอย่างนึงที่ฉันต้องเตือนเธอเอาไว้ วีนัสเป็นคนอารมณ์แปลปรวนง่ายอาจจะเป็นเพราะพลังที่สามารถพลิกแพลงได้ง่ายของเธอ ทำให้เธอต้องไปนอนในแคบซูลอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้งเพื่อคงสภาพของพลังเอาไว้”



            “แล้วถ้าคงสภาพเอาไว้ไม่ได้ล่ะคะ”



            “เห็นเครื่องไมโครเวฟนั่นมั้ย ถ้าเราเปิดมันไว้นานๆ มันก็จะระเบิด แต่ไมโครเวฟน่ะอาจจะเป็นอะไรไม่มากแต่ของข้างในสิหรือจะรวมไปถึงของรอบๆไมโครเวฟนั่นด้วย แต่ถ้ายิ่งร้ายกว่านั้นคือไฟไหม้และลามไปบ้านอื่นๆอย่างหยุดไม่อยู่” อีเกิ้ลได้ยินเสียงกลืนน้ำลายเสียงดังของวาคิวลี่ แต่เค้าก็พยายามจะไม่หัวเราะออกมาเพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศ



            “นักเรียนของฉันมีเพียงสองคน คนแรกก็คือวีนัส ส่วยคนที่สองก็คือเธอวาคิวลี่ ถึงเธอจะมีความสามารถอาจจะไม่เท่าวีนัส แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอคงจะมีอะไรพิเศษแน่นอน ซึ่งทำให้พวกเค้าส่งเธอมาให้ฉันสอน” อีเกิ้ลเดินตรงไปยังห้องครัวพร้อมแก้วแอปเปิ้ลที่กินหมดแล้วในมือ “มีอะไรจะถามอีกมั้ย”



            วาคิวลี่ก้มหน้าลงทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย “แล้วคู่หูก่อนหน้านี้ของคุณวีนัส อยู่ที่ไหนเหรอคะ”



            อีเกิ้ลเหลือบสายตาจากอ่างล้างจานเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ตายหมด”



            ..........................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×