ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : สงคราม???
สงคราม???
        เช้านี้เป็นเช้าแรกของนักเรียนปีหนึ่งของโรงเรียน mansion shine แต่เป็นเช้าที่แสนวุ่นวายของหนุ่มๆ มาส์ทาวเวอร์ ไม่แม้แต่พวกมิทอส
        “เฮ้ย ดันเต้แกเห็น แหวนประจำตัวฉันรึเปล่าวะ”มิทอสที่ตื่นเป็นคนแรกก้มลงมองหาไปทั่ว เนื่องจากเมื่อวานมันมาถึงก็ถอดแหวนโยนทิ้งทันที
        “แกก็หัดเก็บขาวของให้มันเป็นที่หน่อยสิวะ”ดันเต้พูดพร้อมก้มๆเงยๆหาแหวนไอ้ตัวดีอยู่
        “เฮ้ยๆๆ เจอแล้ว เร็วๆๆ รีบไปเร็ววันนี้มีพาสต้า”ไอ้คนสายมันยังมีหน้ามาเร่งเพื่อนมันอีกแต่ดันเต้ก็เดินตามมันออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
        “เออ แล้วอองรีล่ะ”
        “มันไปตั้งแต่แกตะโกนว่าแหวนหายแล้วมันคงเบื่อแหละ”
        “เฮ้ย อะไรวะ อย่างนี้ก็แปลว่ามันไปกินพาสต้าคนเดียวแล้วล่ะสิ เป็นเพื่อนภาษาอะไรวะไม่อยู่ช่วยเพื่อนเลยเดี๋ยวเจอหน้ามันจะด่าให้”
        “ไอ้นี่นิ มันยังห่วงกินอีก”
        เมื่อมาถึงโรงอาหารก็พบว่าที่ที่อองรีนั่งอยู่โดยมีสาวๆนั่งอยู่เต็มไปหมด ดันเต้รีบเดินผละออกไปนั่งกับพวกสาวๆ ที่อยู่ตรงนั้นทันที ส่วนมิทอสมันเดินไปหยิบพาสต้าที่อองรีซื้อมาให้แล้วเดินไปนั่งอีกโต๊ะนึงอองรีเมื่อเห็นอย่างนั้นจึงลุกเดินออกมาจากกลุ่มผู้หญิงเดินมานั่งกับมิทอสส่วนดันเต้ถึงแม้มันจะเจ้าชู้แค่ไหนก็แพ้ความหิวเดินมานั่งกับมิทอสเพื่อกินพาสต้า
        “อ้า  ขอบใจมากเลยนะเว้ยอองรี ที่แกอุตส่าซื้อมาให้ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องไปเข้าแถวกับพวกนั้นแน่ๆเลย”เมื่อพูดเสร็จมิทอสก็เริ่มกินทันที ลืมเรื่องที่มันอยากจะด่าซะหมด
        “รีบๆ กินเข้าเดี๋ยวเข้าเรียนสาย”อองรีบอกเมื่อเห็นมิทอสเงยหน้ามาจะพูดอีก
        หลังจากที่พวกมันซัดพาสต้าเสร็จเรียบร้อยก็พากันเดินไปห้องเรียนทันที เมื่อพวกเค้ามาถึงก็พบว่าแจ๊กนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่พวกมิทอสเข้ามายังไม่ทันได้คุยอะไรกันมิสเตอร์ก็เดินเข้ามา
        “เรียกฉันว่ามิสเตอร์โดมินิกนะ ฉันสอนประวัติศาสตร์”มิสเตอร์หนุ่มจัดได้ว่าหน้าตาหล่อเหลาทีเดียวเลย และการแต่งตัวที่เรียกได้ว่าเนี้ยบเลยล่ะ
        หลังจากแนะนำตัวเสร็จมิสเตอร์ก็เริ่มสอนทันทีโดยเริ่มจากประวัติผลึกแห่งชีวิตทั้ง5 ซึ่งเมื่อพูดออกมาได้ไม่ถึง 5 นาทีนักเรียนมาส์ก็หลับกันแทบจะหมดแล้ว ก็ไอ้ประวัติศาสตร์กับตึกมาส์เนี่ยมันเป็นเหมือนของตรงข้ามกันเลยนี่นา
        ในการเรียนวิชาที่ สองเป็นวิชาที่ชาวมาส์รอคอยกันเป็นที่สุดคือวิชาดาบ แต่ดูเหมือนคนที่ทำได้ดีที่สุดในห้องจะเป็นเวโรนิก้า จนมิสเตอร์กอร์ดอน เอ่ยปากชมพร้อมทั้งพูดจาเสียดแทงเหล่าหนุ่มๆตึกมาส์อีกตะหาก วิชานี้เลยกลายเป็นวิชาที่ ชาวมาส์ทาวเวอร์เกลียดกันเป็นอันดับหนึ่ง ก็มีที่ไหนมีการอวดโม้ด้วยว่าตึกเมอคิวรี่ที่เค้าเป็นอาจาร์ยประจำตึกยังทำได้ดีกว่า
        หมดไปอีกสองวิชาที่สุดแสนจะน่าเบื่อแต่ก็ทำให้มิทอสได้เพื่อนใหม่มาอีกคนเพราะการประดาบกันต้องมีสองคน เค้าชื่อ เอิร์ด วาเลนไทน์ประดาบคู่กับดันเต้
        หลังจากจบการเรียนที่สุดแสนจะน่าเบื่อไปวันนึงพวกมิทอสจึงเดินกันไปกินข้าวที่โรงอาหาร
        “สวัสดีครับคุณดันเต้ มิทอสและอองรี”เสียงของเอ็ร์ดพูดขึ้น “ผมพาเพื่อนมาให้รู้จักครับ”
        “คริส โอลิเวอร์” คริสมีลักษณะคล้ายๆนักโทษมากกว่านักเรียน มิทอสไม่แปลกใจเลยที่คริสได้มาเรียนที่ตึกมาส์ แต่ที่แปลกใจคือเค้าอายุเท่าพวกมิทอส
        “เจนัส โรว์” เจนัสเป็นชายที่รูปร่างผอมสูง ดูจากการแต่งตัวค่อนข้างสะอาดและเนี้ยบ
        หลังจากแนะนำกันเรียบร้อย แจ๊กก็เดินมาพอดีดูเหมือนแจ๊กจะรู้จักพวกเอิร์ดเรียบร้อยแล้ว การสนทนาเป็นไปอย่างเฮฮา จนเมื่อทุกคนแยกย้ายกันออกไป
        “เฮ้อ เหนื่อยจังเลย” มิทอสเมื่อเดินมาถึงก็ล้มลงนอนลงบนเตียงทันที ส่วนดันเต้ก็นอนลงเช่นกัน
        “เออ แล้วอองรีล่ะ”มิทอสถามขึ้นเนื่องจากไม่เห็นอองรีได้ซักพักแล้ว
        “คงไปเดินเล่นล่ะมั้ง”ดันเต้ตอบแต่น้ำเสียงเหมือนจะหลับแล้ว
        “เดี๋ยวฉันออกไปตามดีกว่า”มิทอสพูดพร้อมวิ่งออกไปจากห้อง
        “มันอยู่ไหนวะ”
        “อะอยู่นั่นเอง” มิทอสพูดเมื่อเห็นอองรียืนพิงกำแพงอยู่แต่ไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็โดนอองรี รวบตัวเข้ามากอดมิทอสทำน่าจะด่า แต่อองรีเอานิ้วชี้ชี้ไปที่อีกฝั่งของกำแพง มิทอสเมื่อหันออกไปมองจึงเห็นว่า ผอ.กำลังคุยกับมิสเตอร์กอร์ดอนอยู่
        “ผอ. ครับท่านว่าสงครามที่จะเกิดขึ้น จะส่งผลมาถึงโรงเรียนมั้ยครับ”มิสเตอร์กอร์ดอนถาม
        “ฉันว่าไม่น่านะ แต่ทางที่ดีเราอย่าคุยกันตรงนี้จะดีกว่า”ผอ.รีบตัดบทสนทนาราวกับว่าเค้ารู้ถึงการมาของมิทอสและอองรีจึงเดินหายไป
        “สงคราม จะมีสงครามเหรออองรี” มิทอสถามอองรีด้วยสีหน้เศร้าหมอง อองรีแค่ผงกหน้าเล็กน้อย
        “ไม่ต้องห่วงฉันจะปกป้องนายเอง” คำพูดของอองรี ถึงกับทำให้คนฟังอึ้งได้แต่ ไอ้คนฟังก็นึกดีใจอยู่นิดๆ
        “ฉันไม่ต้องให้นายมาปกป้องหรอก อย่างฉันอ่ะ ฉันดูแลตัวเองได้”มิทอสพูดพร้อมจะเดินออกไปแต่ก็ถูกอองรีคว้าเอาไว้และลากเข้าไปในเงามืด
        “เฮ้ยแกทำอะไรวะ”มิทอสพูดแต่ถูกอองรีเอามือปิดปากเอาไว้ แต่กลุ่มคนที่เดินผ่านไปคือเพื่อนๆตึกมาส์นั่นเอง เจ้าตัวดีเลยยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าทำไมต้องหลบพวกเพื่อนๆด้วย แต่คำถามก็กระจ่างทันทีเมื่อ
อองรีชี้มาที่หน้าอกของมิทอสเพราะตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นเนินอกแทน หลังจากเพื่อนๆผ่านกันไปหมดแล้วมิทอสจึงรีบดิ้นและเดินออกมาจากอ้อมกอดของอองรีซึ่งตอนนี้หน้ามันแดงไปทั้งหน้าแล้ว แสงจันทร์ที่ส่องลงมาเผยให้เห็นใบหน้าเนียนของสาวน้อยที่แสนน่ารัก และผมที่ยาวลงมาถึงเอว ร่างที่ดูบอบบาง
แต่อองรีไม่ปล่อยกับดึงสาวน้อยตรงหน้าเข้าไปกอดแนบชิดกว่าเดิมสาวน้อยตรงหน้าดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในอ้อมกอดของอองรี นัยตาสืเขียวน้ำทะเลของมันมองลงมาบนหน้านวลก่อนที่จะก้มลงกระซิบข้างหูว่า
“คาริน เธอยังจะหนีฉันไปถึงไหน ใจเธอตอนนี้มันยังอยู่ที่ฉันเหมือนเดิมหรือไม่”อองรีพูดเสียงหวานมองคารินอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งก้มลงไปยังหน้านวลประทับริมฝีปากลงปากของหญิงสาว หน้าของคารินขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะผลักคนตรงหน้าและวิ่งออกไป อองรีมองตามไปแต่ยังอมยิ้ม
“อ้าว มิทอส แกเป็นอะไรไปวะ อ้าววันนี้เป็นผู้หญิงเหรอ แล้วอองรีล่ะ”คารินเมื่อได้ยินชื่อ
อองรีถึงกับหน้าแดงขึ้นมาอีก รีบเดินไปนอนคลุมโปงทันที พอดีกับที่อองรีเดินเข้ามา
“อองรี แกไปไหนมา แล้วไอ้มิทอสมันเป็นอะไรไปวะ”ดันเต้หันมาถามอองรี
“ไม่มีอะไรนอนเหอะ” ดันเต้เมื่อได้ยินดังนั้นก็เลยตัดสินใจนอนแต่ในใจมันก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น
        เช้านี้เป็นเช้าแรกของนักเรียนปีหนึ่งของโรงเรียน mansion shine แต่เป็นเช้าที่แสนวุ่นวายของหนุ่มๆ มาส์ทาวเวอร์ ไม่แม้แต่พวกมิทอส
        “เฮ้ย ดันเต้แกเห็น แหวนประจำตัวฉันรึเปล่าวะ”มิทอสที่ตื่นเป็นคนแรกก้มลงมองหาไปทั่ว เนื่องจากเมื่อวานมันมาถึงก็ถอดแหวนโยนทิ้งทันที
        “แกก็หัดเก็บขาวของให้มันเป็นที่หน่อยสิวะ”ดันเต้พูดพร้อมก้มๆเงยๆหาแหวนไอ้ตัวดีอยู่
        “เฮ้ยๆๆ เจอแล้ว เร็วๆๆ รีบไปเร็ววันนี้มีพาสต้า”ไอ้คนสายมันยังมีหน้ามาเร่งเพื่อนมันอีกแต่ดันเต้ก็เดินตามมันออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
        “เออ แล้วอองรีล่ะ”
        “มันไปตั้งแต่แกตะโกนว่าแหวนหายแล้วมันคงเบื่อแหละ”
        “เฮ้ย อะไรวะ อย่างนี้ก็แปลว่ามันไปกินพาสต้าคนเดียวแล้วล่ะสิ เป็นเพื่อนภาษาอะไรวะไม่อยู่ช่วยเพื่อนเลยเดี๋ยวเจอหน้ามันจะด่าให้”
        “ไอ้นี่นิ มันยังห่วงกินอีก”
        เมื่อมาถึงโรงอาหารก็พบว่าที่ที่อองรีนั่งอยู่โดยมีสาวๆนั่งอยู่เต็มไปหมด ดันเต้รีบเดินผละออกไปนั่งกับพวกสาวๆ ที่อยู่ตรงนั้นทันที ส่วนมิทอสมันเดินไปหยิบพาสต้าที่อองรีซื้อมาให้แล้วเดินไปนั่งอีกโต๊ะนึงอองรีเมื่อเห็นอย่างนั้นจึงลุกเดินออกมาจากกลุ่มผู้หญิงเดินมานั่งกับมิทอสส่วนดันเต้ถึงแม้มันจะเจ้าชู้แค่ไหนก็แพ้ความหิวเดินมานั่งกับมิทอสเพื่อกินพาสต้า
        “อ้า  ขอบใจมากเลยนะเว้ยอองรี ที่แกอุตส่าซื้อมาให้ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องไปเข้าแถวกับพวกนั้นแน่ๆเลย”เมื่อพูดเสร็จมิทอสก็เริ่มกินทันที ลืมเรื่องที่มันอยากจะด่าซะหมด
        “รีบๆ กินเข้าเดี๋ยวเข้าเรียนสาย”อองรีบอกเมื่อเห็นมิทอสเงยหน้ามาจะพูดอีก
        หลังจากที่พวกมันซัดพาสต้าเสร็จเรียบร้อยก็พากันเดินไปห้องเรียนทันที เมื่อพวกเค้ามาถึงก็พบว่าแจ๊กนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่พวกมิทอสเข้ามายังไม่ทันได้คุยอะไรกันมิสเตอร์ก็เดินเข้ามา
        “เรียกฉันว่ามิสเตอร์โดมินิกนะ ฉันสอนประวัติศาสตร์”มิสเตอร์หนุ่มจัดได้ว่าหน้าตาหล่อเหลาทีเดียวเลย และการแต่งตัวที่เรียกได้ว่าเนี้ยบเลยล่ะ
        หลังจากแนะนำตัวเสร็จมิสเตอร์ก็เริ่มสอนทันทีโดยเริ่มจากประวัติผลึกแห่งชีวิตทั้ง5 ซึ่งเมื่อพูดออกมาได้ไม่ถึง 5 นาทีนักเรียนมาส์ก็หลับกันแทบจะหมดแล้ว ก็ไอ้ประวัติศาสตร์กับตึกมาส์เนี่ยมันเป็นเหมือนของตรงข้ามกันเลยนี่นา
        ในการเรียนวิชาที่ สองเป็นวิชาที่ชาวมาส์รอคอยกันเป็นที่สุดคือวิชาดาบ แต่ดูเหมือนคนที่ทำได้ดีที่สุดในห้องจะเป็นเวโรนิก้า จนมิสเตอร์กอร์ดอน เอ่ยปากชมพร้อมทั้งพูดจาเสียดแทงเหล่าหนุ่มๆตึกมาส์อีกตะหาก วิชานี้เลยกลายเป็นวิชาที่ ชาวมาส์ทาวเวอร์เกลียดกันเป็นอันดับหนึ่ง ก็มีที่ไหนมีการอวดโม้ด้วยว่าตึกเมอคิวรี่ที่เค้าเป็นอาจาร์ยประจำตึกยังทำได้ดีกว่า
        หมดไปอีกสองวิชาที่สุดแสนจะน่าเบื่อแต่ก็ทำให้มิทอสได้เพื่อนใหม่มาอีกคนเพราะการประดาบกันต้องมีสองคน เค้าชื่อ เอิร์ด วาเลนไทน์ประดาบคู่กับดันเต้
        หลังจากจบการเรียนที่สุดแสนจะน่าเบื่อไปวันนึงพวกมิทอสจึงเดินกันไปกินข้าวที่โรงอาหาร
        “สวัสดีครับคุณดันเต้ มิทอสและอองรี”เสียงของเอ็ร์ดพูดขึ้น “ผมพาเพื่อนมาให้รู้จักครับ”
        “คริส โอลิเวอร์” คริสมีลักษณะคล้ายๆนักโทษมากกว่านักเรียน มิทอสไม่แปลกใจเลยที่คริสได้มาเรียนที่ตึกมาส์ แต่ที่แปลกใจคือเค้าอายุเท่าพวกมิทอส
        “เจนัส โรว์” เจนัสเป็นชายที่รูปร่างผอมสูง ดูจากการแต่งตัวค่อนข้างสะอาดและเนี้ยบ
        หลังจากแนะนำกันเรียบร้อย แจ๊กก็เดินมาพอดีดูเหมือนแจ๊กจะรู้จักพวกเอิร์ดเรียบร้อยแล้ว การสนทนาเป็นไปอย่างเฮฮา จนเมื่อทุกคนแยกย้ายกันออกไป
        “เฮ้อ เหนื่อยจังเลย” มิทอสเมื่อเดินมาถึงก็ล้มลงนอนลงบนเตียงทันที ส่วนดันเต้ก็นอนลงเช่นกัน
        “เออ แล้วอองรีล่ะ”มิทอสถามขึ้นเนื่องจากไม่เห็นอองรีได้ซักพักแล้ว
        “คงไปเดินเล่นล่ะมั้ง”ดันเต้ตอบแต่น้ำเสียงเหมือนจะหลับแล้ว
        “เดี๋ยวฉันออกไปตามดีกว่า”มิทอสพูดพร้อมวิ่งออกไปจากห้อง
        “มันอยู่ไหนวะ”
        “อะอยู่นั่นเอง” มิทอสพูดเมื่อเห็นอองรียืนพิงกำแพงอยู่แต่ไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็โดนอองรี รวบตัวเข้ามากอดมิทอสทำน่าจะด่า แต่อองรีเอานิ้วชี้ชี้ไปที่อีกฝั่งของกำแพง มิทอสเมื่อหันออกไปมองจึงเห็นว่า ผอ.กำลังคุยกับมิสเตอร์กอร์ดอนอยู่
        “ผอ. ครับท่านว่าสงครามที่จะเกิดขึ้น จะส่งผลมาถึงโรงเรียนมั้ยครับ”มิสเตอร์กอร์ดอนถาม
        “ฉันว่าไม่น่านะ แต่ทางที่ดีเราอย่าคุยกันตรงนี้จะดีกว่า”ผอ.รีบตัดบทสนทนาราวกับว่าเค้ารู้ถึงการมาของมิทอสและอองรีจึงเดินหายไป
        “สงคราม จะมีสงครามเหรออองรี” มิทอสถามอองรีด้วยสีหน้เศร้าหมอง อองรีแค่ผงกหน้าเล็กน้อย
        “ไม่ต้องห่วงฉันจะปกป้องนายเอง” คำพูดของอองรี ถึงกับทำให้คนฟังอึ้งได้แต่ ไอ้คนฟังก็นึกดีใจอยู่นิดๆ
        “ฉันไม่ต้องให้นายมาปกป้องหรอก อย่างฉันอ่ะ ฉันดูแลตัวเองได้”มิทอสพูดพร้อมจะเดินออกไปแต่ก็ถูกอองรีคว้าเอาไว้และลากเข้าไปในเงามืด
        “เฮ้ยแกทำอะไรวะ”มิทอสพูดแต่ถูกอองรีเอามือปิดปากเอาไว้ แต่กลุ่มคนที่เดินผ่านไปคือเพื่อนๆตึกมาส์นั่นเอง เจ้าตัวดีเลยยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าทำไมต้องหลบพวกเพื่อนๆด้วย แต่คำถามก็กระจ่างทันทีเมื่อ
อองรีชี้มาที่หน้าอกของมิทอสเพราะตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นเนินอกแทน หลังจากเพื่อนๆผ่านกันไปหมดแล้วมิทอสจึงรีบดิ้นและเดินออกมาจากอ้อมกอดของอองรีซึ่งตอนนี้หน้ามันแดงไปทั้งหน้าแล้ว แสงจันทร์ที่ส่องลงมาเผยให้เห็นใบหน้าเนียนของสาวน้อยที่แสนน่ารัก และผมที่ยาวลงมาถึงเอว ร่างที่ดูบอบบาง
แต่อองรีไม่ปล่อยกับดึงสาวน้อยตรงหน้าเข้าไปกอดแนบชิดกว่าเดิมสาวน้อยตรงหน้าดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในอ้อมกอดของอองรี นัยตาสืเขียวน้ำทะเลของมันมองลงมาบนหน้านวลก่อนที่จะก้มลงกระซิบข้างหูว่า
“คาริน เธอยังจะหนีฉันไปถึงไหน ใจเธอตอนนี้มันยังอยู่ที่ฉันเหมือนเดิมหรือไม่”อองรีพูดเสียงหวานมองคารินอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งก้มลงไปยังหน้านวลประทับริมฝีปากลงปากของหญิงสาว หน้าของคารินขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะผลักคนตรงหน้าและวิ่งออกไป อองรีมองตามไปแต่ยังอมยิ้ม
“อ้าว มิทอส แกเป็นอะไรไปวะ อ้าววันนี้เป็นผู้หญิงเหรอ แล้วอองรีล่ะ”คารินเมื่อได้ยินชื่อ
อองรีถึงกับหน้าแดงขึ้นมาอีก รีบเดินไปนอนคลุมโปงทันที พอดีกับที่อองรีเดินเข้ามา
“อองรี แกไปไหนมา แล้วไอ้มิทอสมันเป็นอะไรไปวะ”ดันเต้หันมาถามอองรี
“ไม่มีอะไรนอนเหอะ” ดันเต้เมื่อได้ยินดังนั้นก็เลยตัดสินใจนอนแต่ในใจมันก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น