ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE HOLY

    ลำดับตอนที่ #2 : MANSION SHINE

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 48


    MANSION SHINE



            “นักเรียนทุกท่านที่ต้องการสมัคเข้ารับการศึกษาที่ mansion shine กรุณาเข้ามารับใบสมัคและ นำไปยื่นที่ห้องดำเนินงานด้วยค่ะ หลังจากยื่นเรียบร้อยกรุณาไปรอที่อาคารCenter Shine ด้วยค่ะ” เสียงอื้ออึงจากลำโพงที่มีทุกที่ในโรงเรียน พร้อมผู้คนที่เดินขวักไขว่ เพื่อทำการลงทะเบียนเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ดังไปทั่ว เพราะโรงเรียนแห่งนี้จะเปิดรับสมัคเพียงวันเดียวเท่านั้น และเมื่อสิ้นสุดเวลาที่กำหนดจะไม่มีการรับนักเรียนอีก บางคนที่รู้อยู่แล้วเนื่องจากมาทดสอบเข้าโรงเรียนนี้หลายครั้งและเข้าไม่ได้ จึงมารอตั้งแต่ยังไม่เริ่มเปิดลงทะเบียน



            “เร็วเข้า อองรี จะไม่ทันแล้วนะ” ชายหนุ่มเสียงใสตะโกนเรียกเพื่อนที่อยู่ข้างหลังหลังจากเห็นว่าเพื่อนมันไม่ยอมมาซักทีจึงกระโดด เข้าล็อกคอ และลากตามมา



            “ขอยื่นใบทะเบียนครับ เอ่อ... 2 คนครับ”ชายหนุ่มพูดกับหญิงสาวที่อยู่ที่ห้องดำเนินการ โดยมีเพื่อนชายอีกคนทำหน้าไม่ใส่ใจ



            “อันนี้สะกดว่าอะไรนะคะ”สาวที่ทำหน้าที่ป้อนข้อมูลหันมาถามชายหนุ่มตรงหน้า



            “อ๋อ ดันเต้ ครับ ดันเต้ มอร์บาซาน”ชายหนุ่มคนนั้นตอบเสียงใส



            “เอ่อ...แล้วใบนี้ อองรี ไว้ส์เคานท์  ใช่ลูกชายของท่านไว้เค้าใช่มั้ยคะ”ตอนนี้สาวสวยตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาถาม ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงว่าใช่



            “เอาล่ะค่ะ พวกคุณลงทะเบียนเสร็จแล้ว เชิญไปรอที่center shineเลยค่ะ”หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมกับที่ทั้ง 2 ลุกเพื่อเดินออกมารอที่ห้อง center shine



            ที่ตึกcs จัดได้ว่าเป็นตึกที่ใหญ่มาก เนื่องจากจุนักเรียนได้มากถึง 8000 คนได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่ทั้งคู่เข้ามาแล้ว ก็เดินหลบมุมไปนั่งอยู่ที่มุมห้อง เพราะยืนเข้าแถวมานานมาก



            อี๊ดดดดดดดดดดดด อี๊ดดดดดดดดดดดดดด



            และประตูห้องของcenter shineก็ปิดลง ซึ่งทั้งคู่ยังเห็นว่าข้างนอกคนยังเยอะอยู่เลย บางคนพยายามวิ่งอย่างสุดชีวิตแต่ไม่ทัน



            “เอาล่ะสิ้นสุดการสมัค ปีนี้เรารับมีผู้เข้าร่วมทดสอบ 8450คน เป็นจำนวนที่สูงมากเพราะฉะนั้น เราจึงควรจะลดคนลงหน่อยจะดีกว่า” คนที่พูดเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ที่แต่ชุดด้วยเสื้อแขนกุดรัดรูปมีแจ็กเก็ตใส่ทับอีกตัว กระโปรงมินิเสกิร์ต เธอพูดอย่างยิ้มแย้มแลดูน่ารัก แต่สิ้งที่เธอพูดออกมากลับน่ากลัวผิดกับใบหน้าเธอ



            “เอาล่ะ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา อาจาร์ยจะเรียกทีละคนให้เดินออกมาและเข้าไปในห้องนี้ เพื่อรับการทดสอบนะจ๊ะ”สาวสวยคนนั้นพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่ก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าหล่อนคืออาจาร์ย



            “โทนี่ เอทีคัส” คนแรกเดินเข้าไปทั้งๆที่ขายังสั่นอยู่

            

            “คริส  โอลิเวอร์” ชายอีกคนหนึ่งเดินเข้าไป ลักษณะภายนอกของเขาดูเหมือนพวกนักโทษมากกว่านักเรียน



            การเรียกชื่อคนเป็นไปอย่างเชื่องช้าเนื่องจากเข้าไปได้ทีละ 5 คนเท่านั้น



            “อองรี นายว่าเค้าจะมีการทดสอบแบบไหนรอเราอยู่เหรอ” ดันเต้หันมาถามเพื่อนสนิทเพื่อฆ่าเวลา



            “ไม่รู้สิ” อองรีตอบแต่ใบหน้ายังคงไร้ความรู้สึกอยู่ดี พร้อมทั้งหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน



            “ว้าย เธอดู 2 คนนั้นสิ หล่อมากเลย ถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันก็ดีซิ” เป็นเสียงของผู้หญิงที่เดินผ่านหน้าพวกเขาไป บางคนก็เดินไป เดินมาผ่านหน้าพวกเขาหลายๆรอบ บางคนถึงกับลงทุนทำของตกเพื่อเป็นการทอดสะพานซะด้วย



            “เฮ้  พวกนายน่ะ ขอฉันนั่งด้วยคนได้มั้ย” เป็นเสียงทุ้มต่ำของชายที่มีรอยสักตรงแขนเป็นรูปเสือขาว ที่มีสีเหมือนกับนัยตาสีขาวของเขา ซึ่งจัดได้ว่าหล่อทีเดียวแต่หล่อแบบเถื่อนๆ ผิดกับ 2หนุ่มที่อองรีหล่อแบบเย็นๆ ส่วนดันเต้หล่อแบบใสๆ



            “เอาสิ เชิญเลย”ดันเต้พูดอย่างยิ้มแย้มเพราะเค้าพร้อมจะรับเพื่อนใหม่เสมอ



            “ขอบใจ  เออ  ชั้นชื่อ แจ็ก ทอร์กิส แล้วพวกนายล่ะ”แจ็กเปิดบทสนทนาทันทีที่นั่งข้างๆดันเต้



            “ฉันชื่อ ดันเต้ มอร์บาซาน ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนนี่เพื่อนฉัน อองรี ไว้ส์เคานท์”ดันเต้แนะนำตัวเองและเพื่อนอย่างยิ้มแย้ม



            “หวัดดี ดันเต้ เอ่อ แล้วก็อองรี”แจ็กพูดพร้อมโบกมือทักทางอองรี ซึ่งอองรีไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย



            “นี่ แจ็ก แล้วเค้าทดสอบกันยังไงเหรอ” ดันเต้พูดขึ้นพร้อมหันไปพูดกับแจ็ก ซึ่งอองรีปิดหนังสือและหันมามองแจ็กเหมือนกัน



            “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเค้าทดสอบกันยัง รู้แต่ว่าแบ่งห้องตามดาวน่ะ คือ 1. เมอคิวรี่ พวกที่อยู่ตึกนี้นะส่วนใหญ่เป็นพวกรักสันโดษแต่คนที่เก่งๆส่วนใหญ่จะอยู่ที่นี่กันนะ 2. วีนัส พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกพระหรือไม่ก็พวกเก็บตัวอีกแหละ 3.จูปิเตอร์ นี่จะหนักไปทางติดต่อกับพระเจ้าหรือสิ่งลื้อลับอะไรอย่างเนี้ย 4. มาส์ เป็นพวกประเภท ไปที่ไหนต้องมีเรื่องตรงตามชื่อนี่แหละ พวกชีวิตมีแต่การต่อสู้อะไรอย่างเนี้ย แต่ฉันขอแนะนำนะถ้าอยากจบอย่างง่ายๆสบายๆก็อย่าไปเข้าตึกมาส์.... ขอเตือน”แจ็กอธิบายอย่างละเอียด



            “เออ ฉันรู้สึกเหมือนพวกนายตามหาใครอยู่”แจ็กพูดขึ้นเพราะเพื่อนใหม่ทั้งสองของเขากำลังชเง้อมองไปรอบๆ



            “อื้อ พวกเรากำลังมองหาเพื่อนอีกคนน่ะ” ดันเต้พูดแต่ยังคงมองไปรอบๆอยู่



            “เฮ้ย มาอยู่ที่นี่นี่เอง หาตั้งนาน” เสียงของชายร่างเล็กที่หน้าตาค่อนข้างน่ารักผิดกับเพื่อนทั้ง 2ที่ดูหล่อ ซึ่งเค้ากำลังโบกมือมาทางทั้ง 2 คน



            “ มิทอส ทำไมช้าจังนึกว่ามาไม่ทันแล้วซะอีก” อองรีพูดขึ้นนับว่าเป็นคำพูดที่ยาวที่สุดตั้งแต่แจ็กรู้จักกับเพื่อนทั้ง 2



            “แหะๆๆ โทษทีๆ บังเอิญว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเรียกไว้เลยเดินไปคุยกับเค้านิดหน่อย”หนุ่มน้อย พูดด้วยท่าทางที่น่ารักถ้าไม่ติดที่ว่าเป็นผู้ชาย สงสัยจะมีหนุ่มติดตรึม



            “อะ เพื่อนใหม่เหรอ สวัสดีครับ ผมชื่อมิทอส เซนนิย่า”หนุ่มน้อยคนนั้นพูดพร้อมทั้งนั่งลงข้างๆอองรี



            “อ้อ สวัสดี ผมชื่อ แจ็กทอร์กิส ยินดีที่ได้รู้จักครับ”แจ๊กยื่นมือมาเพื่อเป็นเชิงทำความรู้จักซึ่งมิทอสก็เอื้อมมือไปจับมือกับแจ๊กเช่นกัน



            “แจ็ก ทอร์กิส”หญิงสาวที่ประกาศชื่อประกาศถึงชื่อเค้าพอดี แจ็กจึงขอตัวกับสหายใหม่ทั้ง 3 เข้าไปก่อน



            “ดันเต้  มอร์บาซาน”



            “อองรี ไว้ส์เคานท์” คราวนี้เรียกเสียงฮือฮาจากคนที่รออยู่ได้มากทีเดียวเนื่องจากนามสกุลของอองรีนั่นเอง  ซึ่งทำให้อาจาร์ยที่ประกาศชื่อถึงกับเงยหน้ามามองอองรี อองรีไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เดินเข้าไปแทน  หลังจากนั้นซัก 5 นาที



            “มิทอส เซนนิย่า” มิทอสจึงเอากระเป๋าสะพายข้างหลังและเดินตามเข้าไป



            ในห้องที่เค้าเข้ามามีหญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูจากหน้าตาแล้วคงอายุประมาณ 30 กว่าๆได้ เธอเป็นพามิทอสเข้าไปในห้อง ที่ดูเหมือนจะเป็นห้องทำงานของอาจาร์ยคนไหนซักคน หลังจากนั่งได้ประมาณ 5 นาที มิทอสก็เหลือบมองไปเห็นดาบ คทา แหวน และโล่วางอยู่ที่มุมห้อง มิทอสจึงเดินไปดูหลังจากพิจารณาอยู่ได้ซักพักจึงเลือกหยิบดาบออกมาดู



            ปัง



            เสียงเปิดประตูดังขึ้น ทำให้มิทอสเอาดาบหันมาจ่อที่บุคคลที่เดินเข้ามา แล้วก็ต้องพบว่าเป็นชายแกหน้าตา ดูสดใสเดินเข้ามานั่งโต๊ะซึ่งทำให้มิทอสรู้ว่าเค้าคืออาจาร์ยที่จะมาทดสอบ จึงรีบวางดาบลงที่เดิมและมานั่งที่ มิทอสสังเกตได้ว่าเห็นรอยแดงๆอยู่ที่หน้าผากของชายแก่คนนั้น



            “อืม.....เธอชื่อมิทอส  เซนนิย่าสินะ เอาล่ะ เธอสอบผ่าน เธออยู่ที่ตึก มาส์นะ”ชายแก่พูดอย่างยิ้มแย้มพร้อมทั้งมองหน้ามิทอส ผายมือไปยังประตูที่ชายแก่เดินเข้ามา



            “เอ่อ....ครับ ขอบคุณมากครับ”มิทอสตอบโดยที่ตัวเองยังสงสัยไม่หายว่าเค้าได้ทดสอบแล้วเหรอ และเดินออกไปที่ประตูที่ชายแก่บอก



            “เดี๋ยวก่อนมิทอส” ชายแก่เรียกมิทอสก่อนที่เค้าจะเดินออกไป



            “ถ้าวันหนึ่งเธอต้องเลือกระหว่าง สิ่งที่ต้องทำและสิ่งที่ต้องการ เธอจะเลือกอะไร ฉันให้เธอไปคิดเป็นการบ้าน เมื่อเธอได้คำตอบเมื่อไหร่มาหาฉันที่ห้องนี้พร้อมคำตอบ”ชายแก่พูดทั้งที่หน้ายังอมยิ้มอยู่ มิทอสได้แค่ผงกหน้านิดนึงแล้วเดินออกไป



            “มิทอส”เสียงของดันเต้เรียก พร้อมทั้งกวักมือเรียกให้มานั่งข้างๆ



            “อื้อ~~ นี่แปลว่าพวกเราผ่านทุกคนเลยเหรอ” มิทอสหันไปมองรอบๆซึ่งเห็นว่า ทั้งแจ็ก อองรี ก็อยู่ในห้องนี้ด้วย “เออ แล้วเค้าทดสอบยังไงเหรอ ฉันยังไม่เข้าใจเลย” มิทอสพูดพร้อมทั้งนั่งลงบนโซฟา



            “เออ ฉันก็งง เหมือนกัน ฉันเดินไปหยิบแหวน พอมีคนเข้ามาฉันขว้างแหวนไปใส่เค้าเลยล่ะและก็เอื้อมไปหยิบดาบ เล่นเปิดเข้ามาซะเสียงดัง และฉันก็เลยโดนมาที่ตึกมาส์นี่แหละ”ดันเต้พูดพร้อมกับเกาหัวนิดๆ แต่มิทอสได้คำตอบของรอยแดงๆที่เค้าเห็นแล้ว



            “ฉันคิดว่า ดาบนี่หมายถึงมาส์ ส่วนดันเต้น่ะ ที่เค้าให้มาที่ตึกมาส์ก็คงเป็นเพราะ แกเอาแหวนโยนและหันไปหยิบดาบ ส่วนพวกที่เข้าไปแล้วไม่หยิบอะไรเลยคงสอบตก เพราะอย่างนี้ไงพวกที่สอบตกก็เลยไม่รู้ว่า ทำไมถึงสอบตก และไม่มีใครเคยรู้วิธีการสอบ”อองรีอธิบายให้เพื่อนทั้งสามฟัง



            หลังจากนั้นซัก 3 ชั่วโมง ก็มีคนเข้ามาเพิ่มแค่เพียง 5 คนเท่านั้นถ้านับดูแล้ว ในห้องนี้คงมีประมาณ 25 คนได้



            ตุบ ตุบ ตุบ



            เสียงฝีเท้าของ ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามา เค้าใส่ชุดที่เป็นแขนยาว คอทรงสูงติดกระดุมยาวลงมาสีเทา และการเกาขายาวสีเทาซึ่งดูเหมือนจะเป็นเครื่องแบบนัเรียน ที่มือมีแหวนรูปสิงโตที่มีตาสีแดง



            “ฉันเป็นหัวหน้าหอมาส์ ชื่อเวลส์ นิโคไลท์ คนที่ฉันพูดชื่อดังต่อไปนี้จะต้อวอยู่ห้องเดียวกัน ซึ่งห้องนึงนอน 3 คนไม่มีการเปลี่ยนห้อง จะเรียงตามคะแนนที่ได้ ห้องแรก อองรี ไว้ส์เคานท์” หลังจากพูดชื่อจบอองรี หันมามองทางมิทอส เล็กน้อยและเดินออกไปเพื่อไปที่ห้อง “ดันเต้ มอร์บาซาน  มิทอส เซนนิย่า” หลังจากที่รุ่นพี่พูดจบทั้งสองก็เดินกอดคอกันเข้าไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×