ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love games เกมส์กลกามเทพแผลงศร

    ลำดับตอนที่ #1 : Game start

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 48


              สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ปลายฟ้าเป็นเด็กสาวมัธยมปลายปี 2 ธรรมดาๆคนหนึ่ง ซึ่งมีสิ่งที่ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไปก็คือ เด็กหนุ่มตัวสูง ผมยาวสี



    ดำเคลียบ่า ดวงตาสีดำสนิท แววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก ผิวขาวราวกับผู้หญิง แต่ตัวจริงโหดร้ายและน่ารังเกียจที่สุด เรื่องมันก็มีอยู่ว่า



        “นี่ นี่ ห้องม. 5 / 8 อยู่ทางไหนหรอ” ฉันสะกิดถามเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังหันหลังให้



        แล้วคุณพระช่วย! เขาก็หันมา แววตาเย็นชาไร้ความรู้สึกเมื่อจ้องมองลึกลงไปชวนให้นึกถึงความว่างเปล่าชวนขนลุก ซึ่งฉันไม่



    ชอบเลย และคงคิดผิดแล้วที่หันมาถามคนคนนี้



        “ตรงไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวขวา” เขาตอบเรียบๆ นาทีที่เขาพูดออกมา น้ำเสียงทุ้มลึกทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด โดยไม่รู้



    สาเหตุ



        “ขอบคุณค่ะ” ฉันก้มหัวให้ เพราะคิดว่าเขาคงจะอยู่ในระดับชั้นที่สูงกว่า (ดูจากรูปร่างเขาน่ะนะ)  



        “ไม่เป็นไร” เขาบอก แล้วเดินจากไป จากนั้นเขาก็ไม่ได้เจอกับฉันอีกเลยจนกระทั่ง........................



        ณ ห้องม. 5 / 8 (ที่เฝ้าค้นหามานาน)



        “สวัสดีค่ะนี่ห้องม.5 / 8 รึเปล่าคะ” ฉันร้องอย่างสดใสเมื่อเดินเข้าไปในห้อง



        ภายในห้อง 5 / 8 นักเรียนต่างพากันนั่งอย่างเรียบร้อยเงียบกริบ มีคุณครูที่ปรึกษาซึ่งท่าทางน่ากลัวยืนอยู่



        “อย่างที่ฉันบอกพวกเธอ นี่คือปลายฟ้า แก้วรัตน์ชัยสวัสดิ์กุล หรือว่าฟ้า จะมาเรียนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปห้ามใครรังแกหรือทำอะไร



    เขาเด็ดขาดเพราะว่าพี่ชายเขาหวงมาก ส่วนเรื่องๆอื่นๆไว้ค่อยไปถามกันเอาก็แล้วกันนะ ครูมีธุระไปก่อนล่ะ อ้อ ส่วนที่นั่ง “อาจารย์ฉัตรแก้ว

    (ครูที่ปรึกษา) กวาดตามองไปรอบๆห้องอย่างรีบร้อน



        “นั่งกลุ่มภาคีไปก่อนก็แล้วกันนะเดี๋ยวครูกลับมาค่อยว่ากันอีกที บ๊ายบาย” แล้วอาจารย์ก็ออกจากห้องไป ฉันได้แต่ยืนมองเพื่อนๆอย่างแหยงๆเพราะสายตาทุกคนกำลังจับจ้องอยู่ด้วยแววตาต่างๆกัน



        พวกผู้ชาย (ส่วนน้อย) จ้องมองฉันอย่างสมเพช



        พวกผู้ชาย (ส่วนใหญ่) เตรียมสมุดไว้ขอเบอร์



        พวกผู้หญิง (ส่วนน้อย) จ้องมองฉันด้วยสายตาเป็นมิตร



        พวกผู้หญิง (ส่วนมาก) จ้องมองฉันด้วยสายตาอิจฉาอย่างแรง โดยที่ฉันไม่รู้สาเหตุ ขอย้ำว่าไม่รู้จริงๆ จนเมื่อเด็กหนุ่มร่างปอม

    บาง ตัวสูง ผิวสีออกไม่ขาวไม่คล้ำ ออกแทนๆ เดินมาเรียกฉันที่ยืนแข็งที่อยู่หน้าห้อง



        “สวัสดี” เขายิ้มให้ รอยยิ้มช่างอ่อนโยนจริงๆแถมยังแฝงไว้ด้วยความจริงใจด้วย “ผมชื่อ ภานุเดช เป็นหัวหน้าห้องของห้องนี้ จะ

    เรียกว่าเดชสั้นๆเฉยๆก็ได้ เพราะว่าชื่อจริงมันยาวเกินไป ยินดีที่ได้รู้จัก ปลายฟ้า” เขายื่นมือออกมา ฉันมองเสี้ยววินาทีก่อนจะยื่นมือไปเขย่า



        “ตามมาสิ ผมอยู่กลุ่มเดียวกันกับภาคีนั่นแหละ” เขาออกเดินนำหน้า มีฉันตามไปต้อยๆ และแล้วฉันก็ได้พบกับคนที่มีพระคุณ

    อย่างมากในตอนเช้า พระเจ้าช่วยกล้วยทอด โอ้พระเจ้าจอร์จมันทอดไหม้ ให้ตายสิ ทำไมฉันถึงได้โชคดีอย่างนี้นะ



        “เอ่อ สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อปลายฟ้านะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ฉันเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมกลุ่มทั้งสี่ (ไม่รวมเดชนะ)



        “หวาดดีจ้า เชิญเลยๆ นานแล้วนะที่กลุ่มเราไม่มีผู้หญิงมานั่ง กี่ปีแล้วล่ะ เกือบห้าปีแล้วมั้ง” เด็กหนุ่มทั้งสามเอ่ยทักทาย แล้วฉันก็

    ได้รู้จักกับทั้งสาม



        ภัทรพล หรือ พล >>> เด็กหนุ่มท่าทางเด็กเรียนที่กุมหัวใจของสาวๆขี้อายไว้



        ภูชิต หรือ ภูมิ >>> เด็กหนุ่มที่ดูหน้าก็รู้แล้วว่าเพลย์บอย



        ภีรภัทร หรือ ภัทร >>> เด็กหนุ่มท่าทางร่าเริงแจ่มใส แต่แฝงไปด้วยความทะลึ่ง ชีกอ



        แต่ทุกๆคนก็เป็นคนดีกันหมด ฉันนั่งคุยกับทั้งสี่ (รวมเดชด้วย) อย่างสนุกสนานตลอดเวลาช่วงเช้าที่เหลือ โดยมีเด็กหนุ่มตัวสูง ผม

    ยาวสีดำเคลียบ่า ดวงตาสีดำสนิท แววตาเย็นชาไร้ความรู้สึก ผิวขาวราวกับผู้หญิงนั่งจ้องอยู่ ฉันรู้สึกคนลุกซู่ทุกครั้งที่สบตากับเขา เขาก็คือ

    ภาคีนั่นเอง อย่างที่ฉันกล่าวไปข้างต้น ถึงเขาจะคอยนั่งจ้อง วงสนทนาของพวกฉันอย่างเย็นชา แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรดลใจต้องหันไปหาคนคนนั้น

    ตลอดเลย



        “เอ่อ......” ฉันกำลังจะเริ่มแต่แล้วก็กลัว - - สายตาที่เขามองมา ฉันจึงหันกลับไปคุยกับพวกเดชต่อ นี่เป็นหนที่สามแล้วที่ฉันทำ

    แบบนี้



        “เธอ...เป็นอะไรกับภาคีหรอ เห็นเขาเงียบๆอย่างนั้นแต่เป็นคนดีมากเลยนะ”เดชที่สังเกตเห็นอาการฉันจึงแนะนำสมาชิกที่เหลือ



        “สวัสดีจ๊ะ ขอบคุณนะที่ช่วยฉันไว้เมื่อเช้า” ฉันเอ่ยกับภาคี พลางยิ้มให้



        “ไม่จำเป็นเก็บคำขอบคุณของเธอไว้บอกผู้ชายในสต็อกเถอะ” เขาบอกเรียบๆ เย็นชาจนทำให้ฉันหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย



        อ๊ายยยยยยยยยยยยยย นายคนนี้กล้าดียังไง กล้ายังไงมาพูดกับฉันแบบนี้  ฉันล่ะเกลียดผู้ชายพรรค์นี้มากที่สุดในโลกเลย จำไว้

    ใส่กะลาหัวเลยนะว่าคนอย่างนายน่ะฉันไม่มีวันคบหรอก ถึงแม้เมื่อเช้าจะหล่อ จะเท่ห์เท่าไหนก็ตาม นี่ขนาดแค่คิดนะ



        “นี่นาย ฉันเพิ่งมาเรียนเป็นวันแรกนะ จะไปมีผู้ชายในสต็อกได้ยังไง บ้ารึเปล่า” ฉันเปิดฉากการสนทนากับเขาด้วยเรื่องชวน

    ทะเลาะ คือ เขาชวนมากกว่า



        “ตอนเช้าอาจจะไม่มี แต่ตอนนี้ได้ไปสี่แล้วนี่” ภาคีปรายตามองไปยังเพื่อนๆสี่คนที่เหลือ “สนิทกันนัก ระวังตัวเอาไว้เถอะ”



        “นี่ภาคี ปลายฟ้าเขาไม่ได้ไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องเมื่อสองปีก่อนเลยนะ ทำแบบนี้แล้วได้อะไร” เดชโต้แทน



        “แหม เพิ่งเจอกันได้ไม่ทันไรก็ออกโรงปกป้องกันเลยนะ”



        “นายเข้าใจผิดนะภาคี ฉันไม่ได้...”    



        “ใช่นายเข้าใจผิดเราอยู่นะภาคี เราไม่สนิทกันถึงขั้นนั้นหรอก แล้วปลายฟ้าก็ดูไม่ใช่คนเลวด้วย”



        “ก็เพราะว่าดูไม่เหมือนน่ะสิ ถึงต้องระวังเพราะว่าผู้หญิงสมัยนี้น่ะใจง่าย ใจแตกตั้งแต่เด็ก ยังเห็นใสๆแบบนี้น่ะ ร้ายทั้งนั้น”



        “นี่นาย...”ฉันเริ่มไม่พอใจทุบโต๊ะปัง! พลางยืนขึ้น “คิดรึบ้างเปล่าว่าผู้หญิงไม่ได้เป็นพวกใจแตกไปซะทุกคน ที่ดีๆยังมีอีกเยอะ

    เพียงแต่นายไม่เคยเข้าใจพวกเขา มัวแต่หน้ามืดตามัวกับคำว่าผู้หญิงใจแตกอยู่นั่นแหละ มิน่าล่ะ ถึงไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมลดตัวมาคบกับ

    นายเลยไอ้พวกไฮโซสมองกลวง” ฉันต่อว่า



        ภาคีพุ่งตัวออกจากโต๊ะตรงมาหาฉันทันที แต่โชคดีอีกที่เพื่อนๆทั้งสี่ของเขาห้ามไว้ทัน แม้จะทันอย่างหงวุดหวิดก็ตามที



        “ภาคี มันไม่คุ้มที่จะไปเสี่ยงนะ” พลเตือน แต่ภาคียังดิ้นอยู่



        “คีย์ นี่นาย ฟังฉันนะ ฉัน เชื่อ ว่า ปลาย   ฟ้า   เป็น   คน   ดี   และ   ไม่   มี   ทาง   ทำ   สิ่ง   เลว   ร้าย   ได้   อย่าง   แน่  

    นอน”เดชพูดออกมาอย่างช้าๆทีละคำโดยหวังจะให้มันซึมเข้าไปในใจของเพื่อนชายที่พลุ่งพล่านอยู่



        “ใจเย็นเพื่อน ใจเย็น” ดูเหมือนเดชจะป็นคนเดียวที่ภาคีรับฟังบ้างถึงแม้จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยอมแพ้แต่โดยดี



        “ขอโทษทีพอดีมันหงุดหงิดนิดหน่อยอ่ะ ขอโทษด้วย” เขาบอกกับเพื่อนๆทั้งสี่คน



        “คนที่นายควรจะขอโทษมากที่สุดก็คือ ปลายฟ้านะ นายว่าเค้าไปซะแรงไม่ใช่หรอ”



        “ก็อาจจะใช่ งั้นยัย....”ภาคีหันไปหาฉันแต่ก็ไม่พบ



        “หายไปไหนซะแล้วล่ะ”



        “ไม่รู้สิ งั้นฉันก็ไม่ต้องขอโทษใช่มั้ย ไปล่ะ” ภาคีทำท่าไม่ใส่ใจ เดินผ่านห้องน้ำหญิงที่อยู่ถัดจากห้องเรียน เสียงแรกที่เขาได้ยิน

    คือ เสียงใครคนหนึ่งตะโกนต่อว่าเขาอยู่ในห้องน้ำ



        “นายภาคีบ้าหน็อยแน่ะคิดว่าหน้าตาดีแล้วจะทำอะไรใครได้ง่ายๆหรอกเชอะ ฝันไปเถอะ นายกับฉันได้ประกาศศัตรูกันแน่เร็วๆนี้

    นายไฮโซสมองกลวง” มันก็คือเสียงฉันนั่นเอง ฉันกำลังตีน้ำเล่นระบายอารมณ์อยู่ น้ำกระจายซะเต็มห้องเลย แต่ฉันก็ยังไม่หายหงุดหงิดหมอ

    นี่อยู่ดี คนอะไรก็ไม่รู้น่ารังเกียจเป็นบ้า



        “สงสัยนายจะโดนเกลียดซะแล้วล่ะ ภาคี”พลเอ่ยอย่างอารมณ์ดี



        “ถ้าคิดจะไม่ช่วยก็เชิญหุบปากอยู่เฉยๆเลยนะ”ภาคตวาด



        เดชที่ไม่เคยเกรงกลัวเพื่อนคนนี้เลย เดินเข้ามาเคาะประตูห้องน้ำ “เอ่อ .... ปลายฟ้า เธออยู่ข้างในรึเปล่า เปิดประตูออกมาหน่อย

    สิ”



        “ใครน่ะ เดชหรอ ใช่ฉันอยู่ข้างในนี้แต่ขอร้องล่ะ ออกไปก่อนได้ไหม ฉันอยากอยู่คนเดียว” ฉันตะโกนตอบกลับไป



        ภาคีที่รออยู่ด้านนอกทำท่าหงุดหงิด เขาล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมา “ถึงพวกนายจะอภัยให้แต่ฉันไม่ยอมให้โดนทำ

    อยู่ฝ่ายเดียวแน่” เขาเสียบกุญแจเข้ากับกลอนประตูมันลั่นดังกริ๊กในไม่กี่วินาทีต่อมา ภาคียิ้มอย่างพอใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน “นี่ ยัย

    แสบ ออกมาได้แล้ว ทำท่ายังกับถูกแฟนทิ้งอย่างนั้นแหละ เลิกบ้าได้แล้วออกมา” ภาคีเปิดประและลงกลอนทันทีเมื่อเขาเข้ามาได้แล้ว

        

                   “ไม่!!! นายนั่นแหละออกไปพวกไฮโซสมองกลวง” ฉันไล่

        

                 “โอเค เรื่องที่เธอว่าฉันว่าเกลียด ก็ยังพอรับได้ แต่เรื่องที่ยอมไม่ได้คือ เธอว่าฉันว่าไฮโซสมองกลวง”ภาคีย่างสุขุมเข้ามาหาฉันซึ่งถอยหลังโดยอัตโนมัติ

        

                 “นาย นาย นายจะทำอะไรฉัน”

        

                 “พิสูจน์ให้เธอเห็นว่าโฮโซสมองกลวงทำอะไรได้บ้าง”

        

                 วูบ   พลั่ก    เพี๊ยะ! สองเสียงแรกเป็นเสียงภาคีจับตัวฉันไปกระแทกกับผนังห้องน้ำ ส่วนเสียงสุดท้ายคือเสียงฉันตบหน้าภาคีก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไรที่คงไม่ดีใส่ฉัน แต่แรงตบจากผู้หญิงอันน้อยนิดไม่สามารถที่จะทำให้ผู้ชายตัวใหญ่ แข็งแรง บึกบึนเซได้ แต่มันทำให้เขาหน้าชาไปชั่วขณะหนึ่ง ที่ฉันคิดว่าฉันกำลังทำในสิ่งที่ผิดอยู่ เขายืนค้ำกับผนังโน้มตัวเข้ามาหาตัวฉัน ในขณะที่มือข้างหนึ่งยืนผนังไว้ ส่วนอีกข้างกำลังลูบไล้ผมของฉันเล่น นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ



        “ไฮโซ............สมองกลวง ก็ยังดีกว่าพวกใจแตกแต่เด็กก็แล้วกัน” ภาคีพูดช้าๆ



        “ตอนไหนกัน ฉันไปยั่วผู้ชายต่อหน้านายตอนไหนกัน นายก็เห็น ฉันยังย้ายมาได้ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ จะให้ไปทำในสิ่งที่นายคิดน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก” ฉันตะโกนใส่หน้าภาคี แต่น่าแปลกที่เขาไม่สนใจกลับมองสำรวจทั่วร่างกายของฉันมากกว่า



        “ตอนไหนก็ไม่รู้ล่ะ เธอนี่ก็อดอยากผู้ชายจริงๆนะ นี่แม้แต่ในห้องน้ำหญิงที่อยู่กันสองต่อสองกับผู้ชายซึ่งสามารถจะทำอะไรเธอได้ตลอดเวลายังไม่เว้นเลยนะเนี่ย”



        ฉันเริ่มสำรวจไปรอบๆร่างกายตัวเองแล้ว กรี๊ด เสื้อนักเรียนของฉัน ที่มันเปียกเพราะนี่ฉันเล่นเมื่อกี๊ เวลายืดแล้วมันแลเห็นเป็นรอยบราสีจางๆเด่นอยู่ “กรี๊ดดดด” ฉันรีบเอามือผลักอกภาคีอย่างแรงแล้วเอามือปิดรอยบราไว้



        “ทีอย่างงี้ล่ะทำเป็นเล่นตัว ถ้ารักนวลจริงคงไม่ให้ฉันเข้าไปประชิดตัวได้ง่ายๆอย่างนี้หรอก” ภาคีที่เซเล็กน้อยจากแรงผลักกล่าวขึ้น



        “อย่ามากวนจะได้มั้ย ฉันจะออกไปเรียนแล้ว”



        “ออกงั้นหรอ ฉันนี่คาดเธอไว้ไม่ผิดจริงๆ เสื้อเปียกอย่างนี้ยังจะมีน่าไปเรียนอีก แถมยังทำท่าใสซื่อบริสุทธิ์ไม่รู้ว่าวันนี้กับอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ไม่ได้เรียนอีก มารยากี่ร้อยเล่มเกวียนเนี่ย”



        จริงด้วยสินะ ฉันลืมไปสนิทเลย เสื้อฉันมันยังเปียกอยู่นี่ ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปไม่ได้น่ะสิ แล้วจะให้อยู่กันกับหมอนี่น่ะหรอ ฝัน

    เหอะ แต่ดูเหมือนภาคีจะไม่ได้สนใจฉันเลย (มันก็ดีแล้วไง) เขาเคาะผนังห้องน้ำสามครั้ง เผยให้เห็นช่องลับที่ซ่อนอยู่ข้างใน ภาคีล้วงมือเข้า

    ไปแล้วหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆออกมาข้างในมีใจความเขียนว่า



        “Lover game เกมส์กลกามเทพแผลงศร



        ผู้เล่น สองคน ชาย 1 หญิง 1



        กติกา    ทั้งสองคนต้องตกลงเป็นแฟนกันและพยายามทำให้อีกฝ่ายบอกรักได้ แล้วเกมส์ก็จะจบ



        อุปกรณ์     ได้ทุกประเภท ยกเว้นมนต์ดำ ไสยาศาสตร์ และก็น้ำมันพราย หรือการบังคับขู่เข็ญ



        คำเตือน



        เกมส์นี้เป็นเกมส์แห่งความรู้สึกและอันตราย หากคุณเป็นคนที่เซ้นสิทีฟ (อ่อนไหวง่าย) ไม่ควรที่จะเล่นเกมส์นี้เพราะความรู้สึกใดๆ

    ในเกมส์นี้เป็นเพียงเรื่องหลอกลวงที่อีกฝ่ายทำขึ้นเพื่อให้ชนะเท่านั้น



        รางวัลของคนชนะ    คนแพ้จะต้องทำตามคนชนะตลอดกาล”ฉันอ่าน



        “ตกลงเธอจะเล่นกับฉันมั้ย”



        “ไร้สาระ” ฉันเบะปากใส่



        “ฉันมีทางเลือกให้เธอสามทาง หนึ่ง ก้มหัวขอโทษซะ สอง ตกลงเล่นเกมส์นี้ และถ้าสองตัวเลือกนี้ยังไม่ดีพอสำหรับเธอล่ะก็ ฉัน

    ก็จะทำให้เธอรู้จักโทษของการอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง เป็นทางเลือกที่สามเอง”



        ฉันนิ่ง ทางเลือกแรก คือ ทางที่ไม่มีวันที่สุด จะให้ก้มหัวขอโทษเรอะ ตัดลิ้นฉันซะยังจะง่ายกว่า ทางที่สองล่ะ เกมส์นี้ดูเหมือนว่า

    จะเป็นเกมส์ที่อันตรายซะด้วย ฉันจะโดนเสน่ห์แบบไหนของภาคีบ้างก็ไม่รู้ไม่เสี่ยงดีกว่า งั้นทางที่สามล่ะ โทษของการอยู่กับผู้ชายสองต่อ

    สอง น่ากลัวที่สุด ทางเลือกที่ดีที่สุดคงจะเป็นข้อสองล่ะมั้ง



        “งั้นตกลง ฉันจะยอมเล่นเกมส์ปัญญาอ่อนกับนาย” ฉันตอบ



        “ติดเข็มกลัดนี่ไว้ซิ” ภาคียื่นเข็มกลัดอันหนึ่งให้ฉัน เป็นรูปหัวใจสีชมพู ส่วนของเขาเป็นสีฟ้า



        “แล้วทำไมฉันจะต้องติดเข็มกลัดปัญญาอ่อนของนายด้วย”



        “เพราะว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่เล่นเกมส์นี้ มันคือกฎ เพราะฉะนั้น เธอจะต้องติดเข็มกลัดนี่มาโรงเรียนทุกวัน”

    ภาคีบอก “เกมส์สตาร์ท เรามาเริ่มกันเถอะ ที่รัก” ภาคีพูดแล้วปล่อยตัวฉันออกมา



        อี๋ ที่รักหรอ แล้วฉันจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย



        “ฉันจะบอกเงื่อนไขของฉันถ้าฉันชนะนายต้องออกไปจากชีวิตฉัน”



        “แต่ถ้าแพ้เธอจะต้องตกเป็นของฉันอย่างไม่มีข้อยกเว้น ตกลงมั้ย”



        “ได้” ฉันจ้องหน้าอย่างท้าทาย ภาคีจ้องตอบกลับมา ท้าทายไม่แพ้กัน



        และแล้ว การเดิมพันแสนอันตรายที่ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไปก็เริ่มขึ้น



    ______________________________________________________________________________________________________

            สวัสดีค่ะ Assassin girl นะคะ เรื่องนี้ก็เป็นนิยายเรื่องที่สองที่เอาลงเว็บแล้ว ยังไงก็ขอฝากให้เม้นท์กันให้เยอะๆด้วยนะคะ ถ้าผลงานดีพอก็จะให้คะแนนด้วยก็ได้ค่ะ ^_^ ขอมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย ยังไงก็สุขสันต์ปีใหม่นะคะ ขอให้ผู้ที่อ่านนิยายเรื่องนี้ทุกคนมีความสุขและพบเจอแต่สิ่งดีๆนะคะ บ๊ายบาย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×