ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KHR & KNB] The Black Carnival | all27 & all x kuroko

    ลำดับตอนที่ #16 : Canival 15 :: Be Strong and Elegant

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.07K
      165
      20 ก.ย. 62

     

     

     

             นี่มันเรื่องอะไรกัน!?

     

              คุโรโกะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นอกจากพวกเขาที่ถูกจับมัดแขนเอาไว้ ก็มีบรรดาชายฉกรรจ์ในชุดเครื่องแบบสีดำเต็มไปหมด ในมือของคนเหล่านั้นมีอาวุธครบครัน ไม่ว่าจะเป็นปืน มีด หรือดาบ แน่นอนว่าอย่างหลังนั้นทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก

     

              นี่มันศตวรรษที่เท่าไหร่กันแล้ว ยังมีคนใช้ดาบอยู่อีกเหรอ?

     

              เดี๋ยวสิ! สิ่งที่เขาต้องสนใจในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนั้น!

     

             นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะ—

     

              นัยน์ตาสีฟ้าอะความารีนปิดลง

     

     

     

     

              ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

     

     

              “เดี๋ยวนะครับ นั่นน่ะ..” คุโรโกะทักขึ้นเมื่อเห็นใครคนหนึ่งพึ่งเดินผ่านไปตรงหัวมุมซอย ผมสีน้ำตาลไหม้ชี้ฟูนั่นช่างคุ้นตา

     

              ซาวาดะ สึนะโยชิ?

     

              “ซาวาดะคุงกับ— แรมโบ้คุงรึเปล่านะ?” เสียงของเขาทำให้ทุกคนต้องหันไปมองทางที่เขาชี้ อาคาชิมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะโยนกระเป๋าของตัวเองให้อาโอมิเนะถือพร้อมกับพูดเสียงดัง

     

              “ฝากไว้หน่อย เดี๋ยวฉันมา!” ร่างสูงโปร่งของผู้มีฉายาว่าจักรพรรดิไร้พ่ายแห่งราคุซันวิ่งตามสองคนนั้นไปแทบจะในทันที

     

              “เดี๋ยวสิครับ! อาคาชิคุง!” คุโรโกะที่ตกใจกับท่าทีหุนหันพลันแล่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของอดีตกัปตันหนุ่มวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง อาคาชิไม่ได้ชะลอฝีเท้าลงดังเช่นทุกครั้ง ในทางกลับกัน เจ้าตัวดูร้อนรนมากจนเหมือนกับว่าเสียงของเขาส่งไปไม่ถึง

     

              “อาคาชิคุง?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ขณะที่ขาก็พาร่างกายบอบบางวิ่งตามชายหนุ่มผมแดงไป ความรู้สึกขุ่นมัวคล้ายอาการหวงของที่แฝงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจนั้นช่างน่าหงุดหงิด

     

             นี่เขาเป็นอะไรไป?

     

              ร่างเล็กชะลอฝีเท้าลงเมื่อใกล้ตามอีกฝ่ายทัน อาคาชิเปลี่ยนจากการวิ่งเป็นการเดินช้าๆ พวกเขาเดินอยู่ห่างจากสึนะและแรมโบ้เพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น

     

              “คุณรีบร้อนไปไหนกันครับ” เด็กหนุ่มกระซิบถาม

     

              “ชู่ว เท็ตสึยะ” คุโรโกะเงียบไปเมื่ออาคาชิหันมาส่งสัญญาณเป็นเชิงขอร้องให้เงียบ แม้จะแอบไม่พอใจอยู่ลึกๆ แต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะละความสนใจจากกัปตันทีมราคุซัน แล้วหันไปสนใจคนทั้งสองที่กำลังเดินเคียงคู่กันอยู่แทน

     

              ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจนี่นา

     

              “นั่นมันพวกเซย์ริน?” ใบหน้าหวานหันขวับไปตามทิศทางที่อาคาชิมองแทบจะในทันที จริงๆด้วย  ทั้งกัปตันฮิวงะ รุ่นพี่อิซึกิ รุ่นพี่มิโตเบะ โค้ชริโกะ และฟุริฮาตะก็อยู่ที่นั่น แถมยังมีฮิมุโระซังอีกต่างหาก

     

              “พวกเขามาทำอะไรที่นี่น่ะครับ แถมยังทำท่าทางลับๆล่อๆ ไม่น่าไว้ใจเลย”

     

              เด็กหนุ่มบ่น ก่อนชะงักไปเมื่อเห็นการแอบอยู่ในซอกตึกของตัวเองและอาคาชิ

     

             อ่า พวกเขาเองก็ทำตัวลับๆล่อๆอยู่นี่

     

              อาคาชิที่เผลอสบตากับฮิมุโระเพียงชั่วครู่ก็รู้เหตุผลของอีกฝ่ายแทบจะในทันที ฮิมุโระเองก็ยังมีความรู้สึกสงสัยและค้างคาใจในตัวของสึนะโยชิอยู่มากพอสมควร แน่นอนว่าความแคลงใจนี้มันก็เกิดขึ้นตั้งแต่เห็นอีกฝ่ายกำลังจะมีอะไรกับอาจารย์ในห้องพักครู

     

              ทั้งเขาและฮิมุโระ ต่างกำลังสงสัยเกี่ยวกับตัวตนและนิสัยที่แท้จริงของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลคนนั้น

     

              แรมโบ้กับสึนะมองรอบๆตัวอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปในภัตตาคารที่ดูหรูหรา ป้ายไม้สักแกะสลักคำว่า ภัตตาคารมาร์ชเมลโล่ เป็นภาษาอิตาลี นอกนั้นก็ยังมีประโยคภาษาอิตาลีตัวเล็กๆที่พวกเขาไม่เข้าใจ ดูจากภายนอกแล้ว ก็คิดว่ามันเป็นร้านที่หรูหราเกินกว่าเด็กมัธยมปลายจะเข้าได้

     

             อ้อ ยกเว้นอาคาชิไว้หนึ่งคน

     

              “จะตามเข้าไปด้วยมั้ยครับ?” คุโรโกะถามเสียงใสแกมประชดประชันเล็กน้อย เดิมทีเขาไม่ได้ไม่ชอบอะไรในตัวเด็กหนุ่มผมน้ำตาลคนนั้น ถึงจะรู้สึกแปลกๆไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในกลุ่มคนที่เขารู้สึกถูกชะตา น่าแปลกที่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกหงุดหงิดเสียเหลือเกินที่คนข้างตัวดูจะสนใจอะไรบางอย่างในตัวคนๆนั้นมากกว่าปกติ

     

              ถ้าเขาเป็นผู้หญิงคงนึกว่าตัวเองเป็นเมนส์

     

              “ถ้าเข้าได้ก็อยากเข้าไปดูเหมือนกั— เท็ตสึยะ! ระวังข้างหลัง!

     

              “เอ๊ะ?” ผ้าสีขาวที่มีกลิ่นฉุนถูกโปะไว้ตรงจมูก นัยน์ตาเริ่มพร่าเลือนและมองรอบข้างได้ไม่ชัดนัก เขาเห็นอาคาชิที่กำลังมีสีหน้าเดือดดาด เห็นพวกฮิมุโระที่ตกใจจนรีบรุดเข้ามาหาพวกเขา เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำค่อยๆเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้

     

              และภาพสุดท้าย..

     

              คือร่างเล็กๆของเด็กสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายเจ้าของกลุ่มสีฟ้าน้ำทะเลที่ยาวสยายลงถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีอะความารีนหรี่ตามองพวกเขาที่เริ่มล้มลงด้วยฤทธิ์ยาสลบด้วยสายตาอ่านยาก

     

              ก่อนที่ริมฝีปากบางเฉียบนั้นจะคลี่ยิ้มมุมปาก

     

             “ว๊า~ ดูเหมือนฉันจะจับปลาตัวใหญ่ได้ล่ะ~

     

     

     

     

              “พวกเราจะถูกลักพาตัวสินะ”

     

              เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคย อาคาชิซึ่งถูกมัดมือเอาไว้อย่างแน่นหนานั่งอยู่ไม่ห่างจากเขานัก รอบตัวในตอนนี้ไม่มีใครนอกจากพวกเขา แต่ถ้าให้เดา— ข้างหน้านี่คงมีคนคอยเฝ้าอยู่เยอะแน่ๆ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวซักเท่าไหร่ แต่คนที่จับพวกเขามา ย่อมไม่ได้มีเจตนาดี

     

              เมื่อมองไปยังคนอื่นๆ ก็พบว่ายาสลบเริ่มที่จะหมดฤทธิ์เสียแล้ว

     

              “ไม่นึกเลยว่า โตจนป่านนี้แล้วยังจะถูกลักพาตัวอยู่อีก” กัปตันทีมผมแดงแห่งราคุซันบ่นพลางไหวไหล่ โดยมีสีหน้าซีดเผือดของเหล่าสมาชิกทีมเซย์รินเป็นพื้นหลัง

     

              “บ้านนายรวยนี่นะ ถามได้มั้ยว่าชีวิตนี้โดนจับไปเรียกค่าไถ่แล้วกี่ครั้ง” หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มถามขึ้น อาคาชินิ่งไปชั่วครู่ก่อนส่ายหน้า

     

              “ไม่รู้สิ จำไม่ได้ ก็คงประมาณ..30 กว่าครั้งได้มั้ง”

     

              คนๆนี้มีชีวิตรอดมาจนอายุ 17 ได้ยังไงกันนะ..

     

              “ก่อนอื่น เราคงต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันจับเรามาทำไม” ฮิมุโระว่า นัยน์ตาเรียวกวาดสายตามองรอบๆโกดังอย่างพินิจ ที่นี่เป็นเพียงโกดังเก่าๆที่ดูเหมือนจะร้างไปนานแล้วเท่านั้น หลายส่วนของโกดังมีฝุ่นเขรอะจนแทบจะหายใจไม่ออก ตามเครื่องเรือนและเพดานมีหยากไย่อยู่เต็มไปหมด

     

              เขาเหลือบตามองเจ้าของฉายาจักรพรรดิแห่งราคุซันเพียงชั่วครู่

     

             นึกว่าคุณชายอย่างหมอนี่จะรับสภาพแบบนี้ไม่ได้ซะอีก งั้นก็ที่บอกว่าถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่อยู่บ่อยๆคงไม่ใช่เรื่องโกหก

     

              “มองอะไร?

     

              สมาชิกทีมโยเซ็นเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาคนที่ถูกลักพาตัวมาส่ายหน้ายิ้มๆ “เปล่านี่ แค่มองเฉยๆก็ไม่ได้รึไง? 

     

              ปึง!

     

              ทุกคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปึงปังที่ประตูด้านหน้า บานประตูขนาดใหญ่ถูกกระแทกให้เปิดออกอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น พวกชายฉกรรจ์ในชุดสูทอาวุธครบมือเดินมาล้อมพวกเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม พวกเขาทุกคนล้วนเป็นชาวต่างชาติ สังเกตได้จากร่างกายที่สูงใหญ่และผมสีออกน้ำตาล บางคนก็ค่อนไปทางบลอนด์

     

              “จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย?” ฟุริฮาตะพึมพำกับตัวเอง พลางขยับตัวไปเบียดรุ่นพี่มิโตเบะซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลเพื่อหลบสายตาคมกริบของคนพวกนั้น พวกเขาต่างตกอยู่ในความระแวง รู้สึกอึดอัดจนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง โดยเฉพาะเมื่อสังเกตเห็นปืนที่ถูกเหน็บไว้ข้างเอวของคนพวกนั้น ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเลือดในกายเย็นเฉียบจนชาไปหมด

     

              คนพวกนี้..

     

             น่ากลัว

     

              “พวกนี้มันคนญี่ปุ่นนี่ พวกแกจับมาทำไม แบบนี้มันจะคุยกันรู้เรื่องมั้ย!? ไอพวกโง่!!” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งดูแล้วน่าจะมีอำนาจสั่งการมาอยู่พอสมควรตวาดใส่พวกชายชุดดำเสียงดังด้วยภาษาอังกฤษที่พวกเขาก็แปลได้ไม่แม่นนัก คนที่เข้าใจประโยคพวกนั้นดูเหมือนจะมีแค่อาคาชิกับฮิมุโระเท่านั้น

     

              “แต่ท่านครับ พวกนี้คุณหนูเขาเป็นคนบอกให้จั— “

     

              “คุณหนูเหรอ?” ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ใบหน้าที่เริ่มมีรอยตีนกาซีดเผือด คนที่พวกเขาต้องจับควรจะเป็นคนที่พูดและฟังภาษังกฤษไม่ก็ภาษาอิตาลีออก แต่พวกนี้มันเป็นแค่เด็ก ถ้านั่นเป็นคำสั่งของคุณหนู— ก็คงช่วยไม่ได้

     

              เขาดูไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกจากโกดังไป สวนทางกับเด็กสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง เธอคือคนเดียวกับที่คุโรโกะเห็นไม่ผิดแน่ เด็กหนุ่มผมฟ้าเม้มริมฝีปาก ชายวัยกลางคนคนนั้นดูจะเกรงใจเธอมากอยู่พอสมควร

     

             เธอคือคนที่สั่งให้คนพวกนี้จับพวกเขามาเหรอ?

     

              “เอาล่ะ~ ไหนดูซิ?” ใบหน้าหวานราวกับเจ้าหญิงเอียงมองพวกเขาด้วยสายตาหวานเชื่อมที่แฝงไปด้วยความกระตือรือร้นและซุกซน เธอกระโดดขึ้นไปนั่งไขว่ห้างบนลังไม้เก่าๆที่กองอยู่ตรงหน้าพวกเขาโดยมีชายฉกรรจ์ในชุดสูทสองคนยืนขนาบข้าง

     

              “เธอพูดภาษาญี่ปุ่นได้?” ฮิวงะหลุดปากถามออกไปโดยไม่ยั้งคิด เธอหัวเราะคิกคักก่อนคลี่ยิ้มหวาน

     

              “แน่นอนสิ ฉันเคยไปที่นั่น แถมเจ้านายของฉันก็มีเชื้อสายญี่ปุ่นอยู่นิดหน่อย” เธอว่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูอารมณ์ดี มือข้างหนึ่งม้วนเส้นผมสีฟ้าเล่น นัยน์ตากลมไล่มองพวกเขาทีละคนจนกระทั่งหยุดที่คุโรโกะเป็นคนสุดท้าย

     

              นัยน์ตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกาย ราวกับเด็กเมื่อเจอของเล่นที่ถูกใจ

     

              “เธอจับพวกเรามาทำไม” อาคาชิเข้าเรื่องโดยไม่อ้อมค้อม เขาอยากกลับที่พักเกินกว่าจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้หวาดกลัวสถานการณ์ตรงหน้าดังเช่นคนอื่นๆ คงเพราะเคยผ่านเรื่องราวคล้ายๆแบบนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

     

              เด็กสาวหัวเราะ เธอกระโดดลงมาจากลังไม้ที่กองสูง ก่อนเดินเข้าไปใกล้ชิดร่างบางผมฟ้าจนผิวหนังแนบกันไร้ช่องว่าง นัยน์ตากลมหรี่มองจักรพรรดิหนุ่มผมแดงด้วยแววตาหยอกล้อ

     

              “เอ ทำไมกันนะ”

     

              “อย่ามาเล่นลิ้น” มันไม่ใช่เรื่องน่าพอใจเลย กับการที่มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาเข้าใกล้คนที่เขาชอบแบบนั้น ริมฝีปากเหยียดตรง พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เป็นอย่างมาก แม้ปกติเขาจะเป็นคนใจเย็น ก็ใช่ว่าจะสามารถทนกับสถานการณ์แบบนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อนั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุโรโกะ

     

              นัยน์ตาสีฟ้าครามของเด็กสาวหรี่ลง ริมฝีปากรูปกระจับเหยียดยิ้มอย่างน่าขนลุก

     

              “ฉันสิต้องพูดประโยคนั้น”

     

              “....”

     

              “อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันเจ้าพวกงี่เง่า พวกแกคิดจะทำอะไรกับวองโกเล่”

     

             วองโกเล่?

     

              หลายๆคนสงสัยกับชื่อที่ไม่คุ้นหูนี้ หากแต่ไม่ใช่กับอาคาชิ ชายหนุ่มยังคงรักษาสีหน้าเรียบนิ่งได้เป็นอย่างดี เขาฉลาดเกินกว่าจะแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าให้ศัตรูคาดเดา

     

              “เอาเถอะ ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกนายจะยอมบอกมาดีๆหรอกนะ”

     

              เธอหัวเราะเสียงใส ก่อนหันไปสั่งกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนกำลังล้อเล่น แต่นัยน์ตาสีฟ้าอะความารีนกลับฉายแววมาดร้ายขึ้นมาราวกับเป็นคนละคน

     

              “ล้วงข้อมูลของพวกมันออกมาให้หมด ต่อให้ต้องฝังไปซักศพหรือสองศพ ฉันก็ไม่สน”

     

     

     

     

              “นี่คิเสะจิน ไปบอกอาจารย์เร็วสิ”

     

              “เดี๋ยวสิ! ทำไมมุราซากิบารัจจิไม่บอกเองล่ะ!! ไม่ก็ให้มิโดริมัจจิไปบอกก็ได้นี่”

     

              “อย่าโยนทุกเรื่องมาให้ฉันจะได้มั้ยคิเสะ”

     

              “มัวเถียงกันอยู่ได้ ชาตินี้จะได้บอกเรื่องพวกเท็ตสึมั้ย?

     

              อิมาโยชิที่ได้ยิน 4 หนุ่มแห่งรุ่นปาฏิหาริย์เอาแต่เถียงกันไม่เลิกก็หันไปมองด้วยความสงสัย ทั้งสี่คนเอาแต่เถียงกันหน้ารสบัสมาได้ซักพักแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกเขาควรจะได้ขึ้นรถเพียงมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป แต่ที่ยังไม่ได้เคลื่อนตัวออกจากที่นี่ซักทีก็เป็นเพราะยังมากันไม่ครบ

     

             นี่มันก็เลยมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ..

     

              “พวกนายมีเรื่องอะไรกัน” ในเมื่อรอไปก็ไม่มีทีท่าว่าพวกคิเสะจะยอมบอก อดีตกัปตันทีมโทโออย่างเขาจึงต้องออกไปถามไถ่ให้กระจ่าง แววตาของทั้ง 4 คนดูตื่นตระหนก โดยเฉพาะอาโอมิเนะที่แต่เดิมก็ไม่ใช่คนเก็บความรู้สึกเก่งอยู่แล้ว

     

              “คือ คือว่า..” เสียงอ้ำๆอึ้งๆเหมือนกำลังหาคำพูดที่เหมาะสมไม่ได้นั่นทำให้เขานึกขำ ใครจะไปรู้ ว่าสิ่งที่มือชู้ตแห่งชูโตคุพูดขึ้นหลังจากนั้น..กลับไม่ใช่เรื่องที่น่าขันเลยซักนิด

     

              ในทางกลับกัน มันทำให้บรรยากาศรื่นเริงในหมู่พวกทาคาโอะเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นตึงเครียดอย่างรวดเร็ว

     

              “คุโรโกะกับอาคาชิหายตัวไป พวกเรานัดเขามากินข้าวด้วยกัน แต่นั่นมันก็ตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว พวกเขาไล่ตามคนๆนึงไป แล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก”

     

              “ว่าไงนะชินจัง!? คุโรโกะกับอาคาชิหายตัวไป!?” ทาคาโอะร้องลั่นด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับอิมาโยชิที่ถึงกับเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเป็นโบพลางเอ่ยถามด้วยความข้องใจ

     

              “หมอนั่นไล่ตามใคร”

     

              “เอ่อคือ..”

     

              “สึนะ.. ซาวาดะ สึนะโยชิ” ไม่มีใครพูดอะไรอีกหลังจากนั้น เป็นจังหวะพอดิบพอดีกับที่เจ้าของชื่อเดินเข้ามาร่วมกลุ่มพร้อมกับแรมโบ้ อิมาโยชิเบือนสายตาไปมองนภาแห่งวองโกเล่ที่ดูไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก เหมือนกับว่ารู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เบนมามองเขาเพียงชั่วครู่ก่อนคลี่ยิ้ม

     

              แต่นั่นมันก็เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น หลังจากนั้นเจ้าตัวก็มารวมกลุ่มสนทนา ทำทีท่าเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

              “ดูเหมือนเซย์รินกับฮิมุโระซังก็หายตัวไปนะครับ” สึนะโยชิว่า เขาก้มลงมองสมาร์ชวอทช์บนข้อมือด้วยสายตาอ่านยาก

     

              “อาจจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่ คงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มาก เพราะงั้น..แยกย้ายกันตามหาพวกเขาเถอะ” ดีโน่ว่าด้วยสีหน้าเหมือนกำลังเป็นกังวล เขาจัดกลุ่มให้ทุกคนแยกย้ายกันไปตามหา ดูจากระยะเวลาที่หายตัวไป พวกคนร้ายเองก็คงยังไปได้ไม่ไกลนัก เผลอๆ..อาจจะยังอยู่แถวๆนี้ด้วยซ้ำ

     

              “กลุ่มไหนหาเจอให้โทรบอกฉัน แยกย้ายกันได้!

     

     

     

     

              นัยน์ตาสีฟ้าอะความารีนสั่นระริกยามมองเพื่อนของตนที่อยู่ในสภาพสะบักสบอมจากการโดนซ้อมอย่างหนัก ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา พวกเขาบางคนยังตามเรื่องราวไม่ค่อยจะทันเสียด้วยซ้ำ จะว่าไป อะไรคือวองโกเล่ พวกเขาก็ยังไม่รู้

     

              ทุกคนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ในกลุ่มพวกเขาในตอนนี้ มีเพียงเขา ฟุริฮาตะ และริโกะเท่านั้นที่ยังไม่เป็นอะไร พวกอาคาชิพยายามปกป้องพวกเขาอย่างสุดชีวิต เอาตัวเองเข้ามาบังจนสุดท้ายก็ถูกจับไปทรมานก่อน คนพวกนั้นใช้ท่อนไม้ทุบตีพวกเขา เตะต่อยพวกเขาราวกับกระสอบทราย

     

              มันเป็นภาพที่ช่างน่าหดหู่ จนทำให้หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวอย่างริโกะแทบจะร้องไห้โฮออกมา

     

             โหดร้าย โหดร้ายเกินไปแล้ว

     

              คุโรโกะมองไปที่อาคาชิและฮิมุโระ ทั้งคู่แม้จะถูกรุมทำร้ายอย่างหนัก แต่กลับพยายามหยัดตัวขึ้นมายืนตัวตรงได้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะรอยแผลจากการถูกซ้อม หรือคราบเลือดตามใบหน้าและร่างกายก็ไม่อาจทำให้พวกเขาดูแย่ลง พวกเขาดู..เข้มแข็ง

     

             ดูแข็งแกร่งและสง่างามจนน่าอิจฉา

     

              “อั่ก!” รุ่นพี่อิซึกิกระอักเลือดออกมาหลังจากโดนต่อยเข้าที่ท้อง เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่พวกเขาถูกซ้อมอยู่แบบนี้ หลายๆคนเริ่มเหนื่อยหอบ พวกเขาพยายามเบี่ยงตัวหลบไม่ให้โดนจุดสำคัญ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผลเสียทุกครั้ง

     

              เด็กสาวผมฟ้าคนนั้นเดินออกไปจากที่นี่ตั้งแต่สั่งพวกลูกน้องเสร็จ เธอไม่แม้แต่จะมาชายตาแลพวกเขาด้วยซ้ำ คุโรโกะเม้มริมฝีปากจนลิ้นเล็กได้รับรสคาวเลือด เขาเผลอกัดปากตัวเองเพราะความเครียดอีกแล้ว ความเครียดและความกลัวเหล่านั้นทำให้เขาเผลอจิกเล็บลงที่แขนของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

     

              “ค คุโรโกะ นายไม่เป็นไรนะ?” ฟุริฮาตะพยายามปลอบ แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย ร่างกายของเงาแห่งเซย์รินสั่นกลัว เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและโกรธเกรี้ยวผสมปนเปกันจนยากจะดับ

     

              “อ๊ากกกกกกก!” พวกเขาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจากข้างนอก เหล่าชายฉกรรจ์ที่กำลังรุมทำร้ายพวกเขาชะงักไปในทันที ประตูเหล็กกล้าเกิดเสียงปึงปังเหมือนมีใครบางคนกำลังใช้อะไรซักอย่างกระแทกมันให้เปิดออก

     

              “เกิดบ้าอะไรขึ้น!” พวกเขาลุกขึ้นพรวดพราด เต็มไปด้วยความโมโห ผละตัวออกจากอาคาชิและฮิมุโระที่บาดเจ็บจากการถูกซ้อม อาคาชิพยายามลืมตาขึ้นมาอย่างอยากลำบาก เขาพยายามหยัดตัวขึ้นแม้ร่างกายจะบาดเจ็บเจียนตาย ผิวขาวซีดเต็มไปด้วยรอยแผลถลอกและรอยฟกช้ำ ที่มุมปากมีคราบเลือดติดอยู่เพราะถูกต่อยอย่างแรงแบบไม่ยั้งมือ

     

              ที่ยอมให้โดนซ้อมก็ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ แต่พวกนั้นมีจำนวนเยอะกว่า ในขณะที่พวกเขาสู้..ร่างบางผมฟ้าตรงนั้นอาจจะโดนพวกศัตรูทำร้ายเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งหมดนี่ ก็เพื่อปกป้องคนๆนั้น

     

             เพื่อปกป้องเท็ตสึยะ

     

              “เกิดอะไรขึ้นข้างนอก!” สติของจักรพรรดิหนุ่มถูกดึงกลับมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกของหนึ่งในชายฉกรรจ์ที่รุมทำร้ายพวกเขา เขาคว้ากระบองที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมา ฟาดมันเข้าที่ศีรษะของชายคนนั้นอย่างแรง

     

              ปัง!!!

     

              และแล้วประตูเหล็กบานใหญ่ก็ถูกเปิดออก

     

             มีคนมาช่วยพวกเขาแล้ว

     

     

     

     

     

    ----------|----------|----------|----------|----------

    แหม่ เท็ตจังนี่ขี้หึงนะคะ ส่วนอาคาชิก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ ทำทุกอย่างเพื่อน้องเท็ตสึยะเลย /ปามินิฮาร์ท

    ทำไงดี ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลย แถมยังรู้สึกเหมือนสมองตันขึ้นทุกวัน แง้ T^T

    เอาเป็นว่าจะพยายามนะคะ

    เม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า

    ปล.มาฝากเรื่องใหม่คร้าบ เป็นแนวพีเรียด + Omegaverse ที่สำคัญ เป็น all27!!

    จิ้ม!!!!

     

     

     

     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×