คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Canival 15 :: Be Strong and Elegant
นี่มันเรื่องอะไรกัน!?
คุโรโกะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
นอกจากพวกเขาที่ถูกจับมัดแขนเอาไว้
ก็มีบรรดาชายฉกรรจ์ในชุดเครื่องแบบสีดำเต็มไปหมด
ในมือของคนเหล่านั้นมีอาวุธครบครัน ไม่ว่าจะเป็นปืน มีด หรือดาบ
แน่นอนว่าอย่างหลังนั้นทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก
นี่มันศตวรรษที่เท่าไหร่กันแล้ว
ยังมีคนใช้ดาบอยู่อีกเหรอ?
เดี๋ยวสิ!
สิ่งที่เขาต้องสนใจในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนั้น!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะ—
นัยน์ตาสีฟ้าอะความารีนปิดลง
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
“เดี๋ยวนะครับ
นั่นน่ะ..” คุโรโกะทักขึ้นเมื่อเห็นใครคนหนึ่งพึ่งเดินผ่านไปตรงหัวมุมซอย
ผมสีน้ำตาลไหม้ชี้ฟูนั่นช่างคุ้นตา
ซาวาดะ สึนะโยชิ?
“ซาวาดะคุงกับ—
แรมโบ้คุงรึเปล่านะ?”
เสียงของเขาทำให้ทุกคนต้องหันไปมองทางที่เขาชี้
อาคาชิมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะโยนกระเป๋าของตัวเองให้อาโอมิเนะถือพร้อมกับพูดเสียงดัง
“ฝากไว้หน่อย
เดี๋ยวฉันมา!”
ร่างสูงโปร่งของผู้มีฉายาว่าจักรพรรดิไร้พ่ายแห่งราคุซันวิ่งตามสองคนนั้นไปแทบจะในทันที
“เดี๋ยวสิครับ! อาคาชิคุง!” คุโรโกะที่ตกใจกับท่าทีหุนหันพลันแล่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของอดีตกัปตันหนุ่มวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง
อาคาชิไม่ได้ชะลอฝีเท้าลงดังเช่นทุกครั้ง ในทางกลับกัน
เจ้าตัวดูร้อนรนมากจนเหมือนกับว่าเสียงของเขาส่งไปไม่ถึง
“อาคาชิคุง?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ขณะที่ขาก็พาร่างกายบอบบางวิ่งตามชายหนุ่มผมแดงไป
ความรู้สึกขุ่นมัวคล้ายอาการหวงของที่แฝงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจนั้นช่างน่าหงุดหงิด
นี่เขาเป็นอะไรไป?
ร่างเล็กชะลอฝีเท้าลงเมื่อใกล้ตามอีกฝ่ายทัน
อาคาชิเปลี่ยนจากการวิ่งเป็นการเดินช้าๆ พวกเขาเดินอยู่ห่างจากสึนะและแรมโบ้เพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
“คุณรีบร้อนไปไหนกันครับ”
เด็กหนุ่มกระซิบถาม
“ชู่ว
เท็ตสึยะ” คุโรโกะเงียบไปเมื่ออาคาชิหันมาส่งสัญญาณเป็นเชิงขอร้องให้เงียบ
แม้จะแอบไม่พอใจอยู่ลึกๆ แต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะละความสนใจจากกัปตันทีมราคุซัน แล้วหันไปสนใจคนทั้งสองที่กำลังเดินเคียงคู่กันอยู่แทน
ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจนี่นา
“นั่นมันพวกเซย์ริน?” ใบหน้าหวานหันขวับไปตามทิศทางที่อาคาชิมองแทบจะในทันที จริงๆด้วย ทั้งกัปตันฮิวงะ รุ่นพี่อิซึกิ รุ่นพี่มิโตเบะ
โค้ชริโกะ และฟุริฮาตะก็อยู่ที่นั่น แถมยังมีฮิมุโระซังอีกต่างหาก
“พวกเขามาทำอะไรที่นี่น่ะครับ
แถมยังทำท่าทางลับๆล่อๆ ไม่น่าไว้ใจเลย”
เด็กหนุ่มบ่น
ก่อนชะงักไปเมื่อเห็นการแอบอยู่ในซอกตึกของตัวเองและอาคาชิ
อ่า
พวกเขาเองก็ทำตัวลับๆล่อๆอยู่นี่
อาคาชิที่เผลอสบตากับฮิมุโระเพียงชั่วครู่ก็รู้เหตุผลของอีกฝ่ายแทบจะในทันที
ฮิมุโระเองก็ยังมีความรู้สึกสงสัยและค้างคาใจในตัวของสึนะโยชิอยู่มากพอสมควร
แน่นอนว่าความแคลงใจนี้มันก็เกิดขึ้นตั้งแต่เห็นอีกฝ่ายกำลังจะมีอะไรกับอาจารย์ในห้องพักครู
ทั้งเขาและฮิมุโระ
ต่างกำลังสงสัยเกี่ยวกับตัวตนและนิสัยที่แท้จริงของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลคนนั้น
แรมโบ้กับสึนะมองรอบๆตัวอยู่พักหนึ่ง
ก่อนที่จะเดินเข้าไปในภัตตาคารที่ดูหรูหรา ป้ายไม้สักแกะสลักคำว่า
ภัตตาคารมาร์ชเมลโล่ เป็นภาษาอิตาลี นอกนั้นก็ยังมีประโยคภาษาอิตาลีตัวเล็กๆที่พวกเขาไม่เข้าใจ
ดูจากภายนอกแล้ว ก็คิดว่ามันเป็นร้านที่หรูหราเกินกว่าเด็กมัธยมปลายจะเข้าได้
อ้อ
ยกเว้นอาคาชิไว้หนึ่งคน
“จะตามเข้าไปด้วยมั้ยครับ?” คุโรโกะถามเสียงใสแกมประชดประชันเล็กน้อย
เดิมทีเขาไม่ได้ไม่ชอบอะไรในตัวเด็กหนุ่มผมน้ำตาลคนนั้น ถึงจะรู้สึกแปลกๆไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในกลุ่มคนที่เขารู้สึกถูกชะตา
น่าแปลกที่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกหงุดหงิดเสียเหลือเกินที่คนข้างตัวดูจะสนใจอะไรบางอย่างในตัวคนๆนั้นมากกว่าปกติ
ถ้าเขาเป็นผู้หญิงคงนึกว่าตัวเองเป็นเมนส์
“ถ้าเข้าได้ก็อยากเข้าไปดูเหมือนกั—
เท็ตสึยะ! ระวังข้างหลัง!”
“เอ๊ะ?” ผ้าสีขาวที่มีกลิ่นฉุนถูกโปะไว้ตรงจมูก
นัยน์ตาเริ่มพร่าเลือนและมองรอบข้างได้ไม่ชัดนัก
เขาเห็นอาคาชิที่กำลังมีสีหน้าเดือดดาด
เห็นพวกฮิมุโระที่ตกใจจนรีบรุดเข้ามาหาพวกเขา
เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำค่อยๆเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้
และภาพสุดท้าย..
คือร่างเล็กๆของเด็กสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายเจ้าของกลุ่มสีฟ้าน้ำทะเลที่ยาวสยายลงถึงกลางหลัง
นัยน์ตาสีอะความารีนหรี่ตามองพวกเขาที่เริ่มล้มลงด้วยฤทธิ์ยาสลบด้วยสายตาอ่านยาก
ก่อนที่ริมฝีปากบางเฉียบนั้นจะคลี่ยิ้มมุมปาก
“ว๊า~ ดูเหมือนฉันจะจับปลาตัวใหญ่ได้ล่ะ~”
“พวกเราจะถูกลักพาตัวสินะ”
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคย
อาคาชิซึ่งถูกมัดมือเอาไว้อย่างแน่นหนานั่งอยู่ไม่ห่างจากเขานัก
รอบตัวในตอนนี้ไม่มีใครนอกจากพวกเขา แต่ถ้าให้เดา— ข้างหน้านี่คงมีคนคอยเฝ้าอยู่เยอะแน่ๆ
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวซักเท่าไหร่ แต่คนที่จับพวกเขามา ย่อมไม่ได้มีเจตนาดี
เมื่อมองไปยังคนอื่นๆ
ก็พบว่ายาสลบเริ่มที่จะหมดฤทธิ์เสียแล้ว
“ไม่นึกเลยว่า
โตจนป่านนี้แล้วยังจะถูกลักพาตัวอยู่อีก” กัปตันทีมผมแดงแห่งราคุซันบ่นพลางไหวไหล่
โดยมีสีหน้าซีดเผือดของเหล่าสมาชิกทีมเซย์รินเป็นพื้นหลัง
“บ้านนายรวยนี่นะ
ถามได้มั้ยว่าชีวิตนี้โดนจับไปเรียกค่าไถ่แล้วกี่ครั้ง”
หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มถามขึ้น อาคาชินิ่งไปชั่วครู่ก่อนส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ
จำไม่ได้ ก็คงประมาณ..30 กว่าครั้งได้มั้ง”
คนๆนี้มีชีวิตรอดมาจนอายุ
17 ได้ยังไงกันนะ..
“ก่อนอื่น
เราคงต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันจับเรามาทำไม” ฮิมุโระว่า
นัยน์ตาเรียวกวาดสายตามองรอบๆโกดังอย่างพินิจ
ที่นี่เป็นเพียงโกดังเก่าๆที่ดูเหมือนจะร้างไปนานแล้วเท่านั้น หลายส่วนของโกดังมีฝุ่นเขรอะจนแทบจะหายใจไม่ออก
ตามเครื่องเรือนและเพดานมีหยากไย่อยู่เต็มไปหมด
เขาเหลือบตามองเจ้าของฉายาจักรพรรดิแห่งราคุซันเพียงชั่วครู่
นึกว่าคุณชายอย่างหมอนี่จะรับสภาพแบบนี้ไม่ได้ซะอีก
งั้นก็ที่บอกว่าถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่อยู่บ่อยๆคงไม่ใช่เรื่องโกหก
“มองอะไร?”
สมาชิกทีมโยเซ็นเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาคนที่ถูกลักพาตัวมาส่ายหน้ายิ้มๆ
“เปล่านี่ แค่มองเฉยๆก็ไม่ได้รึไง?”
ปึง!
ทุกคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปึงปังที่ประตูด้านหน้า
บานประตูขนาดใหญ่ถูกกระแทกให้เปิดออกอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น
พวกชายฉกรรจ์ในชุดสูทอาวุธครบมือเดินมาล้อมพวกเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
พวกเขาทุกคนล้วนเป็นชาวต่างชาติ สังเกตได้จากร่างกายที่สูงใหญ่และผมสีออกน้ำตาล
บางคนก็ค่อนไปทางบลอนด์
“จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย?” ฟุริฮาตะพึมพำกับตัวเอง
พลางขยับตัวไปเบียดรุ่นพี่มิโตเบะซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลเพื่อหลบสายตาคมกริบของคนพวกนั้น
พวกเขาต่างตกอยู่ในความระแวง รู้สึกอึดอัดจนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
โดยเฉพาะเมื่อสังเกตเห็นปืนที่ถูกเหน็บไว้ข้างเอวของคนพวกนั้น
ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเลือดในกายเย็นเฉียบจนชาไปหมด
คนพวกนี้..
น่ากลัว
“พวกนี้มันคนญี่ปุ่นนี่
พวกแกจับมาทำไม แบบนี้มันจะคุยกันรู้เรื่องมั้ย!?
ไอพวกโง่!!” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งดูแล้วน่าจะมีอำนาจสั่งการมาอยู่พอสมควรตวาดใส่พวกชายชุดดำเสียงดังด้วยภาษาอังกฤษที่พวกเขาก็แปลได้ไม่แม่นนัก
คนที่เข้าใจประโยคพวกนั้นดูเหมือนจะมีแค่อาคาชิกับฮิมุโระเท่านั้น
“แต่ท่านครับ
พวกนี้คุณหนูเขาเป็นคนบอกให้จั— “
“คุณหนูเหรอ?” ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ใบหน้าที่เริ่มมีรอยตีนกาซีดเผือด
คนที่พวกเขาต้องจับควรจะเป็นคนที่พูดและฟังภาษังกฤษไม่ก็ภาษาอิตาลีออก
แต่พวกนี้มันเป็นแค่เด็ก ถ้านั่นเป็นคำสั่งของคุณหนู— ก็คงช่วยไม่ได้
เขาดูไม่พอใจเล็กน้อย
ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกจากโกดังไป
สวนทางกับเด็กสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง
เธอคือคนเดียวกับที่คุโรโกะเห็นไม่ผิดแน่ เด็กหนุ่มผมฟ้าเม้มริมฝีปาก
ชายวัยกลางคนคนนั้นดูจะเกรงใจเธอมากอยู่พอสมควร
เธอคือคนที่สั่งให้คนพวกนี้จับพวกเขามาเหรอ?
“เอาล่ะ~ ไหนดูซิ?”
ใบหน้าหวานราวกับเจ้าหญิงเอียงมองพวกเขาด้วยสายตาหวานเชื่อมที่แฝงไปด้วยความกระตือรือร้นและซุกซน
เธอกระโดดขึ้นไปนั่งไขว่ห้างบนลังไม้เก่าๆที่กองอยู่ตรงหน้าพวกเขาโดยมีชายฉกรรจ์ในชุดสูทสองคนยืนขนาบข้าง
“เธอพูดภาษาญี่ปุ่นได้?” ฮิวงะหลุดปากถามออกไปโดยไม่ยั้งคิด เธอหัวเราะคิกคักก่อนคลี่ยิ้มหวาน
“แน่นอนสิ
ฉันเคยไปที่นั่น แถมเจ้านายของฉันก็มีเชื้อสายญี่ปุ่นอยู่นิดหน่อย”
เธอว่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูอารมณ์ดี มือข้างหนึ่งม้วนเส้นผมสีฟ้าเล่น นัยน์ตากลมไล่มองพวกเขาทีละคนจนกระทั่งหยุดที่คุโรโกะเป็นคนสุดท้าย
นัยน์ตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกาย
ราวกับเด็กเมื่อเจอของเล่นที่ถูกใจ
“เธอจับพวกเรามาทำไม”
อาคาชิเข้าเรื่องโดยไม่อ้อมค้อม เขาอยากกลับที่พักเกินกว่าจะเสียเวลาอยู่ที่นี่
เขาไม่ได้หวาดกลัวสถานการณ์ตรงหน้าดังเช่นคนอื่นๆ
คงเพราะเคยผ่านเรื่องราวคล้ายๆแบบนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
เด็กสาวหัวเราะ
เธอกระโดดลงมาจากลังไม้ที่กองสูง
ก่อนเดินเข้าไปใกล้ชิดร่างบางผมฟ้าจนผิวหนังแนบกันไร้ช่องว่าง
นัยน์ตากลมหรี่มองจักรพรรดิหนุ่มผมแดงด้วยแววตาหยอกล้อ
“เอ
ทำไมกันนะ”
“อย่ามาเล่นลิ้น”
มันไม่ใช่เรื่องน่าพอใจเลย
กับการที่มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาเข้าใกล้คนที่เขาชอบแบบนั้น ริมฝีปากเหยียดตรง
พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เป็นอย่างมาก แม้ปกติเขาจะเป็นคนใจเย็น
ก็ใช่ว่าจะสามารถทนกับสถานการณ์แบบนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อนั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุโรโกะ
นัยน์ตาสีฟ้าครามของเด็กสาวหรี่ลง ริมฝีปากรูปกระจับเหยียดยิ้มอย่างน่าขนลุก
“ฉันสิต้องพูดประโยคนั้น”
“....”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันเจ้าพวกงี่เง่า
พวกแกคิดจะทำอะไรกับวองโกเล่”
วองโกเล่?
หลายๆคนสงสัยกับชื่อที่ไม่คุ้นหูนี้
หากแต่ไม่ใช่กับอาคาชิ ชายหนุ่มยังคงรักษาสีหน้าเรียบนิ่งได้เป็นอย่างดี
เขาฉลาดเกินกว่าจะแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าให้ศัตรูคาดเดา
“เอาเถอะ
ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกนายจะยอมบอกมาดีๆหรอกนะ”
เธอหัวเราะเสียงใส
ก่อนหันไปสั่งกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนกำลังล้อเล่น
แต่นัยน์ตาสีฟ้าอะความารีนกลับฉายแววมาดร้ายขึ้นมาราวกับเป็นคนละคน
“ล้วงข้อมูลของพวกมันออกมาให้หมด
ต่อให้ต้องฝังไปซักศพหรือสองศพ ฉันก็ไม่สน”
“นี่คิเสะจิน
ไปบอกอาจารย์เร็วสิ”
“เดี๋ยวสิ! ทำไมมุราซากิบารัจจิไม่บอกเองล่ะ!!
ไม่ก็ให้มิโดริมัจจิไปบอกก็ได้นี่”
“อย่าโยนทุกเรื่องมาให้ฉันจะได้มั้ยคิเสะ”
“มัวเถียงกันอยู่ได้
ชาตินี้จะได้บอกเรื่องพวกเท็ตสึมั้ย?”
อิมาโยชิที่ได้ยิน
4 หนุ่มแห่งรุ่นปาฏิหาริย์เอาแต่เถียงกันไม่เลิกก็หันไปมองด้วยความสงสัย
ทั้งสี่คนเอาแต่เถียงกันหน้ารสบัสมาได้ซักพักแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกเขาควรจะได้ขึ้นรถเพียงมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป
แต่ที่ยังไม่ได้เคลื่อนตัวออกจากที่นี่ซักทีก็เป็นเพราะยังมากันไม่ครบ
นี่มันก็เลยมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ..
“พวกนายมีเรื่องอะไรกัน”
ในเมื่อรอไปก็ไม่มีทีท่าว่าพวกคิเสะจะยอมบอก
อดีตกัปตันทีมโทโออย่างเขาจึงต้องออกไปถามไถ่ให้กระจ่าง แววตาของทั้ง 4
คนดูตื่นตระหนก โดยเฉพาะอาโอมิเนะที่แต่เดิมก็ไม่ใช่คนเก็บความรู้สึกเก่งอยู่แล้ว
“คือ
คือว่า..” เสียงอ้ำๆอึ้งๆเหมือนกำลังหาคำพูดที่เหมาะสมไม่ได้นั่นทำให้เขานึกขำ
ใครจะไปรู้
ว่าสิ่งที่มือชู้ตแห่งชูโตคุพูดขึ้นหลังจากนั้น..กลับไม่ใช่เรื่องที่น่าขันเลยซักนิด
ในทางกลับกัน
มันทำให้บรรยากาศรื่นเริงในหมู่พวกทาคาโอะเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นตึงเครียดอย่างรวดเร็ว
“คุโรโกะกับอาคาชิหายตัวไป
พวกเรานัดเขามากินข้าวด้วยกัน แต่นั่นมันก็ตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว
พวกเขาไล่ตามคนๆนึงไป แล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก”
“ว่าไงนะชินจัง!?
คุโรโกะกับอาคาชิหายตัวไป!?” ทาคาโอะร้องลั่นด้วยความตกใจ
เช่นเดียวกับอิมาโยชิที่ถึงกับเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเป็นโบพลางเอ่ยถามด้วยความข้องใจ
“หมอนั่นไล่ตามใคร”
“เอ่อคือ..”
“สึนะ..
ซาวาดะ สึนะโยชิ” ไม่มีใครพูดอะไรอีกหลังจากนั้น เป็นจังหวะพอดิบพอดีกับที่เจ้าของชื่อเดินเข้ามาร่วมกลุ่มพร้อมกับแรมโบ้
อิมาโยชิเบือนสายตาไปมองนภาแห่งวองโกเล่ที่ดูไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก
เหมือนกับว่ารู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว
นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เบนมามองเขาเพียงชั่วครู่ก่อนคลี่ยิ้ม
แต่นั่นมันก็เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็มารวมกลุ่มสนทนา ทำทีท่าเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดูเหมือนเซย์รินกับฮิมุโระซังก็หายตัวไปนะครับ”
สึนะโยชิว่า เขาก้มลงมองสมาร์ชวอทช์บนข้อมือด้วยสายตาอ่านยาก
“อาจจะโดนจับไปเรียกค่าไถ่
คงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มาก เพราะงั้น..แยกย้ายกันตามหาพวกเขาเถอะ”
ดีโน่ว่าด้วยสีหน้าเหมือนกำลังเป็นกังวล เขาจัดกลุ่มให้ทุกคนแยกย้ายกันไปตามหา
ดูจากระยะเวลาที่หายตัวไป พวกคนร้ายเองก็คงยังไปได้ไม่ไกลนัก
เผลอๆ..อาจจะยังอยู่แถวๆนี้ด้วยซ้ำ
“กลุ่มไหนหาเจอให้โทรบอกฉัน
แยกย้ายกันได้!”
นัยน์ตาสีฟ้าอะความารีนสั่นระริกยามมองเพื่อนของตนที่อยู่ในสภาพสะบักสบอมจากการโดนซ้อมอย่างหนัก
ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา พวกเขาบางคนยังตามเรื่องราวไม่ค่อยจะทันเสียด้วยซ้ำ
จะว่าไป อะไรคือวองโกเล่ พวกเขาก็ยังไม่รู้
ทุกคนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
ในกลุ่มพวกเขาในตอนนี้ มีเพียงเขา ฟุริฮาตะ และริโกะเท่านั้นที่ยังไม่เป็นอะไร
พวกอาคาชิพยายามปกป้องพวกเขาอย่างสุดชีวิต
เอาตัวเองเข้ามาบังจนสุดท้ายก็ถูกจับไปทรมานก่อน คนพวกนั้นใช้ท่อนไม้ทุบตีพวกเขา
เตะต่อยพวกเขาราวกับกระสอบทราย
มันเป็นภาพที่ช่างน่าหดหู่
จนทำให้หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวอย่างริโกะแทบจะร้องไห้โฮออกมา
โหดร้าย
โหดร้ายเกินไปแล้ว
คุโรโกะมองไปที่อาคาชิและฮิมุโระ
ทั้งคู่แม้จะถูกรุมทำร้ายอย่างหนัก
แต่กลับพยายามหยัดตัวขึ้นมายืนตัวตรงได้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะรอยแผลจากการถูกซ้อม
หรือคราบเลือดตามใบหน้าและร่างกายก็ไม่อาจทำให้พวกเขาดูแย่ลง พวกเขาดู..เข้มแข็ง
ดูแข็งแกร่งและสง่างามจนน่าอิจฉา
“อั่ก!” รุ่นพี่อิซึกิกระอักเลือดออกมาหลังจากโดนต่อยเข้าที่ท้อง
เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่พวกเขาถูกซ้อมอยู่แบบนี้ หลายๆคนเริ่มเหนื่อยหอบ
พวกเขาพยายามเบี่ยงตัวหลบไม่ให้โดนจุดสำคัญ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผลเสียทุกครั้ง
เด็กสาวผมฟ้าคนนั้นเดินออกไปจากที่นี่ตั้งแต่สั่งพวกลูกน้องเสร็จ
เธอไม่แม้แต่จะมาชายตาแลพวกเขาด้วยซ้ำ
คุโรโกะเม้มริมฝีปากจนลิ้นเล็กได้รับรสคาวเลือด เขาเผลอกัดปากตัวเองเพราะความเครียดอีกแล้ว
ความเครียดและความกลัวเหล่านั้นทำให้เขาเผลอจิกเล็บลงที่แขนของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“ค
คุโรโกะ นายไม่เป็นไรนะ?” ฟุริฮาตะพยายามปลอบ
แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย ร่างกายของเงาแห่งเซย์รินสั่นกลัว
เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและโกรธเกรี้ยวผสมปนเปกันจนยากจะดับ
“อ๊ากกกกกกก!” พวกเขาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจากข้างนอก
เหล่าชายฉกรรจ์ที่กำลังรุมทำร้ายพวกเขาชะงักไปในทันที
ประตูเหล็กกล้าเกิดเสียงปึงปังเหมือนมีใครบางคนกำลังใช้อะไรซักอย่างกระแทกมันให้เปิดออก
“เกิดบ้าอะไรขึ้น!” พวกเขาลุกขึ้นพรวดพราด เต็มไปด้วยความโมโห
ผละตัวออกจากอาคาชิและฮิมุโระที่บาดเจ็บจากการถูกซ้อม
อาคาชิพยายามลืมตาขึ้นมาอย่างอยากลำบาก
เขาพยายามหยัดตัวขึ้นแม้ร่างกายจะบาดเจ็บเจียนตาย
ผิวขาวซีดเต็มไปด้วยรอยแผลถลอกและรอยฟกช้ำ ที่มุมปากมีคราบเลือดติดอยู่เพราะถูกต่อยอย่างแรงแบบไม่ยั้งมือ
ที่ยอมให้โดนซ้อมก็ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้
แต่พวกนั้นมีจำนวนเยอะกว่า
ในขณะที่พวกเขาสู้..ร่างบางผมฟ้าตรงนั้นอาจจะโดนพวกศัตรูทำร้ายเมื่อไหร่ก็ได้
ทั้งหมดนี่ ก็เพื่อปกป้องคนๆนั้น
เพื่อปกป้องเท็ตสึยะ
“เกิดอะไรขึ้นข้างนอก!”
สติของจักรพรรดิหนุ่มถูกดึงกลับมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกของหนึ่งในชายฉกรรจ์ที่รุมทำร้ายพวกเขา
เขาคว้ากระบองที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมา ฟาดมันเข้าที่ศีรษะของชายคนนั้นอย่างแรง
ปัง!!!
และแล้วประตูเหล็กบานใหญ่ก็ถูกเปิดออก
มีคนมาช่วยพวกเขาแล้ว
----------|----------|----------|----------|----------
แหม่
เท็ตจังนี่ขี้หึงนะคะ ส่วนอาคาชิก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่
ทำทุกอย่างเพื่อน้องเท็ตสึยะเลย /ปามินิฮาร์ท
ทำไงดี
ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลย แถมยังรู้สึกเหมือนสมองตันขึ้นทุกวัน แง้ T^T
เอาเป็นว่าจะพยายามนะคะ
เม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า
ปล.มาฝากเรื่องใหม่คร้าบ
เป็นแนวพีเรียด + Omegaverse ที่สำคัญ เป็น all27!!
ความคิดเห็น