คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 02 - รีบอร์น
การปรากฏตัวขององค์ชายแปดผู้แทบจะไม่ออกงานสังคมมาเกือบ
10 ปีกลายเป็นเรื่องฮือฮาของบรรดาชนชั้นสูงเป็นอย่างมาก หลายๆคนจำหน้าขององค์ชายแปดไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ที่อีกฝ่ายถูกเนรเทศ
ดังนั้นภาพลักษณ์องค์ชายแปดในความคิดของพวกเขาจึงมีลักษณะแตกต่างกันไป
แต่คงไม่มีใครคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นโอเมก้ารูปงามเช่นนี้แน่
สึนะโยชิมีใบหน้าที่ดูสวยหวานราวกับผู้หญิง
โครงหน้าเรียวเล็กประกอบด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายคล้ายอัญมณี ริมฝีปากบางเฉียบสีชมพูธรรมชาติ
จมูกโด่งเรียว และคิ้วโก่งแบบคันศร ผิวของสึนะขาวราวกับหิมะ
และมันดูโดดเด่นขึ้นมายามเมื่อใส่ชุดผ้าไหมสีทึบนั่น
“สึนะ..โยชิ?”
ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก่อนไล่สายตามองตั้งแต่พระสวามีหลวงไปจนถึงสนมเอกทั้ง
4
ในวังหลัง
นอกจากพระสวามีหลวงแล้ว ตำแหน่งสนมเอกถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญและมีอิทธิพลมาก
เพราะนั่นหมายความว่าได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจจากองค์จักรพรรดินีพอสมควร
จึงกลายเป็นที่ยำเกรงจนแม้กระทั่งเหล่าขุนนางยังต้องเกรงใจ
ซึ่งต่างจากสนมธรรมดาๆที่มีฐานะไม่ต่างอะไรกับนายบำเรอ
โดยปกติสนมเอกจะมีได้ไม่เกิน
5 คน แต่ในวังหลังของ ซาวาดะ นานะ เธอมีสนมเอกเพียง 4 คนเท่านั้น
ไม่เคยคิดที่จะแต่งตั้งคนที่ 5 หากสนมเอกคนใดคนหนึ่งเสียชีวิตไป
(เช่นในกรณีของอิเอมิสึ) เธอก็จะแต่งตั้งสนมคนใหม่ขึ้นมาอุดช่องว่างนั้น
“ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ไม่เข้าเฝ้าเสด็จแม่ให้เร็วกว่านี้
เนื่องจากสุขภาพของข้าไม่ค่อยแข็งแรงเพราะพึ่งผ่านช่วงฮีทมาไม่นาน
หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษโกรธเคืองข้า”
นานะเหลือบมองบุตรชายที่เธอแทบจะลืมหน้าไปแล้วด้วยหางตา
“ช่างมันเถอะ แล้วนั่นใครล่ะ”
“เขามีนามว่า
ฟง พ่ะย่ะค่ะ เป็นนายสนมของข้าเอง”
จักรพรรดินีไล่มองชายผู้เป็นนายสนมของสึนะตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างพินิจ
ก่อนที่นัยน์ตากลมสีน้ำตาลจะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “เจ้ามัน— “
นานะตวัดสายตามอง
รีบอร์น 1 ในนายสนมเอกของเธอแทบจะในทันที
ฟง
เพื่อนสนิทของรีบอร์น
จักรพรรดินีนานะเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง
รีบอร์นเงยหน้าขึ้นมองเธอซึ่งนั่งอยู่ที่สูงกว่าก่อนคลี่ยิ้มมุมปาก ไม่ผิดแน่ ฟง—
หมอนั่นคือคนที่รีบอร์นส่งให้ไปอยู่ข้างกายสึนะโยชิ
แต่เดิมรีบอร์นก็เป็นคนที่เข้าใจยากอยู่แล้ว อยากรู้นักว่าการส่งฟงไปนั้นมีเจตนาอะไรแอบแฝงอยู่กันแน่
เพื่อไปสังเกตการณ์และสอดแนมสึนะโยชิหรือ?
หรือเพื่อคอยปกป้องสึนะโยชิกันแน่?
“เอาเถอะ”
นานะไหวไหล่อย่างไม่แยแส จะเป็นการชิงอำนาจกันระหว่างบุตรของเธอก็ดี
หรือการชิงอำนาจระหว่างนายสนมก็ดี เธอไม่แคร์เรื่องพรรค์นี้อยู่แล้ว
เหมือนกับเมื่อ 10
ปีก่อนที่เธอเนรเทศสึนะโยชิเพราะเรื่องที่พวกขุนนางกล่าวหาอิเอมิสึ
เธอรู้ว่านั่นเป็นแค่การกล่าวหาเพื่อกำจัดอำนาจของขุนนางฝั่งตรงข้ามเท่านั้น
แต่แล้วไงล่ะ ใครแคร์? อิเอมิสึตายไปแล้ว
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปกป้องตำแหน่งสนมเอกของคนที่ไร้ลมหายใจ
เพื่อบัลลังก์ของเธอ
เธอไม่สนอะไรทั้งนั้น
แม้ว่านั่นจะเป็นคนรักหรือบุตรของเธอเองก็ตาม
ริมฝีปากสีแดงสดของนานะคลี่ยิ้ม
เธอหันหน้าไปหาบุตรชายที่ไม่ได้เจอกันนานเป็น 10 ปี “เจ้าก็ไปนั่งที่ของเจ้าเสียสิ
ให้นายสนมของเจ้าไปนั่งที่ด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
สึนะรับคำ
เขาเดินไปยังที่นั่งซึ่งอยู่ระหว่างที่ขององค์ชายเจ็ดและองค์ชายสิบผู้เป็นองค์รัชทายาท
ฟงซึ่งนั่งรวมกับพวกนายสนมของจักรพรรดินีและนายสนมของบรรดาองค์ชายคนอื่นๆเหลือบมองสึนะด้วยความเป็นห่วง
ปฏิกิริยาของบรรดาองค์ชายและองค์หญิงที่มีต่อการปรากฏตัวของสึนะไม่ผิดไปจากที่พวกเขาคิดเอาไว้
มันเต็มไปด้วยความระแวงและ..สายตาอาฆาต?
รีบอร์นก็เคยเล่าให้ฟังว่าสึนะโยชิเป็นองค์ชายที่มีศัตรูมากกว่ามิตร
คงเพราะตอนที่อิเอมิสึยังมีชีวิตอยู่
เขาเป็นนายสนมเอกที่ได้รับการยกย่องและมีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่ง ทำให้องค์ชายที่เกิดจากเขาและนานะมีผู้คนนับหน้าถือตามากตามไปด้วย
ไม่แปลกที่เชื้อพระวงศ์คนอื่นๆจะรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา
ยิ่งหลังจากเหตุการณ์นั้น
เหตุการณ์ที่ทำให้สึนะโยชิแปดเปื้อน
สำหรับพวกเชื้อพระวงศ์ที่หวังบัลลังก์อยู่
มันคงเป็น ‘โอกาสทอง’ ที่จะได้กำจัดก้างชิ้นโตออกไป
ไม่แปลกที่พวกเขาจะร่วมมือกับขุนนางเพื่อเนรเทศสึนะโยชิออกจากจักรวรรดิ
แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะต้องผิดหวังเพราะนานะเรียกตัวสึนะโยชิกลับมาเช่นเดิมก็ตาม
ตีงูต้องตีให้ตาย
ถ้าจะโทษใคร
คนพวกนั้นก็คงต้องโทษตัวเองที่ไม่จัดการสึนะโยชิให้เด็ดขาด
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะองค์หญิง
ชิชิชิ” สึนะเหลือบมอง ‘องค์ชายเจ็ด’ ที่นั่งอยู่ข้างกัน
อีกฝ่ายคือพี่ชายต่างมารดาที่อายุมากกว่าเขาเพียงปีกว่า ไม่ได้เป็นศัตรูกันก็จริง
แต่ยังไม่มีอะไรยืนยันว่าเป็นมิตร อีกฝ่ายเริ่มตามติดเขาแจตั้งแต่เมื่อ 8 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม..อีกฝ่ายเป็นอัลฟ่า
ย่อมไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์อยู่แล้ว เพราะงั้นจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ไม่ต่างกัน
“เบล
ต้องให้ข้าเตือนอีกกี่ครั้ง ท่านถึงจะยอมเรียกข้าว่าองค์ชาย ไม่ใช่องค์หญิง”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่เจ็ด’
แต่เพราะอีกฝ่ายชอบมากวนประสาทเขาอยู่บ่อยๆ สุดท้ายจึงติดเรียกว่า ‘เบล’ เฉยๆไป
อ้อ
เมื่อก่อนที่ว่าน่ะ หมายถึงเมื่อ 10 ปีที่แล้วนะ
“ก็เจ้าน่ารักนี่”
“แล้วท่านเรียกองค์รัชทายาทและองค์ชายสิบเอ็ดว่าองค์หญิงด้วยหรือ? เพราะพวกเขาก็เป็นโอเมก้า หน้าตาน่ารักมันก็เป็นเรื่องปกติ”
“ไม่มีทาง
ถ้าข้าเรียกรัชทายาทว่า องค์หญิง ข้าก็ถูกตัดหัวน่ะสิ ชิชิชิ ส่วนน้องสิบเอ็ด อืม
ไม่มีทาง ให้ตายข้าก็ไม่เรียกว่า องค์หญิง แน่ๆ”
“ท่านไม่ถูกกับน้องสิบเอ็ดหรือ?”
บรรยากาศรอบตัวของเบลเฟกอลดูอึกครึมขึ้นมาแทบจะในทันที
“ข้าจะเอาอะไรไปเกลียดชังเด็กอายุ
14 เล่า อายุของข้าเป็น 2 เท่าของเด็กนั่นเชียวนะ ชิชิชิ”
นัยน์ตาคมภายใต้ผมที่ปรกลงมาปิดหน้าปิดตาเหลือบมอง 1 ใน 4
นายสนมเอกซึ่งนั่งอยู่เหนือพวกเขาไปเล็กน้อย
”คนที่ข้าไม่ถูกชะตาน่ะ
คือพ่อของเด็กนั่นต่างหาก”
งานเลี้ยงดำเนินผ่านไปอย่างราบรื่น
สึนะโยชิเดินกลับมายังตำหนักชั่วคราวของตนพร้อมกับฟงและเหล่านางกำนัล
เขาบอกให้พวกนางไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
ในขณะที่ตัวเองก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ท่านยังไม่เปลี่ยนชุดเลยนะขอรับ”
“ข้าบอกให้เจ้ากับพวกฮารุไปพักผ่อนไง”
“พวกนางไปพักผ่อนตามที่ท่านบอกแล้ว”
สึนะโยชิเม้มริมฝีปาก มาอีกแล้ว นิสัยดื้อด้านของฟง เขาฟุบหน้าลงกับหมอน
ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่า
ฟงมองร่างบางด้วยสายตาอ่อนใจ
เขาอุ้มอีกฝ่ายขึ้นโดยไม่รอขออนุญาต
ร่างเล็กที่เหนื่อยเกินกว่าจะดิ้นหรือขยับเขยื้อนเอียงคอซบลงบนไหล่ของคนที่อุ้มตัวเองอยู่
ในบรรดานายสนมของสึนะโยชิ
ดูเหมือนว่าฟงจะเป็นคนเดียวที่สึนะยอมแสดงมุมเด็กๆให้เห็น
อาจจะเพราะในใจของร่างบาง
ฟงดูเหมือนพ่อหรือพี่ชายมากกว่าคนรักล่ะมั้ง
“อ
เอ่อ ท่านฟง” ฮารุ นางกำนัลคนที่สนิทของสึนะชะโงกหน้าออกมาจากบานประตู
ฟงหันไปยิ้มให้เธอเป็นการอนุญาตให้พูดธุระ
“ท่านรีบอร์นมาที่นี่เจ้าค่ะ”
“อา..เข้าใจแล้ว
บอกเขาว่ารอข้าเปลี่ยนชุดให้องค์ชายซักครู่แล้วค่อยเข้ามา”
“ไม่ต้องหรอก”
เสียงทุ้มดังขึ้นที่บานประตู ร่างสูงของ 1 ใน 4
นายสนมเอกปรากฎตัวขึ้นแทนนางกำนัลคนสนิทของสึนะที่ถูกสั่งให้ไปพักผ่อนตามเดิม
ฟงวางสึนะโยชิที่เปลี่ยนเป็นชุดคลุมเตรียมพาไปอาบน้ำไว้บนเตียง
ก่อนค้อมศีรษะลงเป็นการทำความเคารพผู้มีศักดิ์สูงกว่า
“ท่านรีบอร์น”
“ข้าขอ—
อยู่กับเด็กนี่ซักเดี๋ยว”
“ขอรับ”
หลังจากที่ฟงเดินออกจากห้องไปแล้ว
รีบอร์นหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงของสึนะโยชิ
มือกร้านลูบไล้ใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างเบามือ นัยน์ตาสีรัตติกาลไล่สายตามองร่างเล็กก่อนหยักยิ้มมุมปาก
“น่ากิน”
“พ่อเลี้ยงไม่ควรกินลูกตัวเอง
ลุงไม่กลัวบาปเหรอ” คนที่ควรจะฟุบหลับไปพร้อมความเหนื่อยอ่อนกล่าวเสียงใส
รีบอร์นหัวเราะเสียงต่ำ มองร่างเล็กตรงหน้าที่ปีนมานั่งตักตัวเองอย่างถือวิสาสะ
“งั้นข้าก็คงตกนรกไปนานแล้ว”
“...”
ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้ม
“เพราะที่ผ่านมา
ข้าก็กินเจ้าไปทั้งตัวแล้วนี่”
อีกไม่กี่ชั่วยามต่อจากนี้เขาก็จะต้องออกจากเมืองหลวงแล้ว
นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมมองไปยังตำหนักใหญ่ ซึ่งเป็นตำหนักที่พักขององค์จักรพรรดิหรือจักรพรรดินีของจักรวรรดิ
ตอนนี้มารดาของเขาเองก็คงเล่นสนุกกับพวกนายสนมของเธออยู่ในนั้นกระมั้ง
“เมื่อคืนท่านรีบอร์นกล่าวอะไรกับท่านหรือเจ้าคะ?” นางกำนัลสาวคนสนิทถาม
“ก็เปล่าหรอก
มาเยี่ยมเยียนตามประสาพ่อลูกน่ะ”
พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา
นัยน์ตาสีน้ำตาลก็แพรวพราวระยิบระยับ คงต้องยอมรับเลยว่ารีบอร์นเป็นคนเก่ง หมอนั่นมีความคิดที่เหนือสามัญสำนึกของมนุษย์
ถ้าไม่ใช่เพราะรีบอร์นรับสึนะและพี่ชายมาเป็นบุตรบุญธรรม ตอนนี้ทั้งคู่ก็คงไม่เหลือคำว่า
‘องค์ชาย’ เป็นคำนำหน้าแล้ว อีกทั้งรีบอร์นยังเป็นคนที่สอนสึนะในหลายๆเรื่อง
ย้ำ
หลายเรื่องจริงๆ
10
ปีที่ผ่านมา ก็คงต้องยอมรับว่าพวกเขาทั้งคู่ผูกพันกันด้วยสายใยแปลกๆ
มันไม่ใช่ความผูกพันแบบพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง และไม่ใช่แบบอาจารย์กับศิษย์
มันก้ำกึ่ง และพวกเขาก็ไม่เคยคิดจะไปตั้งชื่อสถานะเหล่านั้น
“องค์หญิง~” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ สึนะกลอกตา
หมับ!
ร่างของพี่ชายต่างมารดาที่อายุมากกว่าเพียงปีเดียวกระโดดกอดเขาจนใบหน้าของเขาจมอกเจ้าตัว
มือสากข้างหนึ่งลูบศีรษะของเขาไปมา ในขณะที่อีกข้างก็กอดรัดเอวเขาราวกับงูตัวใหญ่ๆ
“เบล
ปล่อยข้าเถอะ”
“ทำไมข้าต้องปล่อยล่ะ
ชิชิชิ ข้าคิดถึงเจ้านี่”
“เราพึ่งเจอกันเมื่อคืน”
“แต่เดี๋ยวเราจะไม่ได้เจอกันอีกนานเลยนะ”
“ข้าจะดีใจมากถ้ามันเป็นแบบนั้น”
“งั้นข้าจะไปหาเจ้าที่เมืองนภาทุกวันเลย!”
ไอหมอนี่..
“เบล
เมืองของเจ้ากับเมืองนภาของข้ามันใกล้กันซะที่ไหนล่ะ”
“งั้นข้าจะย้ายไปอยู่กับเจ้าที่เมืองนภา
ชิชิชิ”
“.....”
“งั้นข้าไปขอเสด็จแม่ก่อนนะ!”
“เดี๋ยว
เบล— “
อา..
ร่างของพี่ชายต่างมารดาก้าวฉับๆไปยังตำหนักของมารดาโดยไม่รีรอ
สึนะโยชิกุมขมับ มีฟงและฮารุยืนอยู่ข้างๆเหมือนกำลังบอกเป็นนัยว่าพวกเขายังอยู่ตรงนี้
ร่างบางเดินนำไปที่รถม้า
“องค์ชายจะกลับเลยหรือขอรับ?”
“อือ
คิดไปคิดมายิ่งกลับเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เหลือบมองไปยังตำหนักเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล
เงาของใครบางคนที่เขาเห็นเพียงชั่วครู่นั้นช่างน่าหงุดหงิด
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม
“อากาศที่นี่น่าสะอิดสะเอียนซะจริงๆ”
ซักวัน—
ข้าจะกำจัดอากาศส่วนที่เป็นมลพิษนั่นออกให้หมด
----------|----------|----------|----------|----------
ยังไม่แก้คำผิดค่า
ความคิดเห็น