คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 01 - องค์ชายแปด
Chapter
01 - องค์ชายแปด
ประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน
‘เผ่าพันธุ์มนุษย์’ ล่มสลาย
ด้วยเทคโนโลยีและอำนาจที่มากเกินไปในมือ พวกเขาโจมตีประเทศที่ด้อยกว่า
สร้างอาวุธชีวภาพที่มีพลังทำลายล้างมหาศาล จนในที่สุดสารเคมีอันตรายและพิษร้ายก็ได้แพร่กระจายทั่วผืนแผ่นดิน
โลกล่มสลาย
เหลือเพียงซากหักปรักพังของอาคารเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่าผืนแผ่นดินนี้เคยมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า
มนุษย์ อาศัยอยู่
จนกระทั่งผ่านไปหลายร้อยล้านปี
‘สัตว์เทพทั้ง 4’ อันได้แก่ หงส์แดง พยัคฆ์ขาว
มังกรฟ้า และเต่าดำ ได้ร่วมมือกันอัญเชิญ ‘มังกรทอง’ เทพผู้มีอำนาจสูงสุดบนสวรรค์ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ ด้วยอำนาจของเหล่าปวงเทพ
พวกเขาเนรมิตโลกใบนี้ขึ้นใหม่ ลบล้างประวัติศาสตร์อันเน่าเหม็นที่มนุษย์ก่อทิ้งไป
สร้างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายขึ้นมาเติมเต็มโลกของพวกเขา
นั่นคือยุคใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งที่มนุษย์ในยุคที่ถูกสร้างขึ้นใหม่นี้เรียกว่า
‘เทพเจ้า’
แต่ด้วยเหตุอันใดไม่อาจทราบ เหล่าบรรดามนุษย์ผู้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพทั้งหลายจึงได้มีสิ่งที่เรียกว่า
‘เพศรอง’ ขึ้นมา ซึ่งก็คือ อัลฟ่า
เบต้า และโอเมก้า
ซึ่งนั่นอาจจะเป็นผลพวงจากความบกพร่องบางอย่างในขณะที่สร้างโลกใบนี้ขึ้น
และเพื่อชดเชยในจุดนั้น
เหล่าเทพเจ้าจึงได้มอบพลังส่วนหนึ่งให้แก่มนุษย์ที่พวกเขาสร้างขึ้น
โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ธาตุหลัก คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่างเปล่า เมื่อเป็นเช่นนี้
มนุษย์จึงได้ถูกแบ่งออกเป็น 5 เผ่า และเมื่อเวลาผ่านไปทั้ง 5
เผ่าก็ได้ขยายใหญ่จนกลายเป็นอาณาจักรและจักรวรรดิตามลำดับ
แต่เดิมจักรวรรดิที่มีอำนาจมากที่สุดก็คือจักรวรรดิที่ถูกเรียกขานว่าเป็นลูกหลานของเทพมังกรทอง
‘จักรวรรดิโอริว’ แต่เพราะพลังอำนาจของพวกเขาที่มากจนเกินไป
ทำให้ในที่สุดจักรวรรดิโอริวก็ล่มสลายเนื่องจากการการชิงอำนาจและสงครามกลางเมือง
เหล่าเชื้อพระวงศ์กระจายตัวไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในอาณาจักรต่างๆ
และเมื่อจักรวรรดิโอริวล่มสลาย
‘จักรวรรดิซูซาคุ’ จึงได้ขึ้นเป็นมหาอำนาจแทน
เมื่อเกือบพันปีก่อนโลกนี้เคยถูกปกครองโดยอัลฟ่า
ตามกฎของธรรมชาติที่ผู้แข็งแกร่งต้องปกครองผู้อ่อนแอกว่า
แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องเมื่อเกือบพันปีมาแล้ว มันใช้ไม่ได้กับยุคสมัยนี้
ยุคที่โอเมก้าเป็นใหญ่ ยุคที่อัลฟ่าคือชนชั้นต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร
ทั้งจักรพรรดิ
จักรพรรดินี เชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และชนชั้นสูง
ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรหรือจักรวรรดิใด ก็จะมีเพียงโอเมก้าเท่านั้นที่ได้ผู้นำตระกูล
มีเพียงเชื้อพระวงศ์ที่เป็นโอเมก้าเท่านั้นที่มีสิทธิขึ้นครองราชย์
“ฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยท่าทางเด่นเป็นสง่าด้วยหางตา
ก่อนที่จะเบนสายตามามองเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงผู้นั่งเรียงรายกันอยู่ที่โต๊ะเตี้ยๆ
ซึ่งถูกจัดไว้เพื่อต้อนรับแขกสำหรับงานเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปีของจักรพรรดินีคนปัจจุบันของจักรวรรดิซูซาคุ
คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็คือ ซาวาดะ นานะ ผู้ปกครองคนปัจจุบันของจักรวรรดิซูซาคุอันทรงเกียรติ
ข้างๆเธอก็คือ ทิโมธีโอ หรือที่รู้จักกันในนาม โนโน่ พระสวามีหลวงขององค์จักรพรรดินี
เรียกให้เข้าใจง่ายก็คือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ชั้นถัดลงมาก็คือ ‘4 นายสนมเอก’ ของเธอ
ถัดลงมาอีกก็คือที่นั่งสำหรับเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย
และชั้นสุดท้ายซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเหล่าขุนนางก็คือ ‘นายสนมทั่วไป’
หรือ ‘นายบำเรอ’ ที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งหรือเลื่อนขั้น
สนม
ก็คือเหล่าอนุของจักรพรรดิหรือจักรพรรดินี จะเป็นบุรุษหรือสตรีก็ได้
อย่างที่เคยกล่าวไปว่าจักรพรรดิหรือจักรพรรดินีที่จะมาปกครองจักรวรรดิได้นั้นจะต้องเป็นโอเมก้าเท่านั้น
พวกอัลฟ่าที่ต้องตาต้องใจหรือถูกครอบครัวส่งมารับใช้เพื่อเกี่ยวดองกับราชวงศ์จะถูกพาเข้าวังหลังมาเป็นสนม
ได้รับสิทธิมากมาย มีลาภยศ มีเงินทอง ได้รับการดูแล ครอบครัวก็จะมีอำนาจเพิ่มขึ้น
หากตนได้รับการโปรดปราน
เรียกได้ว่าเป็นการเสริมอำนาจของตระกูลอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือสิ่งที่ผู้เป็นอัลฟ่าจะต้องยอมรับ
หน้าที่ของอัลฟ่า..มีเพียงถูกแต่งออกไปตระกูลอื่นเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเท่านั้น
พูดง่ายๆ
มันคือโลกที่โอเมก้ามีอำนาจเหนืออัลฟ่า สตรีมีอำนาจเหนือบุรุษ
และภรรยามีอำนาจเหนือสามี
เหล่าขุนนางต่างมองบรรดาองค์ชายและองค์หญิงที่นั่งเรียงรายกันอยู่
แม้จะมีการยิ้มหรือพูดคุยกันอยู่บ้าง แต่ก็พอดูออกว่าสถานการณ์ตรงนั้นคงอึดอัดมิใช่น้อย
ตำแหน่งองค์รัชทายาทของ
‘องค์ชายสิบ’ ไม่ได้เข้มแข็งนัก
ไม่ใครก็ใครในหมู่พี่น้อง
คงหมายตาบัลลังก์เอาไว้เป็นแน่
เพราะ
ซาวาดะ นานะ จักรพรรดินีองค์ปัจจุบันของจักรวรรดิซูซาคุเองก็เคยเป็นองค์หญิงผู้ซึ่งเข่นฆ่าพี่น้องและญาติสนิทมิตรสหายเพื่อชิงบัลลังก์มาเป็นของตัวเอง
เธอคือผู้มีอำนาจ เต็มไปด้วยผู้คนสนับสนุน
มีพระสวามีหลวงเป็นชายจากตระกูลชนชั้นสูงเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง
มีนายสนมที่มากไปด้วยความสามารถและมาจากตระกูลขุนนางมหาอำนาจ นอกจากนั้นก็ยังมีข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์และฝีมือดีอยู่หลายคน
เชื้อคงไม่ทิ้งแถวนัก
ยิ่งมีบุตรเยอะขนาดนั้น..การแก่งแย่งบัลลังก์กันคงนองเลือดน่าดู
นานะมีบุตรและธิดาทั้งหมด
17 คน เป็นองค์ชาย 13 คน องค์หญิง 4 คน แม้จะมีเธอเป็นมารดาเพียงผู้เดียว
แต่พวกเขาล้วนมาจากต่างบิดากัน และ 4 คนจาก 17 คนนั้นได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว
องค์ชายแปด
หรือก็คือ ซาวาดะ สึนะโยชิ คือหนึ่งในบุตรที่ยังคงมีชีวิตอยู่
“อ
เอ่อ องค์ชายแปด ไม่เข้าไปในงานหรือเจ้าคะ?” นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เหลือบมองนางกำนัลรับใช้ของตำหนักใหญ่ด้วยสายตาว่างเปล่า
มารดาของเขาที่กำลังสนุกสนานอยู่กับงานรื่นเริงและเหล่านางรำนายรำเหล่านั้นจะทำหน้าอย่างไรกันตอนที่เขาก้าวเท้าเข้าไปในงาน
สึนะแค่นหัวเราะในลำคอ
พึมพำกับตัวเอง
“คิดว่าท่านแม่จะอยากเจอข้ารึไง”
“เอ๊ะ..?”
“หึ
ไม่มีอะไรหรอก เอาเป็นว่าข้าจะค่อยไปเข้าร่วมในงานเลี้ยงช่วงค่ำละกัน”
“บ่าวรับทราบ”
สาวใช้โค้งตัวลงจนศีรษะแทบจะติดพื้น
จนเมื่อองค์ชายแปดแห่งราชวงศ์ซาวาดะเดินจากไปเธอจึงได้เงยหน้าขึ้นมา
มองตามแผ่นหลังนั้นไปเงียบๆ
ช่วงเวลา
10 ปีนั้นช่างผ่านไปไวเสียเหลือเกิน
ไม่ทันไร
เด็กหนุ่มวัย 17 ในตอนนั้น ก็โตขึ้นเท่านี้เสียแล้ว
‘ซาวาดะ สึนะโยชิ’ คือองค์ชายลำดับที่แปดแห่งราชวงศ์ซาวาดะ
และเป็นโอเมก้า นั่นหมายความว่าเขาคือหนึ่งในผู้ที่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์
น่าเสียดายที่ตอนนี้ตำแหน่งองค์รัชทายาทนั้นตกอยู่ในมือขององค์ชายสิบ
ซึ่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวที่เป็นโอเมก้าของจักพรรดินีและพระสวามีหลวง
หากย้อนกลับไปเมื่อ
10 ปีก่อน สึนะโยชิคงเป็นผู้ที่เหมาะสมกับบัลลังก์นั้นมากกว่าใคร
บิดาของเขาเป็นผู้มีความสามารถและมีอำนาจทางการทหารเพราะมาจากตระกูลนักรบ
ซ้ำยังเป็นผู้ที่ทำให้มารดาได้ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ และยังครอบตำแหน่ง 1 ใน 4
สนมเอกขององค์จักพรรดินี
ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าบรรดาองค์ชายและองค์หญิงเสียอีก ซ้ำแล้ว
สึนะโยชิยังมีคู่หมั้นที่เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ของจักรวรรดิโอริวในตำนาน
แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องก่อนที่บิดาของเขาจะถูกฆ่าตายและถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ
เป็นเรื่องก่อนที่คู่หมั้นของเขาจะต้องไปแต่งงานกับองค์ชายคนอื่น
และเป็นเรื่องก่อนที่เขาจะถูกเนรเทศไปยังอาณาจักรเบียคโกะที่อยู่ใกล้เคียง
“น่าเสียดายจริงๆ”
สาวรับใช้พึมพำกับตัวเอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสมแท้ๆ
แต่ภายในคืนเดียวทุกสิ่งก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“แต่องค์ชายก็ถูกเรียกตัวกลับมาตั้งแต่เมื่อ
3 ปีก่อนแล้วนี่” นางกำนัลอีกคนหนึ่งซึ่งเดินมาทีหลังว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หลังจากตรากตรำและใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเกือบ 7 ปี
องค์ชายแปดก็ได้รับการอภัยโทษและได้รับ ‘เมืองนภา’
มาดูแล
มันเป็นเรื่องปกติที่เหล่าบรรดาองค์ชายและองค์หญิงที่ไม่ใช่รัชทายาทและไม่ใช่บุตรที่เกิดจากพระสวามีหลวงจะถูกส่งไปปกครองตามหัวเมืองต่างๆ
หากเป็นโอเมก้า ก็จะได้เมืองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงหน่อย แต่หากเป็นเบต้า
ก็อาจจะถูกส่งไปยังเมืองที่ไกลหน่อย
และหากเป็นอัลฟ่า..ไม่ถูกจับแต่งงานกับโอเมก้าที่เป็นชนชั้นสูงก็จะถูกส่งไปยังเมืองที่ไกลยิ่งขึ้น
“แล้วเจ้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับองค์ชายแปดในกลุ่มชาวบ้านหรือไม่?”
“เอ๋? ข่าวลือ? ข่าวลืออะไร”
นางกำนัลสาวหรี่ตาลง
ก่อนกระซิบเสียงเบา
“ก็ข่าวลือที่ว่า
องค์ชายแปดจะเดินตามรอยองค์จักรพรรดินีไงเล่า”
นัยน์ตาสีน้ำตาลที่ไร้ประกายราวกับอัญมณีด้านๆเหม่อมองออกไปยังท้องนภาสีฟ้าครามผ่านหน้าต่างในเรือนรับรองซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ที่นานๆทีจะกลับมาเมืองหลวงได้พักผ่อน
แต่เดิมสึนะไม่เคยคิดจะกลับมาเมืองหลวง
เขาเกลียดที่นี่เหลือเกิน
อีกอย่างความทรงจำที่มีต่อครอบครัวและญาติพี่น้องก็ใช่ว่าจะดีนัก
แต่มันถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว
ร่างเล็กนึกย้อนไปถึงคำพูดของ
รีบอร์น ผู้ที่ช่วยชีวิตตนเอาไว้เมื่อ 10 ปีก่อน
และเป็นผู้ที่รับตนกับพี่ชายเพียงคนเดียวเป็นบุตรบุญธรรม
“ชะตากรรมขององค์หญิงและองค์ชายแห่งราชวงศ์ซาวาดะ
หากไร้ซึ่งอำนาจ ซึ่งที่รอคอยเจ้าอยู่ที่ปลายทาง
ก็มีเพียงความตายอันหนาวเหน็บเท่านั้น”
“....”
“เลือกมาสิ
เจ้าจะอยู่..หรือจะตาย”
องค์ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะ
ทว่าเสียงนั้นกลับดูขมขื่นเสียจนน่าเวทนา นัยน์ตากลมดูตายด้านไร้ชีวิตชีวา
แม้แต่ท้องนภาสีแสนสวยงามหรือมวลบุปผาตามทางก็ไม่อาจทำให้แก้วตาคู่นั้นมีประกายขึ้นมาได้
มิอุระ ฮารุ นางกำนัลคนสนิทลอบมองนายเหนือหัวของตนด้วยความเป็นห่วง
“จะเข้าร่วมเพียงงานเลี้ยงช่วงค่ำจริงหรือเจ้าคะองค์ชาย”
สึนะมองนางกำนัลสาวก่อนพยักหน้า
“พวกเขาควรได้มีความสุข”
“...”
“ก่อนที่ข้าจะพรากมันไป”
ซาวาดะ
สึนะโยชิ ไม่เคยใส่ใจการชิงอำนาจระหว่างองค์ชาย ก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างจะเริ่มต้น
ความฝันของเขามีเพียงการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
และแต่งงานกับอัลฟ่าที่รักเขาด้วยใจจริง ใช้ชีวิตกับสามีที่ตนรักและลูกของตนโดยไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวาย
แต่มันก็พังลงเพราะเหตุการณ์ในคืนนั้น
คิดเรื่อยเปื่อยได้ไม่นานนัก
ดวงตะวันก็ใกล้จะลาลับขอบฟ้าเสียแล้ว ร่างเล็กกอดแขนตัวเองหลวมๆ แม้จะเป็นถึงองค์ชาย
แม้จะเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แต่เขากลับหนาวเหน็บยิ่งนัก
หมับ
มือแกร่งที่สัมผัสลงบนไหล่ทำให้กายบางเริ่มสงบลง
ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของธรรมชาติก็พอจะเดาได้ว่าคนด้านหลังเป็นใคร มีอัลฟ่าเพียงไม่กี่คนที่จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวชวนให้รู้สึกสบายใจเช่นนี้
“ฟง”
ชายหนุ่มผู้ยืนซ้อนหลังอยู่คลี่ยิ้มอ่อนโยน
เส้นผมสีดำขลับที่ถูกมัดเป็นเปียถูกนำมาม้วนเล่นโดยเจ้าของร่างเอง สึนะมองนายสนมที่ตนไว้ใจที่สุดและอยู่กับตนมานานที่สุดด้วยสายตาอ่านยาก
ฟงนำชุดผ้าไหมราคาแพงดูสง่ามาพาดไว้บนเตียง มือขาวซีดช่วยปลดอาภรณ์ของเขาลงทีละชิ้นด้วยสัมผัสแผ่วเบาราวกับลม
เป็นคนมือเบาจนน่าเหลือเชื่อ
และใจเย็นมากเช่นกัน
“ข้าน้อยมาช่วยเปลี่ยนชุดให้ขอรับ”
สึนะมองคนตรงหน้า รู้สึกเหนื่อยใจ
“เจ้าไม่ต้องทำก็ได้
มันเป็นหน้าที่ของฮารุ” โดยปกติแล้วการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและการดูแลเรื่องต่างๆในชีวิตประจำวันล้วนเป็นหน้าที่ของนางกำนัล
โดยเฉพาะนางกำนัลคนสนิท มันไม่ใช่หน้าที่ของนายสนมเลยแม้แต่น้อย แต่ฟงคือนายสนมเพียงคนเดียวของเขาที่แย่งหน้าที่ของนางกำนัลพวกนั้นมาทำ
“ท่านพูดแบบนี้มาเป็นล้านรอบแล้ว
นึกว่าข้าจะยอมทำตามหรือ”
ไม่อยู่แล้ว
ใจเย็น
เป็นผู้ใหญ่ สงบนิ่ง แต่ในบางเรื่องก็ดื้อรั้นจนน่าเหลือเชื่อ
ที่จวนของสึนะโยชิในเมืองนภานั้นมีนายสนมมากมาย
แต่เขากลับเลือกให้ตามมาที่เมืองหลวงเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็เพราะเขาคิดว่าพามาหลายคนก็วุ่นวายเสียเปล่า
อีกอย่าง หากจะพูดถึงนายสนมที่รู้กาลเทศะ รู้วิธีการเข้าสังคม รู้มารยาทในวัง
และที่สำคัญคือเป็นคนใจเย็นไม่สร้างปัญหา
คนที่ตรงกับคุณสมบัติเหล่านี้ทุกประการก็มีเพียงฟงเท่านั้น
การแต่งกายของสึนะโยชินั้นไม่เน้นเครื่องประดับอะไรมากมายนัก
มีเพียงชุดผ้าไหมราคาแพงสีทึบที่ช่วยขลับผิวให้ดูขาวยิ่งขึ้นพร้อมปักด้วยลวดลายเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าแม้มันจะไม่ได้ดูหรูหราอลังการมากนัก แต่กลับดูดีไม่น้อยยามที่อยู่บนเรือนร่างบางขององค์ชายร่างเล็ก
ดูสง่างาม
และน่าจับตามอง
“ถึงเวลาแล้ว
เราไปร่วมงานเลี้ยงกันเถอะขอรับ”
งานเลี้ยงรื่นเริงในช่วงค่ำนั้นต่างจากช่วงบ่ายมากนัก
อย่างแรกคือเน้นสุราและอาหารการกินที่หรูหราขึ้น
อย่างที่สองคือการร่ายรำของเหล่านางงามและบุรุษที่อลังการและเล่นกับแสงสีมากขึ้น
และอย่างที่สาม— คือการแต่งกายของบรรดาเชื้อพระวงศ์และนางสนมที่สวยงามตระการตายิ่งขึ้น
ซาวาดะ
นานะ นั่งอยู่บนที่ประทับซึ่งอยู่สูงสุดพร้อมกับแก้วสุราในมือ
นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ไล่สายตามองเหล่าบุรุษที่กำลังทำการแสดงด้วยนัยน์ตาพราวระยับ
แม้จะอายุปาเข้าไป
55 ปีแล้ว แต่ใบหน้าและร่างกายของเธอก็ยังดูคล้ายกับหญิงวัย 40 ต้นๆเท่านั้น
คงเป็นเพราะการดูแลรูปร่างหน้าตาที่เธอพิถีพิถันมากเป็นพิเศษกระมั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ
ไม่รู้ทำไมเธอถึงยังมีแรง ‘ออกกำลังกายในร่ม’ กับบรรดานายสนมที่เข้ามาใหม่ ทั้งที่สังขารก็น่าจะไม่ให้แล้วแท้ๆ
เหล่าขุนนางมองบรรดานายสนมของจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรอันทรงเกียรติด้วยสายตาที่เอือมระอาเล็กน้อย
หากไม่นับสนมเอกทั้ง 4 มีสนมกี่คนกันที่ได้รับการโปรดปรานจนมีชื่อเสียง? ส่วนมากก็ถูกเห่อเป็นพักๆแล้วก็ถูกลืมไปในที่สุดเท่านั้น
“ฝ
ฝ่าบาท” นางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ผู้ปกครองจักรวรรดิแห่งนี้ด้วยสีหน้ากล้าๆกลัวๆ
นานะเลิกคิ้วขึ้น เช่นเดียวกับบรรดาเชื้อพระวงศ์ สนม และขุนนางที่รู้สึกสนใจปฏิกิริยาเช่นนั้นขึ้นมา
โดยเฉพาะเมื่อคำพูดของนางกำนัลทำให้องค์จักรพรรดินีของพวกเขามีสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูกได้เสียขนาดนั้น
“องค์ชายแปดตั้งใจจะมาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วยเพคะ”
ทันใดนั้นเอง
“องค์ชายแปดเสด็จ!” ขันทีที่ยืนคุมงานอยู่หน้าประตูกล่าวเสียงดัง เหล่าขุนนางและนายสนมส่งเสียงฮือฮาด้วยความแปลกใจ
เช่นเดียวกับเหล่าองค์ชายและองค์หญิงที่มองไปยังประตูบานนั้นด้วยสีหน้าเหมือนโลกใกล้จะแตก
มันแน่อยู่แล้ว นับวันพันปีไม่เคยก้าวขาเข้ามาในเมืองหลวงซักก้าวแท้ๆ ทำไมถึงคิดจะมาปรากฏตัวเอาป่านนี้กัน?
“ถวายบังคมเสด็จแม่
สิบปีที่ไม่ได้เจอกัน หวังว่าท่านจะสบายดีนะพ่ะย่ะค่ะ”
10
ปีที่ผ่านมาเขาทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมโตเหมือนเจ้าป่าไร้เขี้ยวเล็บก็จริง
แต่เคยมีใครคิดที่จะพิสูจน์หรือไม่
ว่าเจ้าป่าที่ว่านี้ไร้เขี้ยวเล็บจริงๆ
หรือแค่ซ่อนมันเอาไว้เพื่อขย้ำเหยื่อในคราวเดียวกันแน่
----------|----------|----------|----------|----------
ขอเปิดตัวนายสนมคนแรกก่อนแล้วกันค่ะ
(ฮา)
ไม่ค่อยว่างนะคะ
นานๆจะมีเวลาแต่งที เนื่องจากติดสอบ ติดงาน บลาๆๆๆๆ
ปล.เม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า
ความคิดเห็น