คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Canival 00 :: The Dark Curtain
The
Black Carnival
คือชื่อของ ‘งานเทศกาลพิเศษ’ ที่ถูกจัดขึ้นโดยวองโกเล่และเพื่อวองโกเล่ เป้าหมายสูงสุดของเทศกาลนี้คือการรวบรวมเหล่าผู้มีฝีมือในหลายๆด้านเพื่อทาบทามผู้ที่เหมาะสมเข้าแฟมิลี่
แม้พวกเขาจะเรียกมันว่าเป็น ‘งานเทศกาล’ แต่ถ้าจะพูดให้ถูก..ก็คงต้องบอกว่าเป็นเพียงกิจกรรมๆหนึ่งที่จัดขึ้นเพื่อดึงตัวคนมีความสามารถเข้าแฟมิลี่เท่านั้น
เบื้องหน้าพวกเขาจะเรียกงานเทศกาลนี้ด้วยชื่อที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็น การเข้าค่ายฝึกซ้อม การเข้าค่ายชิงทุน การทัศนศึกษา
หรือแม้แต่การเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างโรงเรียนหรือระหว่างประเทศ
เหล่าผู้ที่ถูกเชื้อเชิญล้วนไม่รู้ถึงชะตากรรมในภายภาคหน้าของตัวเอง
พวกเขาไม่เคยรับรู้ถึงตัวตนของบุคคลที่อยู่ใน ‘โลกฝั่งนั้น’
หากแต่ว่า พวกเขาก็ยังคงถูกล่อลวงอย่างช้าๆ
และเมื่อรู้สึกตัวอีกที
ก็พบว่าตนนั้นไม่สามารถที่จะกลับไปสู่โลกใบเดิมได้อีกแล้ว
ภายในห้องรับรองแขกขนาดใหญ่ของวองโกเล่
เหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวอีก 1 คนนั่งบนโซฟาพลางหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาอ่านอย่างลวกๆ
นัยน์ตาทุกคู่ไล่มองข้อความบนเอกสาร รวดเร็วจนหากเปรียบว่าดูราวกับเครื่องแสกนก็คงไม่ได้เกินจริงนัก
ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงการเปิดหน้าหนังสือดังแทรกเข้ามาเป็นระยะๆนั้น
ชายหนุ่มเจ้าของดาบคาตานะหายากซึ่งวางอยู่ข้างตัวก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
นัยน์ตาคมของเขากวาดสายตามองทุกคนด้วยนัยน์ตาที่ดูเป็นมิตร
“นี่
พวกนายคิดว่า The Black Carnival ที่พึ่งจบไปเมื่อวานนี่น่าสนใจน้อยไปรึเปล่า”
“ฉันว่าก็ไม่นะคะ” หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มว่า นัยน์ตากลมที่เปล่งประกายราวกับอัญมณีฉายแววครุ่นคิดเพียงชั่วครู่
The Black Carnival ที่พึ่งผ่านมาเมื่อ 3
วันก่อนก็ถือว่าไม่ได้แย่นักสำหรับเธอ ภายนอกมันคือค่ายปั้นฝันสู่การเป็นนักดาบทีมชาติ
แต่แท้จริงแล้วก็คือ The Black Carnival ที่จัดโดยวองโกเล่
และผลที่ออกมา..จากบุคคลที่เข้ารับการเข้าค่ายทั้งหมด 63 คน พวกเขาทาบทามไว้เพียง
26 คน และจาก 26 คนนั้น มีคนเข้าแฟมิลี่จริงๆเพียง 20 คนเท่านั้น
แต่ก็ไม่ได้ถือว่าน้อยอะไรมากหรอก
มันอยู่ในระดับเกณฑ์ปกตินั่นล่ะ
“พวกเราได้นักดาบมีฝีมือหลายคนเข้าแฟมิลี่หลายคนก็จริง
แต่ฉันอยากได้นักมวยสุดขั้ว!!”
“เสียงดังไปแล้ว ส่วนฉันอยากได้คนที่ฉันขย้ำแล้วไม่ตายง่ายๆ
พูดให้ถูก คือฉันอยากได้สัตว์กินเนื้อ”
“คุฟุฟุ ผมไม่อยากได้ใครทั้งนั้น
ผมอยากได้แค่สึนะโยชิคุง”
นัยน์ตาทุกคู่ตวัดสายตามองร่างของชายหนุ่มเจ้าของผมทรงสับปะรดทันทีที่พูดประโยคนั้นจบ
ร่างสูงเลิกคิ้วทำเป็นไม่สนใจสายตาเหล่านั้น นัยน์ตาสองสีฉายแววเจ้าเล่ห์ก่อนส่งเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์
“แต่ยังไงพวกเขาก็ต้องขัดเกลาฝีมือดาบอีกหน่อยนะครับ
ถึงจะใช้งานได้จริง”
ทุกคนพยักหน้ารับกับคำพูดของเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กและดูท่าแล้วน่าจะอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม
ก่อนที่ความเงียบจะเริ่มย่างกรายเข้ามาอีกครั้งเมื่อต่างคนต่างเริ่มเข้าสู่ภวังค์ของตัวเอง
พวกเขามีเรื่องให้คิดเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเอง เรื่องของเพื่อน
หรือเรื่องของนภาคนนั้น
!
ก่อนที่ประตูไม้สักบานใหญ่จะถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มเจ้าของกลุ่มผมสีบลอนด์ทอง
อีกฝ่ายแต่งกายในชุดลำลองดูสุภาพให้เหมาะสมกับการมาเยือนปราสาทที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี
นัยน์ตาสีอำพันกวาดสายตามองรอบห้องก่อนขมวดคิ้วด้วยความฉงน
หนึ่ง
สอง สาม สี่ ห้า หก—
“เอ๋
นี่ศิษย์น้องผู้น่ารักของฉันหายไปไหนน่ะ”
“....”
“จะว่าไปโกคุเดระก็ไม่อยู่ที่นี่แฮะ
พวกนายรู้อะไรบางมั้ย?”
นัยน์ตาทุกคู่มองหน้ากัน
ก่อนที่เด็กหนุ่มผู้ซึ่งอายุน้อยที่สุดจะยกมือขึ้นตอบด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจนัก “ดูเหมือนว่า..”
“...”
“พี่สึนะจะมีธุระอะไรซักอย่างที่ญี่ปุ่นนะครับ”
----------|----------|----------|----------|----------
นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้หลุบตาต่ำมองลงไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งกำลังมีการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลอยู่บนสนาม
เขาเท้าคางมองเหล่าเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งกำลังวิ่งตามลูกบาสลูกกลมๆที่กระเด้งกระดอนไปกับพื้น
จากด้านบนสุดของที่นั่ง..มันทำให้เขาสามารถมองได้ทั้งเหล่านักกีฬาที่กำลังตั้งใจแข่งขัน
รวมถึงปฏิกิริยาของเหล่าผู้ชมที่มีต่อการแข่งขันครั้งนี้
การแข่งนัดสุดท้ายของศึกวินเทอร์คัพ
หนึ่งคือทีมเซย์ริน
ทีมชมรมบาสน้องใหม่ที่พึ่งก่อตั้งเมื่อปีที่แล้วและสามารถเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศได้อย่างผิดคาด
และอีกหนึ่งคือทีมราคุซัน
โรงเรียนมัธยมปลายผู้ครองแชมป์อินเตอร์ไฮและวินเทอร์คัพมาแล้วหลายสมัย จนถูกเรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านกีฬาบาสมากที่สุดในบรรดาโรงเรียนมัธยมปลายเลยก็ว่าได้
นอกจากนั้นทั้งบนที่นั่งของผู้ชมและขอบด้านนอกของสนามยังปรากฏบุคคลซึ่งเป็นหนึ่งใน
‘รุ่นปาฏิหาริย์’ ที่เขาล่ำลือกันว่าเป็นสุดยอดนักกีฬาบาสที่
10 ปีจะมีมารวมตัวกันซักครั้ง และทุกคนเคยศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเทย์โค
โรงเรียนที่โด่งดังด้านบาสเก็ตบอลที่สุดในโรงเรียนมัธยมต้นทั้งหมด
“เห..”
นัยน์ตากลมพราวระยับยามที่มองไปยังเหล่าผู้เล่นในสนามซึ่งยังคงไม่ยอมแพ้แม้ว่าแต้มจะถูกนำไปเยอะแค่ไหน
แม้จะมีบ้างที่พวกเขาดูท้อแท้และเหน็ดเหนื่อย
แต่ไม่ทันไรก็กลับมาฮึดขึ้นสู้ได้อีกครั้ง
ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์บินจากอิตาลีมาดูถึงที่นี่
น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนร่างโปร่งบางหัวเราะในลำคอเบาๆ
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงนกหวีดสุดท้ายก็ดังขึ้น เหล่านักกีฬาจากทีมเซย์รินซึ่งสามารถพลิกเกมมาชนะได้ในวินาทีสุดท้ายโห่ร้องด้วยความดีใจก่อนกระโดดกอดกันกลม
ในขณะที่ฝ่ายผู้พ่ายแพ้อย่างราคุซันกลับทำเพียงหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อของตัวเองอย่างเงียบๆเท่านั้น
จักรพรรดิไร้พ่าย
ฉายานั่นพึ่งจะถูกทำลายลงไปเมื่อครู่นี้
อย่างไรก็ตาม
นี่ถือว่าเป็นเกมที่ดีเกมหนึ่ง ผู้เล่นทุกคนเล่นอย่างเต็มที่บนสนาม พวกเขาทำทุกอย่างเท่าที่จะพอทำได้เพื่อคว้าชัยชนะมาครอง
สิ่งที่ตราตรึงใจที่สุดคงเป็นฉากที่กัปตันหนุ่มผมแดงแห่งราคุซันจับมือแสดงความยินดีกับเด็กหนุ่มผมฟ้าผู้จืดจางที่สุดในหมู่นักกีฬา
เสียงโห่ร้องดีใจและชื่นชมยินดีจากบรรดาผู้ชมดังก้องไปทั่ว
เมื่อเทพีแห่งชัยชนะได้แย้มยิ้มต้อนรับทีมเซย์รินสู่การเป็นแชมป์วินเทอร์คัพ
นัยน์ตาของเหล่าผู้เล่นทั้งตัวจริงและตัวสำรองเต็มไปด้วยความตื้นตันยินดีและเป็นประกาย
พวกเขาคือกลุ่มคนที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าความพยายามไม่เคยทรยศใคร
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือจิตใจที่เข้มแข็งและเชื่อมั่นในพวกพ้อง เชื่อมั่นในตัวเอง
เชื่อมั่นในผู้ที่ให้การสนับสนุน
เชื่อมั่นในชัยชนะ
เด็กหนุ่มผู้ยืนดูเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่แย้มยิ้มมุมปาก
ผมสีน้ำตาลที่ฟูฟ่องถูกเสยขึ้นอย่างลวกๆพลางมองเหล่าผู้ได้รับชัยชนะซึ่งกำลังรับรางวัลอยู่บนสนาม
เป็นผลการแข่งขันที่ค่อนข้างเกินความคาดหมาย แต่ก็—
“รุ่นที่สิบครับ”
ไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องเหลียวไปมองด้านหลังของตน
ชายร่างสูงกว่าก้มศีรษะลงให้เขาเล็กน้อยด้วยความเคารพ ผมสีเงินรากไทรของอีกฝ่ายพลิ้วไสวไปตามสายลมที่เล็ดรอดมาทางประตูที่เปิดอ้า
ดวงตาสีมรกตของชายผู้มาใหม่มองไปยังสนามเพียงครู่หนึ่งก่อนกลับมามองผู้เป็นนายเหนือหัวของตนอีกครั้ง
“ถึงเวลาต้องกลับนามิโมริแล้วครับ”
“เอ๋
ถึงแล้วเหรอเนี่ย?”
“ครับ”
“งั้นก็ดีเลย
พอดี ฉันพึ่งนึกเรื่องสนุกๆที่จะเกิดขึ้นในปีการศึกษาหน้าได้น่ะ”
ชายหนุ่มที่ดูก็รู้ว่าเป็นผู้มีศักดิ์ต่ำกว่าทอดสายตามองไปยังสนาม
“สนใจพวกเขาเหรอครับ”
“ใช่
ฉันว่า— ทักษะพวกนั้นมันมีประโยชน์มากกว่าที่คิดซะอีก”
ร่างโปร่งบางหมุนตัวหันหลังกลับ
ทว่า..ในชั่วพริบตานั้นที่เขามองเห็นใครบางคนที่แสนคุ้นเคยโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางเหล่าผู้ชมบนที่นั่ง
เขาหันกลับไปมองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาผ่านกรอบแว่นเลนส์บาง
บนใบหน้าหล่อเหลาปรากฎรอยยิ้มมุมปากดูร้ายกาจเกินกว่าจะคาดเดาความคิด
เด็กหนุ่มแค่นหัวเราะในลำคอท่ามกลางความฉงนของผู้ติดตาม
“มีอะไรเหรอครับรุ่นที่สิบ?”
“เปล่าหรอก
ฉันแค่กำลังคิดว่า— คนบางคนก็ยังชอบทำตัวไม่น่าคบเหมือนเดิม”
ไม่มีการไขข้อข้องใจอะไรให้แก่อีกฝ่ายไปมากกว่านั้น
ทันทีที่กล่าวจบ เด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นนายก็หมุนตัวกลับออกไปยังประตูทางออก
ทิ้งความประทับใจทั้งหลายเอาไว้เบื้องหลัง สิ่งที่กำลังสุมอยู่ในอกของเขาในตอนนี้มีเพียงความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นมาเพียงเพราะคิดว่าจะได้เจอกับบุคคลผู้ทำให้เขารู้สึก
‘สนุก’ อีกครั้ง
ไม่สำคัญว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้า
บางทีอาจจะเป็นภายในปีนี้หรือปีหน้า
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่แน่นอน
นั่นก็คือ— โชคชะตาของพวกเขาจะต้องมาบรรจบกันในซักวันหนึ่ง
----------|----------|----------|----------|----------
จบไปแล้วกับตอนแรก—
ภาษาเขียนพอจะไปรอดมั้ยคะ? ;-;
บอกเลยว่ากังวลตรงภาษาเขียนมากที่สุด
เพราะบางทีก็ไม่รู้ว่าจะสื่อยังไงให้รีดเดอร์เข้าใจฟีลที่มันลึกลับๆหม่นๆหน่อย
เรื่องนี้นอกจากพวกรุ่นปาฏิหาริย์ก็มีตัวละครนักบาสโผล่มาแจมด้วยหลายคนเลยค่ะ
ทั้งฮิมุโระ ไฮซากิ นิจิมูระซัง ฮิวงะ อิซึกิ ฟุริฮาตะ ซากุราอิ ทาคาโอะ
อิมาโยชิซัง ฮานามิยะ และอื่นๆ ซึ่งถ้าจำไม่ได้แนะนำให้เปิดหาข้อมูลในกูเกิ้ลค่ะ
(ฮา)
เม้นเป็นกำลังใจให้กันซักนิดจิตแจ่มใสค่า!
ปล.ยังไม่ตรวจคำผิดทีค่ะ เจอแล้วทักได้นะคะ TT
ความคิดเห็น