คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Canival 08 :: Symbol of Vongola
แต่ที่น่าหงุดหงิดน่ะ
มันเป็นการที่ชายผมแดงจับเพื่อนตัวเล็กของตัวเองไปนั่งข้างๆกันนั่นต่างหาก
ทำไมคุโรโกจจิถึงต้องตามใจอาคาชิอยู่เรื่อยเลยนะ!
“มองอะไรเรียวตะ”
“เปล่านะ! ฉันไม่ได้มองอาคาชิจจิซักหน่อย” นายแบบหนุ่มลนลานตอบ
“เหรอ?”
“จริงๆ..ก็มองนิดนึง”
โกหกคนตรงหน้าไม่ได้จริงๆสินะ!
“แล้วคิเสะคุงมองอาคาชิคุงทำไมเหรอครับ?”
ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาจากจานสลัด
นัยน์ตาสีอะความารีนคู่นั้นจ้องมองเขาด้วยความสงสัย
ต้องยอมรับเลยว่าคนตัวเล็กนั้นน่ารักจริงๆ แม้เขาจะเจอผู้หญิงสวยๆ ผู้หญิงน่ารักๆ
หรือแม้แต่ผู้ชายร่างน้อยบอบบางมาแล้วนับไม่ถ้วนในงานถ่ายแบบ
แต่ก็ไม่เคยแพ้ทางใครเท่าคุโรโกะมาก่อน
“อ เอ่อ..”
“หืม?”
“ไม่มีอะไรหรอกฮะ!”
ยกจานสเต็กที่เหลือเพียงผักของตัวเองขึ้นแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปจากการเค้นถามของจักรพรรดิผมแดงและองค์ชายตัวน้อยๆ(?)ของเขา ระหว่างทางก็สวนกับกลุ่มของสึนะโยชิที่กำลังเดินมายังห้องอาหารพอดี
ยามาโมโตะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะหนีขึ้นห้องได้ดังใจนึก
“นี่นายหายดีแล้วใช่มั้ย?”
คิเสะขมวดคิ้ว ก่อนจะพยักหน้ารับ “อ้อ
หายดีแล้ว นายไม่ต้องเป็นห่วง”
ชายหนุ่มผู้เป็นถึงกัปตันทีมเบสบอลของโรงเรียนนามิโมริถอนหายใจอย่างโล่งอก
อีกฝ่ายคงจะเป็นห่วงพวกเขามากพอตัว
และคงรู้สึกผิดที่ทำให้พวกเขาต้องไปพบเจอเรื่องอันตรายแบบนั้น
“อ้าวคิเสะ แล้วก็— พวกนาย”
ผู้ที่เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาก็คือมือชู้ตอันดับหนึ่งของโรงเรียนชูโตคุ
นัยน์ตาสีมรกตไล่มองพวกเขาทีละคนก่อนเลิกคิ้ว
“คุโรโกะไม่ได้อยู่กับนายเหรอคิเสะ”
“อยู่กับอาคาชิจจิที่ห้องอาหารน่ะ”
มิโดริมะขมวดคิ้วมุ่น
“อาคาชิ?”
“พวกเขายังอยู่ที่ห้องอาหารอยู่เหรอครับ
พวกคุณไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วนี่?” แรมโบ้ถาม
เขาคิดว่าการใช้เวลากินข้าวเที่ยงเกือบชั่วโมงแบบนี้มันก็เกินไปหน่อย
เขาเห็นอาคาชิ คุโรโกะและคิเสะออกจากห้องตั้งแต่ตอน 11 โมงกว่าๆ
จนตอนนี้ก็จะบ่ายโมงเข้าไปแล้ว
“พอดีคนเยอะน่ะสิ”
ไม่รวมที่สองคนนั้นเอาแต่สวีทหวานกันอย่างกับแฟนจนแทบไม่ได้แตะอาหาร
(แต่เขาเชื่อว่าคุโรโกจจิไม่รู้ตัวหรอกว่าท่าทางของทั้งคู่ที่มีต่อกันมันเหมือนแฟนกันขนาดไหน)
เวลาอยู่กับสองคนนั้นทีไรก็รู้สึกเหมือนจะเห็นออร่าสีชมพูล้อมรอบจนน่าโมโห
ไม่ใช่แค่ออร่าสีชมพูเท่านั้นนะ แต่บางทียังแอบเห็นออร่าอำมหิตจากกัปตันผมแดงที่เหมือนจะบอกผ่านทางสายตาว่าถ้าเข้ามารบกวนได้ถูกเจื๋อนทิ้งแน่
ใครจะไปสู้อาคาชิจจิได้กันล่ะ!!
“จะว่าไป
บัตรประจำตัวนักเรียนของพวกนายมาแล้ว
รบกวนช่วยไปเอาที่ห้องฉันแล้วเอาไปแจกคนอื่นๆหน่อยได้รึเปล่า”
สึนะที่ทำท่าเหมือนนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ว่า ก่อนหันไปขอร้องตาใสกับคิเสะและมิโดริมะที่ได้แต่ทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆเพราะปฏิเสธไม่ได้
“เอาเถอะ ก็ได้ แต่ขอคีย์การ์ดห้องนายด้วยล่ะ”
มิโดริมะดันแว่นขึ้น ในขณะที่คิเสะก็ได้แต่เพียงพยักหน้าอย่างจำยอมเท่านั้น
ยังไงซะพวกเขาก็ว่าง บางทีการทำตัวเป็นประโยชน์กับคนอื่นก็คงจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
“ฮ่าๆๆ ขอบคุณนะ
จริงๆฉันต้องเป็นคนเอามาแจกพวกนาย แต่พอดีมีธุระด่วนน่ะ”
“สึนะโยชิจจิก็สู้ๆนะ ดูเหมือนพวกนายจะยุ่งๆตลอดเวลาเลย”
“ส สึนะโยชิจจิ?” นภาแห่งวองโกเล่หน้าเหวอไปเล็กน้อย
“แกเป็นใครถึงมาเรียกรุ่นที่สิบด้วยชื่อแบบนั้นหา!!??”
“ใจเย็นก่อนเจ้าตัวปลาหมึก!”
“เสียงดังมากนัก เดี๋ยวจะขย้ำให้ตาย”
“พวกนายใจเย็นๆสิ
เวลาคิเสะนับถือใครก็จะเติม จิ ต่อท้ายน่ะ”
คนที่ปรามศึกน้ำลายขนาดย่อมก็คือมิโดริมะที่ดูจะทนกับความวุ่นวายตรงหน้าไม่ค่อยจะได้
โกคุเดระที่พอรู้ว่าการที่เรียกชื่อรุ่นที่สิบของเขาแบบนั้นแปลว่าการเคารพนับถือ
ก็เปลี่ยนมาเป็นส่งสายตามุ่งมั่น(?)ให้กับนายแบบหนุ่มในทันที
“แกนี่ตามีแววจริงๆว่ะ
รุ่นที่สิบน่ะทั้งน่าเคารพ น่ายกย่อง น่านับถือ เป็นบุคคลที่ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
สึนะที่เริ่มจะทนกับการอวยไม่หยุดของผู้พิทักษ์วายุของตนไม่ได้หันไปหาหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มซึ่งยืนอยู่ใกล้โกคุเดระที่สุด
โคลมพยักหน้า
“รุ่นที่สิบเป็นคนที่เจ๋งที่สุ— อุ้บ!”
ปากที่กำลังจะพร่ำบอกถึงความยอดเยี่ยมของนายเหนือหัวของตนถูกอุดไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ของผู้พิทักษ์สายหมอกสาว
โกคุเดระทำท่าจะโวยวาย แต่โคลมก็ไม่ยอมแพ้ เธอยัดผ้าผืนใหม่เข้าไปทันที
“ฮะๆๆๆ พวกนายนี่ตลกดีจัง”
อิซึกิที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดีหัวเราะขำขัน
“จะว่าไปพวกนายจะไปเอาของที่ซาวาดะฝากใช่มั้ย
ฉันไปด้วย”
“ขอบคุณฮะรุ่นพี่”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่เป็นไรๆ”
อิซึกิยิ้มอย่างอารมณ์ดี ปกติแล้วเขาจะเป็นเหยื่อของอาหารพิสดารของริโกะ
แต่เพราะวันนี้เขาเลือกที่จะลงมาทานอาหารเที่ยงก่อนที่ริโกะจะลงจากห้อง
ทำให้รอดพ้นจากอาหารของโค้ชสาวได้อย่างหวุดหวิด
ในที่สุดฉันก็หนีรอดจากการท้องเสียได้แล้ว!
“งั้นพวกผมไปกินข้าวก่อนนะครับ คุฟุฟุ”
มุคุโร่ว่าแล้วดันหลังนภาหนุ่มแห่งวองโกเล่ไปยังจุดมุ่งหมายในตอนแรก
พวกเขาโบกมือลากันเล็กน้อยก่อนจะแยกกันไปทางใครทางมัน อิซึกิ คิเสะ
และมิโดริมะหันมามองหน้ากัน
ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของหอพักโดยไม่มีคำพูดอะไรเล็ดรอดออกมาจากปากระหว่างทางเลยแม้แต่คำเดียว
ในทันทีที่ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของหอพักก็อดที่จะรู้สึกตะลึงกับความหรูหราของมันไม่ได้
ชั้นที่พวกเขาพักอยู่ก็ว่าหรูหราและสะดวกสบายมากแล้ว
แต่ชั้นที่สิบของหอพักแห่งนี้นั้นยิ่งกว่า
แม้แต่โคมไฟตรงทางเดินยังเป็นโคมไฟระย้าที่ดูราวกับโคมไฟในคฤหาสน์หรูๆซักแห่ง
ภาพที่ติดตามผนังทางเดินก็ล้วนเป็นภาพที่งดงามบ่งบอกว่าผู้วาดนั้นต้องเป็นจิตรกรมืออาชีพแน่ๆ
“ชักอยากรู้แล้วสิว่าเจ้าของหอพักนี่ต้องมีงบขนาดไหนถึงสร้างที่นี่ขึ้นมาได้”
“มิโดริมัจจิ
ต้องสงสัยนักเรียนที่พักมากกว่านะ ว่าต้องรวยแค่ไหนถึงพักที่หอแบบนี้ได้น่ะ”
“อา นั่นสินะ”
อิซึกิพยักหน้ารับความเห็นของทั้งคู่ มันก็..สวยงามตระการตาจริงๆนั่นแหละ
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่จะเป็นแค่หอพักของนักเรียนมัธยมปลาย
พวกเขาหยิบคีย์การ์ดที่สึนะโยนให้ก่อนจากกันมาทาบกับเครื่องสแกนหน้าประตู
ช่องสีดำรูปสี่เหลี่ยมเกิดแสงสีเขียวสว่างเพียงขั่วครู่ก่อนที่จะได้ยินเสียงติ๊ดพร้อมกับบานประตูที่ค่อยๆเปิดออก
พวกเขาว่าห้องของพวกเขานั้นใหญ่แล้ว
แต่ห้องของสึนะกลับใหญ่ยิ่งกว่าเสียอีก ทั้งที่เป็นห้องที่พักแค่คนเดียวแท้ๆ
ที่รู้มาจากอาจารย์ดีโน่ ชั้นสิบเป็นชั้นเดียวที่ห้องพักไม่เหมือนกับห้องอื่น
แม้จะเป็นห้องสูทที่มีทั้งห้องรับแขกและห้องครัว
แต่กลับไม่ได้มีสองห้องนอนอยู่ในนั้น
มันเป็นห้องนอนเดี่ยวๆที่มีเตียงขนาดคิงไซส์อยู่กลางห้อง
เรียกได้ว่าหรูกว่าห้องของพวกเขาพอสมควร
“พวกนั้นคงรวยมากสินะเนี่ย”
คิเสะยิ้มค้าง เขาเคยไปทั้งคฤหาสน์และคอนโดของตระกูลอาคาชิซึ่งเป็นคอนโดที่แพงและหรูหราติดอันดับท็อป
10 ของญี่ปุ่น ห้องนอนของสึนะโยชิเทียบได้กับคอนโดเหล่านั้น
“จะว่าไป
ก็ลืมถามเลยว่าของตั้งอยู่ตรงไหน”
“นั่นสิ”
พวกเขาแยกย้ายกันไปหาตามห้องรับแขก
ก่อนจะพึ่งสังเกตได้ว่าไม่ห่างจากห้องครัวนั้นมีห้องเล็กๆที่ดูคล้ายจะเป็นห้องทำงานไม่ก็ห้องสมุดขนาดย่อมอยู่ด้วย
เมื่อไม่พบสิ่งที่ตามหา
ชายหนุ่มทั้งสามจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนั้นแม้จะคิดว่ามันค่อนข้างเสียมารยาทก็ตาม
“เฮ้ๆ! ใช่นี้รึเปล่า?” นักเรียนม.ปลายปี 3
คนเดียวในกลุ่มชูบัตรนักเรียนที่ถูกวางซ้อนทับกันจำนวนหนึ่งขึ้นมา
เขาเจอมันวางอยู่บนโต๊ะทำงานหลังจากตามหาอยู่ในห้องรับแขกนานกว่าครึ่งชั่วโมง
คิเสะที่ละสายตาจากหนังสือมากมายในห้องวิ่งเข้ามาดูก่อนพยักหน้ารับ
“น่าจะใช่นะฮะ นั่นบัตรของฟุริฮาตะ อ้อ
แล้วก็นั่นบัตรของมุราซากิบารัจจิ”
“ในที่สุดก็เจอ เอาล่ะ กลับกันเถอะ” คิเสะผงกหัวรับคำของรุ่นพี่หนุ่ม
หากแต่พวกเขากลับต้องพับเก็บความคิดนั้นไปเมื่อพบว่ามือชู้ตอันดับหนึ่งของรุ่นปาฏิหาริย์กลับไม่ยอมก้าวขาไปไหน
นัยน์ตาคมภายใต้กรอบแว่นนั้นจับจ้องไปยังที่ที่หนึ่ง
ภาพที่ดูเหมือนจะเป็นครอบครัวสุขสันต์
มี ซาวาดะ สึนะโยชิ คาดคะเนแล้วน่าจะอยู่ในช่วงมัธยมต้น
มีหญิงสาวผมน้ำตาลที่น่าจะเป็นมารดาของเจ้าตัว
และชายผิวแทนรูปร่างกำยำที่ดูแล้วน่าจะเป็นบิดา
และยังมีชายชราอีกคนท่าทางดูใจดียืนอยู่ข้างๆกัน
“รูปครอบครัว?”
“มิโดริมัจจินี่ชอบใส่ใจเรื่องคนอื่นตลอดเลยนะฮะ”
“นี่นายด่ามิโดริมะอยู่เหรอคิเสะ”
“เปล่าซักหน่อย ฉันกำลังชมต่างหากล่ะ!”
ไม่ว่าจะเป็นการชมหรือการแซะก็ตาม
น่าแปลกที่มิโดริมะไม่คิดจะสนใจแม้แต่จะหันหลังกลับมาต่อปากต่อคำ
ชายผมเขียวยังคงมองภาพนั้นโดยไม่ละสายตา เมื่อคิดๆดูแล้วเขาก็ค้นพบว่า—
สึนะโยชิไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวของตัวเองมาก่อน
เจ้าตัวเคยบอกว่ามีบ้านอยู่ที่นี่ ถึงอย่างนั้นกลับไม่เคยพูดถึงบ้านที่ว่านั่นเลย
เขาละสายตาจากมันก่อนจะเดินตามเสียงเรียกของคิเสะ
ทว่า..
“นี่มัน..”
นัยน์ตาคมกลับเหลือบไปเห็นสันหนังสือที่ดูคุ้นตาเล่มหนึ่ง
เขาเดินดุ่มๆไปหยิบมันออกจากตู้ หน้าปกของหนังสือเป็นภาษาอะไรซักอย่างที่เขาไม่ค่อยเข้าใจ
คาดคะเนว่าน่าจะเป็นภาษาเยอรมันไม่ก็อิตาลี
นอกนั้นก็ยังมีสัญลักษณ์สีทองรูปร่างแปลกๆปรากฎอยู่บนหน้าปก
มันดูคล้ายกับ..
อะไรซักอย่างที่มีเปลือกหอยประดับปีกอยู่บนสุด
มีลายเลี้ยวๆคดๆ มีปืนยาวสองกระบอกไขว้กัน มีรูปกระสุนปืนอยู่บนรูปโล่
มันช่างคุ้นตา
เป็นสัญลักษณ์ที่เขาคิดว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่กลับนึกไม่ออก
“มิโดริมัจจิไปได้แล้วนะ”
เสียงเร่งจากห้องรับแขกทำให้ชายหนุ่มได้สติ
มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปสัญลักษณ์นั่นไว้ก่อนเอาหนังสือกลับไปวางที่เดิม
“เออๆ ฉันกำลังจะออกไปนี่ไง”
----------|----------|----------|----------|----------
หลังจากวันนั้น—
พวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปในห้องของพวกสึนะโยชิอีก
และมิโดริมะก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่เขาถ่ายเก็บเอาไว้ให้ใครฟัง
มันคงเพราะเขากำลังลังเล
บางทีลางสังหรณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นช่วงนี้อาจจะเป็นแค่การคิดไปเองก็ได้
‘ราศีที่ติดอันดับราศีอับโชคในวันนี้คือราศีกุมภ์
ราศีกรกฎ และราศี— ค่ะ!’
เหมือนกับมีคลื่นสัญญาณบางอย่างแทรกเข้ามาในสมอง
เขาไม่รับรู้อะไรอีกหลังจากที่ราศีกรกฎถูกกล่าวถึงในรายการโอฮาอาสะผ่านทางทีวีจอยักษ์ซึ่งตั้งอยู่ในห้องรับแขก
นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริก เขารู้สึกเครียดกว่าที่เคยเป็น
ตั้งแต่มาแลกเปลี่ยนที่นามิโมริ
ก็ไม่มีวันไหนที่โอฮาอาสะจะทำนายว่าราศีกรกฎมีโชคอีกเลย
มีแต่อับโชค! อับโชค! และอับโชคคคคคคคคคคคคคค!!!
หมับ!
“เฮ้ย!!” ชายหนุ่มร่างสูงสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือบนหัวไหล่
แต่เมื่อหันไปมองแล้วพบกับกลุ่มผมสีฟ้านุ่มนั่นเขาก็กลับมาเก๊กทำฟอร์มเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ตกใจอะไรขนาดนั้นครับมิโดริมะคุง
ราศีกรกฎอับโชคอีกแล้วเหรอครับ”
ถูก!!
“อะไรของนาย ราศีกรกฎของฉันต้องโชคดีติดอันดับท็อปอยู่แล้วสิ”
แสร้งทำเหมือนว่าคำพูดของคนตัวเล็กกว่านั้นช่างไร้สาระ
มือเรียวดันแว่นขึ้นพลางเสตามองไปทางอื่น
ฟอร์มจัดเสียจนไม่อยากยอมรับว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นมันถูกจริงๆ
“แต่ว่านะมิโดชิน—
เมื่อกี้ฉันได้ยินว่าราศีกรกฎอับโชคนา” ชายร่างสูงเหนือมนุษย์หยิบขนมขึ้นมาแล้วเดินไปนั่งเหยียดขาบนโซฟา
แต่เพราะร่างกายที่สูงใหญ่เกินไปทำให้ขาของเขาเลยโซฟาจนกลายเป็นว่าไปพาดกับที่วางแขนแทน
“ไม่จริงซักหน่อย
นายฟังผิดรึเปล่ามุราซากิบาระ!”
‘และเนื่องจากราศีกรกฎเป็นราศีที่อับโชคที่สุดในวันนี้
ขอเตือนว่าอย่าโกหกจะดีกว่านะคะ เพราะจะถูกรู้ทันได้ในทันทีเลยล่ะค่า’ รายการทีวีจอมจุ้นว่าต่อราวกับมีตาเห็น
พวกเขาทั้งสามมองหน้ากัน โดยมีมิโดริมะที่รีบหลบตาในทันทีที่ถูกจ้อง
อืม ดูเหมือนรายการนี้จะแม่นจริงๆนะครับ
นี่คือความคิดของ คุโรโกะ เท็ตสึยะ
ผู้ไม่เคยเชื่อเรื่องดวงชะตาเลยตลอดอายุ 17 ปี
’แล้วก็ของนำโชคสำหรับวันนี้ก็คือของสีฟ้าๆค่ะ!’
“ของฟ้าๆเหรอ ง่ำๆ”
มุราซากิบาระเคี้ยวขนมพลางเหล่ตามองร่างเล็กซึ่งนั่งจ้องทีวีด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นัยน์ตาสีอะความารีนคู่นั้นดูเปล่งประกายราวกับเด็กที่พบของเล่นที่ตนถูกใจ
“งั้นมิโดชินก็พกคุโรชินไปสิ
คุโรชินก็ผมสีฟ้านา ชุดที่ใส่วันนี้ก็สีฟ้าเหมือนกัน”
“แต่คุโรโกะไม่ใช่สิ่งของนะ!”
“อะไรเล่า” เด็กโข่งเกาศีรษะเนื่องจากตามอารมณ์ของคนซึนไม่ทัน
“แค่สีฟ้าๆก็พอนี่ ทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วยน๊า”
ถ้าทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเหมือนนายฉันก็โดนอาคาชิเจื๋อนทิ้งน่ะสิ!!
“จะว่าไปนะคุโรโกะ”
มิโดริมะกระแอมก่อนพยายามเปลี่ยนเรื่อง
เขากวักมือเรียกเด็กหนุ่มร่างบางให้มานั่งข้างๆกันแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
รูปสัญลักษณ์ที่เขาถ่ายเอาไว้โชว์หราอยู่บนหน้าจอ
“นายเคยเห็นสัญลักษณ์แบบนี้บ้างมั้ย?” ร่างเล็กขมวดคิ้ว
ครุ่นคิดตามคำพูดของคนตัวสูงกว่า
“เอ ไม่นะครับ ผมว่าผมไม่เคยเห— “
“แต่ฉันว่าฉันเคยเห็นนา”
มุราซากิบาระที่นอนเท้าคางกับโซฟาเอ่ยแทรกขึ้นเสียงเฉื่อย
ในมือโยนลูกบาสขนาดจิ๋วขึ้นลงเหมือนไม่รู้จะทำอะไร
ทั้งคุโรโกะและมิโดริมะต่างสนใจในคำพูดนั้น
“จริงเหรอ? นายเห็นที่ไหน?”
“อืมมมม ฉันไม่ค่อยมั่นใจอ่า”
ชายหนุ่มว่า “แต่เหมือนจะเคยเห็นเป็นตราประทับบนเอกสารตอนไปที่บ้านของอาคาชิน
รึเปล่านะ?”
สีหน้าของชายหนุ่มดูเหมือนไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูดนัก
ถึงอย่างนั้นมันก็ช่วยคลายความสงสัยในใจของมือชู้ตแห่งรุ่นปาฏิหาริย์ไปได้เปราะหนึ่ง
หรือว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของพวกนายทุนนะ?
ครอบครัวของซาวาดะอาจจะเป็นพวกนายทุนมีอำนาจคล้ายๆตระกูลอาคาชิรึเปล่า?
“ว่าแต่ถามทำไมเหรอครับมิโดริมะคุง” คุโรโกะที่ขยับตัวเข้ามาใกล้ชิดเขามากขึ้นเงยหน้าขึ้นมาถาม
นัยน์ตาสีฟ้าอะความารีนใสแจ๋วช้อนมองอย่างต้องการคำตอบ
ร่างกายที่ใกล้ชิดกันทำให้เขาแอบได้กลิ่นหวานๆคล้ายกลิ่นขนมลอยมาจากร่างกายของคนตัวเล็ก
อืม..คล้ายกลิ่นวนิลลาอ่อนๆ
และแน่นอน..การที่คนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้ชิดแบบนั้นมันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสติแตก
จิตใจฟุ้งซ่านจนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว
“อา ก็ ก็— เจอในห้องของซาวาดะน่ะ
เลย..สงสัยนิดหน่อย”
“เอ๋? งั้นเหรอครับ?” ร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น
ชะเง้อมองรูปในโทรศัพท์จนผมสีฟ้านุ่มคลอเคลียอยู่บริเวณแก้มและลำคอของคนตัวสูงกว่า
และมันทำให้ชายหนุ่มเผลอสูดดมกลิ่นหวานๆของแชมพูจากศีรษะของคนตัวเล็กไปหลายครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ
ให้ตาย หอม..หอมจริงๆนั่นแหละ
คุโรโกะทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง
แต่บางคราก็ทำให้เขาผ่อนคลายเสียจนน่าเหลือเชื่อ
มีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดใครหลายๆคนให้อยากเชยชมเพราะความน่ารักอย่างเป็นธรรมชาตินั่น
มือแกร่งเผลอเอื้อมไปโอบไหล่ของคนตัวเล็กโดยไม่ทันรู้ตัว
“นี่นายคิดว่านายกำลังทำอะไรอยู่
ชินทาโร่”
ชิบหาย พ่อมา..
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ห้องหนึ่งในปราสาทสีดำทะมึนที่ให้บรรยากาศวังเวงและน่าขนลุกของวาเรีย
เหล่าสมาชิกระดับสูงต่างนั่งอยู่กับความคิดของตัวเอง ที่แตกต่างก็คงจะมี สเปลบี
สควอโล่ ที่เอาแต่โวยวายเพราะยังหาเนื้อให้บอสเวรตะไลของตัวเองไม่ได้
“โว้ยยยยยย!!
ไอบอสคิดอะไรถึงอยากกินเนื้อวัวพันธุ์ไทยที่ไปเติบโตบนเทือกเขาหิมาลัยวะ!!” ชายร่างสูงขยุ้มผมยาวสลวยของตัวเองจนยุ่งฟู นัยน์ตาคมฉายแววหงุดหงิดผสมกับความลนลานที่ยังหาสิ่งที่ซันซัสอยากทานไม่ได้
เขายังไม่อยากจ่ายค่าซ่อมปราสาทวาเรียเพิ่มตอนที่หมอนั่นอาละวาดหรอกนะ!
“เอางี้ดีกว่านะสควอโล่
วัวที่ไหนมันจะไปโตบนเทือกเขาหิมาลัยไม่ทราบ ไม่ต้องพูดถึงวัวพันธุ์ไทยนะ ถึงเป็นวัวพันธุ์นอกก็ไม่บ้าไปโตที่นั่นหรอก
ชิชิชิ” เบลเฟกอลหัวเราะกับความอยากกินอะไรที่มันโคตรประหลาดของผู้เป็นบอส
“ก็เออสิวะ! ฉันถึงได้กลุ้มใจไงโว้ยว่าจะไปหาให้ไอบอสเวรนั่นได้ยังไง!!”
มาม่อนซึ่งนั่งฟังรองหัวหน้าสายพันธุ์ปลาพล่ามมาซักพักก็ชักจะรำคาญ
“งั้นเอางี้มั้ยล่ะ ฉันหาให้ได้นา แต่คงต้องคิดเงิน”
“แล้วแกจะไปหามาจากไหนไม่ทราบเจ้าเปี้ยก
เจ้าชายล่ะสงสัย”
“ก็สร้างภาพลวงตาเอาน่ะสิ”
โป้ก!!
คนที่เขกหัวอัลโกบาเรโน่จอมงกไม่ใช่รองหัวหน้าผมยาวหรือมือมีดโรคจิตอย่างที่เลวี่และลุซซูเรียคิด
พวกเขาหันไปมองผู้มาใหม่ที่เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม ตาทั้งสองครั้งที่หยีเป็นสระอิตลอดเวลาเหมือนตาของจิ้งจอกมองมายังพวกเขาผ่านกรอบแว่นคล้ายกำลังทักทาย
ใบหน้าหล่อคมดูเจ้าเล่ห์ที่มักจะประดับไปด้วยรอยยิ้มร้ายอยู่เสมอล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำสนิทราวกับสีของปีกอีกา
ร่างกายสูงโปร่งในชุดสูทสีดำดูแปลกตาปกปิดกล้ามเนื้อแขนและขาซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงการฝึกกีฬามาอย่างหนักของอีกฝ่าย
“ว๊ายๆๆๆ กลับมาแล้วเหรอ~” ลุซซูเรียรีบยกน้ำมาวางไว้บนโต๊ะอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการต้อนรับแขก
นานๆทีคนๆนี้จะกลับมาที่นี่ซักครั้ง
ถ้าไม่ได้ทำภารกิจอยู่ต่างประเทศก็จะไปสิงสถิตอยู่ที่ปราสาทวองโกเล่
ทั้งๆที่พึ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อปลายปีที่แล้วแท้ๆ
“แต่ฉันได้ข่าวว่าแกจะไปหาไอบอสทูน่านั่นที่ญี่ปุ่นนี่
จะไปเมื่อไหร่ล่ะ?” สควอโล่ที่เลิกคิดเรื่องอาหารการกินของบอสใหญ่แห่งวาเรียไปชั่วขณะเลิกคิ้ว
เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ต่างพากันล้มเลิกกิจกรรมที่ตัวเองทำอยู่แล้วหันมาสนใจชายหนุ่มผู้มาใหม่
“ฮะๆๆ ก็เร็วๆนี้ล่ะมั้ง
แล้วแต่รีบอร์นจะสั่ง”
ทั้งๆที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม
แต่กลับดูเสแสร้งอย่างไรบอกไม่ถูก สมกับเป็นคนที่เคยถูก ซาวาดะ อิเอมิสึ ทาบทามให้เป็นผู้พิทักษ์สายหมอกของสึนะก่อนหน้าโคลมและมุคุโร่
ซันซัสที่พึ่งเดินเข้ามาเหลือบตามองไอสวะตัวใหม่(?)ในห้องด้วยสายตาเฉยชา
“เจอแกกี่ครั้งก็ไม่เคยถูกชะตากับแกเลยว่ะ
ไอสวะอิมาโยชิ โชอิจิ”
“ยา~ อย่าพูดแบบนั้นสิซันซัส
ฉันดีใจจะตายไปที่ได้เจอพวกนายน่ะ :) “
----------|----------|----------|----------|----------
ยกตอนนี้ให้ฝั่งคุโรโกะไปค่ะ
(ฮา)
มิโดริมะก็คือซึนหนักแล้วนะคะ
แอบเนียนด้วย อย่าคิดว่าคนอื่นจะรู้ไม่ทัน
รักอาคาชิค่ะ รักเสมอ
ต่อให้เป็นตอนของมิโดริมะก็จะโดนอาคาชิแย่งซีน(?)อยู่ดี
อ่านแล้วเม้นเป็นกำลังใจซักนิดน๊า
รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ /ปามินิฮาร์ท
ปล.ยังไม่เช็คคำผิดค่า ถ้าเจอก็ทักได้เด้อ
ความคิดเห็น