ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KHR & KNB] The Black Carnival | all27 & all x kuroko

    ลำดับตอนที่ #12 : Canival 11 :: Let’s Go Italy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.76K
      127
      18 ส.ค. 62

     

     

     

              สิ่งที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้สำหรับเด็กหนุ่มผมฟ้าไม่ใช่การที่อยู่ๆรุ่นพี่อิมาโยชิจะมาช่วยดูแลพวกเขา ยอมรับว่านั่นก็ตกใจ แต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าช็อคที่สุดอยู่ดี

     

              “เข้าค่ายที่อิตาลี?” อาจารย์ดีโน่ที่เป็นคนเรียกพวกเขามารวมตัวกันที่โรงยิมพยักหน้ารับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูใจดีเหมือนกับทุกที อีกฝ่ายนับเป็นอาจารย์คนโปรดของพวกเขา เพราะบุคลิกท่าทางที่ดูเป็นมิตร แม้จะซุ่มซ่ามไปหน่อยแต่ก็เป็นคนที่คุยด้วยง่ายที่สุด

     

              แต่ไม่ใช่กับอาคาชิและฮิมุโระแน่

     

              ยังไงซะ คนที่มีคดีติดตัวเป็นการ(เกือบ)พรากผู้เยาว์เป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ก็ดูคบไม่ได้ (แม้ผู้เยาว์ที่ว่านั่นจะสมยอมก็ตาม..)

     

              “อ เอ๋ พวกนายจ้องฉันทำไมน่ะ” ดีโน่หันมายิ้มซื่อๆให้กับนักเรียนทั้งสองที่นอกจากจะจ้องเขาเหมือนตัวเขาไปฆ่าใครตายมาแล้ว ยังทำสีหน้าเหมือนเขาเป็นอาจารย์แก่ตัณหากลับนิสัยไม่น่าคบอีกด้วย

     

              เด็กพวกนี้มีปัญหาอะไรกับพวกเขารึเปล่านะ

     

              ฮิมุโระแสร้งยิ้มบางๆ “ไม่มีอะไรหรอกครับ อาจารย์สบายใจได้”

     

              “อ๋อ เหรอ” ดีโน่หัวเราะแห้งกับคำพูดของเจ้าชายน้ำแข็งแห่งโรงเรียนโยเซ็น แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ลางสังหรณ์ของเขากลับบอกว่าเด็กพวกนี้ไม่ได้ ไม่มีอะไรเหมือนที่พูดแน่ๆ

     

              “แล้วเรื่องที่พวกเราจะได้ไปอิตาลีนี่พูดจริงเหรอครับ?” คุโรโกะถามเสียงใส จะว่าตกใจมันก็ตกใจ จะว่าตื่นเต้นมันก็ตื่นเต้น ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว หลายๆคนไม่ได้มีโอกาสที่จะไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยนัก ด้วยปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายหรือเวลา

     

              ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างคาดหวัง

     

              การไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนในช่วงมัธยมย่อมเป็นหนึ่งในความฝันของเด็กนักเรียนม.ปลาย

     

              “ต้องจริงอยู่แล้วสิ”

     

              หลายๆคนโห่ร้องเฮกันด้วยความยินดี ถ้าอ้างอิงจากที่อาจารย์หนุ่มบอก นั่นหมายความว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นการเข้าค่ายทดลองใช้ชีวิตที่ต่างประเทศรวมๆแล้วประมาณ 3 เดือนกว่า เพื่อเรียนรู้ภาษาที่สามและหาประสบการณ์ใหม่ๆ หลังจากนั้นก็จะกลับมาเรียนที่นามิโมริต่ออีก 1 เดือนแล้วก็จะถือว่าจบทริปการเรียนแลกเปลี่ยนครั้งนี้

     

              “เหมือนฝันไปเลย!

     

              “นี่มันความจริงแน่เหรอ!?

     

              “อิตาลี? พวกเราจะได้ไปอิตาลี!

     

              “ที่นั่นต้องมีฝรั่งหน้าตาสวยๆคมๆเยอะแน่ๆ!

     

              “นักบาสที่นั่นจะเก่งรึเปล่า นายว่าไง เท็ตสึ”

     

              “ไม่รู้สิครับ”

     

              อาจารย์หนุ่มยังคงมองท่าทางดีใจเหมือนเด็กๆเวลาได้รับของขวัญจากซานต้าด้วยรอยยิ้ม หากทว่าในใจนั้นกลับสวนทางกับรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างสิ้นเชิง

     

             ถ้าได้รู้ว่าการไปที่นั่นพวกเธอจะต้องพบเจอกับอะไร ยังจะยิ้มได้แบบนี้รึเปล่า?

     

              “พวกเราจะเดินทางกันสัปดาห์หน้า ระหว่างนี้ใครที่ยังไม่ทำวีซ่าและพาสปอร์ตก็กลับบ้านไปขอให้ครอบครัวพาไปทำซะนะ และอย่างที่บอกไปในตอนแรก เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดนอกจากค่าของกินเล่นและของฝาก ทางผู้ที่สนับสนุนจะออกเงินให้ทั้งหมด รวมถึงจะเป็นผู้จัดหาที่พักให้ด้วย”

     

              คุโรโกะอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีดีใจของทั้งเพื่อนๆ รุ่นพี่ และรุ่นน้อง ที่ดูจะพอใจกับการไปออกทริปที่จะถึงในเร็วๆนี้มาก ถึงอย่างนั้นเขากลับรู้สึกไม่มั่นใจกับหลายๆอย่าง มันดูสะดวกสบายและง่ายเกินไป พูดตามตรง ในชีวิตเขาแทบจะไม่เคยคิดถึงการไปออกทริปต่างประเทศกับเพื่อนหลายๆคนโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้

     

              แต่นี่มันอะไรกัน? ใครกันที่มีอำนาจและเงินมากพอจะส่งเด็กนักเรียนเกือบ 30 คนไปหาประสบการณ์ที่ต่างประเทศโดยที่นักเรียนพวกนั้นไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายแม้แต่แดงเดียว

     

              มันทำให้เขารู้สึกไม่ชอบมาพากล

     

              แน่นอนว่าคงไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่คิดแบบนี้

     

              นัยน์ตาสีฟ้าอะความารีนเหลือบมองอดีตกัปตันของตนรวมถึงมือชู้ตอันดับหนึ่งของชูโตคุที่มีสีหน้าคิดไม่ตกกับการออกทริปในครั้งนี้เช่นกัน

     

              “อ้อ แล้วก็อย่าลืมไปเรียนภาษาอิตาลีเบื้องต้นมาด้วยล่ะ ฉันเชื่อว่าพวกนายจะต้องได้ใช้มัน” พวกเขาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ความตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศกับคนอื่นๆทำให้ใครหลายคนเริ่มอยู่ไม่สุข

     

              คุโรโกะแอบขำกับท่าทางของฟุริฮาตะที่ดีใจจนร้องไห้ออกมา

     

              เขาหวังจริงๆ ว่ามันจะไม่มีอะไรแฝงอยู่ในทริปนี้

     

     

     

              ระยะเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขานั่งรถบัสโดยสารของโรงเรียนมาลงที่สนามบินนานาชาตินามิโมริ ซึ่งเป็นสนามบินที่พึ่งมีการขยายให้ใหญ่ขึ้นจนสามารถรองรับเที่ยวบินได้มากเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น คนที่ลงจากรถลงไปคนแรกก็คืออาจารย์ดีโน่ ตามมาด้วยพวกราคุซัน เซย์ริน ไคโจ ชูโตคุ โทโอ และโยเซ็น

     

              “ว่าไง~” ใบหน้าขาวเงยหน้าขึ้น อิมาโยชิยืนอยู่หน้าทางเข้าพร้อมกับโบกมือเบาๆ

     

              “อิมาโยชิซัง?

     

              ดีโน่เดินมายืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มสวมแว่นก่อนตบบ่าเบาๆ “นี่คืออิมาโยชิ โชอิจิ พวกนายคงรู้จักกันแล้ว เขาจะเป็นหนึ่งในคนที่มาช่วยดูแลพวกนายตลอดทริปนี้น่ะ”

     

              “เห้ย!? หมอนี่อ่ะนะ?” อาโอมิเนะทำหน้าขนลุกขนพอง ถ้าพูดถึงคนที่จับไต๋เขาได้ว่าทำยังไงเขาถึงจะไม่โดดซ้อมแถมยังมีสมองอันชั่วร้ายเป็นอันดับ 3 รองจากอาคาชิและฮานามิยะ คนๆนั้นก็คืออิมาโยชิ โชอิจิ

     

              “ตกใจอะไรกันอาโอมิเนะ ไม่ดีเหรอ ฉันออกจะสนิทกับนายนา”

     

              “ใครมันไปสนิทกับแกกันฟะ!

     

              “คุโรโกะ นายดูอาโอมิเนะสิ ไม่เคารพอดีตกัปตันอย่างฉันเลย” คนที่มีสมองอันชั่วร้าย(?)ถ้าอิงตามที่อาโอมิเนะบอกหันไปตีหน้าเศร้ากับเงามายาแห่งเซย์ริน คุโรโกะหันไปมองอดีตเอสของเทย์โคด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

              “นั่นอดีตกัปตันคุณไม่ใช่เหรอครับอาโอมิเนะคุง”

     

              “เท็ตสึ!?

     

              ดีโน่ที่เห็นท่าทางเหมือนกำลังจะโวยวายต่อของเอสแห่งโทโอก็พูดแทรกขึ้น “พวกนายอาจจะไม่ไว้ใจอิมาโยชิเพราะหมอนี่มันค่อนข้างชั่วร้าย(?)..”

     

              “แหม อาจารย์ ใจร้ายจัง” ผู้มีฉายาม้าพยศเมินคำตัดพ้อแบบทีเล่นทีจริงนั่นแล้วพูดต่อ

     

              “แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากที่หมอนี่เรียนจบที่โทโอก็ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของอิตาลี ตอนนี้ก็มีงานทำที่นั่นแล้วนะ แถมยังเป็นคนที่ผู้สนับสนุนโรงเรียนนามิโมริไว้เนื้อเชื่อใจแล้วก็ให้ความสนิทสนมด้วย”

     

             ไว้เนื้อเชื่อใจน่ะใช่ แต่ให้ความสนิทสนมนี่..

     

              ว่าแล้วอิมาโยชิก็นึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ต้องกล้ำกลืนผืนทนทานอาหารของเบียงกี้จนท้องเสีย ต้องนอนซมอยู่แต่ในห้องเกือบ 3 วัน

     

              หลังจากนั้นอิมาโยชิและอาจารย์ดีโน่ก็พาพวกเขาเข้าไปเช็คอินในสนามบิน (พ่วงด้วยชายในชุดสูทคนหนึ่งที่ติดตามคุณดีโน่มาตั้งแต่ที่โรงเรียน และพวกเขาก็ได้พบหนึ่งในเรื่องน่าอัศจรรย์ นั่นคือคุณดีโน่ยังไม่สะดุดอากาศล้มเลยซักครั้งตั้งแต่เข้าสนามบินมา!) หลายๆคนตื่นเต้นเพราะนี่เป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตของพวกเขา แต่หลายๆคนก็มีทีท่าปกติไม่แสดงอาการตื่นเต้นหรืออะไร คงเพราะชินกับการเดินทางไปมาระหว่างต่างประเทศ เช่น อาคาชิ ฮิมุโระ และมิโดริมะ

     

              เมื่อผ่านกองตรวจคนออกจากเมืองไปได้ พวกเขาก็เข้าไปนั่งรอเครื่องขึ้นกันตามปกติ พวกรุ่นปาฏิหาริย์ไม่ได้นั่งรวมกลุ่มกันเหมือนตอนที่เดินเข้ามา พวกเขาแยกย้ายกันไปนั่งคุยกับสมาชิกทีมของตัวเอง และคุโรโกะก็เช่นกัน

     

              “อาจารย์ดีโน่บอกว่าอิมาโยชิซังเป็นหนึ่งในคนที่จะมาดูแลเรา แปลว่ามีคนอื่นอีกเหรอครับ?

     

              “นั่นสินะ ฉันก็สงสัยเหมือนกัน” ริโกะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แม้เธอจะดีใจกับการได้มาเที่ยวต่างประเทศ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดีใจจนไม่ทันคิดอะไรซะเมื่อไหร่

     

              การนั่งเครื่องบินจากสนามบินนามิโมริของญี่ปุ่นสู่สนามบินมัลเปนซาในมิลานนั้นใช้เวลาทั้งหมด 12 ชั่วโมงครึ่ง อย่างน้อยสายการบินที่พวกเขาใช้บริการก็เป็นสายการบินที่ดีพอที่จะทำให้การเดินทางเป็นระยะเวลานานแบบนี้ไม่ใช่นรกเกินไปนัก ในทางกลับกัน การบริการที่ดีเยี่ยมและอาหารที่อร่อยเหาะทำให้พวกเขารู้สึกดีจนลืมอาการก้นด้านก้นชาไปจนหมด

     

              กว่าพวกเขาจะถึงอิตาลีก็บ่ายโมงกว่าตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่ผ่านกองตรวจคนเข้าเมืองมาได้ อาจารย์ดีโน่ก็อนุญาตให้พวกเขาเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันให้เรียบร้อย ในตอนแรก คุโรโกะคิดว่ามันคงวุ่นวายน่าดูที่เด็กหนุ่มวัยรุ่นสามสิบคนนิดๆจะมาเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน

     

              แต่กลับกันเลย มันไม่ได้วุ่นวายอย่างที่คิด อาจจะเพราะเหนื่อยจากการนั่งเครื่องบินที่บินนานเกือบครึ่งวันล่ะมั้ง ตอนอยู่บนเครื่องบินก็ยังอาการดีๆ แต่พอลงเท่านั้น รู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณออกจากร่างไปจนหมด

     

              อาจารย์ดีโน่ดูเฉิดฉายมากเมื่ออยู่ที่นี่ แม้แต่ในสนามบินที่อิตาลีเอง พวกเขาพบว่าสาวๆเหล่ตามองอาจารย์หนุ่มผมทองเป็นตาเดียว จะว่าไป เพราะที่ญี่ปุ่นอีกฝ่ายชอบทำตัวซุ่มซ่ามจนสภาพดูไม่ได้ พอลองเดินแบบไม่หกล้มหรือสะดุดอากาศกลางคัน พวกเขาจึงพึ่งรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วอาจารย์หนุ่มดูดีราวกับนายแบบไม่มีผิด

     

              “อืมม พวกนั้นน่าจะมาแล้วนี่นา” ดีโน่มีสีหน้าครุ่นคิด นัยน์ตาสีอำพันหลุบต่ำมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เหล่านักเรียนที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเนื่องจากกำลังรอคนอื่นๆที่กำลังเข้าห้องน้ำขมวดคิ้ว

     

              “พวกนั้น?

     

              “คนที่จะมาดูแลพวกเธอไงล่ะ พวกเธอรู้จักดีเลยล่ะ”

     

              รู้จักดีเหรอ? จะมีอะไรน่าตกใจไปกว่าการที่คนดูแลพวกเขาคืออิมาโยชิอีกเหรอ?

     

              หรือจะเป็นรุ่นพี่คาวามัตสึ? หรือจะเป็นคางามิ? หรือจะเป็นฮานามิยะ?

     

              “มาครบกันแล้วใช่มั้ย?” อาจารย์หนุ่มถามด้วยรอยยิ้มใจดี ไล่สายตามองนักเรียนทุกคน เมื่อเห็นว่านักเรียนคนสุดท้ายจากโรงเรียนโยเซ็นเดินเข้ามารวมกลุ่มก็พยักหน้ากับตัวเอง

     

              “อืม ครบแล้วสินะ งั้นพวกนายไปเอากระเป๋าสัมภาระของตัวเองเลย ให้อิมาโยชิพาไปแล้วกันเนอะ” อาจารย์ดีโน่โบกมือก่อนจะวิ่งเหยาะๆไปอีกทางพร้อมกับผู้ติดตามของเจ้าตัวที่พวกเขารู้จักชื่อตอนอยู่บนเครื่อง รู้สึกว่าจะชื่อ โรมาริโอ้ ล่ะมั้ง?

     

              จะว่าไป..

     

              อาจารย์ดีโน่กับคุณโรมาริโอ้ก็เป็นชาวอิตาลีนี่?

     

              พวกเขาไปรับสัมภาระของตัวเองก่อนที่จะเดินตามอิมาโยชิมารออาจารย์ดีโน่ที่หน้าประตูทางออก มันเป็นประตูทางออกที่มีป้ายเขียนว่า 5A ซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรเท่าไรนัก อิมาโยชิบอกว่าจะมีคนมารับพวกเขาที่นี่ หลายๆคนเริ่มกลับมาตื่นเต้นและอยู่ไม่สุขอีกครั้ง ชาวอิตาลีรวมถึงชาวต่างชาติหลายๆคนที่พวกเขาพบเจอที่นี่นั้นทำให้พวกเขาทำตัวไม่ถูก

     

              คนที่ดูเหมือนจะมีสติที่สุดก็คงเป็นอาคาชิ

     

              อย่าว่าแต่มีสติเลย ชายหนุ่มผมแดงมีทีท่าเหมือนกับว่าเคยมาที่นี่แล้วด้วยซ้ำ

     

              “นายเคยมาที่นี่เหรออาคาชิ?” มิโดริมะถามระหว่างรออาจารย์ดีโน่และคนที่จะมารับตามที่อิมาโยชิ เขาใช้นิ้วดันแว่นขึ้น ในมือถือลูกโบว์ลิ่งสีเขียวซึ่งไม่รู้ว่าเอาขึ้นเครื่องมาได้ยังไง

     

              “ก็นิดหน่อย พ่อเคยพามาช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นมัธยมปลาย”

     

              “มาเที่ยวเหรอครับอาคาชิคุง?

     

              “ไม่รู้สิ”

     

              “เอ๋?” อาคาชิไม่ตอบอะไรไปมากกว่านั้น หลังจากนั้นไปนานอาจารย์ดีโน่ก็วิ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มร่า ต่างกันตรงที่ครั้งนี้ชายสูทดำที่ชื่อโรมาริโอ้ไม่ได้เดินตามมาด้วย ส่งผลให้อาจารย์หนุ่มวิ่งสะดุดพื้นเรียบๆจนล้มหน้าคะมำอยู่กับพื้น เหล่านักเรียนตบหน้าผากตัวเองเหมือนกำลังเรียกสติให้มาอยู่กับความเป็นจริง

     

              ยังไงอาจารย์ดีโน่ก็เป็นอาจารย์จอมซุ่มซ่ามอันดันหนึ่งอยู่ดีนั่นล่ะ

     

              “ออกไปรอข้างนอกกันเถอะ หมอนั่นมารับแล้วล่ะ” พวกเขาเดินตามอาจารย์หนุ่มออกไปทางประตูทางออก

     

              ใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานที่ถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่ดูยุ่งฟูและนุ่มนิ่มเหมือนสายไหม นัยน์ตาสีลูกโอ๊คยังคงฉายแววร่าเริงเหมือนครั้งล่าสุดที่เจอกัน จำตัวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆกับกางเกงขายาวสีดำ ดูไม่ต่างอะไรกับตอนเจอกันที่นามิโมริเลยซักนิดเดียว

     

              “สึนะโยชิจจิ?

     

              “อย่าบอกนะว่าคนที่จะมาดูแลพวกเราก็คือ..” โมโมอิยิ้มค้าง มองอาจารย์ดีโน่ อิมาโยชิ และสึนะโยชิสลับกันไปมา

     

              “ใช่ พวกสึนะจะเป็นคนดูแลพวกนาย”

     

              “พวกสึนะ? หมายถึง..ทั้งกลุ่มเลย?

     

              เด็กหนุ่มผมน้ำตาลหัวเราะแห้ง “อ้าว นี่ฉันไม่เคยบอกเหรอว่าก่อนย้ายกลับไปเรียนที่นามิโมริ พวกฉันเคยเรียนที่อิตาลีน่ะ?

     

             ก็ไม่เคยบอกน่ะสิวะ!

     

              “เอาเป็นว่าขึ้นรถก่อนเถอะ แล้วค่อยไปคุยกันที่ที่พักนะ”

     

              รถบัสสองชั้นคันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้าพวกเขา ชายที่ลงมาเป็นชายในชุดสูทสีดำเหมือนกับชุดของคุณโรมาริโอ้ไม่มีผิด รถบัสสีดำที่มีลวดลายสีทองดูเด่นสะดุดตา ภายในติดแอร์ซ้ำยังมีคาราโอเกะดูทันสมัยกว่ารถที่พวกเขานั่งที่ญี่ปุ่นด้วยซ้ำ หน้ารถมีสัญลักษณ์สีทองที่ดูคล้ายกับเปลือกหอยมีปีกที่อยู่บนปืนยาวไขว้ มีลวดลายวิตรงดงาม ตรงกลางเป็นช่องว่างคล้ายรูปโล่ และข้างในเป็นรูปกระสุนสีทอง

     

              มิโดริมะขมวดคิ้ว

     

              นั่นคือสัญลักษณ์ที่เขาเห็นในห้องของ ซาวาดะ สึนะโยชิ

     

              แต่ในความคิดของ อาคาชิ เซย์จูโร่ นั้นต่างออกไป

     

             สัญลักษณ์นั่นมัน..

     

     

     

     

              รถแล่นออกจากตัวเมืองมิลานมาไม่ไกลนัก เส้นทางในตอนนี้ของพวกเขาถูกขนาบด้วยป่าไม้ทั้งสองข้าง ที่อิตาลีอุดมสมบูรณ์กว่าที่พวกเขาคิดไว้ โดยเฉพาะเส้นทางที่พวกเขาเคลื่อนผ่าน ต้นไม้ขึ้นสูงเฉียดฟ้า อดคิดไม่ได้ว่าหากเดินทางมาตอนกลางคืนคงรู้สึกวังเวงพิลึก

     

              เมื่อผ่านพ้นเขตป่ามาแล้ว พวกเขาก็พบกับเมืองเล็กๆ แม้จะดูเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็ดูอุดมสมบูรณ์และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย บ้านเรือนส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นอาคารสองชั้น อาจจะไม่ได้มีตึกสูงเฉียดฟ้าเหมือนที่ญี่ปุ่น แต่ก็มีบ้านหลังใหญ่ๆหลายหลังตั้งอยู่ และที่ไกลๆแต่ยังพอเห็นได้ด้วยตา พวกเขาคิดว่านั่นน่าจะเป็นยอดปราสาทที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา แน่นอน พวกเขาไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นยอดปราสาทจริงหรือเปล่า

     

              รถคันใหญ่เลี้ยวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับหุบเขานั้น เมื่อเคลื่อนไปเรื่อยๆก็พบกับอีกเมืองหนึ่ง เป็นเมืองที่ขนาดและลักษณะคล้ายกับเมืองแรก ที่แตกต่างคงเป็นลักษณะบ้านช่องที่ไม่ได้ดูหรูหราหรือมีระดับเท่า แถมยังมีบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายและเป็นมิตรกว่าหลายเท่านัก

     

              และแล้วก็ถึงจุดหมายปลายทาง ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือคฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์ยุโรป ชวนให้นึกถึงคฤหาสน์ของอาคาชิในญี่ปุ่นที่ใหญ่ทัดเทียมกัน ต่างกันก็ตรงที่ว่าที่นี่มีบริเวณพื้นที่รอบนอกกว้างกว่าค่อนข้างมาก คงเพราะอยู่ไกลจากตัวเมืองซึ่งเป็นพื้นที่แออัด ตัวคฤหาสน์มีทั้งหมด 3 หลัง

     

    คฤหาสน์หลังแรกหรือคฤหาสน์หลักเป็นคฤหาสน์ 2 ชั้น ซึ่งน่าจะเป็นหลังสำหรับรับแขกและทำกิจกรรมร่วมกันอย่างทานอาหาร หรือเล่นกีฬา ด้านหน้ามีวงเวียนสำหรับให้รถเข้ามาจอดและลานน้ำพุ ส่วนด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำและสนามหญ้า ขนาบข้างด้วยคฤหาสน์ย่อยอีก 2 หลัง ที่ดูแล้วน่าจะเป็นคฤหาสน์สำหรับพักผ่อน

     

              “โห สวยชะมัด” ใครซักคนพูดขึ้น

     

              นี่พวกเขาจะได้มาพักที่นี่จริงๆเหรอ พวกเขาเนี่ยนะ?

     

              “พวกนายส่วนใหญ่จะได้พักที่คฤหาสน์ฝั่งซ้ายนะ แต่บางคนที่ต้องมาพักที่คฤหาสน์ฝั่งขวากับฉันและพวกสึนะ ถ้ามีอะไรก็มาเรียกได้ตลอดเวลา”

     

              คฤหาสน์คู่ที่ขนาบสระว่ายน้ำและสนามหญ้าจะเป็นคฤหาสน์สองชั้นเช่นกัน ชั้นนึงจะมีทั้งหมด 7 ห้องพัก โดยนอกจากพวกสึนะที่พักคฤหาสน์ฝั่งขวาโดยพักห้องละคนแล้ว ก็จะมีดีโน่ และอิมาโยชิ ที่พักห้องละคนเช่นกัน ซึ่งก็เท่ากับว่าจะเหลืออีก 4 ห้อง

     

              “ฉันจะบอกรายชื่อของรูมเมทแต่ละคนล่ะนะ หลังจากที่รู้ว่ารูมเมทของตัวเองเป็นใครก็แยกย้ายกันไปเก็บของพักผ่อนที่ห้องได้เลย แล้ว 5 โมงเย็นค่อยมารวมตัวทานอาหารเย็นที่นี่”

     

    คฤหาสน์ฝั่งขวา [R]

    ชั้น 2

    -            ห้อง R201 ซาวาดะ สึนะโยชิ

    -            ห้อง R202 โกคุเดระ ฮายาโตะ

    -            ห้อง R203 ยามาโมโตะทาเคชิ

    -            ห้อง R204 โรคุโด มุคุโร่

    -            ห้อง R205 ฮิบาริ เคียวยะ

    -            ห้อง R206 โคลม

    -            ห้อง R207 ซาซางาวะ เรียวเฮ

    ชั้น 1

    -            ห้อง R101 แรมโบ้

    -            ห้อง R102 ดีโน่

    -            ห้อง R103 อิมาโยชิ โชอิจิ

    -            ห้อง R104 โมโมอิ ซัทสึกิ (โทโอ) - ไอดะ ริโกะ (เซย์ริน)

    -            ห้อง R105 ทาคาโอะ คาซึนาริ (ชูโตคุ) - มิโดริมะ ชินทาโร่ (ชูโตคุ)

    -            ห้อง R106 ฮิมุโระ ทัตสึยะ (โยเซ็น) - มุราซากิบาระ อัตสึชิ (โยเซ็น)

    -            ห้อง R107 อาโอมิเนะ ไดกิ (โทโอ) - คุโรโกะ เท็ตสึยะ (เซย์ริน)

     

    “อะไรกัน นี่ฉันไม่ได้อยู่คฤหาสน์ฝั่งเดียวกับเท็ตสึยะเหรอ?” อาคาชิมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยหลังจากที่อาจารย์หนุ่มไล่รายชื่อผู้ที่ได้พักคฤหาสน์ฝั่งขวาทั้งหมดเสร็จสิ้น เช่นเดียวกับคิเสะที่มองอาโอมิเนะเดินกอดคอคุโรโกะไปหยิบกุญแจห้องด้วยสีหน้าเหมือนโลกถล่มลงมา

     

              “ฉันก็อยากอยู่กับคุโรโกจจิเหมือนกันนะ!!

     

    คฤหาสน์ฝั่งซ้าย [L]

    ชั้น 2

    -            ห้อง L201 อาคาชิ เซย์จูโร่ (กัปตันราคุซัน) - คิเสะ เรียวตะ (ไคโจ)

    -            ห้อง L202 ฮิวงะ จุนเปย์ (กัปตันเซย์ริน) – อิซึกิ ชุน (เซย์ริน)

    -            ห้อง L203 มิโตเบะ รินโนะสุเกะ (เซย์ริน) - ฟุริฮาตะ โคคิ (เซย์ริน) 

    -            ห้อง L204 มิยาจิ ยูยะ (กัปตันชูโตคุ) - สมาชิกทีมชูโตคุปี 2

    -            ห้อง L205 สมาชิกทีมชูโตคุปี 1 - มิบุจิ เรย์โอะ (ราคุซัน)

    -            ห้อง L206 ฮายามะ โคทาโร่ (ราคุซัน) – เนบุยะ เอย์คิจิ (ราคุซัน)

    -            ห้อง L207 ฮายาคาวะ มิตสึฮิโระ (กัปตันไคโจ) – นากามูระ ชินยะ (ไคโจ)

    ชั้น 1

    -            ห้อง L101 วากามัตสึ โคสึเกะ (กัปตันโทโอ) - ซากุราอิ เรียว (โทโอ)

    -            ห้อง L102 หลิวเว่ย (กัปตันโยเซ็น) - สมาชิกทีมโยเซ็น ปี 3

    -            ห้อง L103 สมาชิกราคุซันปี 2 - สมาชิกโทโอปี 3

    -            ห้อง L104 สมาชิกไคโจปี 2 - สมาชิกไคโจปี 1

    -            ห้อง L105 สมาชิกโทโอปี 2 - สมาชิกทีมโยเซ็นปี 1

    -            ห้อง L106 ห้องผู้จัดการทีมชูโตคุ – ราคุซัน

    -            ห้อง L107 ห้องผู้จัดการทีมโยเซ็น - ไคโจ

     

    พวกเขาแยกย้ายกันเก็บของเข้าห้องพักของตัวเองในทันทีที่การประกาศชื่อรูมเมทจบลง โชคยังดีที่การไปเรียนนามิโมริด้วยกันเกือบเดือนทำให้หลายๆทีมซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ชอบขี้กันมาสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว การจัดรูมเมทจึงไม่มีปัญหาอะไร

     

         คุโรโกะมองห้องขนาดกว้างกำลังพอดีซึ่งมีเตียงคู่วางอยู่กลางห้องด้วยสีหน้าโล่งใจ มันก็คล้ายกับห้องพักในโรงแรมธรรมดาๆ ถ้าไม่นับคฤหาสน์หลักที่ออกจะหรูหราไปซักหน่อย ห้องนอนอาจจะไม่ได้ใหญ่เท่าที่หอพักในนามิโมริ แต่ก็อยู่ในขนาดที่ใหญ่กำลังพอดี อบอุ่น

     

    “แล้วนายจะทำอะไรต่อ” อาโอมิเนะที่กำลังเก็บผ้าเข้าตู้เงยหน้าขึ้นมาถาม

     

    เด็กหนุ่มผมฟ้าตอบหน้าตาย “นอนล่ะมั้งครับ”

     

    “ก็ดีเหมือนกัน เหนื่อยจะตายชัก” ว่าแล้วคนตัวโตก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ทว่าเมื่อเดินกลับออกมา ชายผิวแทนกลับผมว่าร่างเล็กได้หลับไปแล้ว ทั้งที่ชุดก็ยังไม่ได้เปลี่ยน

     

    อาโอมิเนะ ไดกิ ยิ้มอย่างอ่อนใจกับอาการเหนื่อยอ่อนของร่างเล็ก

     

    เขาก็ไม่ได้อาบน้ำนานซักหน่อยนี่ คงเหนื่อยมากสินะ

     

    ชายหนุ่มเดินไปตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 4 โมงครึ่ง ก่อนที่จะขยับเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่นอนฟุบอยู่บนเตียง ลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่าคุโรโกะนั้นหลับไปจริงๆ มือใหญ่ลูบลงบนกลุ่มผมสีฟ้านุ่ม

     

    “เหมือนแมวเลยว่ะ”

     

    แต่ว่า นอนในชุดแบบนี้คงไม่สบายเท่าไหร่มั้ง

     

    ว่าแล้วก็เหลือบมองเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงยีนขาสามส่วนของคนตัวเล็กกว่า มือใหญ่เอื้อมไปขยับร่างกายนั้นเบาๆ ไม่นานนักคุโรโกะก็ตื่น คนตัวเล็กปรือตามองอดีตแสงของตนด้วยใบหน้าง่วงงุน

     

    “มีอะไรเหรอครับอาโอมิเนะคุง ผมว่าน่าจะยังไม่ถึงเวลานะ”

     

    “ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอนสิ”

     

    “ก็คุณอาบน้ำนานนี่”

     

    “5 นาทีเองเจ้าบ้า”

     

    “....” ร่างบางผมฟ้าทำหน้ามึนเหมือนไม่รู้จะเถียงอะไรต่อ ก่อนที่จะยอมคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่และครีมอาบน้ำเดินเข้าห้องน้ำไป อาโอมิเนะหันมายิ้มกับตัวเอง

     

    โคตรน่ารักเลย ไอบ้าเอ้ย!

     

     

     

     

     

     

    ----------|----------|----------|----------|----------

    อาจารย์ดีโน่ พลาดครั้งเดียวอาคาชิกับฮิมุโระจำตลอดไปนะคะ (ฮา)

    รู้ค่ะอาโฮ่! รู้ค่ะว่าน้องน่ารัก!

    น้องเท็ตจังน่ารักที่สุดในโลกแล้วค่ะ!!

    เท็ตจังนี่หมายถึงน้อง คุโรโกะ เท็ตสึยะ นะคะ ไม่ใช่ คุซาคาเบะ เท็ตสึย—

    อ่านแล้วเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ!

     

     

     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×