คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Canival 11 :: Let’s Go Italy
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้สำหรับเด็กหนุ่มผมฟ้าไม่ใช่การที่อยู่ๆรุ่นพี่อิมาโยชิจะมาช่วยดูแลพวกเขา
ยอมรับว่านั่นก็ตกใจ แต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าช็อคที่สุดอยู่ดี
“เข้าค่ายที่อิตาลี?” อาจารย์ดีโน่ที่เป็นคนเรียกพวกเขามารวมตัวกันที่โรงยิมพยักหน้ารับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูใจดีเหมือนกับทุกที
อีกฝ่ายนับเป็นอาจารย์คนโปรดของพวกเขา เพราะบุคลิกท่าทางที่ดูเป็นมิตร
แม้จะซุ่มซ่ามไปหน่อยแต่ก็เป็นคนที่คุยด้วยง่ายที่สุด
แต่ไม่ใช่กับอาคาชิและฮิมุโระแน่
ยังไงซะ
คนที่มีคดีติดตัวเป็นการ(เกือบ)พรากผู้เยาว์เป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ก็ดูคบไม่ได้
(แม้ผู้เยาว์ที่ว่านั่นจะสมยอมก็ตาม..)
“อ
เอ๋ พวกนายจ้องฉันทำไมน่ะ”
ดีโน่หันมายิ้มซื่อๆให้กับนักเรียนทั้งสองที่นอกจากจะจ้องเขาเหมือนตัวเขาไปฆ่าใครตายมาแล้ว
ยังทำสีหน้าเหมือนเขาเป็นอาจารย์แก่ตัณหากลับนิสัยไม่น่าคบอีกด้วย
เด็กพวกนี้มีปัญหาอะไรกับพวกเขารึเปล่านะ
ฮิมุโระแสร้งยิ้มบางๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ อาจารย์สบายใจได้”
“อ๋อ
เหรอ” ดีโน่หัวเราะแห้งกับคำพูดของเจ้าชายน้ำแข็งแห่งโรงเรียนโยเซ็น
แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ลางสังหรณ์ของเขากลับบอกว่าเด็กพวกนี้ไม่ได้ ‘ไม่มีอะไร’ เหมือนที่พูดแน่ๆ
“แล้วเรื่องที่พวกเราจะได้ไปอิตาลีนี่พูดจริงเหรอครับ?” คุโรโกะถามเสียงใส จะว่าตกใจมันก็ตกใจ จะว่าตื่นเต้นมันก็ตื่นเต้น
ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
หลายๆคนไม่ได้มีโอกาสที่จะไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยนัก ด้วยปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายหรือเวลา
ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างคาดหวัง
การไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนในช่วงมัธยมย่อมเป็นหนึ่งในความฝันของเด็กนักเรียนม.ปลาย
“ต้องจริงอยู่แล้วสิ”
หลายๆคนโห่ร้องเฮกันด้วยความยินดี
ถ้าอ้างอิงจากที่อาจารย์หนุ่มบอก
นั่นหมายความว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นการเข้าค่ายทดลองใช้ชีวิตที่ต่างประเทศรวมๆแล้วประมาณ
3 เดือนกว่า เพื่อเรียนรู้ภาษาที่สามและหาประสบการณ์ใหม่ๆ
หลังจากนั้นก็จะกลับมาเรียนที่นามิโมริต่ออีก 1
เดือนแล้วก็จะถือว่าจบทริปการเรียนแลกเปลี่ยนครั้งนี้
“เหมือนฝันไปเลย!”
“นี่มันความจริงแน่เหรอ!?”
“อิตาลี? พวกเราจะได้ไปอิตาลี!”
“ที่นั่นต้องมีฝรั่งหน้าตาสวยๆคมๆเยอะแน่ๆ!”
“นักบาสที่นั่นจะเก่งรึเปล่า
นายว่าไง เท็ตสึ”
“ไม่รู้สิครับ”
อาจารย์หนุ่มยังคงมองท่าทางดีใจเหมือนเด็กๆเวลาได้รับของขวัญจากซานต้าด้วยรอยยิ้ม
หากทว่าในใจนั้นกลับสวนทางกับรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างสิ้นเชิง
ถ้าได้รู้ว่าการไปที่นั่นพวกเธอจะต้องพบเจอกับอะไร
ยังจะยิ้มได้แบบนี้รึเปล่า?
“พวกเราจะเดินทางกันสัปดาห์หน้า
ระหว่างนี้ใครที่ยังไม่ทำวีซ่าและพาสปอร์ตก็กลับบ้านไปขอให้ครอบครัวพาไปทำซะนะ
และอย่างที่บอกไปในตอนแรก เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดนอกจากค่าของกินเล่นและของฝาก
ทางผู้ที่สนับสนุนจะออกเงินให้ทั้งหมด รวมถึงจะเป็นผู้จัดหาที่พักให้ด้วย”
คุโรโกะอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีดีใจของทั้งเพื่อนๆ
รุ่นพี่ และรุ่นน้อง ที่ดูจะพอใจกับการไปออกทริปที่จะถึงในเร็วๆนี้มาก
ถึงอย่างนั้นเขากลับรู้สึกไม่มั่นใจกับหลายๆอย่าง มันดูสะดวกสบายและง่ายเกินไป
พูดตามตรง
ในชีวิตเขาแทบจะไม่เคยคิดถึงการไปออกทริปต่างประเทศกับเพื่อนหลายๆคนโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยด้วยซ้ำ
เพราะเขารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้
แต่นี่มันอะไรกัน? ใครกันที่มีอำนาจและเงินมากพอจะส่งเด็กนักเรียนเกือบ 30
คนไปหาประสบการณ์ที่ต่างประเทศโดยที่นักเรียนพวกนั้นไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายแม้แต่แดงเดียว
มันทำให้เขารู้สึกไม่ชอบมาพากล
แน่นอนว่าคงไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่คิดแบบนี้
นัยน์ตาสีฟ้าอะความารีนเหลือบมองอดีตกัปตันของตนรวมถึงมือชู้ตอันดับหนึ่งของชูโตคุที่มีสีหน้าคิดไม่ตกกับการออกทริปในครั้งนี้เช่นกัน
“อ้อ
แล้วก็อย่าลืมไปเรียนภาษาอิตาลีเบื้องต้นมาด้วยล่ะ
ฉันเชื่อว่าพวกนายจะต้องได้ใช้มัน” พวกเขาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
ความตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศกับคนอื่นๆทำให้ใครหลายคนเริ่มอยู่ไม่สุข
คุโรโกะแอบขำกับท่าทางของฟุริฮาตะที่ดีใจจนร้องไห้ออกมา
เขาหวังจริงๆ
ว่ามันจะไม่มีอะไรแฝงอยู่ในทริปนี้
ระยะเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขานั่งรถบัสโดยสารของโรงเรียนมาลงที่สนามบินนานาชาตินามิโมริ ซึ่งเป็นสนามบินที่พึ่งมีการขยายให้ใหญ่ขึ้นจนสามารถรองรับเที่ยวบินได้มากเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น
คนที่ลงจากรถลงไปคนแรกก็คืออาจารย์ดีโน่ ตามมาด้วยพวกราคุซัน เซย์ริน ไคโจ ชูโตคุ
โทโอ และโยเซ็น
“ว่าไง~” ใบหน้าขาวเงยหน้าขึ้น อิมาโยชิยืนอยู่หน้าทางเข้าพร้อมกับโบกมือเบาๆ
“อิมาโยชิซัง?”
ดีโน่เดินมายืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มสวมแว่นก่อนตบบ่าเบาๆ
“นี่คืออิมาโยชิ โชอิจิ พวกนายคงรู้จักกันแล้ว เขาจะเป็นหนึ่งในคนที่มาช่วยดูแลพวกนายตลอดทริปนี้น่ะ”
“เห้ย!? หมอนี่อ่ะนะ?” อาโอมิเนะทำหน้าขนลุกขนพอง
ถ้าพูดถึงคนที่จับไต๋เขาได้ว่าทำยังไงเขาถึงจะไม่โดดซ้อมแถมยังมีสมองอันชั่วร้ายเป็นอันดับ
3 รองจากอาคาชิและฮานามิยะ คนๆนั้นก็คืออิมาโยชิ โชอิจิ
“ตกใจอะไรกันอาโอมิเนะ
ไม่ดีเหรอ ฉันออกจะสนิทกับนายนา”
“ใครมันไปสนิทกับแกกันฟะ!”
“คุโรโกะ
นายดูอาโอมิเนะสิ ไม่เคารพอดีตกัปตันอย่างฉันเลย” คนที่มีสมองอันชั่วร้าย(?)ถ้าอิงตามที่อาโอมิเนะบอกหันไปตีหน้าเศร้ากับเงามายาแห่งเซย์ริน
คุโรโกะหันไปมองอดีตเอสของเทย์โคด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นั่นอดีตกัปตันคุณไม่ใช่เหรอครับอาโอมิเนะคุง”
“เท็ตสึ!?”
ดีโน่ที่เห็นท่าทางเหมือนกำลังจะโวยวายต่อของเอสแห่งโทโอก็พูดแทรกขึ้น
“พวกนายอาจจะไม่ไว้ใจอิมาโยชิเพราะหมอนี่มันค่อนข้างชั่วร้าย(?)..”
“แหม
อาจารย์ ใจร้ายจัง” ผู้มีฉายาม้าพยศเมินคำตัดพ้อแบบทีเล่นทีจริงนั่นแล้วพูดต่อ
“แต่ถึงอย่างนั้น
หลังจากที่หมอนี่เรียนจบที่โทโอก็ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของอิตาลี ตอนนี้ก็มีงานทำที่นั่นแล้วนะ
แถมยังเป็นคนที่ผู้สนับสนุนโรงเรียนนามิโมริไว้เนื้อเชื่อใจแล้วก็ให้ความสนิทสนมด้วย”
ไว้เนื้อเชื่อใจน่ะใช่
แต่ให้ความสนิทสนมนี่..
ว่าแล้วอิมาโยชิก็นึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ต้องกล้ำกลืนผืนทนทานอาหารของเบียงกี้จนท้องเสีย
ต้องนอนซมอยู่แต่ในห้องเกือบ 3 วัน
หลังจากนั้นอิมาโยชิและอาจารย์ดีโน่ก็พาพวกเขาเข้าไปเช็คอินในสนามบิน
(พ่วงด้วยชายในชุดสูทคนหนึ่งที่ติดตามคุณดีโน่มาตั้งแต่ที่โรงเรียน
และพวกเขาก็ได้พบหนึ่งในเรื่องน่าอัศจรรย์
นั่นคือคุณดีโน่ยังไม่สะดุดอากาศล้มเลยซักครั้งตั้งแต่เข้าสนามบินมา!)
หลายๆคนตื่นเต้นเพราะนี่เป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตของพวกเขา
แต่หลายๆคนก็มีทีท่าปกติไม่แสดงอาการตื่นเต้นหรืออะไร
คงเพราะชินกับการเดินทางไปมาระหว่างต่างประเทศ เช่น อาคาชิ ฮิมุโระ และมิโดริมะ
เมื่อผ่านกองตรวจคนออกจากเมืองไปได้
พวกเขาก็เข้าไปนั่งรอเครื่องขึ้นกันตามปกติ พวกรุ่นปาฏิหาริย์ไม่ได้นั่งรวมกลุ่มกันเหมือนตอนที่เดินเข้ามา
พวกเขาแยกย้ายกันไปนั่งคุยกับสมาชิกทีมของตัวเอง และคุโรโกะก็เช่นกัน
“อาจารย์ดีโน่บอกว่าอิมาโยชิซังเป็นหนึ่งในคนที่จะมาดูแลเรา
แปลว่ามีคนอื่นอีกเหรอครับ?”
“นั่นสินะ
ฉันก็สงสัยเหมือนกัน” ริโกะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
แม้เธอจะดีใจกับการได้มาเที่ยวต่างประเทศ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดีใจจนไม่ทันคิดอะไรซะเมื่อไหร่
การนั่งเครื่องบินจากสนามบินนามิโมริของญี่ปุ่นสู่สนามบินมัลเปนซาในมิลานนั้นใช้เวลาทั้งหมด
12 ชั่วโมงครึ่ง อย่างน้อยสายการบินที่พวกเขาใช้บริการก็เป็นสายการบินที่ดีพอที่จะทำให้การเดินทางเป็นระยะเวลานานแบบนี้ไม่ใช่นรกเกินไปนัก
ในทางกลับกัน
การบริการที่ดีเยี่ยมและอาหารที่อร่อยเหาะทำให้พวกเขารู้สึกดีจนลืมอาการก้นด้านก้นชาไปจนหมด
กว่าพวกเขาจะถึงอิตาลีก็บ่ายโมงกว่าตามเวลาท้องถิ่น
หลังจากที่ผ่านกองตรวจคนเข้าเมืองมาได้
อาจารย์ดีโน่ก็อนุญาตให้พวกเขาเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันให้เรียบร้อย
ในตอนแรก
คุโรโกะคิดว่ามันคงวุ่นวายน่าดูที่เด็กหนุ่มวัยรุ่นสามสิบคนนิดๆจะมาเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน
แต่กลับกันเลย
มันไม่ได้วุ่นวายอย่างที่คิด
อาจจะเพราะเหนื่อยจากการนั่งเครื่องบินที่บินนานเกือบครึ่งวันล่ะมั้ง
ตอนอยู่บนเครื่องบินก็ยังอาการดีๆ แต่พอลงเท่านั้น
รู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณออกจากร่างไปจนหมด
อาจารย์ดีโน่ดูเฉิดฉายมากเมื่ออยู่ที่นี่
แม้แต่ในสนามบินที่อิตาลีเอง พวกเขาพบว่าสาวๆเหล่ตามองอาจารย์หนุ่มผมทองเป็นตาเดียว
จะว่าไป เพราะที่ญี่ปุ่นอีกฝ่ายชอบทำตัวซุ่มซ่ามจนสภาพดูไม่ได้ พอลองเดินแบบไม่หกล้มหรือสะดุดอากาศกลางคัน
พวกเขาจึงพึ่งรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วอาจารย์หนุ่มดูดีราวกับนายแบบไม่มีผิด
“อืมม
พวกนั้นน่าจะมาแล้วนี่นา” ดีโน่มีสีหน้าครุ่นคิด
นัยน์ตาสีอำพันหลุบต่ำมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
เหล่านักเรียนที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเนื่องจากกำลังรอคนอื่นๆที่กำลังเข้าห้องน้ำขมวดคิ้ว
“พวกนั้น?”
“คนที่จะมาดูแลพวกเธอไงล่ะ
พวกเธอรู้จักดีเลยล่ะ”
รู้จักดีเหรอ? จะมีอะไรน่าตกใจไปกว่าการที่คนดูแลพวกเขาคืออิมาโยชิอีกเหรอ?
หรือจะเป็นรุ่นพี่คาวามัตสึ? หรือจะเป็นคางามิ? หรือจะเป็นฮานามิยะ?
“มาครบกันแล้วใช่มั้ย?” อาจารย์หนุ่มถามด้วยรอยยิ้มใจดี ไล่สายตามองนักเรียนทุกคน
เมื่อเห็นว่านักเรียนคนสุดท้ายจากโรงเรียนโยเซ็นเดินเข้ามารวมกลุ่มก็พยักหน้ากับตัวเอง
“อืม
ครบแล้วสินะ งั้นพวกนายไปเอากระเป๋าสัมภาระของตัวเองเลย
ให้อิมาโยชิพาไปแล้วกันเนอะ”
อาจารย์ดีโน่โบกมือก่อนจะวิ่งเหยาะๆไปอีกทางพร้อมกับผู้ติดตามของเจ้าตัวที่พวกเขารู้จักชื่อตอนอยู่บนเครื่อง
รู้สึกว่าจะชื่อ โรมาริโอ้ ล่ะมั้ง?
จะว่าไป..
อาจารย์ดีโน่กับคุณโรมาริโอ้ก็เป็นชาวอิตาลีนี่?
พวกเขาไปรับสัมภาระของตัวเองก่อนที่จะเดินตามอิมาโยชิมารออาจารย์ดีโน่ที่หน้าประตูทางออก
มันเป็นประตูทางออกที่มีป้ายเขียนว่า 5A ซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรเท่าไรนัก
อิมาโยชิบอกว่าจะมีคนมารับพวกเขาที่นี่ หลายๆคนเริ่มกลับมาตื่นเต้นและอยู่ไม่สุขอีกครั้ง
ชาวอิตาลีรวมถึงชาวต่างชาติหลายๆคนที่พวกเขาพบเจอที่นี่นั้นทำให้พวกเขาทำตัวไม่ถูก
คนที่ดูเหมือนจะมีสติที่สุดก็คงเป็นอาคาชิ
อย่าว่าแต่มีสติเลย
ชายหนุ่มผมแดงมีทีท่าเหมือนกับว่าเคยมาที่นี่แล้วด้วยซ้ำ
“นายเคยมาที่นี่เหรออาคาชิ?” มิโดริมะถามระหว่างรออาจารย์ดีโน่และคนที่จะมารับตามที่อิมาโยชิ เขาใช้นิ้วดันแว่นขึ้น
ในมือถือลูกโบว์ลิ่งสีเขียวซึ่งไม่รู้ว่าเอาขึ้นเครื่องมาได้ยังไง
“ก็นิดหน่อย
พ่อเคยพามาช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นมัธยมปลาย”
“มาเที่ยวเหรอครับอาคาชิคุง?”
“ไม่รู้สิ”
“เอ๋?” อาคาชิไม่ตอบอะไรไปมากกว่านั้น
หลังจากนั้นไปนานอาจารย์ดีโน่ก็วิ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มร่า
ต่างกันตรงที่ครั้งนี้ชายสูทดำที่ชื่อโรมาริโอ้ไม่ได้เดินตามมาด้วย
ส่งผลให้อาจารย์หนุ่มวิ่งสะดุดพื้นเรียบๆจนล้มหน้าคะมำอยู่กับพื้น
เหล่านักเรียนตบหน้าผากตัวเองเหมือนกำลังเรียกสติให้มาอยู่กับความเป็นจริง
ยังไงอาจารย์ดีโน่ก็เป็นอาจารย์จอมซุ่มซ่ามอันดันหนึ่งอยู่ดีนั่นล่ะ
“ออกไปรอข้างนอกกันเถอะ
หมอนั่นมารับแล้วล่ะ” พวกเขาเดินตามอาจารย์หนุ่มออกไปทางประตูทางออก
ใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าหวานที่ถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่ดูยุ่งฟูและนุ่มนิ่มเหมือนสายไหม
นัยน์ตาสีลูกโอ๊คยังคงฉายแววร่าเริงเหมือนครั้งล่าสุดที่เจอกัน
จำตัวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆกับกางเกงขายาวสีดำ ดูไม่ต่างอะไรกับตอนเจอกันที่นามิโมริเลยซักนิดเดียว
“สึนะโยชิจจิ?”
“อย่าบอกนะว่าคนที่จะมาดูแลพวกเราก็คือ..”
โมโมอิยิ้มค้าง มองอาจารย์ดีโน่ อิมาโยชิ และสึนะโยชิสลับกันไปมา
“ใช่
พวกสึนะจะเป็นคนดูแลพวกนาย”
“พวกสึนะ? หมายถึง..ทั้งกลุ่มเลย?”
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลหัวเราะแห้ง
“อ้าว นี่ฉันไม่เคยบอกเหรอว่าก่อนย้ายกลับไปเรียนที่นามิโมริ พวกฉันเคยเรียนที่อิตาลีน่ะ?”
ก็ไม่เคยบอกน่ะสิวะ!
“เอาเป็นว่าขึ้นรถก่อนเถอะ
แล้วค่อยไปคุยกันที่ที่พักนะ”
รถบัสสองชั้นคันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้าพวกเขา
ชายที่ลงมาเป็นชายในชุดสูทสีดำเหมือนกับชุดของคุณโรมาริโอ้ไม่มีผิด
รถบัสสีดำที่มีลวดลายสีทองดูเด่นสะดุดตา ภายในติดแอร์ซ้ำยังมีคาราโอเกะดูทันสมัยกว่ารถที่พวกเขานั่งที่ญี่ปุ่นด้วยซ้ำ
หน้ารถมีสัญลักษณ์สีทองที่ดูคล้ายกับเปลือกหอยมีปีกที่อยู่บนปืนยาวไขว้
มีลวดลายวิตรงดงาม ตรงกลางเป็นช่องว่างคล้ายรูปโล่ และข้างในเป็นรูปกระสุนสีทอง
มิโดริมะขมวดคิ้ว
นั่นคือสัญลักษณ์ที่เขาเห็นในห้องของ
ซาวาดะ สึนะโยชิ
แต่ในความคิดของ
อาคาชิ เซย์จูโร่ นั้นต่างออกไป
สัญลักษณ์นั่นมัน..
รถแล่นออกจากตัวเมืองมิลานมาไม่ไกลนัก
เส้นทางในตอนนี้ของพวกเขาถูกขนาบด้วยป่าไม้ทั้งสองข้าง ที่อิตาลีอุดมสมบูรณ์กว่าที่พวกเขาคิดไว้
โดยเฉพาะเส้นทางที่พวกเขาเคลื่อนผ่าน ต้นไม้ขึ้นสูงเฉียดฟ้า
อดคิดไม่ได้ว่าหากเดินทางมาตอนกลางคืนคงรู้สึกวังเวงพิลึก
เมื่อผ่านพ้นเขตป่ามาแล้ว
พวกเขาก็พบกับเมืองเล็กๆ แม้จะดูเป็นเมืองเล็กๆ
แต่ก็ดูอุดมสมบูรณ์และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย
บ้านเรือนส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นอาคารสองชั้น อาจจะไม่ได้มีตึกสูงเฉียดฟ้าเหมือนที่ญี่ปุ่น
แต่ก็มีบ้านหลังใหญ่ๆหลายหลังตั้งอยู่ และที่ไกลๆแต่ยังพอเห็นได้ด้วยตา
พวกเขาคิดว่านั่นน่าจะเป็นยอดปราสาทที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา แน่นอน
พวกเขาไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นยอดปราสาทจริงหรือเปล่า
รถคันใหญ่เลี้ยวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับหุบเขานั้น
เมื่อเคลื่อนไปเรื่อยๆก็พบกับอีกเมืองหนึ่ง
เป็นเมืองที่ขนาดและลักษณะคล้ายกับเมืองแรก
ที่แตกต่างคงเป็นลักษณะบ้านช่องที่ไม่ได้ดูหรูหราหรือมีระดับเท่า
แถมยังมีบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายและเป็นมิตรกว่าหลายเท่านัก
และแล้วก็ถึงจุดหมายปลายทาง
ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือคฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์ยุโรป ชวนให้นึกถึงคฤหาสน์ของอาคาชิในญี่ปุ่นที่ใหญ่ทัดเทียมกัน
ต่างกันก็ตรงที่ว่าที่นี่มีบริเวณพื้นที่รอบนอกกว้างกว่าค่อนข้างมาก
คงเพราะอยู่ไกลจากตัวเมืองซึ่งเป็นพื้นที่แออัด ตัวคฤหาสน์มีทั้งหมด 3 หลัง
คฤหาสน์หลังแรกหรือคฤหาสน์หลักเป็นคฤหาสน์
2 ชั้น ซึ่งน่าจะเป็นหลังสำหรับรับแขกและทำกิจกรรมร่วมกันอย่างทานอาหาร
หรือเล่นกีฬา ด้านหน้ามีวงเวียนสำหรับให้รถเข้ามาจอดและลานน้ำพุ
ส่วนด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำและสนามหญ้า ขนาบข้างด้วยคฤหาสน์ย่อยอีก 2 หลัง
ที่ดูแล้วน่าจะเป็นคฤหาสน์สำหรับพักผ่อน
“โห
สวยชะมัด” ใครซักคนพูดขึ้น
นี่พวกเขาจะได้มาพักที่นี่จริงๆเหรอ
พวกเขาเนี่ยนะ?
“พวกนายส่วนใหญ่จะได้พักที่คฤหาสน์ฝั่งซ้ายนะ
แต่บางคนที่ต้องมาพักที่คฤหาสน์ฝั่งขวากับฉันและพวกสึนะ
ถ้ามีอะไรก็มาเรียกได้ตลอดเวลา”
คฤหาสน์คู่ที่ขนาบสระว่ายน้ำและสนามหญ้าจะเป็นคฤหาสน์สองชั้นเช่นกัน
ชั้นนึงจะมีทั้งหมด 7 ห้องพัก
โดยนอกจากพวกสึนะที่พักคฤหาสน์ฝั่งขวาโดยพักห้องละคนแล้ว ก็จะมีดีโน่ และอิมาโยชิ
ที่พักห้องละคนเช่นกัน ซึ่งก็เท่ากับว่าจะเหลืออีก 4 ห้อง
“ฉันจะบอกรายชื่อของรูมเมทแต่ละคนล่ะนะ
หลังจากที่รู้ว่ารูมเมทของตัวเองเป็นใครก็แยกย้ายกันไปเก็บของพักผ่อนที่ห้องได้เลย
แล้ว 5 โมงเย็นค่อยมารวมตัวทานอาหารเย็นที่นี่”
คฤหาสน์ฝั่งขวา [R]
ชั้น 2
-
ห้อง R201 ซาวาดะ สึนะโยชิ
-
ห้อง R202 โกคุเดระ ฮายาโตะ
-
ห้อง R203 ยามาโมโตะทาเคชิ
-
ห้อง R204 โรคุโด มุคุโร่
-
ห้อง R205 ฮิบาริ เคียวยะ
-
ห้อง R206 โคลม
-
ห้อง R207 ซาซางาวะ เรียวเฮ
ชั้น 1
-
ห้อง R101 แรมโบ้
-
ห้อง R102 ดีโน่
-
ห้อง R103 อิมาโยชิ โชอิจิ
-
ห้อง R104 โมโมอิ ซัทสึกิ (โทโอ) - ไอดะ ริโกะ (เซย์ริน)
-
ห้อง R105 ทาคาโอะ คาซึนาริ (ชูโตคุ) - มิโดริมะ ชินทาโร่ (ชูโตคุ)
-
ห้อง R106 ฮิมุโระ ทัตสึยะ (โยเซ็น) - มุราซากิบาระ อัตสึชิ (โยเซ็น)
-
ห้อง R107 อาโอมิเนะ ไดกิ (โทโอ) - คุโรโกะ เท็ตสึยะ (เซย์ริน)
“อะไรกัน
นี่ฉันไม่ได้อยู่คฤหาสน์ฝั่งเดียวกับเท็ตสึยะเหรอ?”
อาคาชิมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยหลังจากที่อาจารย์หนุ่มไล่รายชื่อผู้ที่ได้พักคฤหาสน์ฝั่งขวาทั้งหมดเสร็จสิ้น
เช่นเดียวกับคิเสะที่มองอาโอมิเนะเดินกอดคอคุโรโกะไปหยิบกุญแจห้องด้วยสีหน้าเหมือนโลกถล่มลงมา
“ฉันก็อยากอยู่กับคุโรโกจจิเหมือนกันนะ!!”
คฤหาสน์ฝั่งซ้าย [L]
ชั้น 2
-
ห้อง L201 อาคาชิ เซย์จูโร่ (กัปตันราคุซัน) - คิเสะ เรียวตะ (ไคโจ)
-
ห้อง L202 ฮิวงะ จุนเปย์ (กัปตันเซย์ริน) – อิซึกิ ชุน (เซย์ริน)
-
ห้อง L203 มิโตเบะ รินโนะสุเกะ (เซย์ริน) - ฟุริฮาตะ โคคิ (เซย์ริน)
-
ห้อง L204 มิยาจิ ยูยะ (กัปตันชูโตคุ) - สมาชิกทีมชูโตคุปี 2
-
ห้อง L205 สมาชิกทีมชูโตคุปี 1 - มิบุจิ เรย์โอะ (ราคุซัน)
-
ห้อง L206 ฮายามะ โคทาโร่ (ราคุซัน) – เนบุยะ เอย์คิจิ (ราคุซัน)
-
ห้อง L207 ฮายาคาวะ มิตสึฮิโระ (กัปตันไคโจ) – นากามูระ ชินยะ (ไคโจ)
ชั้น 1
-
ห้อง L101 วากามัตสึ โคสึเกะ (กัปตันโทโอ) - ซากุราอิ เรียว (โทโอ)
-
ห้อง L102 หลิวเว่ย (กัปตันโยเซ็น) - สมาชิกทีมโยเซ็น ปี 3
-
ห้อง L103 สมาชิกราคุซันปี 2 - สมาชิกโทโอปี 3
-
ห้อง L104 สมาชิกไคโจปี 2 - สมาชิกไคโจปี 1
-
ห้อง L105 สมาชิกโทโอปี 2 - สมาชิกทีมโยเซ็นปี 1
-
ห้อง L106 ห้องผู้จัดการทีมชูโตคุ – ราคุซัน
-
ห้อง L107 ห้องผู้จัดการทีมโยเซ็น - ไคโจ
พวกเขาแยกย้ายกันเก็บของเข้าห้องพักของตัวเองในทันทีที่การประกาศชื่อรูมเมทจบลง
โชคยังดีที่การไปเรียนนามิโมริด้วยกันเกือบเดือนทำให้หลายๆทีมซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ชอบขี้กันมาสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว
การจัดรูมเมทจึงไม่มีปัญหาอะไร
คุโรโกะมองห้องขนาดกว้างกำลังพอดีซึ่งมีเตียงคู่วางอยู่กลางห้องด้วยสีหน้าโล่งใจ
มันก็คล้ายกับห้องพักในโรงแรมธรรมดาๆ
ถ้าไม่นับคฤหาสน์หลักที่ออกจะหรูหราไปซักหน่อย
ห้องนอนอาจจะไม่ได้ใหญ่เท่าที่หอพักในนามิโมริ แต่ก็อยู่ในขนาดที่ใหญ่กำลังพอดี
อบอุ่น
“แล้วนายจะทำอะไรต่อ”
อาโอมิเนะที่กำลังเก็บผ้าเข้าตู้เงยหน้าขึ้นมาถาม
เด็กหนุ่มผมฟ้าตอบหน้าตาย
“นอนล่ะมั้งครับ”
“ก็ดีเหมือนกัน
เหนื่อยจะตายชัก” ว่าแล้วคนตัวโตก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย
ทว่าเมื่อเดินกลับออกมา ชายผิวแทนกลับผมว่าร่างเล็กได้หลับไปแล้ว ทั้งที่ชุดก็ยังไม่ได้เปลี่ยน
อาโอมิเนะ ไดกิ
ยิ้มอย่างอ่อนใจกับอาการเหนื่อยอ่อนของร่างเล็ก
เขาก็ไม่ได้อาบน้ำนานซักหน่อยนี่
คงเหนื่อยมากสินะ
ชายหนุ่มเดินไปตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน
4 โมงครึ่ง ก่อนที่จะขยับเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่นอนฟุบอยู่บนเตียง
ลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่าคุโรโกะนั้นหลับไปจริงๆ
มือใหญ่ลูบลงบนกลุ่มผมสีฟ้านุ่ม
“เหมือนแมวเลยว่ะ”
แต่ว่า
นอนในชุดแบบนี้คงไม่สบายเท่าไหร่มั้ง
ว่าแล้วก็เหลือบมองเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงยีนขาสามส่วนของคนตัวเล็กกว่า
มือใหญ่เอื้อมไปขยับร่างกายนั้นเบาๆ ไม่นานนักคุโรโกะก็ตื่น
คนตัวเล็กปรือตามองอดีตแสงของตนด้วยใบหน้าง่วงงุน
“มีอะไรเหรอครับอาโอมิเนะคุง
ผมว่าน่าจะยังไม่ถึงเวลานะ”
“ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอนสิ”
“ก็คุณอาบน้ำนานนี่”
“5 นาทีเองเจ้าบ้า”
“....”
ร่างบางผมฟ้าทำหน้ามึนเหมือนไม่รู้จะเถียงอะไรต่อ ก่อนที่จะยอมคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่และครีมอาบน้ำเดินเข้าห้องน้ำไป
อาโอมิเนะหันมายิ้มกับตัวเอง
โคตรน่ารักเลย
ไอบ้าเอ้ย!
----------|----------|----------|----------|----------
อาจารย์ดีโน่
พลาดครั้งเดียวอาคาชิกับฮิมุโระจำตลอดไปนะคะ (ฮา)
รู้ค่ะอาโฮ่! รู้ค่ะว่าน้องน่ารัก!
น้องเท็ตจังน่ารักที่สุดในโลกแล้วค่ะ!!
เท็ตจังนี่หมายถึงน้อง
คุโรโกะ เท็ตสึยะ นะคะ ไม่ใช่ คุซาคาเบะ เท็ตสึย—
อ่านแล้วเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า
รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ!
ความคิดเห็น