คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Canival 10 :: A Man Named Imayoshi Shoichi
มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากจะคาดเดาและช่างน่าพิศวง
พวกเขาจะทำอย่างไร—
เมื่อได้พบกับความจริงในข้อนี้
บรรยากาศกระอักกระอ่วนโอบล้อมไปทั่วบริเวณที่พวกเขานั่งในโรงอาหาร
นัยน์ตาหลายคู่มองกันเลิ่กลั่ก เมื่อ อาคาชิ เซย์จูโร่ และ ฮิมุโระ ทัตสึยะ
สองหนุ่มจากทีมบาสต่างโรงเรียนพากันจดจ้องไปยังร่างโปร่งบางเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก
ราวกับต้องการจะมองทะลุอีกฝ่ายจนปลอดโปร่ง
ใบหน้าของทั้งคู่มีร่องรอยของความอ่อนเพลียคล้ายไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาทั้งคืน
ใต้ตาหมองคล้ำ ใครจะไปคิดว่าผู้ที่เคยได้รับฉายาว่าจักรพรรดิอย่างอาคาชิ
กับผู้ที่เคยได้รับฉายาว่าเจ้าชายน้ำแข็งอย่างฮิมุโระจะมีสภาพแบบนี้
“เอ่อ
อาคาชิ นายจ้องซาวาดะมากไปนะ” อาโอมิเนะวางช้อนกับส้อมลงก่อนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เพราะบรรยากาศแปลกประหลาดที่คนทั้งสองแผ่ออกมา
มันทำให้พวกเขาทานอาหารไม่ลงซ้ำยังรู้สึกอยากจะอาเจียน มันเป็นสายตาที่ดูคาดคั้นและคลางแคลงจนพวกเขาอดที่จะรู้สึกอึดอัดแทนไม่ได้
คนอื่นๆพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
พวกเขามองคนโดนจ้องที่ดูไม่รู้สึกรู้สา เอาแต่พูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มของตนอย่างเป็นธรรมชาติ
“น่าทึ่งเนอะ
หมอนั่นไม่รู้ตัวจริงๆเหรอว่าถูกจ้องอยู่น่ะ” ฮิวงะยิ้มเจื่อน
ขนาดพวกเขายังแอบรู้สึกร้อนๆหนาวๆแทนเลย
“อาคาชิงคุง”
เสียงเรียกจากเด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของนัยน์ตาสีอะความารีนทำให้อาคาชิจำใจต้องละสายตาจากเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันนัก
นัยน์ตาสองสีหันกลับมามองคุโรโกะพร้อมกับใบหน้าที่ดูคลายความเคร่งเครียดลงไปเกือบ 50%
“ทำไมถึงไปจ้องซาวาดะคุงแบบนั้นล่ะครับ?”
กัปตันหนุ่มผมแดงแห่งราคุซันชะงักไปเล็กน้อย
ก่อนที่เขาจะแสร้งยิ้มหวานให้คนตัวเล็กกว่า “อะไรกันเท็ตสึยะ นี่นายหึงเหรอ?”
“เอ๊ะ?”
เขาหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูในท่าทีงุนงงดูไร้เดียงสานั่น
“ไม่มีอะไรหรอก
ก็แค่..”
นัยน์ตาสองสีหันกลับไปมองยังบุคคลที่ทำให้เขาคิดมากจนนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้
“อยากรู้ว่าหมอนั่นเป็นคนยังไงกันแน่น่ะ”
ตัวตนที่แท้จริงของ
ซาวาดะ สึนะโยชิ เป็นแบบไหน
จะเป็นคนที่สดใสและร่าเริงอยู่เสมอยามเมื่ออยู่กับเพื่อนฝูงรึเปล่า?
หรือจะเป็นคนที่ร้อนแรงราวกับเปลวไฟเหมือนยามที่อยู่กับอาจารย์หนุ่มคนนั้น
เพราะแบบนี้
มนุษย์ ถึงได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงที่สุด
“ไอสองคนนั้นเอาแต่จ้องรุ่นที่สิบไม่หยุดเลยนะครับ”
ร่างเล็กซึ่งกำลังตักอาหารเช้าชะงักช้อนไว้กลางอากาศ
เขาเงยหน้าขึ้นพลางเหลือบตามองไปยังโต๊ะของเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนโดยที่พวกนั้นไม่ทันได้สังเกต
ก่อนที่ใบหน้าหวานจะหันกลับมาสบตากับชายหนุ่มผู้เป็นมือขวาแล้วคลี่ยิ้ม
“อ้อ
พอดี..” เกริ่นได้แค่นั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ก็ฉายแววขบขัน
“คงไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้าล่ะมั้ง”
เหล่าผู้พิทักษ์มองหน้ากัน
คำพูดที่ดูกำกวมนั่นสามารถคิดได้ในหลายแงหลายความหมาย เห็นเหตุการณ์ในโลกมืด? เห็นพวกเขาฆ่าคน? เห็นพวกเขาถืออาวุธ? หรือว่าเห็นพวกเขาทำตัวเกินเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ?
ถึงอย่างนั้นนภาแห่งวองโกเล่กลับไม่ได้มีคำตอบให้พวกเขามากไปกว่ารอยยิ้มที่ดูยังไงๆก็เหมือนว่าเจ้าตัวกำลังสนุกแบบสุดๆ
มือเรียวหยิบกรรไกรด้ามสีแดงออกจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน
เขาพินิจมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่นัยน์ตากลมจะทอประกายอย่างนึกสนุก
กายโปร่งบางหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนเดินไปที่โต๊ะของพวกอาคาชิโดยไม่ตอบข้อสงสัยของพรรคพวกตัวเองอีก
มือเรียวชูมันขึ้นเหนือศีรษะของคนที่ทำมันตกไว้เมื่อวานก่อนกระแอมเสียงดัง
“นั่นมัน..”
คุโรโกะพึมพำเสียงเบา
มองกรรไกรด้ามที่แสนคุ้นเคยซึ่งอดีตกัปตันหนุ่มผมแดงมักจะพกไปไหนมาไหนเสมอ
อาคาชิกับฮิมุโระหันมามองหน้ากัน
“พอดีอาคาชิคุงทำตกไว้เมื่อวานหน้าห้องพักครูน่ะครับ”
อาคาชิแสร้งยิ้มกับคำกล่าวนั้น
แม้เขาจะมีเรื่องที่สงสัยมากมายอยู่ในหัว
แต่อะไรบางอย่างในตัวเหมือนจะพยายามกล่อมเขาว่านี่ยังไม่ถึงเวลา
ยังมีเรื่องของพวกสึนะโยชิอีกหลายเรื่องที่พวกเขายังไม่รู้ และการเค้นถามจากคนตรงหน้าในเวลานี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก
“อ๋อเหรอ
สงสัยเป็นตอนที่ฉันมาเอาของกับพวกเท็ตสึยะน่ะ ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
ทั้งๆที่ทั้งสองคนก็พูดคุยกันเหมือนปกติ
แต่ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านสายตาของทั้งคู่กันนะ?
บรรยากาศที่น่าอึดอัดชวนอาเจียนนี่..เหมือนอาคาชิและซาวาดะกำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่ไม่มีผิด
“นี่ฉันมาผิดจังหวะเหรอเนี่ย~” เสียงทุ้มต่ำที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น
นัยน์ตาหลายสิบคู่จดจ้องไปยังร่างสูงโปร่งตามแบบฉบับของนักกีฬาที่กำลังเดินมาทางนี้พร้อมกับโบกมือทักทาย
และแน่นอน..คนที่ตกใจที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเหล่าบรรดานักบาสตัวจริงของโรงเรียนโทโอที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอดีตกัปตันทีมของพวกเขาจะมาปรากฎตัวที่นี่
ซากุราอิขมวดคิ้ว ขยับปากเอื้อนเอ่ยชื่อคนๆหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“รุ่นพี่อิมาโยชิ?”
ชีวิตตลอด
19 ปีของ อิมาโยชิ โชอิจิ ผ่านเรื่องราวโลดโผนมามากมาย เสี่ยงตายมาก็เยอะ
ความสงบสุขที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตคือช่วงที่ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายโทโอกาคุเอ็นและทุ่มเทกับการแข่งกีฬาที่ชื่อว่าบาสเก็ตบอล
จนได้รับการพูดถึงในนามของกัปตันทีมบาสเก็ตบอลโรงเรียนโทโอที่พาทีมของตนไปสู่รางวัลรองชนะเลิศในการแข่งขันอินเตอร์ไฮเมื่อปีที่ผ่านมา
แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงชีวิตก่อนหน้านั้นของเขา
มันทั้งสนุก
โลดโผนแบบที่เขาเคยนึกชื่นชอบ แต่ในขณะเดียวกัน..
มันก็ช่างห่วยแตกสิ้นดี
12
ปีแรกที่เกิดมานับเป็นช่วงเวลาที่ห่วยแตกที่สุดในชีวิตเขา เขาเกิดในญี่ปุ่น
แต่ทั้งบิดาและมารดากลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับมาเฟียอิตาลีทั้งคู่
มันทำให้ชีวิตของเขาไม่ค่อยจะปกติสุขเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาซักเท่าไหร่
วันดีคืนดีก็ต้องย้ายบ้าน ไม่นานหลังจากย้ายบ้านครั้งหนึ่ง
ก็มีการย้ายบ้านครั้งที่สอง วนอยู่แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกระทั่งเมื่ออายุ
15 ปีเขาได้ย้ายมาเรียนม.ต้นปีสามที่โรงเรียนนามิโมริ และได้รู้จักกับ ซาวาดะ
สึนะโยชิ โดยบังเอิญ แน่นอน ในตอนนั้นวองโกเล่รุ่นที่ 10 พึ่งได้เจอรีบอร์นใหม่ๆ
และยังเป็นแค่เจ้าห่วยคนหนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนแรกที่ชักชวนให้เขาเล่นไพ่รวมถึงลองเล่นกีฬาที่ชื่อบาสเก็ตบอล
จนตัวเขากลับเก่งขึ้นมาจริงๆ
และวงจรพวกนี้ก็จบลงเมื่อพ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตทั้งคู่
เขาย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นที่เดียวกับฮานามิยะ
ก่อนที่จะเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนโทโอกาคุเอ็น
และในที่สุดก็ขาดการติดต่อกับสึนะไป
แต่ในปีนั้นเอง
ที่คาดว่าน่าจะเป็นปีที่กำลังจะมีศึกชิงแหวนระหว่างพวกสึนะและวาเรียขึ้น ซาวาดะ
อิเอมิสึ
พ่อของสึนะผู้ควบตำแหน่งที่ปรึกษานอกแก๊งค์ของวองโกเล่แฟมิลี่มาเอ่ยปากชวนให้เขาไปเป็นผู้พิทักษ์สายหมอก
“เธอไม่สนใจมาเป็นผู้พิทักษ์ให้ลูกชายฉันหน่อยเหรอ?”
เขาจำคำตอบในวันนั้นของตัวเองได้ดี
“ไม่ล่ะ
พอดีช่วงนี้ผมยังไม่ค่อยอยากไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายน่ะ”
อยากใช้ชีวิตอยู่กับกีฬาบาสเก็ตบอลอีกซักหน่อย
เพราะเขาเริ่มเบื่อหน่ายชีวิตที่มีแต่การไล่ล่าและถูกไล่ล่า
เขาต้องการใช้ชีวิตให้ต่างไปจากเดิมดูบ้าง แม้จะรู้ดีว่าช่วงเวลาที่สงบสุขของเขามันคงจะอยู่ได้ไม่นาน
ชายวัยกลางคนคนๆนั้นไม่ได้คาดคั้นอะไรเขาต่อ
คงเพราะในใจมีตัวเลือกสำรองไว้แล้วอีกหนึ่ง แต่ถึงแม้จะพูดแบบนั้น
ก็ไม่ใช่ว่าอิมาโยชิจะใช้ชีวิตทั้งหมดไปกับบาสเก็ตบอลเหมือนที่ตัวเองพูดหรอก
เขายังคงแอบผู้ปกครองของตนไปเที่ยวอิตาลี
แอบติดตามเรื่องราวของสึนะผ่านคนรู้จักในนามิโมริ
และแอบติดต่อกับพวกวาเรียในช่วงที่สึนะเข้ารับตำแหน่งบอสรุ่นที่ 10
และมีปัญหากับชิม่อนแฟมิลี่
จนกระทั่งอยู่ดีๆเขาก็ไม่ได้รับการติดต่อหรือข่าวสารเกี่ยวกับอิเอมิสึอีกเลย
แม้แต่สึนะกับพวกผู้พิทักษ์เองก็หายเข้ากลีบเมฆและไม่ปรากฏตัวที่นามิโมริอีก จนท้ายที่สุดเขาก็ถอดใจแล้วหันกลับมาทุ่มเทกับบาสเก็ตบอลเหมือนที่ตั้งเป้าหมายไว้ในตอนแรก
ที่เหลือมันก็เป็นเหมือนที่ใครหลายๆคนรู้
มีหนึ่งในรุ่นปาฏิหาริย์เข้าชมรมบาสของโรงเรียนโทโอ และนั่นก็คือ อาโอมิเนะ ไดกิ
พวกเขาจัดเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ได้รางวัลรองชนะเลิศในรายการอินเตอร์ไฮ
แต่น่าเสียดายที่มาพ่ายแพ้ให้กับเซย์รินในรอบวินเทอร์คัพ
หลังจากนั้นก็เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยยาวๆ
มหาวิทยาลัยแรกที่เขาคาดหวังก็คือมหาวิทยาลัยชื่อดังในโตเกียว
แต่เขาก็เปลี่ยนใจเมื่อมีจดหมายที่จ่อหน้าซองถึงเขาและยังมีตราประทับของวองโกเล่
มันเป็นคำเชิญ..ให้เขาขึ้นเป็นที่ปรึกษานอกแก๊งค์ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ ‘ว่าง’ อยู่ เพราะสึนะไม่ไว้วางใจให้ใครมารับตำแหน่งที่เคยเป็นของบิดาของตน
มันคือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องทิ้งชีวิตธรรมดาๆในญี่ปุ่นไปแล้วเดินทางมาเรียนต่อรวมถึงมาทำงานที่อิตาลี
และยังเดินทางไปทั่วโลกเพื่อศึกษางานที่ตัวเองจะทำต่อจากนี้
ลึกๆแล้วเขาไม่โทษวองโกเล่รุ่นที่
10 หรอกที่ทำให้เขาต้องละทิ้งชีวิตธรรมดาๆไป
เพราะเขารู้ตัวดี..ว่าแท้จริงแล้วเขานั้นโหยหาชีวิตในโลกมืดเช่นกัน
แม้จะหลงใหลในชีวิตที่สงบสุขพวกนั้นมากแค่ไหน
แต่เขาก็ยังคงชื่นชอบสิ่งที่น่าตื่นเต้นเร้าใจอย่างการต่อสู้และหนีตายมากกว่าอยู่ดี
โลกของมาเฟีย
โลกที่เมื่อก้าวขาเข้าไปข้างหนึ่งแล้วก็ยากยิ่งที่จะถอยกลับ
“รุ่นพี่อิมาโยชิ?”
คุโรโกะมองอดีตกัปตันหนุ่มแห่งโรงเรียนโทโอกาคุเอ็นที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาพร้อมกับใบหน้าที่ประกอบด้วยรอยยิ้มคล้ายสุนัขจิ้งจอกเหมือนกับครั้งล่าสุดที่เจอกันเมื่อปีก่อน
ชายร่างสูงยังคงดูดีและมีใบหน้าที่เจ้าเล่ห์เหมือนเดิม ผมสีดำปีกอีกายาวละต้นคอ นัยน์ตาที่หยีลงเป็นสระอิภายใต้กรอบแว่นตลอดเวลานั่น
มันทำให้เขารู้สึกแอบขนลุก
“ดีใจจังเลยนะที่ได้เจอพวกนาย
อ้อ เป็นเด็กดีรึเปล่าอาโอมิเนะ นายคงไม่ได้โดดซ้อมใช่มั้ย?” ทั้งใบหน้าที่ยิ้มระรื่นนั่น ไหนจะสำเนียงการพูดที่เป็นเอกลักษณ์
รุ่นพี่อิมาโยชิ
โชอิจิตัวจริงเสียงจริง
“ใครเขาดีใจที่ได้เจอนายกันฟะ!!”
“ใจร้ายจังนา”
เหล่าสมาชิกทีมบาสโรงเรียนโทโอกาคุเอ็นพูดคุยกับอดีตกัปตันหนุ่มอีกนิดหน่อย
ก่อนที่เสียงจะเงียบหายไปเมื่ออิมาโยชิลืมตาขึ้นเพียงชั่วครู่ นัยน์ตาสีรัตติกาลเหลือบมองร่างบางของเด็กหนุ่มผมสีเปลือกไม้ซึ่งยืนมองการสนทนาอยู่ซักพัก
ไม่รู้ว่าใครสังเกตเห็นรึเปล่า แต่ถ้าถามคุโรโกะ..เขาเห็นเต็มๆตา
นัยน์ตาคมคู่นั้นที่ฉายแววสนุกสนานเพียงชั่วครู่ยามมองไปที่ร่างของซาวาดะ
สึนะโยชิ
“จะว่าไปก็ไม่ได้เจอนายนานแล้วเหมือนกันนะ
สึนะโยชิคุง~” สายตาทุกคู่หันไปมองร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มผู้รับหน้าที่ดูแลพวกเขาด้วยความสงสัย
สึนะโยชิไม่ได้มีท่าทางตื่นเต้นดีใจหรือตกใจกับการถูกทักโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนั่น
ก่อนที่ใบหน้าหวานจะค่อยๆคลี่รอยยิ้มที่ดูแปลกตาไปสำหรับพวกเขา
คงเพราะที่ผ่านมารอยยิ้มของสึนะนั้นค่อนไปทางสดใสร่าเริงและเป็นมิตรอยู่เสมอ
แต่ในครั้งนี้มันกลับเป็นรอยยิ้มเดียวกับที่อิมาโยชิใช้ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองอยู่เสมอ
รอยยิ้มที่ดูยังไงๆก็เป็นรอยยิ้มเสแสร้งและไม่จริงใจ
“ไม่เห็นอยากเจอเลยครับรุ่นพี่”
เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินกลับไปยังกลุ่มของตัวเอง
ซึ่งพวกโกคุเดระเองก็มองมายังชายผมดำไม่วางตา โกคุเดระ ยามาโมโตะ และฮิบาริคงจะรู้จักอีกฝ่ายดี
แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นๆนอกจากนั้นจะไม่รู้จัก
แม้จะเป็นการพูดที่เบามาก
แต่คุโรโกะที่ช่างสังเกตและค่อนข้างหูดีก็ยังคงได้ยินสิ่งที่เด็กหนุ่มร่างบางคนนั้นพูดกับเพื่อนของเจ้าตัว
“เตรียมข้าวหน้าปลาไหลให้หมอนั่นด้วยล่ะ”
“...”
“อ้อ
ให้เบียงกี้ทำนะ”
ใครคือเบียงกี้?
นั่นคือสิ่งที่คุโรโกะ เท็ตสึยะสงสัย
แต่ในความคิดของบรรดาผู้พิทักษ์แห่งวองโกเล่นั้น
เป็นความสนิทกันที่แฝงไปด้วยความไม่ชอบขี้หน้าสินะ
“หมอนั่นนี่เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันแฮะ”
เด็กหนุ่มผมฟ้าขมวดคิ้วกับคำพูดของรุ่นพี่หนุ่ม
เช่นเดียวกับอาคาชิและคนอื่นๆที่หันมามองเขาเพราะสนใจในเนื้อความพวกนั้น
อิมาโยชิที่เห็นพวกสึนะเดินออกไปจากโรงอาหารแล้วก็หย่อนขานั่งลงตรงที่ว่างข้างๆซากุราอิ
“สนใจเรื่องของสึนะโยชิคุงเหรอ?”
อาคาชิไหวไหล่
“ก็นิดหน่อย”
“รุ่นพี่รู้จักซาวาดะคุงมาก่อนเหรอครับ?” คุโรโกะเอียงคอ ดูจากท่าทีที่มีต่อกันเมื่อครู่ก็คาดว่าน่าจะสนิทสนมกันอยู่ในระดับหนึ่ง
อดีตกัปตันของทีมโทโอคลี่ยิ้ม
นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เคยใช้ด้วยกัน
มันก็สนุกดี
“ก็นิดหน่อยน่ะ
ตอนนั้นหมอนั่นยังเป็นแค่เจ้าห่วยอยู่เลย”
“เจ้าห่วย?”
“ใช่”
อิมาโยชิหัวเราะ “ฉายาของหมอนั่นน่ะสิ กีฬาก็ไม่ได้เรื่อง การเรียนก็แย่กว่าใครเขา
หมอนั่นแทบจะไม่มีเพื่อนด้วยซ้ำนอกจากยามาโมโตะกับโกคุเดระ แถมยังไปแอบชอบดาวเด่นของห้องอย่างซาซางาวะ
เคียวโกะอีก”
“ไม่น่าเชื่อ
เคียวโกะจังน่ะเหรอ?” ริโกะยกมือขึ้นป้องปาก คงต้องยอมรับว่า
ซาซางาวะ เคียวโกะ เป็นคนที่น่ารักมากชนิดที่ว่าถึงไม่รู้จักกัน แต่ถ้าบังเอิญเจอกันก็คงเผลอเหลียวหลังมองเพราะความน่ารักสดใสนั่นแน่ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นคนอย่างสึนะโยชิน่ะนะ? คนที่ตอนนี้แทบจะถูกปกป้องจากพวกโกคุเดระไม่ต่างจากไข่ในหินน่ะนะ?
อาคาชิและฮิมุโระผู้ไปล่วงรู้ความจริงบางอย่างมาขมวดคิ้ว
เมื่อก่อนหมอนั่นชอบซาซางาวะ— แต่จากเหตุการณ์ที่พวกเขาเห็นมาเมื่อวาน
แสดงว่าตอนนี้ไม่ได้ชอบแล้วเหรอ?
“ที่นายพูดนั่นใช่ซาวาดะจริงๆเหรอ?” มิโดริมะดันแว่นขึ้น
ถ้าพูดถึงเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่พวกเขารู้จัก
ด้านการกีฬานั้นถึงจะไม่เท่ายามาโมโตะและเรียวเฮแต่ก็นับว่าค่อนข้างโดดเด่น
การเรียนก็ไม่ได้ย่ำแย่ สอบเก็บคะแนนได้อันดับท็อปๆของห้องอยู่หลายต่อหลายครั้ง
เพื่อนมีเยอะแยะจนแทบจะนับไม่ไหว และถ้าพูดถึงความนิยมและการถูกชื่นชอบจากเพื่อนในโรงเรียน..
ก็บอกได้เลยว่ากินขาด
ในการโหวตหนุ่มหน้าตาดีที่สาวๆอยากเป็นแฟนด้วยมากที่สุดก็ติดอยู่ในอันดับท็อป
10 ด้วยซ้ำ
“ฉันไม่โกหกเรื่องแบบนี้หรอกน่า”
พวกเขามีสีหน้าครุ่นคิด
งั้นก็ไม่แปลกใจเลยที่อิมาโยชิจะบอกว่า
เปลี่ยนไปมาก
ชายหนุ่มสวมแว่นตามองไปยังเส้นทางที่กลุ่มของพวกสึนะโยชิเดินจากไปเมื่อครู่
เขาเสยผมสีดำสนิทของตัวเองขึ้นอย่างลวกๆ นัยน์ตาสีรัตติกาลทอประกายเพียงชั่วครู่หนึ่ง
ใช่
เปลี่ยนไปมาก
แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอก
สิ่งที่หมอนั่นเปลี่ยนไปจริงๆน่ะ
....
นัยน์ตาคมหม่นแสงลง
เขาหลับตาลง แล้วหันไปพูดคุยกับรุ่นน้องและเหล่าอดีตคู่แข่งของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ
ทิ้งสิ่งที่คิดคั่งค้างไว้ด้านหลัง อย่างไรก็ตาม..
มันไม่ใช่เรื่องของเขา
ภายในห้องของนภาหนุ่มแห่งวองโกเล่
นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เหม่อมองเพดาน ในมือที่ถือโทรศัพท์กำลังกดเบอร์เพื่อต่อสายถึงใครบางคน
ผมสีน้ำตาลเปียกลู่แนบใบหน้า ร่างกายช่วงบนนั้นเปลือยเปล่าแต่ยังคงมีหยดน้ำเกาะอยู่
ส่วนท่อนล่างนั้นนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้น
[มีอะไรเจ้าห่วยสึนะ]
ร่างเล็กแค่นยิ้ม “เรื่องของอิมาโยชิ นายส่งหมอนั่นมาทำไม”
[ก็มาช่วยแกดูแลพวกนั้นไง]
“เอาความจริงสิรีบอร์น”
[ฉันพูดจริงนะ]
“ว่าไงนะ?”
[พวกเดโมเน่แฟมิลี่ลักลอบเข้ามาในอิตาลีแล้ว และพวกนายจะต้องกลับมาประจำการที่อิตาลีเดี๋ยวนี้
อ้อ นี่ไม่ใช่คำขอร้องจากฉันหรอกนะ]
“จากพวกตาแก่นั่นล่ะสิ”
[ใช่]
“แล้วมันเกี่ยวกับอิมาโยชิตรงไหน”
[เกี่ยวสิ ก็แกน่ะ..จะต้องพาพวกนั้นมาอิตาลีด้วยนี่]
“เดี๋ยว รีบอร์— “
[ก็ให้อิมาโยชิช่วยดูแลพวกนั้นที่อิตาลีระหว่างที่แกกำลังล่าหัวพวกเดโมเน่ไง
เพราะงั้นนะสึนะ..เตรียมตัวซะ ฉันบอกแกได้แค่นี้]
----------|----------|----------|----------|----------
อิมาโยชิซังงงงงงง
หนุ่มในตัวละครที่เราชอบมากในเรื่องคุโรโกะค่ะ
ชื่นชอบในหน้ายิ้มของพี่แกมาก
ไหนจะสำเนียงการพูดของพี่แกอีก ฮื่ออออ
จริงๆอยากเอาฮานามิยะมาด้วย
แต่แค่นี้ก็รู้สึกว่าตัวละครที่คาแรคเตอร์ซ้ำๆกันก็มีมากแล้ว /เช่นอิมาโยชิ มุคุโร่
อาคาชิ ไม่เชิงเหมือน แต่ก็คล้ายกันอยู่นิดหน่อย เลยต้องปัดตกไป ;-;
เจอกันตอนหน้านะคะ
เม้นเป็นกำลังใจให้ซักนิดจิตแจ่มใสค่า
ความคิดเห็น