ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KHR & KNB] The Black Carnival | all27 & all x kuroko

    ลำดับตอนที่ #11 : Canival 10 :: A Man Named Imayoshi Shoichi

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.84K
      134
      17 ส.ค. 62

     

     

     

             มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากจะคาดเดาและช่างน่าพิศวง

     

             พวกเขาจะทำอย่างไร— เมื่อได้พบกับความจริงในข้อนี้

     

     

              บรรยากาศกระอักกระอ่วนโอบล้อมไปทั่วบริเวณที่พวกเขานั่งในโรงอาหาร นัยน์ตาหลายคู่มองกันเลิ่กลั่ก เมื่อ อาคาชิ เซย์จูโร่ และ ฮิมุโระ ทัตสึยะ สองหนุ่มจากทีมบาสต่างโรงเรียนพากันจดจ้องไปยังร่างโปร่งบางเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก ราวกับต้องการจะมองทะลุอีกฝ่ายจนปลอดโปร่ง

     

              ใบหน้าของทั้งคู่มีร่องรอยของความอ่อนเพลียคล้ายไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาทั้งคืน ใต้ตาหมองคล้ำ ใครจะไปคิดว่าผู้ที่เคยได้รับฉายาว่าจักรพรรดิอย่างอาคาชิ กับผู้ที่เคยได้รับฉายาว่าเจ้าชายน้ำแข็งอย่างฮิมุโระจะมีสภาพแบบนี้

     

              “เอ่อ อาคาชิ นายจ้องซาวาดะมากไปนะ” อาโอมิเนะวางช้อนกับส้อมลงก่อนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะบรรยากาศแปลกประหลาดที่คนทั้งสองแผ่ออกมา มันทำให้พวกเขาทานอาหารไม่ลงซ้ำยังรู้สึกอยากจะอาเจียน มันเป็นสายตาที่ดูคาดคั้นและคลางแคลงจนพวกเขาอดที่จะรู้สึกอึดอัดแทนไม่ได้

     

              คนอื่นๆพยักหน้าอย่างเห็นด้วย พวกเขามองคนโดนจ้องที่ดูไม่รู้สึกรู้สา เอาแต่พูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มของตนอย่างเป็นธรรมชาติ

     

              “น่าทึ่งเนอะ หมอนั่นไม่รู้ตัวจริงๆเหรอว่าถูกจ้องอยู่น่ะ” ฮิวงะยิ้มเจื่อน

     

             ขนาดพวกเขายังแอบรู้สึกร้อนๆหนาวๆแทนเลย

     

              “อาคาชิงคุง” เสียงเรียกจากเด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของนัยน์ตาสีอะความารีนทำให้อาคาชิจำใจต้องละสายตาจากเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันนัก นัยน์ตาสองสีหันกลับมามองคุโรโกะพร้อมกับใบหน้าที่ดูคลายความเคร่งเครียดลงไปเกือบ 50%

     

              “ทำไมถึงไปจ้องซาวาดะคุงแบบนั้นล่ะครับ?

     

              กัปตันหนุ่มผมแดงแห่งราคุซันชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะแสร้งยิ้มหวานให้คนตัวเล็กกว่า “อะไรกันเท็ตสึยะ นี่นายหึงเหรอ?

     

              “เอ๊ะ?

     

              เขาหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูในท่าทีงุนงงดูไร้เดียงสานั่น

     

              “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่..”

     

              นัยน์ตาสองสีหันกลับไปมองยังบุคคลที่ทำให้เขาคิดมากจนนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้

     

              “อยากรู้ว่าหมอนั่นเป็นคนยังไงกันแน่น่ะ”

     

              ตัวตนที่แท้จริงของ ซาวาดะ สึนะโยชิ เป็นแบบไหน

     

              จะเป็นคนที่สดใสและร่าเริงอยู่เสมอยามเมื่ออยู่กับเพื่อนฝูงรึเปล่า?

     

              หรือจะเป็นคนที่ร้อนแรงราวกับเปลวไฟเหมือนยามที่อยู่กับอาจารย์หนุ่มคนนั้น

     

              เพราะแบบนี้ มนุษย์ ถึงได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงที่สุด

     

     

     

     

              “ไอสองคนนั้นเอาแต่จ้องรุ่นที่สิบไม่หยุดเลยนะครับ”

     

              ร่างเล็กซึ่งกำลังตักอาหารเช้าชะงักช้อนไว้กลางอากาศ เขาเงยหน้าขึ้นพลางเหลือบตามองไปยังโต๊ะของเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนโดยที่พวกนั้นไม่ทันได้สังเกต ก่อนที่ใบหน้าหวานจะหันกลับมาสบตากับชายหนุ่มผู้เป็นมือขวาแล้วคลี่ยิ้ม

     

              “อ้อ พอดี..” เกริ่นได้แค่นั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ก็ฉายแววขบขัน

     

              “คงไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้าล่ะมั้ง”

     

              เหล่าผู้พิทักษ์มองหน้ากัน คำพูดที่ดูกำกวมนั่นสามารถคิดได้ในหลายแงหลายความหมาย เห็นเหตุการณ์ในโลกมืด? เห็นพวกเขาฆ่าคน? เห็นพวกเขาถืออาวุธ? หรือว่าเห็นพวกเขาทำตัวเกินเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ?

     

              ถึงอย่างนั้นนภาแห่งวองโกเล่กลับไม่ได้มีคำตอบให้พวกเขามากไปกว่ารอยยิ้มที่ดูยังไงๆก็เหมือนว่าเจ้าตัวกำลังสนุกแบบสุดๆ

     

              มือเรียวหยิบกรรไกรด้ามสีแดงออกจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน เขาพินิจมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่นัยน์ตากลมจะทอประกายอย่างนึกสนุก กายโปร่งบางหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนเดินไปที่โต๊ะของพวกอาคาชิโดยไม่ตอบข้อสงสัยของพรรคพวกตัวเองอีก มือเรียวชูมันขึ้นเหนือศีรษะของคนที่ทำมันตกไว้เมื่อวานก่อนกระแอมเสียงดัง

     

              “นั่นมัน..” คุโรโกะพึมพำเสียงเบา มองกรรไกรด้ามที่แสนคุ้นเคยซึ่งอดีตกัปตันหนุ่มผมแดงมักจะพกไปไหนมาไหนเสมอ อาคาชิกับฮิมุโระหันมามองหน้ากัน

     

              “พอดีอาคาชิคุงทำตกไว้เมื่อวานหน้าห้องพักครูน่ะครับ”

     

              อาคาชิแสร้งยิ้มกับคำกล่าวนั้น แม้เขาจะมีเรื่องที่สงสัยมากมายอยู่ในหัว แต่อะไรบางอย่างในตัวเหมือนจะพยายามกล่อมเขาว่านี่ยังไม่ถึงเวลา ยังมีเรื่องของพวกสึนะโยชิอีกหลายเรื่องที่พวกเขายังไม่รู้ และการเค้นถามจากคนตรงหน้าในเวลานี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก

     

              “อ๋อเหรอ สงสัยเป็นตอนที่ฉันมาเอาของกับพวกเท็ตสึยะน่ะ ขอบใจนะ”

     

              “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

     

              ทั้งๆที่ทั้งสองคนก็พูดคุยกันเหมือนปกติ

     

              แต่ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านสายตาของทั้งคู่กันนะ?

     

              บรรยากาศที่น่าอึดอัดชวนอาเจียนนี่..เหมือนอาคาชิและซาวาดะกำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่ไม่มีผิด

     

              “นี่ฉันมาผิดจังหวะเหรอเนี่ย~” เสียงทุ้มต่ำที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น นัยน์ตาหลายสิบคู่จดจ้องไปยังร่างสูงโปร่งตามแบบฉบับของนักกีฬาที่กำลังเดินมาทางนี้พร้อมกับโบกมือทักทาย และแน่นอน..คนที่ตกใจที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเหล่าบรรดานักบาสตัวจริงของโรงเรียนโทโอที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอดีตกัปตันทีมของพวกเขาจะมาปรากฎตัวที่นี่

     

              ซากุราอิขมวดคิ้ว ขยับปากเอื้อนเอ่ยชื่อคนๆหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

     

              “รุ่นพี่อิมาโยชิ?

     

     

     

     

              ชีวิตตลอด 19 ปีของ อิมาโยชิ โชอิจิ ผ่านเรื่องราวโลดโผนมามากมาย เสี่ยงตายมาก็เยอะ ความสงบสุขที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตคือช่วงที่ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายโทโอกาคุเอ็นและทุ่มเทกับการแข่งกีฬาที่ชื่อว่าบาสเก็ตบอล จนได้รับการพูดถึงในนามของกัปตันทีมบาสเก็ตบอลโรงเรียนโทโอที่พาทีมของตนไปสู่รางวัลรองชนะเลิศในการแข่งขันอินเตอร์ไฮเมื่อปีที่ผ่านมา

     

              แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงชีวิตก่อนหน้านั้นของเขา

     

              มันทั้งสนุก โลดโผนแบบที่เขาเคยนึกชื่นชอบ แต่ในขณะเดียวกัน..

     

              มันก็ช่างห่วยแตกสิ้นดี

     

              12 ปีแรกที่เกิดมานับเป็นช่วงเวลาที่ห่วยแตกที่สุดในชีวิตเขา เขาเกิดในญี่ปุ่น แต่ทั้งบิดาและมารดากลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับมาเฟียอิตาลีทั้งคู่ มันทำให้ชีวิตของเขาไม่ค่อยจะปกติสุขเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาซักเท่าไหร่ วันดีคืนดีก็ต้องย้ายบ้าน ไม่นานหลังจากย้ายบ้านครั้งหนึ่ง ก็มีการย้ายบ้านครั้งที่สอง วนอยู่แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

              จนกระทั่งเมื่ออายุ 15 ปีเขาได้ย้ายมาเรียนม.ต้นปีสามที่โรงเรียนนามิโมริ และได้รู้จักกับ ซาวาดะ สึนะโยชิ โดยบังเอิญ แน่นอน ในตอนนั้นวองโกเล่รุ่นที่ 10 พึ่งได้เจอรีบอร์นใหม่ๆ และยังเป็นแค่เจ้าห่วยคนหนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนแรกที่ชักชวนให้เขาเล่นไพ่รวมถึงลองเล่นกีฬาที่ชื่อบาสเก็ตบอล จนตัวเขากลับเก่งขึ้นมาจริงๆ

     

    และวงจรพวกนี้ก็จบลงเมื่อพ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตทั้งคู่ เขาย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นที่เดียวกับฮานามิยะ ก่อนที่จะเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนโทโอกาคุเอ็น และในที่สุดก็ขาดการติดต่อกับสึนะไป

     

    แต่ในปีนั้นเอง ที่คาดว่าน่าจะเป็นปีที่กำลังจะมีศึกชิงแหวนระหว่างพวกสึนะและวาเรียขึ้น ซาวาดะ อิเอมิสึ พ่อของสึนะผู้ควบตำแหน่งที่ปรึกษานอกแก๊งค์ของวองโกเล่แฟมิลี่มาเอ่ยปากชวนให้เขาไปเป็นผู้พิทักษ์สายหมอก

     

    “เธอไม่สนใจมาเป็นผู้พิทักษ์ให้ลูกชายฉันหน่อยเหรอ?

     

    เขาจำคำตอบในวันนั้นของตัวเองได้ดี

     

    “ไม่ล่ะ พอดีช่วงนี้ผมยังไม่ค่อยอยากไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายน่ะ”

     

    อยากใช้ชีวิตอยู่กับกีฬาบาสเก็ตบอลอีกซักหน่อย

     

    เพราะเขาเริ่มเบื่อหน่ายชีวิตที่มีแต่การไล่ล่าและถูกไล่ล่า เขาต้องการใช้ชีวิตให้ต่างไปจากเดิมดูบ้าง แม้จะรู้ดีว่าช่วงเวลาที่สงบสุขของเขามันคงจะอยู่ได้ไม่นาน

     

    ชายวัยกลางคนคนๆนั้นไม่ได้คาดคั้นอะไรเขาต่อ คงเพราะในใจมีตัวเลือกสำรองไว้แล้วอีกหนึ่ง แต่ถึงแม้จะพูดแบบนั้น ก็ไม่ใช่ว่าอิมาโยชิจะใช้ชีวิตทั้งหมดไปกับบาสเก็ตบอลเหมือนที่ตัวเองพูดหรอก เขายังคงแอบผู้ปกครองของตนไปเที่ยวอิตาลี แอบติดตามเรื่องราวของสึนะผ่านคนรู้จักในนามิโมริ และแอบติดต่อกับพวกวาเรียในช่วงที่สึนะเข้ารับตำแหน่งบอสรุ่นที่ 10 และมีปัญหากับชิม่อนแฟมิลี่

     

    จนกระทั่งอยู่ดีๆเขาก็ไม่ได้รับการติดต่อหรือข่าวสารเกี่ยวกับอิเอมิสึอีกเลย แม้แต่สึนะกับพวกผู้พิทักษ์เองก็หายเข้ากลีบเมฆและไม่ปรากฏตัวที่นามิโมริอีก จนท้ายที่สุดเขาก็ถอดใจแล้วหันกลับมาทุ่มเทกับบาสเก็ตบอลเหมือนที่ตั้งเป้าหมายไว้ในตอนแรก

     

    ที่เหลือมันก็เป็นเหมือนที่ใครหลายๆคนรู้ มีหนึ่งในรุ่นปาฏิหาริย์เข้าชมรมบาสของโรงเรียนโทโอ และนั่นก็คือ อาโอมิเนะ ไดกิ พวกเขาจัดเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ได้รางวัลรองชนะเลิศในรายการอินเตอร์ไฮ แต่น่าเสียดายที่มาพ่ายแพ้ให้กับเซย์รินในรอบวินเทอร์คัพ

     

    หลังจากนั้นก็เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยยาวๆ

     

    มหาวิทยาลัยแรกที่เขาคาดหวังก็คือมหาวิทยาลัยชื่อดังในโตเกียว

     

    แต่เขาก็เปลี่ยนใจเมื่อมีจดหมายที่จ่อหน้าซองถึงเขาและยังมีตราประทับของวองโกเล่ มันเป็นคำเชิญ..ให้เขาขึ้นเป็นที่ปรึกษานอกแก๊งค์ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ ว่างอยู่ เพราะสึนะไม่ไว้วางใจให้ใครมารับตำแหน่งที่เคยเป็นของบิดาของตน

     

    มันคือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องทิ้งชีวิตธรรมดาๆในญี่ปุ่นไปแล้วเดินทางมาเรียนต่อรวมถึงมาทำงานที่อิตาลี และยังเดินทางไปทั่วโลกเพื่อศึกษางานที่ตัวเองจะทำต่อจากนี้

     

    ลึกๆแล้วเขาไม่โทษวองโกเล่รุ่นที่ 10 หรอกที่ทำให้เขาต้องละทิ้งชีวิตธรรมดาๆไป

     

    เพราะเขารู้ตัวดี..ว่าแท้จริงแล้วเขานั้นโหยหาชีวิตในโลกมืดเช่นกัน

     

    แม้จะหลงใหลในชีวิตที่สงบสุขพวกนั้นมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงชื่นชอบสิ่งที่น่าตื่นเต้นเร้าใจอย่างการต่อสู้และหนีตายมากกว่าอยู่ดี

     

    โลกของมาเฟีย

     

    โลกที่เมื่อก้าวขาเข้าไปข้างหนึ่งแล้วก็ยากยิ่งที่จะถอยกลับ

     

     

     

     

    “รุ่นพี่อิมาโยชิ?

     

    คุโรโกะมองอดีตกัปตันหนุ่มแห่งโรงเรียนโทโอกาคุเอ็นที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาพร้อมกับใบหน้าที่ประกอบด้วยรอยยิ้มคล้ายสุนัขจิ้งจอกเหมือนกับครั้งล่าสุดที่เจอกันเมื่อปีก่อน ชายร่างสูงยังคงดูดีและมีใบหน้าที่เจ้าเล่ห์เหมือนเดิม ผมสีดำปีกอีกายาวละต้นคอ นัยน์ตาที่หยีลงเป็นสระอิภายใต้กรอบแว่นตลอดเวลานั่น

     

    มันทำให้เขารู้สึกแอบขนลุก

     

    “ดีใจจังเลยนะที่ได้เจอพวกนาย อ้อ เป็นเด็กดีรึเปล่าอาโอมิเนะ นายคงไม่ได้โดดซ้อมใช่มั้ย?” ทั้งใบหน้าที่ยิ้มระรื่นนั่น ไหนจะสำเนียงการพูดที่เป็นเอกลักษณ์

     

    รุ่นพี่อิมาโยชิ โชอิจิตัวจริงเสียงจริง

     

    “ใครเขาดีใจที่ได้เจอนายกันฟะ!!

     

    “ใจร้ายจังนา”

     

    เหล่าสมาชิกทีมบาสโรงเรียนโทโอกาคุเอ็นพูดคุยกับอดีตกัปตันหนุ่มอีกนิดหน่อย ก่อนที่เสียงจะเงียบหายไปเมื่ออิมาโยชิลืมตาขึ้นเพียงชั่วครู่ นัยน์ตาสีรัตติกาลเหลือบมองร่างบางของเด็กหนุ่มผมสีเปลือกไม้ซึ่งยืนมองการสนทนาอยู่ซักพัก ไม่รู้ว่าใครสังเกตเห็นรึเปล่า แต่ถ้าถามคุโรโกะ..เขาเห็นเต็มๆตา

     

    นัยน์ตาคมคู่นั้นที่ฉายแววสนุกสนานเพียงชั่วครู่ยามมองไปที่ร่างของซาวาดะ สึนะโยชิ

     

    “จะว่าไปก็ไม่ได้เจอนายนานแล้วเหมือนกันนะ สึนะโยชิคุง~” สายตาทุกคู่หันไปมองร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มผู้รับหน้าที่ดูแลพวกเขาด้วยความสงสัย สึนะโยชิไม่ได้มีท่าทางตื่นเต้นดีใจหรือตกใจกับการถูกทักโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนั่น

     

              ก่อนที่ใบหน้าหวานจะค่อยๆคลี่รอยยิ้มที่ดูแปลกตาไปสำหรับพวกเขา

     

              คงเพราะที่ผ่านมารอยยิ้มของสึนะนั้นค่อนไปทางสดใสร่าเริงและเป็นมิตรอยู่เสมอ

     

              แต่ในครั้งนี้มันกลับเป็นรอยยิ้มเดียวกับที่อิมาโยชิใช้ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองอยู่เสมอ รอยยิ้มที่ดูยังไงๆก็เป็นรอยยิ้มเสแสร้งและไม่จริงใจ

     

              “ไม่เห็นอยากเจอเลยครับรุ่นพี่” เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินกลับไปยังกลุ่มของตัวเอง ซึ่งพวกโกคุเดระเองก็มองมายังชายผมดำไม่วางตา โกคุเดระ ยามาโมโตะ และฮิบาริคงจะรู้จักอีกฝ่ายดี แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นๆนอกจากนั้นจะไม่รู้จัก

     

              แม้จะเป็นการพูดที่เบามาก แต่คุโรโกะที่ช่างสังเกตและค่อนข้างหูดีก็ยังคงได้ยินสิ่งที่เด็กหนุ่มร่างบางคนนั้นพูดกับเพื่อนของเจ้าตัว

     

              “เตรียมข้าวหน้าปลาไหลให้หมอนั่นด้วยล่ะ”

     

              “...”

     

              “อ้อ ให้เบียงกี้ทำนะ”

     

              ใครคือเบียงกี้? นั่นคือสิ่งที่คุโรโกะ เท็ตสึยะสงสัย

     

              แต่ในความคิดของบรรดาผู้พิทักษ์แห่งวองโกเล่นั้น

     

             เป็นความสนิทกันที่แฝงไปด้วยความไม่ชอบขี้หน้าสินะ

     

              “หมอนั่นนี่เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันแฮะ” เด็กหนุ่มผมฟ้าขมวดคิ้วกับคำพูดของรุ่นพี่หนุ่ม เช่นเดียวกับอาคาชิและคนอื่นๆที่หันมามองเขาเพราะสนใจในเนื้อความพวกนั้น อิมาโยชิที่เห็นพวกสึนะเดินออกไปจากโรงอาหารแล้วก็หย่อนขานั่งลงตรงที่ว่างข้างๆซากุราอิ

     

              “สนใจเรื่องของสึนะโยชิคุงเหรอ?

     

              อาคาชิไหวไหล่ “ก็นิดหน่อย”

     

              “รุ่นพี่รู้จักซาวาดะคุงมาก่อนเหรอครับ?” คุโรโกะเอียงคอ ดูจากท่าทีที่มีต่อกันเมื่อครู่ก็คาดว่าน่าจะสนิทสนมกันอยู่ในระดับหนึ่ง อดีตกัปตันของทีมโทโอคลี่ยิ้ม

     

              นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เคยใช้ด้วยกัน มันก็สนุกดี

     

              “ก็นิดหน่อยน่ะ ตอนนั้นหมอนั่นยังเป็นแค่เจ้าห่วยอยู่เลย”

     

              “เจ้าห่วย?

     

              “ใช่” อิมาโยชิหัวเราะ “ฉายาของหมอนั่นน่ะสิ กีฬาก็ไม่ได้เรื่อง การเรียนก็แย่กว่าใครเขา หมอนั่นแทบจะไม่มีเพื่อนด้วยซ้ำนอกจากยามาโมโตะกับโกคุเดระ แถมยังไปแอบชอบดาวเด่นของห้องอย่างซาซางาวะ เคียวโกะอีก”

     

              “ไม่น่าเชื่อ เคียวโกะจังน่ะเหรอ?” ริโกะยกมือขึ้นป้องปาก คงต้องยอมรับว่า ซาซางาวะ เคียวโกะ เป็นคนที่น่ารักมากชนิดที่ว่าถึงไม่รู้จักกัน แต่ถ้าบังเอิญเจอกันก็คงเผลอเหลียวหลังมองเพราะความน่ารักสดใสนั่นแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นคนอย่างสึนะโยชิน่ะนะ? คนที่ตอนนี้แทบจะถูกปกป้องจากพวกโกคุเดระไม่ต่างจากไข่ในหินน่ะนะ?

     

              อาคาชิและฮิมุโระผู้ไปล่วงรู้ความจริงบางอย่างมาขมวดคิ้ว เมื่อก่อนหมอนั่นชอบซาซางาวะ— แต่จากเหตุการณ์ที่พวกเขาเห็นมาเมื่อวาน แสดงว่าตอนนี้ไม่ได้ชอบแล้วเหรอ?

     

              “ที่นายพูดนั่นใช่ซาวาดะจริงๆเหรอ?” มิโดริมะดันแว่นขึ้น

     

              ถ้าพูดถึงเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่พวกเขารู้จัก ด้านการกีฬานั้นถึงจะไม่เท่ายามาโมโตะและเรียวเฮแต่ก็นับว่าค่อนข้างโดดเด่น การเรียนก็ไม่ได้ย่ำแย่ สอบเก็บคะแนนได้อันดับท็อปๆของห้องอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพื่อนมีเยอะแยะจนแทบจะนับไม่ไหว และถ้าพูดถึงความนิยมและการถูกชื่นชอบจากเพื่อนในโรงเรียน..

     

              ก็บอกได้เลยว่ากินขาด

     

              ในการโหวตหนุ่มหน้าตาดีที่สาวๆอยากเป็นแฟนด้วยมากที่สุดก็ติดอยู่ในอันดับท็อป 10 ด้วยซ้ำ

     

              “ฉันไม่โกหกเรื่องแบบนี้หรอกน่า”

     

              พวกเขามีสีหน้าครุ่นคิด

     

              งั้นก็ไม่แปลกใจเลยที่อิมาโยชิจะบอกว่า เปลี่ยนไปมาก

     

              ชายหนุ่มสวมแว่นตามองไปยังเส้นทางที่กลุ่มของพวกสึนะโยชิเดินจากไปเมื่อครู่ เขาเสยผมสีดำสนิทของตัวเองขึ้นอย่างลวกๆ นัยน์ตาสีรัตติกาลทอประกายเพียงชั่วครู่หนึ่ง

     

              ใช่ เปลี่ยนไปมาก

     

              แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอก

     

             สิ่งที่หมอนั่นเปลี่ยนไปจริงๆน่ะ

     

              ....

     

              นัยน์ตาคมหม่นแสงลง เขาหลับตาลง แล้วหันไปพูดคุยกับรุ่นน้องและเหล่าอดีตคู่แข่งของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ ทิ้งสิ่งที่คิดคั่งค้างไว้ด้านหลัง อย่างไรก็ตาม..

     

              มันไม่ใช่เรื่องของเขา

     

     

     

     

              ภายในห้องของนภาหนุ่มแห่งวองโกเล่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เหม่อมองเพดาน ในมือที่ถือโทรศัพท์กำลังกดเบอร์เพื่อต่อสายถึงใครบางคน ผมสีน้ำตาลเปียกลู่แนบใบหน้า ร่างกายช่วงบนนั้นเปลือยเปล่าแต่ยังคงมีหยดน้ำเกาะอยู่ ส่วนท่อนล่างนั้นนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้น

     

              [มีอะไรเจ้าห่วยสึนะ]

     

              ร่างเล็กแค่นยิ้ม “เรื่องของอิมาโยชิ นายส่งหมอนั่นมาทำไม”

     

              [ก็มาช่วยแกดูแลพวกนั้นไง]

     

              “เอาความจริงสิรีบอร์น”

     

              [ฉันพูดจริงนะ]

     

              “ว่าไงนะ?

     

              [พวกเดโมเน่แฟมิลี่ลักลอบเข้ามาในอิตาลีแล้ว และพวกนายจะต้องกลับมาประจำการที่อิตาลีเดี๋ยวนี้ อ้อ นี่ไม่ใช่คำขอร้องจากฉันหรอกนะ]

     

              “จากพวกตาแก่นั่นล่ะสิ”

     

              [ใช่]

     

              “แล้วมันเกี่ยวกับอิมาโยชิตรงไหน”

     

              [เกี่ยวสิ ก็แกน่ะ..จะต้องพาพวกนั้นมาอิตาลีด้วยนี่]

     

              “เดี๋ยว รีบอร์— “

     

              [ก็ให้อิมาโยชิช่วยดูแลพวกนั้นที่อิตาลีระหว่างที่แกกำลังล่าหัวพวกเดโมเน่ไง เพราะงั้นนะสึนะ..เตรียมตัวซะ ฉันบอกแกได้แค่นี้]

     

     

     

     

     

    ----------|----------|----------|----------|----------

    อิมาโยชิซังงงงงงง หนุ่มในตัวละครที่เราชอบมากในเรื่องคุโรโกะค่ะ

    ชื่นชอบในหน้ายิ้มของพี่แกมาก ไหนจะสำเนียงการพูดของพี่แกอีก ฮื่ออออ

    จริงๆอยากเอาฮานามิยะมาด้วย แต่แค่นี้ก็รู้สึกว่าตัวละครที่คาแรคเตอร์ซ้ำๆกันก็มีมากแล้ว /เช่นอิมาโยชิ มุคุโร่ อาคาชิ ไม่เชิงเหมือน แต่ก็คล้ายกันอยู่นิดหน่อย เลยต้องปัดตกไป ;-;

    เจอกันตอนหน้านะคะ เม้นเป็นกำลังใจให้ซักนิดจิตแจ่มใสค่า  

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×