คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ห้วงแห่งความตายและอาชีพลับ
ตอนที่ 5 ห้วงแห่งความตายและอาชีพลับ
ณ กิลแห่งหนึ่งในทวีปใหญ่
“โอ้ยยย หงุดหงิดๆ นี่มันนานมากแล้วนะ” หญิงสาวคนนึงใส่ชุดเซตระดับสูง กำลังนิ่วหน้าคิ้วขมวด พลางเดินไปเดินมาในห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ดูดีมีระดับ มีโต๊ะทำงานอยู่ตรงมุมตรงกลางติดกับหน้าต่างที่มองออกไปจะเห็นวิวสวย
“เธอเดินไปมาเดินมา อยู่อย่างนี้มา 3 จะ 4 ชม. แล้วนะ ทำฉันปวดหัวหมดแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ที่มีเอกสารวางกองเต็มไปหมดเอ่ยขัดขึ้นอย่างหัวเสีย เขาสวมใส่ชุดเซตระดับสูงเช่นเดียวกัน ผมสั้นสีน้ำตาลซอยได้รูปรับกับใบหน้า ดวงตาสีเขียวมรกตดูอบอุ่น เป็นผู้ชายที่ดูดีพอทำให้สาวน้อยใหญ่ หลงได้ไม่ยากเลยล่ะ
“โธ่! หัวหน้าคะ นี่มันก็นานมากแล้วยังไม่มีการติดต่อมาเลยอะ” หญิงสาวนั่งลงบนโซฟานุ่มที่อยู่ตรงกลางห้องด้านขวา พร้อมเรียกหน้าต่างรายชื่อเพื่อนขึ้นมาดูทุกๆ 30 วินาที ที่ยังปรากฏข้อความเดิมๆ
[ไม่มีผู้ติดต่อใหม่] มันเป็นอย่างนี้มา 4 ชม. แล้ว
“เฮ้อออออออออ เธอหายไปไหนของเธอกันเนี่ย ยัยแคร์”
“พอ! พอเลย ฉันปวดหัวกับเอกสารกองโตนี่ก็มากพอละ ยังจะต้องมาปวดหัวกับเธอด้วยใช่ไหมเนี่ยห๊า มะนาว” ชายหนุ่มหมดความอดทนพร้อมขึ้นเสียงกับหญิงสาวตรงหน้า
“โธ่! หัวหน้าไม่เข้าใจหรอก” มะนาวตอกกลับ
“แล้วฉันต้องเข้าใจยังไง แค่เพื่อนใหม่ไม่ติดต่อมา เธอก็ออฟไลน์แล้วออกไปติดต่อทางโลกจริงสิ” คำพูดของเขาทำให้ มะนาว เงียบไปครู่นึง
“จริงด้วย! ขอบคุณมากเลยนะคะ หัวหน้า ยัยแคร์อาจจะยังไม่เข้าเกมมาก็ได้ งั้นเดี๋ยวฉันออฟไลน์ออกไปตามก่อนนะคะ บ๊ายบายค่ะ” มะนาวพูดเสร็จก็วิ่งออกจากห้องไปทันที
“เฮ้อ… ยัยคนนี้นิทำให้ปวดหัวอยู่เรื่อย” ชายหนุ่มบ่นกับตังเองพลางส่ายหัวไปมา แล้วก้มหน้าลงจัดการกับเอกสารกองโตตรงหน้าต่อ “ให้ตายสิ น่าเบื่อจริงๆพวกเอกสารนี่”
ณ ห้วงแห่งความตาย
แคร์ ที่เพิ่งเสียชีวิตมาหมาดๆเมื่อ 15นาทีก่อน เธอลืมตาตื่นขึ้นแล้วมองไปรอบๆ ปรากฏว่าเธอได้นอนอยู่ในสถานที่อันมืดมิด ไม่มีแสงสว่างใดๆส่องถึง เธอลุกขึ้นนั่งพลางใช้ความคิดเรียงลำดับเหตุการณ์ ‘เราตายแล้วสินะ หลังจากโดนเจ้าจิงโจ้กระโดดถีบซ้ำมา ที่นี่คงเป็นห้วงแห่งความตายที่เราต้องรอเกิดสินะ รู้สึกจะเป็นเวลา 2ชม. ในโลกจริง ในนี้ก็ราวๆ 2วันเลยสิเนี่ย เฮ้ออ นานจัง’ ในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมา
“สวัสดี และยินดีต้อนรับสู่ห้วงแห่งความตาย…” แคร์ สะดุ้งเฮือก! เงยหน้ามองผู้มาใหม่ตรงหน้า ฟังดูจากเสียงแล้วเธอคิดว่าน่าจะเป็นผู้ชาย เขาสวมใส่ชุดคลุมยาวสีดำ มีฮู้ดคลุมศีรษะ ใบหน้ามีหน้ากากรูปหัวกะโหลกปิดบังอยู่ ทำให้เห็นแค่ดวงตาที่ดูแล้วเป็นเพียงแค่ความมืดมิดไม่มีที่สิ้นสุด มือข้างขวาที่คาดว่าน่าจะเหลือแต่กระดูกถือเคียวยาวอยู่ข้างตัว
“เอ่อ…สวัสดีค่ะ” แคร์ ไม่รู้ว่าเงียบหรือยังไงดีแต่ด้วยความมีมารยาท เธอจึงเลือกทักตอบกลับไปอย่างเกร็งๆ
“ฮ่าๆ ไม่ต้องกลัวข้าหรอก ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ดูสิ เกร็งตัวสั่นเชียว” ผู้มาใหม่ส่งเสียงหัวเราะลั่น
‘ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เห็นจากรูปลักษณ์แหะ’ แคร์ ผ่อนคลายตัวเองหลังจากที่ได้ยินเสียงหัวเราะ
“นั่นแหล่ะ ไม่ต้องกลัวข้าหรอก”
“ไม่ทราบว่าคุณคือใครหรอคะ”
“เราคือผู้ดูแลห้วงแห่งความตายแห่งนี้ มีนามว่า โวลเดอร์มอล นักผจญภัยที่ตายแบบเจ้า จะมาเจอเราทุกคนแหล่ะ”
“โวลเดอร์มอล คนที่คุณก็รู้ว่าใคร?” แคร์ นึกถึงชื่อตัวร้ายในหนังสือเรื่องนึงในสมัยก่อนนิวเวิล ที่เธอเคยได้อ่าน
“แหม มามุขนี้กันทุกคนเลยนะ”
“แหะๆ ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษอะไร ข้ายังไม่ได้ว่าเจ้าสักหน่อย ว่าแต่เจ้าไม่กลัวข้าหรอ”
“ตอนแรกก็กลัว แต่ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ”
‘ตอนแรกบอกให้เราไม่ต้องกลัว ตอนนี้มาถามว่าทำไมไม่กลัว สรุปยังไงกันแน่เนี่ย ท่าทางดูจากชุดเหมือนกับยมทูต แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่เต็ม’
“เจ้ากำลังคิดว่าข้าบ้าใช่ไหม หืมม” โวลเดอร์มอล หรี่ตามองหรือป่าว? อย่างจับผิด
‘บ้าแล้ว! อ่านใจเราได้ด้วยหรอเนี่ย’
“เจ้ากำลังคิดว่าข้าอ่านใจได้สินะ แน่ะ..ดูจากสีหน้าของเจ้า ใช่แน่ๆ” แคร์ เผยสีหน้าตกใจแว่บนึง แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาขอ โวลเดอร์มอล
“ปะ..ป่าวค่ะ ไม่ได้คิดว่าคุณบ้าค่ะ” แคร์ ยิ้มกว้าง
“แค่ไม่เต็ม?” โวลเดอร์มอลสวนขึ้นมาในทันที
“ใช่ค่ะ..เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะ แหะๆ” แคร์ ปฏิเสธแทบจะทันที
“ฮ่าๆๆ โอ้ย ขำ ไม่มีใครทำให้ข้าหัวเราะได้ขนาดนี้นานแล้วนะเนี่ย” แคร์ มองคนหรือป่าว? ตรงหน้าที่กำลังหัวเราะเสียงดังไม่หยุด อย่าง งงๆ
‘สรุป ไม่เต็มจริงๆด้วย’
“ว่าแต่เจ้ารออยู่อย่างนี้ไม่เบื่อหรอ” โวลเดอร์มอล ที่หยุดหัวเราะหันมาถามคำถามใหม่
“ก็เบื่อนะคะ แต่มันทำอะไรไม่ได้นอกจากรอนี่คะ นี่ก็เหลืออีกตั้ง 1วัน กับ 23 ชม.” แคร์ ตอบพลางเรียกหน้าต่างระบบขึ้นมาดูเวลารอเกิดของตัวเอง
“แล้วทำไมเจ้าไม่ออกไปรอที่โลกของเจ้าล่ะ เรียกว่าอะไรนะ…อืม…ที่คนอื่นๆเขาพูดกันว่าออฟไลน์ๆ อะไรเนี่ยแหล่ะ”
“ออฟไลน์…จริงสิ ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต้องรอนาน ขืนให้รอในนี้จริงๆ คงเป็นบ้าตายแน่ๆ ขอบคุณมากนะคะที่บอก”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง”
เมื่อนึกขึ้นได้ แคร์ ก็เรียกหน้าต่างระบบขึ้นมา ปรากฏว่ามีคำว่า ออฟไลน์ เป็นแสงสีขาวจางๆให้เลือกได้ แต่ก่อนที่เธอจะออฟไลน์ออกไป เธอเงยหน้าไปมอง โวลเดอร์มอล อีกครั้ง ที่ตอนนี้กำลังยืนมองเธออย่างเงียบๆอยู่
“แล้วถ้าฉันออกไปแล้ว คุณจะทำอะไรต่อหรอคะ”
‘เด็กคนนี้แปลกดีแหะ’ โวลเดอร์มอล คิดในใจสักครู่ก่อนตอบออกไป
“ก็ไม่ทำอะไรหรอก ข้ามีร่างแบ่งหลายร่างนะ คอยต้อนรับคนที่ตายแบบเจ้าน่ะ ซึ่งบางคนยังไม่ทันที่ข้าจะเอ่ยทัก ก็ออฟไลน์หายไปแล้วน่ะ”
“แล้วไม่มีใครคุยกับคุณเลยหรอคะ”
“ก็มีบ้างนะ อย่างเช่น สวัสดี กรี๊ดดดด ประมาณนั้นแหล่ะ”
“แบบนั้นเขาเรียกว่าคุยกันหรอคะ”
“อืมมม งั้นก็มีเจ้าคนแรกล่ะมั้งที่คุยกับข้าเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้”
‘คงจะเหงาน่าดู ถ้าต้องอยู่ที่มืดๆคนเดียวแบบนี้ น่าสงสารจัง’ แคร์ คิดในใจพลางทำหน้าเศร้า ขนาดแค่เธอเข้ามายังไม่ถึง 2ชม. เธอยังรู้สึกว่าเบื่อมาก แล้วคน?ตรงหน้าอยู่คนเดียว พูดคนเดียวตลอดเวลาแบบนี้ มันคงดูน่าหดหู่น่าดู ถึงจะเป็นโปรแกรมประดิษฐ์ ก็ต้องโทษคนสร้างเกมแล้วล่ะ ที่สร้างมาสะเหมือนจริงขนาดนี้ จนเธออดสงสารไม่ได้
“คุณไม่เหงาหรอคะ” แคร์ ตัดสินใจถามคำถามนี้ออกไป
‘เหงาหรอ ความเหงามันเป็นยังไงนะ เราลืมมันไปนานแสนนานแล้วสิ ล่าสุดเราคุยใครนะ…จำไม่ได้แล้วสิ ช่างเถอะ…’
“ไม่หรอก ข้าชินแล้วน่ะ” เป็นคำตอบธรรมดาที่ฟังดูหดหู่เหลือเกินสำหรับ แคร์
“หรอคะ…” แคร์ นิ่งเงียบไปครู่นึงหลังจากได้ยินคำตอบของคนตรงหน้า ซึ่งเธอไม่สามารถอ่านจากสีหน้าได้เลยว่า คนๆนี้คิดอะไรอยู่ แต่เธอรู้สึกได้ว่ามันช่างดูเหงา อ้างว้างสะเหลือเกิน
‘ใช่ เราชินแล้วกับการอยู่คนในสถานที่แห่งนี้ มันเกินกว่าคำว่าเหงาไปแล้วล่ะ’
“งั้นถ้าไม่เป็นการรบกวน ขออยู่เป็นเพื่อนคุยได้ไหมคะ” แคร์ ยิ้มกว้างสดใสให้คนตรงหน้า ที่ตอนนี้กำลังแสดงสีหน้าแปลกใจ ถ้าเธอสามารถมองทะลุหน้ากากนั่นไปได้
‘หืมม แปลก น่าสนใจมากทีเดียว ถ้าเป็นแม่หนูคนนี้ อาจจะได้ไปก็ได้นะ สิ่งนั้นน่ะ’
“ฮ่าๆ เพื่อนคุยหรอ เป็นคนที่แปลกจริงๆ เอาสิ ข้าไม่มีใครคุยด้วยมานานมากแล้ว ถ้าเจ้าไม่เบื่อ ข้าก็ยินดี” โวลเดอร์มอล หัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี
แคร์ ยิ้มกว้าง เธอยินดีที่จะเป็นเพื่อนคุยกับคนๆนี้จะเป็น AI หรืออะไรก็ช่างเถอะ แต่ถ้าเธอปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวในสถานที่แบบนี้ เธอคงรู้สึกแย่ไปอีกนานแน่ๆ เพราะเธอเข้าใจความเหงาดี การที่อยู่คนเดียวโดยไม่มีใครคุยด้วยเป็นเวลานานๆ มันช่างรู้สึกเดียวดาย อ้างว้าง หดหู่สะเหลือเกิน เธอยังมีหนังสือให้แก้เหงา แล้วคนตรงหน้าล่ะมีอะไร เมื่อเห็นเช่นนี้เธอจึงยอมไม่ได้หรอกที่จะปล่อยให้มีคนเหงาแบบเธอ แถมการคุยกับคนตรงหน้าถึงจะไม่เต็มแต่มันก็ไม่ได้รู้สึกเบือเท่าไหร่นัก ‘มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่แหะ’
ทั้งสองคุยกันจนเวลาผ่านไปนาน แต่ แคร์ ก็ยังไม่รู้สึกเบื่อ แถม โวลเดอร์มอล ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานในเกมให้เธอฟังเยอะแยะ จนเหมือนฟังนิทานอยู่เลยทีเดียว เมื่ออยู่ในห้วงแห่งความตาย ผู้เล่น จะไม่รู้สึก ง่วง หิว หรือ อ่อนล้า จะมีก็แต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายกับการรอเวลานานๆเท่านั้น ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกที่จะออฟไลน์ไปหาอะไรทำข้างนอก พอครบเวลา 2 ชม. ก็จะออนไลน์กลับเข้ามาอีกครั้ง จะมีก็แต่ แคร์ นี่แหล่ะ คนแรกที่อยู่คุยกับ AI ผู้คุมห้วงแห่งความตายนี่ โดยไม่รู้สึกเบื่อเลย
เวลาผ่านไป 1 วัน ในห้วงแห่งความตาย
“เจ้าอยากได้อะไรอีกไหม” โวลเดอร์มอล เอ่ยขึ้น ในขณะที่มองหญิงสาวตรงหน้า เคี้ยวคุกกี้ จนแก้มตุ่ย พร้อมยกแก้วโกโก้ร้อนขึ้นจิบ
“ไม่แล้วค่ะ แค่นี้ก็เยอะแล้ว” แคร์ เอ่ย พลางตัดเค้กสตอเบอร์รี่ เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
ตอนนี้ทั้งสองคนย้ายมานั่งโต๊ะกินข้าวขนาดเล็กทรงกลม ที่ โวลเดอร์มอล เป็นคนเสกขึ้นมา พร้อมกับขนมเยอะแยะ ที่เขาบอกว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ เขาสามารถเสกอาหารได้มากกว่านี้ตามความตรงการของ แคร์
“ว่าแต่เจ้า ชอบอ่านหนังสือใช่ไหม” โวลเดอร์มอล เอ่ยถามในขณะที่มือก็ยกเหยือกเทโกโก้เติมให้หญิงสาวเป็นแก้วที่สาม
“ใช่ค่ะ…ขอบคุณค่ะ” แคร์ ตอบรับพร้อมยกแก้วโกโก้ขึ้นดื่ม
“เจ้าสนใจอ่านหนังสือของข้าไหมล่ะ พอดีข้าอ่านครบจนเบื่อแล้ว แล้วนี่เราก็คุยกันมา หนึ่งวัน เต็มๆแล้ว ถึงสถานที่แห่งนี้จะไม่มีความหิว แต่ว่ามันก็อ้วนได้นะ” โวลเดอร์มอล พูดแซวหญิงสาวตรงหน้า จนเธอต้องหยุดมือที่กำลังจะตักพายบลูเบอร์รี่เข้าปาก หยุดชะงักทันที
“แหะๆ ก็มันอร่อยนี่คะ ว่าแต่ผ่านมาหนึ่งวันแล้วหรอคะ เร็วจัง แล้วหนังสืออะไรหรอคะ” แคร์ วางส้อมที่กำลังจะตัดพายบลูเบอร์รี่ลง พร้อมเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาเช็ค ซึ่งมันผ่านไปหนึ่งวันแล้วจริงๆ
“หนังสือเยอะแยะมากมายเลยล่ะ เจ้าลองเข้าไปเลือกอ่านดูเองแล้วกัน” เมื่อ โวลเดอร์มอล พูดจบ เขาก็ดีดนิ้วที่มีแต่กระดูกดัง เป๊าะ! ทันใดนั้นก็ปรากฏประตูสีขาวขึ้นมาข้างหลังของ แคร์
“เมื่อเจ้าเข้าไปในประตูนี่ จะเป็นห้องหนังสือของข้าเอง เจ้าเลือกอ่านได้ตามใจชอบเลยนะ ถ้าต้องการอะไรก็ออกมาเรียกข้าล่ะ หรือถ้าครบเวลาที่เจ้าจะได้ไปจุติใหม่แล้ว ข้าจะบอกเจ้าเอง”
“ขอบคุณมากค่ะ แล้วคุณจะทำอะไรต่อหรอคะ ถ้าให้ฉันเข้าไปอ่านหนังสือข้างในแล้ว” แคร์ อดเป็นห่วงไม่ได้ที่ว่าคนตรงหน้าจะต้องอยู่คนเดียวอีก
“ข้าไม่เป็นไรหรอก เจ้าไม่ต้องกังวล คุยกับเจ้ามาหนึ่งวันเต็มๆ ข้าก็อยากพักบ้างน่ะ ฮ่าๆ”
“อ๋อค่ะ งั้นขออนุญาตเข้าไปอ่านหน่อยนะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยเดี๋ยวฉันจะเรียกนะคะ” เมื่อได้ยินว่าคนตรงหน้าจะพัก เธอก็ยิ้มอย่างโล่งใจ พลางเดินไปที่ประตู
“อ่อ เดี๋ยวๆ มานี่ก่อน ข้าลืมไป” แคร์ หยุดเดินพร้อมหันหลังกลับมามอง เธอเห็น โวลเดอร์มอล ยืนมือของเขามาจับที่หัวของเธอเบาๆ เธอไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเธอ
ผู้เล่น แคร์ลิสเซ่ ได้รับ Passive skill : อ่านอักขระโบราณ สามารถเช็คที่ได้หน้าต่างระบบค่ะ
แคร์ ทำสีหน้าสงสัยส่งไปให้ โวลเดอร์มอล เมื่อเธอได้ยินประกาศจากระบบว่าเธอได้รับสกิลมา
“หนังสือของข้ามันเป็นภาษาโบราณ ถ้าคนที่ไม่มีความสามารถในการอักขระโบราณจะอ่านไม่ออก แล้วข้าก็คิดว่าเจ้าคงไม่มีมันแน่ๆ เลยถ่ายทอดให้นะ ทีนี้เข้าไปอ่านได้แล้วล่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ” แคร์ ยิ้มกว้างอีกครั้งแล้วหันหลังเดินเข้าไปประตูไป
‘หวังว่าเจ้าจะหาเจอนะ ของสิ่งนั้นน่ะ ขอให้โชคดี เพื่อนตัวน้อยของข้า’
เมื่อ แคร์ เข้าประตูสีขาวมา เธอก็พบว่ามันเป็นห้องหนังสือขนาดกลางไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป มีโต๊ะทรงกลมสีขาว มีเก้าอี้สองตัววางอยู่ตรงกลางห้อง มีชั้นหนังสือวางเรียงรายทั้งซ้าย ขวา และตรงกลาง รวมๆที่มองผ่านๆด้วยสายตาแล้ว คิดว่าน่าจะมีหนังสือประมาน 1000 กว่าเล่มเห็นจะได้
“ว้าวว หนังสือเยอะแยะเลยแหะ หืมม ไม่ใช่ภาษาที่โลกเราใช้จริงๆด้วย ถ้าไม่ได้สกิลอ่านอักขระโบราณมา เราคงอ่านไม่รู้เรื่องแน่ๆ”
แคร์ เดินไปหยิบหนังสือเล่มนึงมาเปิดอ่านอย่างอารมณ์ดี ซึ่งเธอพบว่ามันเป็นตัวอักษรแปลกๆที่ไม่ใช่ตัวอักษรในโลกจริง แต่เธอก็สามารถเข้าใจมันได้ เพราะความสามารถพิเศษในการอักขระโบราณ ที่โวลเดอร์มอลให้มา
“อืม..ตำนานเผ่ารัตติกาล น่าสนใจดี ลองเริ่มจากเล่มนี้แล้วกัน” เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีเทาลึกลับ ก็หยิบหนังสือเล่มที่ว่ามานั่งลงอ่านที่โต๊ะทรงกลมกลางห้องทันที
เวลาผ่านไปร่วม 5 ชม. ตอนนี้ แคร์ อ่านหนังสือไปได้ประมาณ 3 เล่มแล้ว แต่ละเล่มหนาๆทั้งนั้น โดยที่เวลาข้างนอกที่ห้วงแห้งความตายเพิ่งจะผ่านไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น เวลาในห้องสมุดนี้จะเดินเร็วกว่าโลกปกติ แต่ โวลเดอร์มอล ลืมบอกนี้ไป ในเมื่อไม่มีความรู้สึก หิว ง่วง อ่อนล้า เธอจึงอ่านหนังสือไปเรื่อยๆด้วยความเพลิดเพลิน จนลืมวันเวลาไป
หนังสือบางเล่มก็บอกวิธีปรุงยาต่างๆ บางเล่มเป็นวิธีสอนทำอาหารที่เพิ่มค่าสถานะต่างโดยใช้วัตถุดิบแปลกๆที่ แคร์ ไม่เข้าใจ ข้อมูล สัตว์อสูรในโลก New world ซึ่งเธอก็พบข้อมูลของจิงโจ้ตัวที่ปลิดชีวิตของเธอ โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่ามัน ธาตุดิน และ แพ้เวทย์ไฟ
‘หึ! ค่อยกลับไปแก้แค้นทีหลังเจ้าจิงโจ้น้อย’ เธอตั้งมั่นอยู่ในใจว่าเมื่อกลับไปอีกครั้งเธอจะกลับไปแก้แค้นอย่างแน่นอน จนเมื่อมาถึงหนังสือเล่มที่ประมาณ 800 กว่าๆ ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจว่ามันเล่มที่เท่าไหร่
หนังสือเล่มนี้มีสีดำสนิทมีลวดลายสีทองอยู่ตรงสันหนังสือ ตัวอักษรสีแดงบนหน้าปกเขียนว่า
[เวทย์มนต์รัตติกาล] หนังสือเล่มนี้มันดูดึงดูดเธอย่างประหลาด ดูมีมนต์ขลัง ชวนให้จับต้อง จนละสายตาจากมันไม่ได้ เมื่อเธอเปิดอ่านมันและพลิกไปดูคร่าว ปรากฏว่ามันมีบทเวทย์ในหนังสือเล่มนี้แค่ 5 บทเท่านั้น นอกนั้นเป็นหน้ากระดาษเปล่าๆทั้งหมด
“อะไรกัน หนังสือก็หนาทำไมมีแค่นี้ล่ะ ช่างมันเดี๋ยวค่อยออกไปถาม คุณโวลเดอร์มอล ลองอ่านที่มีอยู่นี่ก่อนละกัน” เมื่อคิดได้ดังนั้น แคร์ จึงเริ่มอ่านบทเวทย์ทีละบทอย่างระเอียด
1.รัตติกาลกลืนกิน: สามารถเรียกความมืดมิดขึ้นมาปกคลุมเป็นรัศมี 100 รอบตัวผู้ใช้ เพิ่มพลังเวทย์ธาตุความมืด 1 เท่า ให้ผู้ใช้และฝ่ายเดียวกัน ฝ่ายศัตรูโดนแรงขึ้น 1 เท่า พร้อมติดสถานะตาบอดเป็นเวลา 5 นาที
เสียพลังพิเศษในการเรียกใช้ 300 หน่วยทันที สามารถคงอยู่ได้ 1 ชม. และรอเวลาเรียกใช้อีกครั้ง(cool down) 12 ชม. ความมืดจะไม่หายไปแม้ผู้ใช้จะเสียชีวิตแล้วก็ตาม
2.ไฟแห่งรัตติกาล: ไฟที่ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟใดๆบนโลก สามารถเรียกออกมาในรูปแบบใดก็ได้ ยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งเสียพลังพิเศษมากและควบคุมยาก
เสียพลังพิเศษ 100 หน่วยทันทีที่เรียกใช้ และจะเสียเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามขนาดที่ผู้ใช้เรียก
ผู้ที่โดนไฟนี้จะติดสถานะเลือดไหลลดพลังชีวิต 10% ของพลังชีวิตทั้งหมด ทุกๆ 5 วินาที
รอเวลาเรียกใช้ 5นาที ต่อการเรียกใช้ครั้งถัดไป
3.รัตติกาลควบคุมใจ: ความมืดมิด เงียบสงัด ไร้สิ่งใดรบกวน ก่อเกิดสมาธิขั้นสูง
สามารถร่ายเวทย์ในใจได้โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ
ไม่เสียพลังพิเศษในการเรียกใช้ ความสามารถติดตัวแสดงผลตลอดเวลา
4.โซ่ตรวนรัตติกาล: โซ่ตรวนแห่งความมืดมิดที่จะคอยตรึงร่างของศัตรู ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ เป็นเวลา 5นาที ไม่มีผลต่อศัตรูที่ระดับมากกว่าผู้ใช้ 30 ระดับขึ้นไป
เสียพลังพิเศษในการเรียกใช้ 250 หน่วยทันที
รอเวลาเรียกใช้ 10 นาที ต่อการเรียกครั้งถัดไป
5.เงาแห่งรัตติกาล: เจ้าคือเรา เราคือเจ้า หนึ่งกลายเป็นสอง สองรวมเป็นหนึ่ง มิมีผู้ใดแยกตัวเราได้
ผู้ใช้สามารถสร้างร่างเงาแยกได้หนึ่งร่าง ร่างแยกมีรูปร่างทุกอย่าง ความนึกคิด รวมถึงความสามารถพิเศษทั้งหมดของร่างจริง ค่าสถานะของร่างแยก ความสามารถพิเศษ ทั้งความแรงและพลังพิเศษในการเรียกใช้ลดเหลือครึ่งนึงของร่างจริง
เสียพลังพิเศษในการเรียกใช้ครึ่งนึงของพลังพิเศษทั้งหมด
รอเวลาเรียกใช้ 1วัน ต่อการเรียกใช้ครั้งต่อไป
‘เหมือนเราจะเจออะไรที่มันสุดยอดเข้าแหะ’ แคร์ ยิ้มนิดๆเมื่ออ่านข้อความสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้จบ พร้อมปิดหนังสือเบาๆ
ผู้เล่น แคร์ลิสเซ่ บรรลุเงื่อนไข ได้รับอาชีพลับ นักเวทย์รัตติกาล สถานะถูกปิดผนึก เนื่องจากระดับยังไม่ถึงที่กำหนด สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่หน้าต่างระบบและ NPC อาชีพ โวลเดอร์มอล ค่ะ
ผู้เล่น แคร์ลิสเซ่ ได้รับ หนังสือรวมเวทย์มนต์รัตติกาล สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่หน้าต่างระบบค่ะ
‘มายาวเลยแหะ อาชีพลับเหรอ หึหึ ชักสนุกแล้วสิงานนี้’ แคร์ ยิ้มมุมปากนิดๆ พร้อมมองไปยังหนังสือในมือที่ได้รับมา แววตายฉายความสนุก ออกชั่วร้ายนิดๆที่น้อยครั้งจะมีใครได้เห็น มันเป็นเวลาที่เธอสนใจอะไรสักอย่างจริงจัง แล้วมีแผนหลายอย่างที่จะทำให้เธอสนุกกับมันได้ มันเป็นอีกด้านหนึ่งของเธอก็ว่าได้
‘อืม หาเจอแล้วสินะ นักเวทย์รัตติกาลคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว’ โวลเดอร์มอล คิดในใจพลางมองไปยังประตูห้องสมุดของเขาที่หญิงสาวนัยน์ตาสีเทา ได้เข้าไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งวันเต็มๆ และบัดนี้ ประตูบานนั้นได้เปิดอ้าออกอีกครั้งพร้อมกับหญิงสาวคนเดิมเดินออกมา แล้วเดินตรงปรี่มาหาเขา
‘ได้เวลาสนุกละสิ หึหึ’
ความคิดเห็น