ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dreamerfall ไว้เจอกันใหม่ในความฝัน(Undertale fanfic)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่2 รถSUVที่มีเครื่องเล่นDVDและTVจิ๋วในรถ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 61




              "จะขุดกลับไปสักกี่ต้นดีนะ...หรือว่าฉันควรจะแค่เก็บเมล็ดไปเพาะเอง"

    เรย์อาร์ยืนก้มๆเงยๆอยู่กลางทุ่งดอกไม้สีเหลืองสด มองหาก้านดอกที่ไร้กลีบเผื่อว่าจะเจอกระเปาะเมล็ด


         ...น่าแปลก ทุ่งดอกไม้แห่งนี้สมบูรณ์แบบมาก ดอกไม้ขนาดเท่ากันเป๊ะทุกดอกบานสะพรั่งสวยงาม และสะอาดสะอ้านเหมือนมีใครสักคนบรรจงขัดถูกลีบดอกไม้ทีละกลีบเอาไว้เมื่อคืน ไม่มีดอกไม้ที่มีกลีบดอกไม่ครบ หรือเหี่ยวเฉา หรือดอกตูมที่ยังไม่บานอยู่เลยสักดอก...สมบูรณ์แบบเกินไปจนราวกับไม่ใช่ของจริง


    แน่นอนว่าไม่มีกระเปาะเมล็ด


    มือเล็กขยี้ตา เธอหลับตาแน่นๆทีหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นก็ยังคงเป็นภาพเดิม ท้องฟ้ากับเมฆ ทุ่งดอกไม้ริมถนนใหญ่4เลนที่ทุกดอกล้วนสวยสมบูรณ์แบบทอดยาวไปจนจรดทุ่งโล่งไกลๆ สลับกับต้นไม้พุ่มไม้เล็กๆกับป่าละเมาะ บ้านหลังเล็กๆกับป้ายบอกทางกระจายตัวกันห่างๆบนเนินเขา มองไกลออกไปอีกเยอะๆหน่อยก็จะเห็นภูเขาที่ดูเป็นสีน้ำเงินซีดจางเพราะชั้นบรรยากาศ แสงแดดจัด อากาศเย็น ต้นไม้ดอกไม้นิ่งสนิทไม่มีลมพัดไหว บนถนนไม่มีรถผ่านมาเลยสักคัน ไม่มีแม้แต่นกบินผ่านเลยสักตัว


         "..." เด็กสาวเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา เป็นความรู้สึกขนลุกผสมกับความรู้สึกหน่วงๆในท้องที่คล้ายๆกับตอนที่เธอเป็นเด็กคนสุดท้ายในโรงเรียนที่พ่อแม่ยังไม่มารับกลับบ้านหลังเลิกเรียนตอนเย็น ทั้งมืดสลัว ทั้งแทบจะว่างเปล่าไร้ผู้คน แต่ก็ยังเสียวสันหลังเหมือนจะมีใครสักคนหรืออะไรสักอย่างโผล่มาแล้วลากเธอเข้าไปในห้องเรียนมืดๆ...แล้วหลังจากนั้นก็จะไม่มีใครได้เห็นเธออีกเลย


         "โอ๊ย!" ไม่ทันไรเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบข้างๆกกหู มือของเรย์อาร์ที่ตะครุบไปตามสัญชาติญาณสัมผัสโดนอะไรสักอย่างที่บอบบางและมีก้านยาว เมื่อดึงออกมาก็พบว่าเป็นดอกไม้สีเหลืองดอกหนึ่ง


    เธอมองดอกไม้ในมือด้วยความงงงัน และในทันใดนั้นเมื่อมองต่ำลงมา เธอก็เห็นดอกไม้อีกหลายดอกกำลังผุดออกมาจากแขนเสื้อบริเวณข้อมือของเธอ เด็กสาวเริ่มหายใจแรงขึ้นด้วยความกลัวแล้วรีบถอนดอกไม้ออกมาแม้ว่ามันจะเจ็บ มีดอกไม้งอกขึ้นมาแทนที่ดอกที่เธอถอนทิ้งไปอีกนิดหน่อย และมีดอกไม้อีกกลุ่มหนึ่งงอกขึ้นมาบริเวณไรผมใกล้ใบหน้า โชคดีที่พวกมันไม่งอกขึ้นมาใหม่หลังจากเรย์อาร์ทึ้งถอนดอกไม้ทิ้งจนหมดเป็นรอบที่ห้า  


    เงาสีดำเข้มท่ามกลางแดดจัดของอะไรบางอย่างที่ลอยผ่านเหนือหัวเธอไปพอดีทาบทับลงมา เธอเหลือบขึ้นมอง เห็นลูกบาสเกตบอลกำลังพุ่งตกลงไปบนพื้นถนน มันกระเด้งขึ้นลงอยู่หลายครั้งและสูงอย่างน่าประหลาดก่อนที่จะกลิ้งหายเข้าไปในพงดอกไม้ริมถนนฝั่งตรงข้าม


    หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างรวดเร็วจนเรย์อาร์สับสนไปหมด เธอแหงนมองไปยังทิศตรงข้ามซึ่งน่าจะเป็นทิศที่ลูกบาสลอยมา ซึ่งก็ไม่เห็นอะไรนอกจากท้องฟ้ากับเมฆ แต่แล้วก็มีเสียงกระหึ่มของรถยนต์หลายคันกำลังวิ่งมาตามถนน เมื่อเด็กสาวได้ยินเสียงนั้นก็รีบหันกลับไปอย่างตื่นเต้น ด้วยความตั้งใจจะร้องขอความช่วยเหลือ


     สิ่งที่เห็นมันช่างประหลาด รถSUVหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบหลายคันกำลังวิ่งสวนกันไปมาบนเลนถนนทั้งสี่...และที่น่าขนลุกไปกว่านั้นคือไม่มีคนขับ


         "นี่มัน...อะไรกัน" เด็กสาวก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว รถพวกนั้นหน้าตาเหมือนกันแถมไม่มีคนขับยังไม่พอ รถพวกนี้ทุกคันล้วนมีจอทีวีขนาดเล็กติดอยู่ตรงที่นั่งด้านหน้าซึ่งกำลังฉายภาพตัวการ์ตูนจากวีดีโอเกมที่เธอเพิ่งจะไปนั่งดูสองพี่น้องไอรีนกับเจมส์เล่นแข่งกันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน


     และราวกับว่าแค่นี้ยังไม่สาแก่ใจพระเจ้า...หรือซาตาน หรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้

    อยู่ๆท้องฟ้าและบรรยากาศโดยรอบก็ค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงสลัวเหมือนแสงไฟรถฉุกเฉินในยามค่ำคืน พระอาทิตย์ที่เคยสาดแสงถูกสุริยุปราคากลืนกิน


         'ถ้าจะทำกันถึงขนาดนี้...อีกประเดี๋ยวคงจะมีภูติผีวิญญาณร้ายหรือไม่ก็ปีศาจโผล่มาใช่มั้ย' เธอคิดอย่างหวาดๆ 


    เรย์อาร์แค่คิดในใจ ไม่ได้พูดออกมา ทว่าเสียงความคิดของเธอกลับดังก้องออกมาเหมือนพูดผ่านไมโครโฟน ดังที่มักจะเกิดขึ้นในโลกแห่งความฝัน ความคิดของคนเรามักจะดังออกมาเป็นเสียงพูดแม้ว่าจะไม่ได้ขยับปากพูดออกมาก็ตาม


         "ถ้าจะทำกันถึงขนาดนี้...อีกเดี๋ยวคงจะมีภูติผีวิญญาณร้ายหรือไม่ก็ปีศาจโผล่มาใช่มั้ย" 

     เสียงนั้นเหมือนเสียงของเธอเองไม่มีผิด เพียงแต่นุ่มนวลน่าฟังกว่ามาก เป็นเสียงที่ตัวเธอเองมักจะได้ยินเวลาที่อ่านหนังสือในใจ เพียงแต่ว่าคราวนี้เสียงมันดังออกมาให้หูสามารถได้ยิน และถ้ามีคนอื่นๆอยู่ที่นี่ด้วย เธอก็แน่ใจว่าคนคนนั้นก็คงจะต้องได้ยินเสียงความคิดของเธอเช่นกัน


         

         "ใช่แล้วล่ะ ข้าคือปีศาจ และข้าอยากได้วิญญาณของเจ้า" เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้น ทั้งแหบทั้งสากกร้านเหมือนเสียงของใบไม้แห้งปลิวบนพื้นซีเมนต์ 


         "ฉันล่ะเกลียดเรื่องแบบนี้จริงๆ" เรย์อาร์ทำหน้าตายู่ยี่รีบสาวเท้าออกตัววิ่งหนีทันทีโดยไม่แม้แต่จะหันไปดูหน้าตาของเจ้าตัวที่บอกว่าตัวเองเป็นปีศาจให้เสียเวลา ตอนนี้เธอรู้สึกอยากร้องไห้เหลือเกิน


         "ฮือๆๆๆๆ แง้! ตายแน่ เราตายแน่ๆ!" เสียงร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวดังระงมขึ้นรอบๆตัวเจ้าของความคิดที่กำลังวิ่งแหวกทุ่งดอกไม้ป่าหนีอย่างสุดแรงเกิดอย่างน่าหนวกหูราวกับมีเรย์อาร์สักสิบคนกำลังร้องไห้พร้อมกันโดยที่เจ้าตัวไม่ได้แม้แต่จะขยับปากเลยสักนิด


         "หุบปาก!!!" เด็กสาวปาดน้ำตาแรงจนแทบจะข่วนหน้าตัวเอง พลางตะคอกเสียงความคิดตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา ...ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะกร้านๆเหมือนกำลังขำของเจ้าปีศาจนั่นลอยตามมาด้วย


         “อย่ามาขำกันนะยะ!” เสียงความคิดที่ไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาด้วยปากดังขึ้นมาอีกครั้ง “ทำไมฉันถึงคิดในใจแล้วต้องมีเสียงด้วยว้อยยยยยยยยยยยยยย ว้อย ว้อย ว้อย ว้อย…วงเล็บ นับจากนี้ไปคือเสียงเอคโค่อีกสักประมาณร้อยครั้ง วงเล็บปิด”


    …เรย์อาร์ทำตาค้อนปะหลับปะเหลือกต่อเสียงความคิดตัวเองอย่างเซ็งสุดขีด


         “ไม่ต้องห่วงไป เดี๋ยวเจ้าก็ตายแล้ว ถึงคิดเรื่องน่าอายขึ้นมาตอนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก” เสียงเจ้าปีศาจดังไล่หลังมาจากระยะไม่ไกลนัก


         “ฉันเคยดีดขี้มูกไปติดกระโปรงเพื่อน” พอสิ้นเสียงคำว่าไม่เป็นไรหรอก เสียงความคิดของเธอก็เริ่มประสานงานกับความทรงจำในวัยเด็กที่ผุดขึ้นมาอย่างเอาเรื่องทันที


         “โอ๊ยยยย น่าอายเป็นบ้า ฉันต้องหยุดคิดถึงเรื่องพวกนี้ก่อนที่จะคิดถึงมันไปมากกว่านี้!…ฉันเคยเก็บเม็ดยาเบื่อหนูไปใส่ตู้ปลาเพราะคิดว่าเป็นก้อนกรวดสีฟ้า ฉันเคยหยิบแก้วน้ำของคนที่นั่งข้างๆในโรงหนังมาดื่มเพราะจำผิดแถมยังสำลักรดใส่เขาด้วย ฉันเคยโดนเพื่อนแกล้งเปิดกระโปรงแล้วตกใจจนฉี่ราดใส่มือเพื่อนตอนอนุบาล ฉันเคยวิ่งนำหน้าเพื่อนไปโรงอาหารแต่โกหกเพื่อนว่าไม่ได้หิว ฉันเคยเข้าไปซ่อนตัวในเครื่องซักผ้าตอนเล่นซ่อนหากับเพื่อนแล้วออกมาเองไม่ได้ ฉันเคย…” เธอวิ่งไปทึ้งหัวตัวเองไปราวกับคนบ้า


         “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะสากกร้านนั่นดังขึ้นอีกหลายเท่า


         “แกมันปีศาจชั่ว!” โดนปีศาจกลั่นแกล้งมากๆเข้าเรย์อาร์ก็ทนไม่ไหว เธอหยุดวิ่งแล้วหันไปด่ามันด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะนางเอ๊กนางเอก คราวนี้ใบหน้าของเด็กสาวขึ้นสีแดงเถือกไล่ขึ้นไปจนถึงใบหู เธออายและโกรธมากเสียจนลืมกลัวไปเลย


    เธอก็เลยได้เห็นมัน…


     รูปร่างของมันสูงผอม แขนขายาว ปลายเล็บยาวทั้งสิบนิ้ว ใบหูยาวแหลม ผิวหนังเน่าเฟะเป็นสีดำ ใบหน้าผิดรูปมีเพียงรูเน่าๆอยู่ตรงกลางแทนรูจมูก ส่วนที่ควรจะเป็นดวงตามีพังผืดหนังขรุขระบางจนเห็นเส้นเลือดขึงปิดเอาไว้ ปากอ้ากว้างไร้ขากรรไกรและริมฝีปาก มันยิ้มกว้างจนปากฉีกไปถึงใบหูดูน่าสยดสยองเป็นที่สุด


         “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ว่าแล้วเชียวว่าต้องกรี๊ดแตกถ้าหันกลับไปมอง!” …เธอรู้สึกเกลียดเสียงความคิดตัวเองจริงๆ


    ก่อนหน้านี้เรย์อาร์สังเกตเห็นอาคารแห่งหนึ่งอยู่ห่างออกไปจากตรงนี้ไม่ไกลนัก ดูเหมือนว่าจะเป็นโบสถ์แห่งหนึ่งที่อยู่ถัดไปจากร้านอาหารสไตล์Dinerริมทาง เธอจึงวิ่งหนีตรงไปในทิศทางนั้น...บางที ที่นั่นอาจจะมีคนที่ให้ความช่วยเหลือเธอได้นะ


         "เ-ี่ย เ-ี่ย เ-ี่ย เ-ี่ย เ-ี่ย เ-ี่ย..." เสียงความคิดของเธอร้องสบถสาบานเป็นคำหยาบดังตามตัวเธอมาตลอดทาง


         ร่างเล็กของเด็กสาววิ่งโซซัดโซเซตัดทุ่งไปอย่างไม่มีหยุดหรือชะลอความเร็ว ไม่ใส่ใจอีกแล้วว่าเสียงความคิดของตนจะพูดเสียงดังออกมาว่าอย่างไร เธอไม่ได้เหนื่อยจนหอบแฮ่กออกมาหรือปวดชายโครงเหมือนอย่างที่มักจะเคยเป็นเวลาวิ่งห้อขนาดนี้ เหนื่อยช้ากว่าปกติจนตัวเธอเองรู้สึกแปลกใจ แต่ในทันทีที่เธอคิดถึงเรื่องเหนื่อย ก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆข้างในเหมือนมีรอยร้าวกำลังค่อยๆขยายตัวออกมาจากตรงบริเวณชายโครง รอยร้าวที่จะทำให้ร่างของเธอแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆเหมือนถ้วยกาแฟเซรามิคที่ถูกปัดตกลงมาจากโต๊ะทำงานของพ่อ หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความกลัวจนรู้สึกเจ็บ ดวงตาพร่าลาย


         "ไม่...เราจะต้องไม่เป็นอะไร" พอคิดได้ดังนั้น อาการเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดก็หายไป


     เธอยังคงดั้นด้นเอาชีวิตรอดต่อไป มีล้มบ้างบางครั้ง พอลุกไม่ไหวก็คลาน อย่างน้อยเธอก็จะดูเป็นจุดเด่นน้อยลงเวลาหมอบต่ำ ข้างล่างใต้ลำต้นและช่อดอกของพืชนี้มืดกว่าข้างบนมาก ดินสีน้ำตาลที่ติดมือกับตามเสื้อผ้าส่งกลิ่นเหมือนกาแฟคั่วบดในโหลที่บ้านและเป็นผงร่วนแบบนั้นด้วย แต่ว่าเธอก็ไม่ได้มีเวลาจะมาสงสัยหรือชื่นชมความมหัศจรรย์ของมันหรอกนะ


    เสียงหัวเราะกระหายเลือดไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด เด็กสาวรู้สึกหวาดกลัวมาก เธออยากจะไปให้ถึงอาคารแห่งนั้นเร็วๆ เธอคลานตะกุยตะกายแหวกลำต้นสีเขียวและดินสีเข้มอย่างเอาเป็นเอาตาย...ไม่รู้ว่าทำไม แต่ในทันทีที่เธอปรารถนาแบบนั้น ระยะทางก็ดูเหมือนหดสั้นลง


    ท่ามกลางความมืดสลัวสีแดง เรย์อาร์ได้เห็นว่าพื้นที่ของทุ่งที่วิ่งมานั้นกลายเป็นจุดบรรจบซึ่งมีแนวพุ่มไม้กั้นทางอยู่ เป็นพุ่มไม้แบบที่มีกิ่งไม่สม่ำเสมอ บ้างหร็อมแหร็ม บ้างหนาทึบแบบที่จะต้องแหวกหาช่องโหว่เพื่อแทรกตัวผ่านเข้าไป


         เจ้าปีศาจหัวเราะเยาะเย้ย "ข้ากำลังสงสัยอยู่เลยว่าทำยังไงดีหนอ เจ้าถึงจะจนมุมและสิ้นหวังจนห้วงความฝันของเจ้าพังทลาย ข้าจะได้ชิงดวงวิญญาณของเจ้าได้ง่ายขึ้นอีกหน่อย แต่ดูสิ เจ้ากำลังจะออกไปเองเฉยเลย" 


    เรย์อาร์ไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ก็ไม่สนใจจะตีความ เธอวิ่งหาช่องโหว่ในพุ่มไม้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กสาวตื่นกลัว เส้นผมยุ่งพันกันเหมือนใยแมงมุมปรกลงมาบนใบหน้า เซถลา และโดนกิ่งไม้ขีดข่วนจนมีแต่รอยแผล


         "เอาเลยเด็กน้อย วิ่งเข้า ดิ้นรนเอาชีวิตรอด" น้ำเสียงของอีกฝ่ายโห่ร้องเชียร์อย่างเสแสร้ง แฝงอาการเยาะเย้ยล้อเลียนอย่างที่เธอเกลียดที่สุด แขนเสื้อข้างหนึ่งของเธอถูกกิ่งไม้ขนาดเล็กเกี่ยว ร่างเล็กกระชากตัวเองสุดแรงจนในที่สุดกิ่งไม้นั้นก็หักติดแขนเสื้อมาด้วย 


    ร่างของเด็กสาวพุ่งผ่านช่องโหว่ในแนวพุ่มไม้ออกมาล้มกลิ้งบนพื้นถนนลาดยางมะตอยสีเข้ม เส้นผมนุ่มนิ่มของเธอแผ่กระจาย


         "อ๊ะ!" เธอรีบผุดลุกขึ้นหลังจากนอนงุนงงอยู่บนพื้นได้ประมาณสองวินาที...ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร ในเมื่ออีกฟากของแนวพุ่มไม้ที่เธอวิ่งผ่านเข้ามากลับกลายเป็นหมู่บ้านที่เธอเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ แทนที่จะเป็นโบสถ์บนเนินเขาริมถนนไฮเวย์อย่างที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ และที่สำคัญ เวลาของที่นี่ได้เปลี่ยนเป็นกลางคืนที่มีท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มกับดวงดาว ซึ่งจริงๆแล้วก็สบายตากว่าฟ้ายามบ่ายสีแดงแบบในทุ่งนั่นเยอะ



     เรย์อาร์เหลียวไปมองพุ่มไม้ ปรากฏว่ามันกลายเป็นแนวพุ่มไม้ตัดแต่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมเป็นระเบียบในสวนบ้านใหม่ของเธอเอง


    'เจ้าตัวนั้นไม่ตามมาแล้วใช่มั้ย' เธอคิดในใจ แล้วก็รู้สึกขอบคุณที่คราวนี้ความคิดของเธอไม่มีเสียงดังออกมาแล้ว


    คราวนี้เธอเดินเข้าไปในบ้าน อยากจะไปหาพ่อกับแม่ เธอหมุนลูกบิดประตูโลหะที่เย็นเฉียบเหมือนเอาไปแช่ในน้ำแข็งมา แล้วก็เดินเข้าไป ข้างในนี้เงียบเชียบมาก มีกลิ่นเหม็นไหม้เหมือนขี้เถ้าในอากาศจางๆ และแม้ว่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เหนือหัวเธอจะส่องแสงอยู่ แต่ก็ไม่ส่องสว่างมากนัก โถงทางเข้ากับห้องรับแขกที่ยังคงระเกะระกะไปด้วยกล่องมากมายดูสลัวซีดจางเหมือนห้องในหนังย้อนยุคที่ผู้คนยังใช้หลอดไส้โบราณให้ความสว่างในบ้าน เด็กสาวเห็นแล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อก...บ้านของเธอตอนนี้ดูยังกับฉากในหนังสยองขวัญ


         ในขณะที่เธอจ้องหลอดไฟอย่างลังเลว่าจะเผ่นออกไปข้างนอกดีมั้ยอยู่นั้น ใครคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นมาว่า "กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ"


    เรย์อาร์สะดุ้ง ในขณะที่แม่ของเธอเดินเข้ามาในห้อง ในมือที่หุ้มด้วยถุงมือกันร้อนถือขนมพายถาดใหญ่ มันเป็นพายที่หน้าตาสวยน่ากินยังกับหลุดออกมาจากแผ่นโฆษณาร้านอาหาร แป้งสีเหลืองทอง ขอบแป้งพายจับจีบเรียบร้อยสวยงามราวงานศิลป์ กลิ่นหอมนมเนยผสมกับกลิ่นหอมหวานยั่วยวนของชินนามอนคละคลุ้งไปทั่วห้อง...นี่ถ้ามีดนตรีเพลงCareless Whisperบรรเลงด้วยแซกโซโฟนดังขึ้นมาเป็นเพลงประกอบด้วยจะไม่แปลกใจเลย เด็กสาวขมวดคิ้วจ้องเป๋งไปยังถาดขนมพายร้อนๆในมือแม่ของตน เนื้อตัวสั่นเทา ขาค่อยๆก้าวถอยหลังออกมาอย่างช้าๆ


    อีกฝ่ายมีรอยยิ้มอบอุ่นน่ามองอยู่บนใบหน้า ใส่ชุดอยู่บ้านกับผ้ากันเปื้อนลายน่ารัก หน้าตาผมเผ้าดูสะอาดสะอ้าน...พอเห็นแบบนี้เธอก็ตัดสินใจได้ในทันทีว่าจะต้องรีบหนีออกไปจากบ้านให้เร็วที่สุด


         "..." แม่ของเธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างออกมาอีก แต่เธอไม่ได้ฟัง


    เรย์อาร์แยกเขี้ยว โยนกล่องกระดาษใบใหญ่ใส่หน้าแม่แล้วจ้ำอ้าวออกไปทางประตูบานเดิม



         ...เปล่า แม่ตัวปลอมที่โผล่มาไม่ได้มีผิวขาวราวกระดาษ

         

         ...ไม่ได้สูงผอมกว่าแม่ตัวจริง


         ...นิ้วก็ไม่ได้ยาว เล็บไม่ได้คม ดวงตาก็ไม่ได้เป็นเม็ดกระดุม เอาจริงๆแล้วสวยเหมือนแม่ตัวจริงทุกระเบียดนิ้วเลยล่ะ


         ...เพียงแต่ว่า



         "แม่ตัวจริงของฉันน่ะ แค่จะเอาอาหารแช่แข็งไปเข้าไมโครเวฟยังขี้เกียจเลยว้อย!"

    เรย์อาร์ร้องโหยหวน


         มีเสียงผู้ชายก้องๆร้องอย่างหงุดหงิดลอยมาตามลม "โธ่ว้อย! ทำไมถึงได้หลอกยากยังงี้!"


    ทิวทัศน์ระแวกบ้านใหม่ท่ามกลางแสงดาวเหมือนถูกฉาบด้วยสีน้ำเงิน ดวงไฟหน้าบ้านสีเหลืองพร่าไหวและพุ่งสวนทางไปในทิศตรงข้ามขณะที่เธอวิ่งไปบนทางเท้าผ่านหน้าบ้านของเพื่อนบ้าน 


    เธอเกือบจะวิ่งเลยร้านกาแฟไปอยู่แล้วตอนที่ถังขยะข้างเสาไฟหน้าร้านมินิมาร์ทล้มลงตรงหน้าเธอ มีบางอย่างสีดำๆที่ดูท่าทางเหมือนจะมีชีวิตไหลออกมากองขวางทาง


    ในชั่วขณะนั้น ความทรงจำบางอย่างก็ถูกกระตุ้นให้ปรากฏขึ้นในสมองของเรย์อาร์


         วันนั้นเป็นวันคริสต์มาส ครอบครัวของเธอฉลองเทศกาลที่บ้านกันทั้งวัน เรย์อาร์ในวัยเด็กตื่นเต้นจนแทบจะร้องกรี๊ดๆตอนที่แม่อนุญาตให้เปิดกล่องของขวัญใต้ต้นไม้ได้ มีทั้งเสื้อสีสันสดใสลายตัวการ์ตูนจากซีรีส์ที่เธอกำลังบ้าอยู่ในขณะนั้น มีชุดอุปกรณ์ทำสวนสำหรับเด็กกับเมล็ดดอกไม้อีกสองสามชนิด ตุ๊กตาน่ารัก แต่สิ่งที่ติดตาติดใจเรย์อาร์มากที่สุดจนมันได้รับโอกาสให้ผุดเข้ามาในหัวเธอในสภาวะตกอยู่ในอันตรายอย่างที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ก็คือชุดของเล่นวิทยาศาสตร์ที่มีสารเคมีเอาไว้ผสมเล่นกับใบสูตรผสม ของเล่นที่อยู่ในกล่องของขวัญใบสุดท้ายจากญาติแปลกๆคนหนึ่ง(ซึ่งหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พ่อแม่ของเรย์อาร์จะเช็คของขวัญที่อยู่ในกล่องที่ญาติคนนั้นส่งมาให้ก่อนที่จะส่งมอบมันให้กับเธอเสมอ) ในช่วงบ่ายที่พ่อกับแม่กำลังนั่งดูหนังคริสต์มาสอยู่บนโซฟาหน้าทีวี เด็กหญิงตัวน้อยที่อยากรู้อยากเห็นกำลังนั่งอยู่บนพื้น เทด่างทับทิมละลายน้ำลงในบีกเกอร์พลาสติกที่แถมมา ตามด้วยสบู่เหลวนิดหน่อยกับไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์อีกหน่อยหนึ่งตามสูตร เรย์อาร์ยังคงจำภาพตอนนั้นได้แม่นยำชัดเจนว่าเธอตกใจแทบแย่เมื่อสารที่อยู่ในบีกเกอร์พองตัวล้นพุ่งขึ้นสูงเหนือหัวเธอ และดูเหมือนจะไม่หยุดเพิ่มปริมาณได้ง่ายๆ มันน่าอัศจรรย์ที่สารเคมีปริมาณเพียงเล็กน้อยในบีกเกอร์ได้ขยายตัวจนกลายเป็นก้อนกองแปลกๆกองใหญ่ที่สูงตระหง่านแบบนั้น เด็กหญิงเรย์อาร์ในตอนนั้นหัวเราะจนแทบขาดใจเลยเชียวล่ะ


    ปรากฏการณ์คล้ายๆกัน ในรูปแบบที่น่าเกลียดน่ากลัวสะเทือนอารมณ์กว่ามากกำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เพียงแต่คราวนี้เรย์อาร์ไม่ได้หัวเราะ เธอขวัญกระเจิงเสียจนหาคำใดๆมาบรรยายอารมณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่ได้เลย


    เจ้าก้อนเมือกๆสีดำไม่เพียงขยายตัวกองขวางทางหนีเอาไว้เท่านั้น มันก่อรูปก่อร่างขึ้นมาเป็นตัวอะไรสักอย่างที่สูงเท่าเสาไฟฟ้า ส่วนหัวมีรูโบ๋บนก้อนเมือกสี่รูแทนตาจมูกปาก รอยยิ้มชวนสยองและขนาดที่ใหญ่มหึมาของมันทำให้ขาของเด็กสาวอ่อนยวบ เธอเซถลา และล้มลง


         ...ดูเหมือนว่าการไล่ล่ากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว


    ที่ด้านหลังของเรย์อาร์ แม่ตัวปลอมในชุดผ้ากันเปื้อนของเธอกำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ดักทางหนีเอาไว้ แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนแม่ของเธอมากขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว มันยังมีรายละเอียดใบหน้าที่คล้ายแม่ของเธออยู่บ้าง แต่หัวของมันใหญ่มาก ปากกว้างฟันคมยังกับปลาฉลาม แขนใหญ่ยาวจนเกือบจะถึงข้อเท้า เล็บแหลม ดวงตาของมันกลวงโบ๋ 


    เจ้าตัวเมือกอ้าปากกว้างแล้วโน้มตัวลงมา ร่างเล็กหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม ก็เธอไม่มีปัญญาวิ่งหนีอีกต่อไปแล้วนี่นะ


         'ต่อไปนี้ฉันคงจะไม่ต้องไปโรงเรียนอีกแล้ว' เธอพยายามคิดหาข้อดีของการตาย 'จะไม่มีการบ้านอีกต่อไปแล้ว ไม่มีวิชาคณิต ไม่ต้องเจอพวกอันธพาล จะไม่มีวันวาเลนไทน์ที่มีเพื่อนโดนแปะสติกเกอร์รูปหัวใจจนพร้อยไปทั้งตัวกว่าใครเดินยืดมาอวด จะไม่มีอีกเลย...'


    'แต่เดี๋ยวก่อนนะ...ถ้าฉันตาย งั้นก็อดกินช็อกโกแลตน่ะสิ แล้วยังวัฟเฟิลใส่ไอศครีม แล้วฉันก็คงจะไม่มีโอกาสได้เจอเพื่อนที่โรงเรียนเก่าอีก ต้นไม้ที่บ้านก็คงจะไม่มีคนคอยรดน้ำ...ไม่สิ เรายังไม่ได้เริ่มปลูกอะไรที่บ้านใหม่ด้วยซ้ำ ถ้าเราไม่ได้เป็นคนปลูก ประเดี๋ยวแม่จะต้องเอาต้นไม้น่าเกลียดๆจำพวกกระบองเพชรหนามยาวๆสีตุ่นๆกับไม้ประดับเชยๆที่มีแต่ใบด่างๆมาปลูกแน่...แล้วยังจะ...'


    เด็กสาวนิ่งไปนิดหนึ่ง


         'ฉันขอสาปแช่งเพื่อนของแม่ที่แนะนำหมู่บ้านนี้ให้ตอนที่พ่อมองหาบ้านใหม่ราคาถูก ขอสาปแช่งหมู่บ้านนี้ ขอสาปแช่งเจ้าพวกปีศาจ ขอสาปแช่ง... ขอสาปแช่งพวกมันทุกตัวให้เป็นโสดไปตลอดกาล! และไม่มีอำนาจใดมาลบล้างได้!!!' เรย์อาร์นึกสาปแช่งทุกสิ่งอย่างที่เธอคิดว่ามีผลทำให้เธอต้องมาตายอยู่ตรงนี้ตั้งแต่อายุแค่นี้อย่างโมโหหลังจากที่คิดถึงข้อดีของการมีชีวิตได้เกินห้าอย่าง แทนที่จะภาวนาขอให้ตัวเองมีชีวิตรอดเหมือนคนปกติทั่วไปน่าจะทำเวลาตกอยู่ในอันตราย



    จนกระทั่งได้ยินเสียงของใครบางคนที่ดูเหมือนจะไม่ได้มาร้าย



         "คายออกมาซะ!!!"  




    ถ้าเผื่อใครไม่รู้ว่ารถSUVหน้าตาเป็นยังไง

    https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%A3%E0%B8%96SUV&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwji8MbHzPvcAhXPQ30KHXYeCv8Q_AUICigB&biw=1304&bih=702


    เพลงCareless whisper
    https://www.youtube.com/watch?v=Kas6akz1jWU




    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×