ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic : Harry Potter & Fantastic Beasts │Moon of Destiny.

    ลำดับตอนที่ #5 : 04 | Little girl spirit

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.32K
      268
      2 ต.ค. 64








    04

    Little girl spirit






     ซินเซียแทบหงายหลัง เมื่อจู่ๆคุณพี่ชายผมแดงร้อง เขาดีดดิ้นใต้ผ้าห่ม โหวกเหวกบอกว่าถูกผีอำ เธอพยายามพูดกับเขาเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ถึงตัวเธอจะโปร่งแสงเหมือนผีก็จริง แต่เสียมารยาทมากที่บอกเธออำเขา ให้ตายสิ—ช่วยดูด้วยว่าผีที่ไหนจะสวยขนาดนี้ ว่าไปนั่น เขายังร้องไม่เลิกและเริ่มปาหมอนอัดใส่หน้าจนผมเธอยุ่งเหยิง


    “พี่ชายใจเย็นก่อน” ซินเซียคงไม่อยู่เฉยๆให้เขาหยิบหมอนฟาดหน้าเธอเล่นแน่ สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว กดแขนสองข้างของชายหนุ่มแนบลงกับเบาะโซฟา “ดูดีๆสิคะ หนูไม่ใช่ผี” มันได้ผล เขาหยุดดิ้นและเปลี่ยนมาพิจารณาแทน แต่เดี๋ยวนะ—รู้สึกสถานการณ์นี้มันกลับกันรึเปล่า? เหมือนตอนนี้เธอเป็นพระเอกที่กำลังจับนางเอกกดเลย ไหงเธอเป็นฝ่ายกดผู้ชายล่ะเนี่ย  เฮ้ย!! ไม่ใช่แล้ว คิดบ้าอะไรซินเซีย 


    นิวท์สงบใจให้เย็นลง ใช้สายตาตรวจสอบสิ่งที่คิดว่าเป็นผีอีกครั้ง  “ไม่ใช่ผี” เขาพึมพำ ถึงแม้ว่าตัวจะใสจนมองทะลุได้แต่เขารับรู้ถึงชีพจรและความอุ่นจากมือที่จับเขาอยู่ พอนึกถึงว่าตนเองอยู่ในท่าไหน นิวท์พลันหน้าเห่อร้อนทันทีและเอ่ยปากด้วยเสียงตะกุกตะกัก


    “ชะ....ช่วยลุกออกไปจากผมก่อนได้ไหม?”


    “ชะอุ้ย” ซินเซียรีบปล่อยข้อมือเขาและกระโดดไปอีกมุมหนึ่งของโซฟา


    นิวท์ลุกขึ้นนั่ง แอบกระชับผ้าห่มมาห่อตัวเล็กน้อย สีหน้าหวาดระแวงคงฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเขา แต่จากที่ประเมิน ดูเหมือนคนตรงหน้าจะเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง “เธอมาจากไหน?” เขาถาม เผื่อจะพบที่มาที่ไปของเธอได้


    “หนูไม่รู้หรอกค่ะ จู่ๆก็โผล่มาที่นี่เอง” ซินเซียตอบ “หลับอยู่ที่หอพักสลิธีรินดีๆ ตื่นมาก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว” 


    “สลิธีริน?” นิวท์ขมวดคิ้วสงสัย “งั้นเธอก็เป็นนักเรียนของฮอกวอตส์น่ะสิ” แต่ดูจากการแต่งตัว มันไม่เหมือนเสื้อผ้าที่คนปกติทั่วไปใส่กัน


    “เป็นนักเรียนฮอกวอตส์ เอ่อ.....พี่ชื่ออะไรเหรอ หนูชื่อซินเซีย มัลฟอย” เธอถามและแนะนำตัวเสร็จสรรพ


    “ผมนิวท์ สคามันเดอร์” 


    “อะไรนะ!!?” ซินเซียร้องเสียงหลง “นิวท์ สคามันเดอร์ที่เขียนหนังสือสัตว์มหัศจรรย์กับถิ่นที่อยู่น่ะเหรอ” 


    “ผมมีแผนกำลังเขียนมัน แต่ผมยังไม่ได้เขียนเลย” นิวท์ยักไหล่ตอบ


    ลมหายใจของเธอเริ่มขาดช่วง สมองกำลังทำงานอย่างหนัก เดี๋ยวนะ....เขาบอกว่ายังไม่ได้เขียนหนังสือสัตว์วิเศษ จากการประมวลผลอะไรหลายๆอย่างคงไม่มีทางเป็นอื่น นอกเสียจาก เมอร์ลิน—นี่คุณส่งฉันมายุคไหนกันเนี่ย!! โอ๊ย ตายแล้ว เธอกำลังอยู่กับนิวท์ สคามันเดอร์และหลุดมาในอดีต


    นิวท์มองเด็กสาวนิ่งค้าง ถึงขั้นนั่งเหม่ออย่างไร้สติ เขาเอื้อมแขน จิ้มนิ้วสะกิดเธอเบาๆซึ่งไร้การตอบสนอง “โอเค....ดูเหมือนสติหลุดไปแล้ว” 


    ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที นิวท์ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเด็กสาว เขารินชาใส่นมให้เธอดื่มเพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย แม้ว่าเขาจะเป็นผู้วิเศษ แต่ทฤษฎีที่ว่าเธอมาจากอนาคตยังเป็นอะไรที่เหลือเชื่อเกินไปหน่อย มันไม่มีเครื่องมือวิเศษหรือวิทยาการเวทมนตร์อันไหนสามารถทำได้ แต่เขาคิดว่าเธอคงไม่โกหกหรอก อืม—ถ้านับจากยุคที่เธอมา มันห่างจากปีหนึ่งเก้าสองหกไปอีกหกสิบเจ็ดปีเลยทีเดียว


    นิวท์ชำเลืองมองเด็กสาวที่กระดกชาลงท้องด้วยท่าทีสบายๆ ของเหลวพวกนั้นไหลผ่านคอเธอไปและหายวับกับตา เขารีบหันไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว มันออกจะทะลึ่งไปหน่อยที่เขาคิดว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นของเหลวไหลผ่านคอคน นิวท์งุดหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ฟ้าด้านนอกมืดลง เป็นเวลาที่เขาควรลงไปชั้นใต้ดินเพื่อทำงานส่วนที่เหลือของมาร์ตี้ผู้ช่วยของเขาให้เสร็จ


    “เธออยู่ที่นี่ก่อนนะ” เขาบอกกับเด็กสาว


    ซินเซียรีบวางถ้วยชาลง “ไม่เอา หนูขอไปด้วย”


    ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เพียงผงกหัวเบาๆและเดินออกจากห้องใต้หลังคาไปยังห้องใต้ดิน ขาเรียวยาก้าวลงขั้นบันไดอย่างระมัดระวัง “เดินดีๆล่ะบันไดมัน.........โครม!” ขณะที่นิวท์กำลังเอ่ยปากเตือนเด็กสาวเรื่องความลื่นของบันได เธอก็กลิ้งตกลงมาเสียแล้ว ร่างของซินเซียถลาลอยเหนืออากาศแล้วไถลไปชนอุปกรณ์ทำความสะอาดที่เรียงรายกันอยู่และตัวเธอก็กลิ้งไปชนกับชั้นวางของจนถังที่ตั้งอยู่บนนั้นหล่นมาครอบหัวเธอพอดี


    “โอย” ซินเซียครางหงิง ถึงตัวเธอจะใสและเบาหวิวเหมือนพวกผี แต่เธอก็ยังดื่มกินหรือสัมผัสวัตถุต่างๆและเจ็บตัวได้เหมือนเดิม เธอยกถังไม้ที่ครอบหน้าออกจากหัว กลิ่นคาวและปลาทูน่าร่วงใส่เต็มตัวและมีทูน่าที่ยังไม่ตายดิ้นกระแด่วบนหัวเธอ สภาพตนเองในตอนนี้อนาถเสียยิ่งกว่าตอนตายอีก


    “อุ๊บ.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า” นิวท์ยกมือปิดปาก แต่สุดท้ายเขาก็หลุดหัวเราะเสียงดัง


    ซินเซียค้อนขวับ พองแก้มไม่พอใจ เมื่อนิวท์กำลังหัวเราะ  “พี่นิวท์ควรช่วยหนูมากกว่าหัวเราะนะคะ”


    เขายังหัวเราะไม่เลิก แต่ก็เดินไปฉุดเด็กสาวให้ลุกขึ้น พร้อมเอาปลาทูน่าบนหัวเธอใส่ถัง “ผมไม่ตั้งใจเสียมารยาทนะ แต่มันอดไม่ได้”


    “ที่นี่ที่ไหนคะเนี่ย?” ซินเซียพูดพลางปัดเกล็ดปลาออกจากตัว  “ว้าว!!” แต่แล้วเธอก็เผลออุทานกับภาพเบื้องหน้า ที่นี่มันมหัศจรรย์จริงๆ เหมือนเธออยู่ในอุทยานสัตว์วิเศษเลย ทั้งมูนคลาร์ฟ จาร์วี่ แกรปฮอร์น สัตว์หายากที่เห็นได้แค่บนหนังสือภาพ ขณะที่ซินเซียกำลังตื่นตาตื่นใจก็มีสัตว์วิเศษตัวหนึ่งมาเกาะที่ขาเธอ เมื่อเธอก้มมองกลับพบนิฟเฟลอร์ตัวอ้วนกลมทำตาใสแป๋วจ้องที่เธอ “ว่าไงตัวเล็ก” เธออุ้มมันขึ้นมาจั๊กจี้พุง มันร้องครางอย่างชอบใจและก็มีนกฟวูบเปอร์มาเกาะที่ไหล่รวมถึงแมลงบิลลี่วิกบินรอบตัว


    นิวท์เอนหัวด้วยความแปลกใจ เพราะเพื่อนของเขาหลายตัวต่างมารายล้อมเธอ โดยปกติพวกมันจะไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้า แม้แต่ตัวบิลลี่วิกก็ไม่ใช้เหล็กในต่อยเธอ เจ้าฟวูบเปอร์แสนขี้อายก็เข้าไปคลอเคลีย  พรสวรรค์แห่งธรรมชาติที่เมอร์ลินมอบ มันหมายถึงสิ่งที่ผู้วิเศษบางคนมีในการเชื้อเชิญต่อสัตว์ พวกมันมักสัมผัสได้เสมอว่าใครที่น่าเข้าหาหรือไม่น่าเข้าหา แต่คนที่มีพรสวรรค์ตรงนี้จะสามารถดึงดูดพวกสัตว์ได้ดีกว่าปกตินักซึ่งเขาก็มีมัน


    “พวกมันชอบเธอ” เขาเปรยขึ้น “ซินเซียเธอสนใจจะให้อาหารเคลปี้ไหม?” 


    “อยากสิคะพี่นิวท์!” เธอร้องด้วยความดีใจ อุ้มเจ้านิฟเฟลอร์ลงพื้นแล้วกระโดดไปที่ทะเลสาบจำลองอันเป็นที่อยู่ของเคลปี้ อาหารของมันก็คือปลาทูน่าที่คว่ำใส่หัวเธอเมื่อครู่ เธอจ้องผิวน้ำใส นิวท์เอ่ยเรียกเคลปี้เสียงดัง แต่มันไม่ยอมขึ้นมา


    “เหมือนมันงอนเลย” นิวท์บ่น แต่สักพักเถาต้นกกสีเขียวก็พุ่งจากน้ำมาโอบรัดคอซินเซียและฉุดเธอตกลงไป “ซินเซีย!!”


    ซินเซียดำดิ่งสู่ใต้น้ำ ตาเห็นตัวเคลปี้สีเขียวว่ายโฉบเธอและอ้าปากงับลำตัว วินาทีแรกที่คิดในหัวคือเธอคงถูกเคลปี้เขมือบและชำแหละตับไตไส้พุงแน่ๆ ทว่ามันไม่ฝังคมเขี้ยวลงแม้แต่น้อย เคลปี้งาบเธอไว้ พาว่ายไปรอบๆ และพุ่งทะยานสู่ผิวน้ำ เธอเพิ่งสังเกตว่าทะเลสาบจำลองนี้ช่างละม้ายคล้ายกับทิวทัศน์ของฮอกวอตส์ไม่มีผิด ซินเซียสูดอากาศหายใจก่อนที่จะดำดิ่งสู่ใต้น้ำอีกครั้ง 


    “ถ้าแกไม่ปล่อยเธอ แกมีปัญหาแน่”  นิวท์ถอดเสื้อคลุมออกและโดดลงไปเพื่อช่วยเด็กสาว


    ทว่า—คงเสียเที่ยวที่อุตส่าห์กระโดดลงมา เพราะทันทีที่เขาลืมตาในน้ำได้เต็มตา เขากลับเห็นเคลปี้กำลังคลอเคลียและว่ายเล่นรอบตัวซินเซีย นิวท์เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามเด็กสาว เป็นอีกครั้งที่เขาแปลกใจต่อพฤติกรรมของสัตว์วิเศษ เขาจ้องเด็กสาวที่กำลังพยักหน้าส่งสายตาให้เจ้าเคลปี้ราวกับสื่อสารรู้เรื่อง และจู่ๆเจ้าเคลปี้ก็ว่ายโฉบตัว พาเขาและซินเซียขึ้นสู่ผิวน้ำ


    “ฮ่า! มันแค่อยากเล่นกับหนู” ซินเซียสูดอากาศเข้าปอดพลางเสยผมชุ่มแฉะขึ้น หันหลังและส่งยื่นมือให้นิวท์ที่กำลังเกาะขอบบันไดหิน 


    “เล่นแรงซะด้วย” นิวท์แอบบ่น โยนปลาทูน่าให้เคลปี้กินก่อนที่มันจะว่ายกลับไปใต้น้ำดังเดิม เขารู้สึกว่าตั้งแต่เธอมา เหล่าสัตว์วิเศษจะปฏิบัติแกมสองมาตรฐานระหว่างเขากับเธอน่าดู  รู้สึกน้อยใจแทนเคลปี้ซะแล้วสิ



    หลังจากวันนั้น กว่าหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปที่เขาใช้เวลาอยู่กับซินเซีย เวโร มัลฟอย นี่คือบันทึกของวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ.1926 บันทึกแรกสำหรับการอาศัยใต้ชายคาเดียวกับสาวน้อยวิญญาณ วันนี้เป็นวันแรกที่เขาต้องสละที่นอนอันแสนอบอุ่นให้กับเธอ เขาไม่อยากเรียกเธอว่าผีด้วยซ้ำเพราะเธอนั้นสามารถกินนอนได้ปกติ แต่เธอก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เธอนั้นช่วยปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้านและจัดการเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของเขาให้เป็นระเบียบ ถึงแม้ว่าเขาต้องสังเวยเสื้อเชิ้ตตัวเก่งต่อการที่ซินเซียเพิ่งทดลองใช้เตารีดถ่านครั้งแรก


    23 พฤศจิกายน ค.ศ.1926

    วันนี้ค่อนข้างสงบเป็นพิเศษเนื่องจากมาร์ตี้ ผู้ช่วยสาวที่คอยดูแลสัตว์วิเศษเริ่มคุ้นชินกับเด็กสาวร่างโปร่งแสง จำได้ว่ามาร์ตี้นั้นเป็นลมล้มพับไปและต้องขอลาหยุดหนึ่งวันเนื่องจากเป็นไข้หลังจากที่เห็นเด็กสาวครั้งแรกและซินเซียนั้นเรียนรู้ได้อย่างว่องไวเกี่ยวกับการดูแลสัตว์วิเศษ เธอกำลังหยอดตาให้มูนคลาร์ฟ เขาคิดว่าที่เธอสามารถเรียนรู้ได้เร็วอาจเป็นเพราะเธอมีพื้นฐานในการเรียนสมัยยุคของเธอ น่าอิจฉาเด็กรุ่นใหม่ที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์วิเศษทั้งที่ในยุคสมัยของเขานั้นไม่มี แต่ก็น่าภูมิใจที่เขาเป็นผู้ริเริ่มความเข้าใจเกี่ยวกับพวกสัตว์ให้คนรุ่นหลังรู้ บางทีเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแก่เลย แต่เขาก็แก่จริงๆนั่นแหละ


    24 พฤศจิกายน ค.ศ.1926

    คิดว่าอันนี้จะเป็นบันทึกที่สั้นที่สุดที่เคยเขียนมา เขาเพิ่งมีเวลาพูดคุยถึงชาติกำเนิดของซินเซีย ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก จนมาสะกิดกับนามสกุลของเธอ ใช่—เธอคือมัลฟอย  ตระกูลที่คลั่งเลือดบริสุทธิ์มากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบ แต่ดูจากกิตติศัพท์ของมัลฟอย เธอออกจะดูแปลกแยกจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง ว่าไงดี....ซินเซียคงเหมือนม้าดีดกะโหลกกลางวงศ์ผู้ดีมากกว่า



    25 พฤศจิกายน ค.ศ.1926

    เวลากลางคืนที่เขากลับมาจากการทำงานที่กระทรวงเวทมนตร์ ซินเซียเตรียมมื้อค่ำให้เขาพร้อมกับมาร์ตี้ มื้อค่ำที่ไม่ได้มีมานาน เป็นความเรียบง่ายและแสนวิเศษ อาหารนั้นไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นัก เขาไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว เนื่องจากเขานั้นไม่ค่อยกินเส้นกับครอบครัวที่เคร่งครัดเรื่องการเลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน หรือบางทีอาจเป็นเขาที่แปลกแยกออกจากครอบครัวสคามันเดอร์และเข้าสังคมไม่เก่งมากกว่า วันนี้เขาตั้งใจมอบหนังสือสมุนไพรศาสตร์ที่เขาเขียนเองกับมือให้เธออ่าน ถือว่าเป็นการตอบแทนสำหรับมื้อค่ำเล็กๆนี้และเขาอาจไปปรึกษาหารือกับดัมเบิลดอร์ถึงวิธีพาเธอกลับสู่ยุคสมัยของเธอ


    26 พฤศจิกายน ค.ศ.1926

    โอเค.....วันนี้เป็นวันที่ซินเซียทำเขาช็อกมากที่สุดเลยก็ได้ เมื่อเขากลับมาจากกระทรวงและพอมาถึงบ้าน เธอกระโดดกอดเขาและหอมแก้มด้วยความดีใจ แน่นอนเขายืนแข็งทื่อ เหมือนต้นคริสต์มาสที่ประดับประดาด้วยลูกบอลสีแดง เธอทำให้เขาอายจนไม่กล้าเข้าใกล้เธอเป็นวันๆ รู้อะไรไหม? แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยรับมือกับเด็กผู้หญิงได้เลยสักครั้ง ส่วนกรณีของซินเซีย เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเขิน ยังตามมาอ้อนขออ่านตำราบนชั้นหนังสือด้วยการกอดคอ สุดท้ายเขาต้องหนีออกไปและยอมตบปากรับคำเชิญของธีซีอุส พี่ชายที่เขาปฏิเสธการไปนั่งดื่มที่บาร์ตามประสาพี่น้องในคราแรก อ่า แอลกอฮอลล์ของบรั่นดีมันช่วยเขาไว้จริงๆ เมื่อกลับมาถึงบ้าน นอกจากเขาจะไม่อายเมื่ออยู่ใกล้เด็กผู้หญิงแล้ว เขายังหลับเป็นตายแบบไม่รับรู้อะไรเลยล่ะ



    27 พฤศจิกายน ค.ศ.1926

    สำหรับวันนี้ สุดท้ายเขาก็ยังไม่บอกซินเซียว่าต้องเดินทางไปนิวยอร์กในช่วงเดือนธันวาซึ่งเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งอาทิตย์ เขาคงต้องให้เธออยู่บ้านขณะที่เขากำลังเดินทาง คงพาเธอยัดใส่กระเป๋าด้วยไม่ได้ หรือเขาควรทำดี? แต่อย่างไรก็ตามตลอดหนึ่งอาทิตย์มานี้เธอกวาดหนังสือสมุนไพรศาสตร์และตำราปรุงยาจากชั้นหนังสือของเขาไปอ่านจนเกือบครบทุกเล่มแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ลดละความกระหายอยากได้ความรู้จากเขาอยู่ดี เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งที่ในอนาคตจะมีนักสัตว์วิเศษวิทยารุ่นใหม่ที่มีทั้งความรู้รอบด้านและความเมตตา พวกสัตว์นั้นช่างโชคดีเหลือเกินและเขาเองก็ดีใจ



    นิวท์วางปากกาขนนกลง  เขาคอยจดบันทึกเรื่องการใช้ชีวิตของซินเซียตลอด ชายหนุ่มเบนศีรษะไปด้านหลังซึ่งเป็นโซฟา ซินเซียนั้นหลับปุ๋ยภายใต้หนังสือเล่มหนา นิวท์เดินไปห่มผ้าห่มให้เธอและจัดท่าทางการนอนให้เรียบร้อย  เขาอาจไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองนั้นกำลังอมยิ้มหน้าบาน ตั้งแต่มีสาวน้อยเข้ามาอยู่ รู้สึกบรรยากาศภายในบ้านสดใสขึ้นเยอะ พวกสัตว์เองก็ไม่งอแงยามมีเธออยู่ เจ้านิฟเฟลอร์ก็ดูเชื่อฟังเธอมากกว่าที่คิด


    “เฮ้อ.....หลับฝันหวานเชียวนะ” เขานั่งลงที่ขอบโซฟา เหม่อจ้องแพขนตาสีอ่อนหลับพริ้ม ยามเมื่อดวงตาคู่นี้ตื่นช่างเป็นประกายนัก เขาเคยฝันอยากมีน้องสาวและในที่สุดมันก็เป็นจริง น่าอิจฉาพี่ชายของซินเซียที่มีน้องสาวน่ารักขนาดนี้ ถึงซินเซียจะวายป่วงซุ่มซ่ามหรือสติไม่เต็มบ้างก็เถอะ นิวท์เอื้อมมือลูบผมสีซีดหลายครั้งจนพอใจแล้วก็กลับไปเขียนงานที่ค้างคาต่อ


    เช้ารุ่งขึ้นนิวท์เผลอหลับคาโต๊ะทำงาน เขาขยี้ตาและมองออกไปนอกหน้าต่างที่ผ้าม่านถูกสายลมเอื่อยพลัดปลิวไสว เขาบิดขี้เกียจไล่ความง่วงซึม “เธอหายไปไหน?” และเพิ่งสังเกตว่าไม่มีร่างของซินเซียหลับอยู่บนโซฟา เขาพบเพียงผ้าห่มกับหนังสือวางอยู่บนนั้น นิวท์รีบเด้งตัวลงไปชั้นล่าง กลับไม่พบเธอที่ไหนเลย


    “คุณสคามันเดอร์อรุณสวัสดิ์ค่ะ” มาร์ตี้ที่ขึ้นมาจากชั้นใต้ดินทักทาย


    “มาร์ตี้ คุณเห็นซินเซียบ้างรึเปล่า” นิวท์ถามอย่างร้อนรน


    “ไม่นะคะ” มาร์ตี้ตอบ


    นิวท์รีบควานหาตัวเธอให้ควัก วิ่งออกไปด้านนอกด้วยเท้าเปล่า สุดท้ายก็กลับมาที่ห้องใต้หลังคา จ้องโซฟาที่ไร้ร่างของใครนอนอยู่และหยิบหนังสือบนโซฟาขึ้นกอด เขาแหงนหน้าเหม่อเลย สงสัยเธอจะกลับไปแล้ว ที่ยุคของเธอ


    “หึ.....” เขาหัวเราะขบขัน มาก็ไม่บอกไม่กล่าว ไปก็ไม่คิดบอกลา เขารู้สึกเศร้าเล็กน้อย—นิวท์ก้มตัว พูดพึมพำกับโซฟาที่ว่างเปล่า “ลาก่อนวิญญาณสาวน้อย”


    ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดีๆตลอดหนึ่งอาทิตย์ หวังว่าจะได้เจอกันอีกในอนาคต








    หิมะเริ่มโปรยปรายปกคลุมสุมจนพื้นหนา ร่างของซินเซียนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นสีขาวโพลน หลับสนิทไม่สะทกสะท้านต่อสภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนฉับพลัน ใกล้เคียงกับร่างของเด็กสาว พุ่มไม้แห้งกร้านมีเงาของบางสิ่งกำลังแอบมองเธอ มันค่อยๆเผยตัวตนออกจากที่ซ่อน หมาป่าขนสีดำตัวใหญ่ย่างเท้าเข้าหาซินเซีย หมาป่าตัวนี้คือซีเรียส แบล็ค เขากำลังพิจารณาถึงที่มาที่ไปของเด็กสาว


    ดวงตาสีเดียวกับรัตติกาลหรี่ลง ซีเรียสในคราบแอนิเมจัสตัดสินใจงับคอเสื้อซินเซียลากเธอเข้าไปในเพิงโหยหวน ซีเรียสได้แต่หวังว่าทางลากยาวพวกนั้นจะหายไปก่อนรุ่งสาง หากหิมะหนามากพอมากลบทางยาวจากการลากตัวเด็กสาวคงจะดีไม่น้อย เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครเห็นความผิดปกติจนเข้ามาในเพิงโหยหวน


    แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานะเกี่ยวพันกับใครได้ แต่เขาก็ไม่ได้ใจร้ายที่จะปล่อยให้สาวน้อยคนนี้นอนแข็งตายท่ามกลางหิมะ เป็นโชคดีของยัยหนูที่เขาผ่านมาและอาจเป็นความโชคร้ายของเขาที่ช่วยเธอไว้


    แต่.....ใครจะคิดว่าเขากลับโชคดีที่พาสาวน้อยคนนี้มาด้วย?


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×