คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 03 | Translucent.
แผลเธอหายเป็นปลิดทิ้งไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็น
ต้องขอบคุณในน้ำยาสมานแผลของมาดามพอมฟรีย์และความอดทนต่อการกระเดือกยารสชาติห่วยของตนเองด้วย วันนี้ซินเซียสามารถกลับมาเรียนได้ตามปกติ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือหลายมาวันมานี้เธอยิ้มแก้มปริได้แทบทั้งวัน
เนื่องจากไม่ต้องห่วงเรื่องบัคบีคโดนโทษประหารและเหนือสิ่งอื่นใดคือการเห็นอาเซปควันออกหูไล่ตามหาผู้กระทำผิด
อ่า—ส่วนคนทำอย่างเธอได้แต่หัวเราะสะใจแทบฟันหักตีเนียนสวยๆอยู่นี่ไง ใช่.....เธอเป็นคนเผาเสื้อคลุมในตู้เสื้อผ้าศาสตราจารย์สเนปเองแหละ ช่วยไม่ได้นะ เพราะเขาเริ่มก่อนเอง ขอเอาคืนหน่อยคงไม่เสียหายอะไร
“ซิน ซิน” แพนซี่สะกิดเรียกซินเซีย
ขณะที่ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
“มีอะไรเหรอแพนซี่” เธอรั้งเท้า หยุดรอฟังที่แพนซี่พูด
แพนซี่กลอกตาไปด้านหลัง “มีคนตามเรามาสักพักแล้วนะ?”
ซินเซียมองเลยผ่านแพนซี่ไป
เห็นเงาตะคุ่มหลบอยู่มุมกำแพงตรงปลายบันไดโค้ง เธอชะโงกหัวไปดู “โทมัส?” คนที่แอบตามเธอมาคือโทมัส เกรฟส์
ลูกชายของเพอร์ซิวาล เกรฟส์นี่เอง โอเค—เธอเพิ่งรู้ว่าเขาก็เรียนที่นี่ด้วยและเป็น......เป็นพรีเฟ็คบ้านสลิธีรินอีก!!? ซินเซียจ้องเข็มกลัดตัวพีรูปงูตาโต ใช้นิ้วเคาะสมองตนเองเบาๆเผื่อจะมีความทรงจำเก่าก่อนผุดประวัติเขาขึ้นมาบ้าง
อืม ดูเหมือนจะว่างเปล่า
ไม่มีอะไรเลย ดี—เจอเขาก็ดีแล้ว
เธอจะได้ถามถึงเรื่องนาฬิกาพกที่ติดมาในกระเป๋าเธอเมื่อก่อนเปิดเรียน
“มีอะไรกับฉันรึเปล่าโทมัส” เธอถาม
“อาการเธอเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าเธอโดนฮิปโปกริฟฟ์ข่วน”
“ตอนนี้หายแล้ว เอ่อ.....โทมัส ฉันมีเรื่องจะถาม” ซินเซียพูดพลางหยิบนาฬิกาพกเก่าๆให้เขาดู “คุณเป็นคนเอาเจ้านี่มาใส่กระเป๋าเสื้อฉันรึเปล่า?”
โทมัสส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ใช่”
ซินเซียหรี่ตา
พบเห็นความพิรุธบนตัวโทมัส เขาไม่ยอมสบตาเธอ โกหก นั่นแหละคือสิ่งที่เธอเห็นจากตัวเขา ถ้าเขาคิดจะไม่บอกก็ไม่เป็นไร
ทีนี้ก็รู้แล้วว่ามาจากเขาจริงๆอย่างไม่มีข้อกังขาและเธอก็ควรทิ้งนาฬิกาเรือนนี้ไปจริงๆ
“ซินเราต้องเข้าเรียนแล้วนะ!” ก่อนที่ความอึดอัดของบทสนทนาจะมากไปกว่านี้
แพนซี่เข้ามาลากเพื่อนสาวไปเรียน
แต่พอเด็กสาวเห็นหน้าโทมัสก็ถึงกับเปลี่ยนท่าทีมายืนบิดและส่งยิ้มหวานให้โทมัสแทน
“สวัสดีคุณเกรฟส์”
“สวัสดีคุณพาร์กินสัน” โทมัสโบกมือและยิ้มสุภาพ
“คุณเกรฟส์มีธุระอะไรกับซินเหรอ” แพนซี่ถามพลางเกาะไหล่ซินเซีย
“อ๋อพอดีผมอยากชวน.......” โทมัสกำลังเอ่ย
“ไปเรียนเถอะแพนซี่” เธอถอนหายใจ
เป็นฝ่ายลากแพนซี่ขึ้นไปเรียนอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รอให้โทมัสพูดจบ เพิ่งรู้ว่าเพื่อนสาวของเธอก็รู้จักเขาเหมือนกัน
ทั้งสองเดินเกือบถึงหน้าห้องเรียน แต่แล้วแพนซี่ก็พูดขึ้นมา
“ไม่คิดจะคุยกับคนที่ช่วยไล่ผู้คุมวิญญาณให้เธอหรือไง”
“ว่าไงนะ?” ซินเซียร้องด้วยความฉงนและแพนซี่ก็เล่าทุกอย่างให้เธอฟัง เพื่อนสาวเล่าว่า วันที่ขบวนรถไฟหยุดเพราะผู้คุมวิญญาณมาหาตัวซีเรียส
แบล็ค คนที่ไล่ผู้คุมวิญญาณคือโทมัส ซ้ำเขายังแบกเธอมาห้องพยาบาลด้วยตนเองหลังจากที่ถึงฮอกวอตส์และแจ้งศาสตราจารย์ทั้งหลาย
โทมัสเป็นเด็กปีห้าบ้านสลิธีรินที่ฮ็อตที่สุด
เรียกได้ว่ามีความสามารถครบครันรวมถึงหน้าตาหล่อเหลา
อีกทั้งยังดูใจดีและเป็นมิตรกับเด็กทุกบ้านผิดธรรมชาติของเด็กบ้านงู สาวๆเองก็ตามกรี๊ดเขาไม่เว้นแต่ละวัน
ตอนแรกซินเซียก็อยากแปลกใจเรื่องเขาเสกคาถาผู้พิทักษ์อันเป็นคาถาชั้นสูงได้อยู่หรอก
แต่ลืมไปว่าแฮร์รี่เองก็สามารถเสกได้ตั้งแต่อยู่ชั้นปีสาม สรุปเขาช่วยเธอแล้วควรทำไง เออ—ต้องขอบคุณเขาใช่ป่ะ?
“ซิน ทำไมเธอมาช้าจัง” เดรโกสะกิดเรียกแฝดน้อง
และเป็นแพนซี่จอมจุ้นอาสาตอบคำถามแทนเธออย่างว่องไว
“โทมัส เกรฟส์มาหาซินน่ะ เหมือนจะชวนซินไปไหนด้วยนะ”
“อะไรนะ!!” เดรโกโวยวายเสียงดัง เขย่าตัวเธอเพื่อคาดคั้นคำตอบ “ซินเธอไม่ได้ตอบตกลงมันไปใช่ไหม”
“ฉันไม่ทันฟังเจ้าตัวพูดด้วยซ้ำ เดรกใจเย็น” เธอปัดมือแฝดพี่ออก
แล้วค้อนใส่แพนซี่ รู้สึกเพื่อนสาวเธอจะยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ
เดรโกจับบ่าน้องสาว
สายตาจ้องดวงตาเฉดสีเดียวกันจริงจัง “เธอห้ามไปยุ่งกับมันเด็ดขาด
สัญญากับฉันก่อน”
ซินเซียกระชับฝ่ามือหนาที่แอบบีบแขนเธอจนชา เธอเพิ่งเห็นเดรกทำหน้าตาหน้ากลัวขนาดนี้เป็นครั้งแรก แม้จะเจ็บแต่เธอก็เก็บอาการและตบปากรับคำกับแฝดพี่ “อืม.....ฉันไม่คิดจะยุ่งกับเขาอยู่แล้วล่ะ”
หลังจากบทสนทนาอันน่าอึดอัดของสองพี่น้อง
ชั่วโมงเรียนป้องกันตัวจากศาสตร์มืดผ่านไปอย่างว่องไว การร่ายคาถาไล่บ็อกการ์ตนั้นมาไม่ถึงเด็กบ้านสลิธีรินนับตั้งแต่ที่แฮร์รี่เปลี่ยนบ็อกการ์ตเป็นผู้คุมวิญญาณ
เดรโกไม่ได้ให้การใส่ใจกับการล้อเลียนหรือเสียดสีศาสตราจารย์ลูปินหรือแฮร์รี่
วินาทีนี้เขามีแต่ต้องคอยเฝ้ายัยแสบทุกฝีก้าว ไม่ให้หนอนแมลง
ไม่สิ—ไม่ให้ใครที่ไหนมาก้าวก่ายกับซินเซีย โดยเฉพาะโทมัส
เกรฟส์ที่พ่อย้ำนักย้ำหนาว่ากันให้ห่างออกจากน้องสาว
เฮ้อ—แต่วันที่เกิดเรื่องบนรถไฟนั้นเขาพลาด
มันหลีกเลี่ยงที่จะให้พรีเฟ็คทำหน้าที่ดูแลนักเรียนบนรถไฟก่อนถึงฮอกวอตส์ไม่ได้เพราะนั่นคือหน้าที่ของพรีเฟ็ค เดรโกจ้องแฝดน้องตาเป็นมันขณะที่ตัวเองอุ้มหนอนฟลอบเบอร์ติดเมือกไว้บนมือ
ส่วนซินเซียกลอกตา
เธอประสาทจะกินอยู่แล้ว พอคุยเรื่องโทมัสทีไรเธอกับเดรกก็คุยกันดีๆไม่ได้เลย
เขาตามเธอทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะกิน นอนหรืออะไรก็ตาม
ลืมสิ้นซึ่งกิจวัตรการทะเลาะกับแฮร์รี่ที่เปรียบดังอาหารสามมื้อของเขา ซินเซียขมวดคิ้วและให้ผักกาดขาวหั่นฝอยกับหนอนฟลอบเบอร์อย่างไม่นึกรังเกียจหน้าตาของมัน
“มิสมัลฟอย” สักพักแฮกริดก็เข้ามาทักทาย
หน้าของเขาดูเศร้าสร้อย หลังจากเหตุการณ์ที่บัคบีคข่วนเธอ
แฮกริดสูญเสียความมั่นใจไปมาก รวมถึงพวกนักเรียนก็ดูเบื่อหน่ายกับการเรียนวิชานี้ไปเลย
“ว่าไงคะแฮกริด” เธอแหงนหน้ามองชายร่างยักษ์
“พอจะมีเวลาสักครู่ไหม?” เขาถามซึ่งซินเซียพยักหน้า
เธอกับแฮกริดปลีกวิเวกมาคุยกัน
ไกลออกไปจากเพื่อนๆที่กำลังดูแลหนอนฟลอบเบอร์ “ไม่เป็นไรแฮกริด
หนูไม่คิดมาก” แฮกริดมาขอโทษเรื่องที่ทำให้เธอบาดเจ็บ ดูเหมือนเขาจะคิดมากเรื่องนี้น่าดูและกังวลเรื่องการสอนวิชาดูแลสัตว์วิเศษที่พังไม่เป็นท่า
อย่างไรก็ตามเธอทำได้แค่ปลอบใจและแนะนำเขาว่าควรหาสัตว์วิเศษที่น่าสนใจมาให้นักเรียนศึกษาดู
อย่างเช่นแฟรี่หรือแมวคราม
“แต่ถ้าแมวครามหนูแนะนำเป็นพันธุ์พิโรเอด ซัมมิสเซียนดีกว่านะ”
“อืม คงต้องเป็นแบบนั้น” แฮกริดพยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้เขาจะแพ้ขนแมวก็ตามแต่การนำอะไรที่นุ่มฟูมาให้นักเรียน เขาเล็งเห็นว่า คงสามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียนมาได้อีกครั้ง “ว่าแต่มิสมัลฟอย เธอดูเชี่ยวชาญเรื่องสัตว์มากเลยนะ
รู้ด้วยว่าหนอนฟลอบเบอร์ชอบกินผักกาดขาวหั่นฝอย”
“เรียกหนูซินเซียเถอะแฮกริดและใช่....หนูดูเชี่ยวชาญเพราะหนูชอบพวกสัตว์น่ะ” สัตว์ในโลกเวทมนตร์เป็นสิ่งที่ซินเซียอยากเห็นด้วยตา เธอจึงสนใจเป็นพิเศษ “หนูคิดว่าอยากเป็นนักสัตว์วิเศษวิทยา” หรือไม่บางที
เธออาจขอความมั่งมีจากพ่อไปเปิดห้องเสื้อเก๋ๆ
เพื่อแก้ไขเสื้อผ้าหน้าผมอันคร่ำครึของพวกผู้วิเศษ ดีไม่ดีเธออาจได้เป็นแฟชั่นนิสต้าตัวแม่เลยก็ได้
“โอ้ว.....เป็นความคิดที่วิเศษมากเลยซินเซีย” แฮกริดหัวเราะ
ดูเหมือนซินเซียจะทำให้เขาอารมณ์ดีได้ในที่สุด
หมดช่วงฤดูชุ่มฉ่ำกับสายฝนและกลิ่นหญ้าชื้นแฉะ ถึงคราวของฤดูกาลอันหนาวเหน็บเข้าแทนที่ บัดนี้ทั่วทุกพื้นที่บนเกาะอังกฤษปกคลุมด้วยสีขาว ปุยหิมะแสนนุ่มนิ่มลอยละลิ่วเกาะที่จมูกจนซินเซียต้องสะบัดไล่เพราะความเย็น ตอนนี้นักเรียนชั้นปีที่สามรวมถึงชั้นปีอื่นๆกำลังไปที่หมู่บ้านฮอกส์มี้ด หมู่บ้านพ่อมดแม่มดเก่าแก่ ชุมชนผู้วิเศษอันยิ่งใหญ่
ช่วงเดือนถึงสองเดือนที่ผ่านมา
เดรกกันผู้ชายทุกคนออกจากเธอภายในรัศมีหนึ่งเมตร
ซึ่งมันสร้างความรำคาญให้แก่เธอมาก ซินเซียกึ่งเดินกึ่งวิ่ง
พยายามหนีให้พ้นจากแฝดพี่ อ่ะ—จริงสิ เดรกคงไม่มีเวลามาตามเธอแล้ว ถ้าจำไม่ผิดเดี๋ยวเขาต้องรีบกลับไปฟ้องเรื่องที่เห็นแฮร์รี่มาฮอกส์มี้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตและเธอจึงตัดสินใจกลับไปที่ฮอกวอตส์ก่อนคนอื่นๆ
ซินเซียกลับมาที่หอพักในชั้นใต้ดิน
ประจวบเหมาะกับการที่เธอได้ยินบทสนทนาระหว่างแฮร์รี่และศาสตราจารย์สเนป
“ผมบอกให้ศาสตราจารย์หุบปากเรื่องพ่อของผม!” แฮร์รี่ตะโกน “ผมรู้เรื่องจริงก็แล้วกันว่าพ่อของผมเคยช่วยคุณไว้
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอกผมหมดแล้ว”
“แล้วอาจารย์ใหญ่บอกเธอรึเปล่าล่ะ ว่าพ่อของเธอช่วยฉันในสถานการณ์ไหน” สเนปกระตุกมุมปากหัวเราะ “ฉันไม่อยากให้เธอจากไปโดยมีความคิดผิดๆ
เธอคงนึกภาพการกระทำวีรบุรุษผู้เก่งกล้าอยู่ล่ะสิ ถ้าอย่างนั้นให้ฉันแก้ไขเสียใหม่—คุณพ่อผู้แสนดีของเธอกับเพื่อนๆ
เคยเล่นแกล้งฉันอย่างสนุกสนานจนเกือบตาย พ่อคุณก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าใคร”
สเนปแยกเขี้ยว
ตวาดใส่แฮร์รี่ “ล้วงของออกมาจากกระเป๋ามาให้หมดพอตเตอร์”
แฮร์รี่ไม่กล้าขยับตัว
หัวใจเต้นตุบๆ ขณะที่หูอื้ออึงถูกสเนปสั่งแกมบังคับเอาของออกจากกระเป๋า “เขาไม่ได้ไปฮอกส์มี้ดหรอกนะคะศาสตราจารย์” เสียงใสเอ่ยขัด
แฮร์รี่พบมัลฟอยคนน้องกำลังเดินมาหา แม้จะมีคำถามว่าทำไมผุดขึ้น
แต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนมีนางฟ้ามาโปรดจริงๆ รอดแล้วตัวเรา
“หนูกลับมาที่ฮอกส์มี้ดก่อนและพวกวิสลีย์เลยฝากของจากร้านซองโก้ให้เขา” เธอยิ้มหวาน “แต่หนูไม่เห็นแฮร์รี่อยู่บนหอคอย
เลยถามบารอนเลือด เห็นเขาบอกว่าแฮร์รี่ถูกศาสตราจารย์เรียกตัวค่ะ”
สเนปมองลูกทูนหัวด้วยความฉงน
ขมวดคิ้วเป็นปม แม้จะรู้ว่าซินเซียโกหก
แต่หลังจากนี้ค่อยกลับไปเคลียกับเด็กสาวทีหลังน่าจะดีกว่า ถ้าหักหน้าเธอตอนนี้
ไม่รู้จะมีเรื่องอะไรจากพ่อคุณรุ่นพี่ตามมาอีกหรือเปล่า เขานิ่งเงียบ แววตายังเคลือบความกรุ่นโกรธปนเกลียดชัง แต่สุดท้ายก็ตอบออกไป “ฝากไว้ก่อนพอตเตอร์”
ชายผ้าคลุมสีดำปลิวสะบัดกลับไปที่ห้องปรุงยา แฮร์รี่ถอนหายใจโล่งอก กระซิบหาเด็กสาวข้างตัว “ขอบใจซินเซีย” ถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้
เขาคงไม่มีหน้าอยู่ต่อที่ฮอกวอตส์อีกแล้ว
“วันหลังทำอะไรก็หัดคิดหน้าคิดหลังด้วยล่ะ” ซินเซียพูด “ไปแอบฟังนายกเทศมนตรีคุยกันเรื่องซีเรียส แบล็คมันไม่ดีหรอกนะ”
แฮร์รี่เบิกตาโพลง “ฉะ ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดเรื่องอะไร”
ซินเซียยักไหล่ “นายรู้ตัวเองดี ถ้างั้นฉันกลับหอก่อนล่ะ” และเตรียมตัวจากเด็กหนุ่มมา
แต่ก็ทิ้งท้ายคำพูดไว้ให้เขาขบคิดเล่น “แฮร์รี่......สิ่งที่เรารู้
มันไม่ได้เป็นอย่างที่เรารู้เราเห็นเสมอไปหรอกนะ เมื่อกาลเวลาผ่านไป
ทุกอย่างจะค่อยๆเผยออกมา” สำหรับช่วงเวลาในตอนนี้ตัวเธอไม่ค่อยอยากแทรกแซงเนื้อเรื่องมากนัก
จะปล่อยให้มันเป็นอย่างที่ควรเป็นไปก่อน
ส่วนแฮร์รี่ เขาอยากถามเรื่องที่เธอพูดใจจะขาด แต่เด็กสาวเดินเร็วเสียยิ่งกว่าการหายตัวของผีในฮอกวอตส์ เธอรู้เรื่องอะไรที่เขาไม่รู้กัน? สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้คำถามค้างคาในใจต่อไป
ซินเซียเดินผ่านห้องปรุงยาในคุกใต้ดินไปยังหอพัก
ทว่าเธอถูกวงแขนของใครบางคนรั้งเอาไว้ เธอกลอกตามอง
กลับพบศาสตราจารย์สเนปทำหน้าตาขึงขังใส่ “สารภาพกับฉันซะดีๆซินเซีย” เสียงเขานั้นราบเรียบหนาวเย็นเสียยิ่งกว่าหิมะด้านนอก สัญชาตญาณของซินเซียร้องเตือนทันทีว่าซวยแล้ว สมองคิดไปต่างๆ นานาว่าเรื่องอะไร อาจเป็นเรื่องแฮร์รี่
ไม่สิ—อาจเป็นเรื่องที่เธอเผาผ้าคลุมก็ได้
เดรกช่วยด้วย!!
“ทำไมถึงโกหกเรื่องพอตเตอร์?” สเนปถามและไม่ยอมคลายวงแขนออก
หากเด็กสาวไม่ยอมอธิบายเหตุผลดีๆ
ซินเซียยืนเงียบ
ถามหาเหตุผลจากเธอเหรอ? มันไม่มีอะไรมากเลยนอกจากสงสารแฮร์รี่และก็สงสารศาสตราจารย์สเนปไปในตัว ถึงจะแค้นพ่อของแฮร์รี่มากขนาดไหน แต่ก็ไม่สมควรมาลงกับแฮร์รี่เลย
เขาเอาความแค้นจากรุ่นพ่อมาลงลูกที่ไม่มีความผิดไม่ได้ ซินเซียจับวงแขนแกร่ง
“แฮร์รี่.....” เงยหน้าสบนัยน์ตาสีดำสนิท
ขุดลึกลงไปหาความทุกข์ระทมที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากน้ำแข็ง “แฮร์รี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่ลิลี่ เอฟเวนส์ปกป้องไม่ใช่เหรอคะ?”
ดวงตาห้วงรัตติกาลพลันสั่นระริก สเนปเบิกตากว้างแต่ก็กลับมาสงวนทีท่าสงบเสงี่ยมดังเดิม
แม้ในใจนั้นระสับระส่ายก็ตาม ลิลี่ เอฟเวนส์ ชื่อนั้นก้องกังวานตอกย้ำสลักถึงวิญญาณ
พอนึกถึงหน้าลิลี่ผสมกับคำพูดของซินเซียที่กรีดแทง
สเนปร้อนรนเสียจนเปลี่ยนมากระชากแขนเด็กสาวแทน “อย่าเอ่ยชื่อเธอ!!” เผลอตะคอกใส่หน้าลูกทูนหัว
“หนูเจ็บนะคะอาเซป!” ซินเซียร้อง
พยายามยื้อแขนออกจากฝ่ามือหนา
หน้าเขาน่ากลัวเสียยิ่งกว่าโวลดี้ไร้จมูกพ่นคำสาปพิฆาตเสียอีก
“ใครบอกเธอเรื่องลิลี่กัน ดัมเบิลดอร์ใช่ไหม บอกฉันมาซินเซีย!” เขาบีบแขนสองข้างและเขย่าตัวเด็กสาว
“มันไหลเข้ามาในหัวหนูเอง!!!” เพราะทนความเจ็บจากแรงบีบของสเนปไม่ไหว
เธอจึงโพล่งคำโกหกคำโตออกมาแล้วผลักเขาออกจนตัวเองล้มไปกองกับพื้นหิน
“ซิน!!” ประจวบเหมาะพอดีที่เดรโกได้ยินเสียงโหวกเหวกดังลอดถึงในห้องจึงออกมาดู
เขากลับมาจากฮอกส์มี้ดก่อนหน้าซินไม่ถึงนาทีเพื่อเอาเรื่องของพอตเตอร์มาฟ้อง เดรโกรีบวิ่งไปประคองแฝดน้องที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “นี่มันอะไรครับอาเซป อาทำอะไรซิน”
“ช่างมันเถอะเดรก พาฉันกลับห้องที” ซินเซียสะอื้น
ข่มกลั้นน้ำตาสุดฤทธิ์ไม่ให้ไหลออกมา แต่เดรกทำท่ายึกยักเธอจึงพูดเสียงดังขึ้น “ได้โปรดเดรก!”
เดรโกถอนหายใจ
โอบประคองซินเซียกลับไปที่หอ โดยหันหน้ามาทิ้งประโยคไว้ให้สเนปก่อนจากมา “ช่วยเตรียมเหตุผลดีๆให้ผมด้วยนะครับ” เพราะถึงจะทำอะไรอาเซปไม่ได้ก็ตาม
แต่หากเหตุผลไม่ดีพอต่อการที่อาเซปทำซินบ่อน้ำตาแตกได้ เขาไม่ยอมแน่ๆ
เดรโกพาซินเซียมานั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของสลิธีริน
เขาใช้ผ้าชุบน้ำแข็งประคบรอยฟกช้ำบนแขนสองข้างของแฝดน้อง แขนของซินเป็นรอยแดงม่วงรูปนิ้วมือ “เดี๋ยวฉันจะคุยกับพ่อเรื่องนี้”
“ไม่ต้องหรอกเดรก” ซินเซียส่ายหน้า “ความผิดฉันเอง” ความผิดที่เธอพูดถึงแม่ของแฮร์รี่
รู้ทั้งรู้ว่าลิลี่ เอฟเวนส์เป็นแผลใจของสเนปมากแค่ไหน อ่า—แต่เจ็บชะมัด
หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆเลยซิน พอนึกว่าตัวเองโพล่งอะไรออกไปแล้วพลันปวดหัว
สเนปจะคิดไหมว่าเธอมีความสามารถด้านเลกจิลิเมนส์
แต่ให้เขาเชื่อไปแบบนั้นดีกว่าที่เขาคอยคาดคั้นคำตอบว่าเธอไปเอาเรื่องพวกนั้นมาจากใคร
“ผิดอะไรถึงขนาดที่ทำแขนเธอเป็นรอย?” เดรกโกถามด้วยความโมโหและเตรียมลุกออกจากโซฟา “ฉันจะไปคุยกับเขา!”
ทว่า—ซินเซียกลับกระโดดกอด
เธอโอบรัดเขาแน่น เขารู้แล้วว่าการกระทำนี้หมายถึงเธอไม่ต้องการให้เขาไปไหน เดรโกนั่งลงข้างซินเซียดังเดิม
ให้บ่ากว้างเป็นที่พักพิงสำหรับผมนิ่มสีเฉดเดียวกับเขา ช่วงหลังมานี้บางทีซินก็เข้าใจยากกว่าที่คิดจนถึงขั้นเอาแต่ใจ เขาเอื้อมแขนกอบกุมมือเล็กกว่า
ซบหน้าลงกับศีรษะแฝดน้องและนั่งเงียบงันอยู่หน้าเตาผิงเพียงสองคน
คืนนั้นเอง
ขณะที่เด็กๆในหอหญิงเข้าสู่การหลับใหล ซินเซียยังคงพลิกตัวบนที่นอน เธอนอนไม่หลับ
รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆและอาจคิดมากเรื่องศาสตราจารย์สเนป
คิดว่าพรุ่งนี้เช้าควรไปขอโทษเขา เธอพลิกตัวมาอีกด้านหนึ่ง ดวงตาสีเทาสะกิดกับนาฬิกาพกบนโต๊ะข้างเตียงที่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ทิ้งมันไป
ซินเซียเอื้อมมือหยิบมันมา หมุนหน้าปัดนาฬิกาเล่น ต่อให้หมุนกี่ครั้ง
เข็มทั้งสามก็ตีวนกลับไปที่เลขเจ็ดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ซินเซียวางนาฬิกาไว้ข้างหมอน
พยายามข่มตาหลับอีกครั้งจนเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด ขณะที่เด็กสาวหลับไม่มีสติ นาฬิกาที่ควรพังไปแล้วก็เริ่มส่งปฏิกิริยาแปลกๆ เข็มหน้าปัดทั้งสามตีวนไปที่หนึ่ง เก้า สอง เจ็ด
แล้วก็บังเกิดแสงสีขาวสว่างวาบกลืนกินร่างของซินเซียหายไปจากเตียงนอน
เสียงลมเอื่อย
เสียงนกร้อง กลิ่นอากาศกับแสงอบอุ่นสาดส่องแยงตา ซินเซียค่อยๆลืมตาตื่น
ทั้งที่เพิ่งหลับไปแท้ๆแต่กลับต้องตื่นขึ้นมาเพราะร่างกายรับรู้ถึงความผิดแปลก “อะไรเนี่ย?” เธออุทาน หมุนศีรษะไปรอบๆ ที่นี่ไม่ใช่หอพักสลิธีริน ไม่ใช่กลางคืนและไม่ใช่ฮอกวอตส์ด้วยซ้ำ!! ซินเซียรีบวิ่งไปที่หน้าต่าง ชะโงกหัวดู เบื้องหน้าคือตึกแถวที่เรียงตัวกันและด้านล่างคือถนนที่ผู้คนขวักไขว่ไปมา
หน้าตาบ้านเหมือนบ้านทรงเก่าบนถนนยอร์กเชียร์
ไม่รู้สายตาเธอผิดเพี้ยนหรือเปล่า
แต่คนพวกนั้นแต่งตัวราวกับหลุดมาจากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
เมอร์ลินที่นี่มันที่ไหนเนี่ย!!? ซินเซียรูดถอยหลังและเผลอสะดุดขาจนหงายไปกองกับโซฟาใกล้หน้าต่าง “โอย” เธอครางหงิง
แต่เอาจริงๆเธอไม่เจ็บสักนิด ซินเซียลุกขึ้นและเธอก็พบข้อเท็จจริงอีกอย่างที่ทำให้เธอสติแตก
ตัวเธอโปร่งแสง!! ไม่นะ ไม่นะ ไม่นะ
ทำไมตัวเธอถึงโปร่งแบบนี้ โปร่งจนมองทะลุมือตัวเองได้ เธอฝันใช่ไหม
เธอต้องฝันแน่ๆ ซินเซียหยิกแก้มตนเอง
หยิกจนแสบถึงได้สำเหนียกว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
“อะ อืม”
ขณะที่เธอสติแตกอยู่นั่นเอง
ซินเซียก็ได้ยินเสียงครางจากใกล้ๆตัว เธอเพิ่งมาสังเกตว่าตนเองนั่งอยู่บนตักของใครบางคนที่นอนอยู่บนโซฟา
เขาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าตกกระ ผมสีน้ำขิงหลอมรวมกับแสงอาทิตย์ยามเย็น หล่อค่ะ หล่อแบบมีบรรยากาศอบอุ่นนุ่มนิ่มแผ่ออกมา
ซินเซียเอื้อมมือตบหน้าเขาเบาๆ ถึงหน้าตอนหลับจะดูน่ารักจนไม่อยากรบกวนก็เถอะ
แต่เธอต้องปลุกเขา เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ
หากเขาเป็นผู้วิเศษก็ดีไป
แต่ถ้าเป็นมักเกิ้ล เธอค่อยตีเนียนเป็นผีทะลุกำแพงเอาก็ได้ ไหนๆตัวก็โปร่งใสแล้ว
ใช้ให้เป็นประโยชน์เลยละกัน
“พี่ชาย พี่ชาย” เธอเอ่ยเรียก
ร่างของชายหนุ่มพลิกตัว
เขารู้สึกมีของเย็นๆมาแตะโดนหน้าซ้ำยังรู้สึกหนักๆ นิวท์
สคามันเดอร์จึงลืมตาขึ้นเพราะความรำคาญ
แต่ก็ต้องช็อกเพราะในสายตาของเขากำลังเห็นเด็กผู้หญิงตัวขาวซีด
ผมยาวสีบลอนด์แพลทตินั่มบดบังใบหน้า แสยะยิ้มชวนสยองกำลังคร่อมตัว เขาเหลือกตาโต กระชับผ้าห่มและร้องสุดเสียง
“ผีเด็กอำ!!!”
ความคิดเห็น