ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic : Harry Potter & Fantastic Beasts │Moon of Destiny.

    ลำดับตอนที่ #1 : PROLOGUE .

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.27K
      336
      29 ก.ย. 64






    PROLOGUE.





    หญิงสาวร่างสูงฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ พลางขึ้นลงบันไดนำหนังสือที่มีฝุ่นเกาะหนาเตอะออกจากชั้น  ไม่มีใครไม่หลงรักวันหยุดช่วงสุดสัปดาห์เป็นแน่ โดยเฉพาะกับเธอ หาไม่ได้เลยที่จะได้พักผ่อนในวันเวลาปกติดังเช่นผู้คนทั่วไป ก็นะ—งานของเธอดันไม่เหมือนชาวบ้านซะด้วย เธอไม่ค่อยได้นอนเต็มอิ่มเท่าไหร่นักและรวมถึงคนอื่นๆที่ทำงานเกี่ยวกับสายอาร์ตเช่นกัน

     

     

    หยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์และไม่ต้องทำงานเช้าวันจันทร์ ไม่มีพรใดประเสริฐไปกว่านี้แล้ว เมื่อมีเวลานอนเก็บแรงและมีเวลาว่างเหลืออีกสามวัน ก็ได้ฤกษ์ทำความสะอาดชั้นหนังสือที่รักเสียที หญิงสาวจัดแจงจัดระเบียบ ทำความสะอาดหนังสือที่นำออกจากชั้นลงมาหมดแล้ว เธอหยิบเอาหนังสือสีแดงเล่มหนา ใช้ไม้ขนไก่ขึ้นปัด  เธอเลือกหยิบนวนิยายเยาวชนอย่างแฮร์รี่พอตเตอร์มาเป็นอันดับแรก

     

     

     “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก”   เธอนับจำนวนเล่มหนังสือ มันขาดหายไปเล่มนึงและมันเป็นเล่มโปรดของเธอ  หญิงสาวดีดตัวลุกจากพื้น วิ่งทั่วบ้าน หาหนังสือให้ควั่ก  “ลูกจ๋าลูก ลูกหายไปไหน” 

     

     

    เรียกหาหนังสือแทบบ้า ทำราวกับมันมีชีวิต สุดท้ายก็ไม่พบที่ไหนเลย ไม่ว่าโซฟา โต๊ะทำงานหรือข้างเตียงนอน เกือบต้องไปซื้อเล่มใหม่เสียแล้วหากหญิงสาวไม่เกิดฉุกคิดได้ว่ายังมีอีกที่ เธอเบนสายตาไปที่ชั้นหนังสือด้านบนสุด คิดได้ดังนั้นก็กระโจนขึ้นปีนบันได   เจอแล้ว  มันมีอยู่จริงๆ หนังสือแฮร์รี่พอตเตอร์ภาคนักโทษแห่งคุกอัซคาบัน หญิงสาวเอื้อมแขนสุดฤทธิ์เพื่อคว้าเอาหนังสือ แต่มันติดตรงที่บันไดมันเสีย จึงไม่สามารถเลื่อนเขยิบไปใกล้กว่านี้ได้ 

     

     

    หญิงสาวจึงตัดสินใจ ก้าวขาข้างหนึ่งเหยียบชั้นหนังสือ ใช้ขาอีกข้างเกี่ยวขั้นบันไดเป็นที่ยึดมั่นคว้าเอาหนังสือได้สำเร็จ เธอเกือบจะกู่ร้องดีใจหากไม่นึกออกว่าชั้นหนังสือที่เธอเหยียบนั้นว่างเปล่า เวรกรรมหนักกว่าเก่าคือขั้นบันไดดันหักดังเป๊าะ  เพราะน้ำหนักตัวที่หนักกว่าชั้นเบาหวิวทำให้หญิงสาวทรงตัวไม่อยู่  เข้าสู่สภาวะไร้แรงโน้มถ่วง  ตามด้วยเงาจากชั้นไม้ที่ใหญ่เกือบครึ่งกำแพงบ้านเอนเอียงเข้าหาเธอ   โครม!   เสียงอึกทึกครึกโครมและเศษฝุ่นกระจายตัวมาพร้อมกับไฟแห่งชีวิตของหญิงสาวที่มอดดับลง

     

     

    อนาถเหลือเกิน........แต่ถ้าตายท่ามกลางกองหนังสือก็ไม่เลวนักหรอก

     

     

     “ฮึก—ลูกรัก ทำไมถึงด่วนจากไปแบบนี้”

     

     

    เพียงแสงสว่างวูบหนึ่งพุ่งผ่านดวงตา สมองยังคงจดจำความรู้สึกเจ็บ เสี้ยววินาทีสั้นๆที่ไม่ต้องทรมาน หูพลันได้ยินเสียงสะอื้นใกล้ตัว แอบสะดุ้งเล็กน้อยที่รู้สึกมีอะไรอุ่นๆกระทบใบหน้าและความรู้สึกชาหนึบอันเกิดจากแรงบีบมหาศาลที่มือของตัวเอง เธอลองสูดลมหายใจเข้าออก อากาศที่ผ่านหลอดลมช่างเสียดแทงชวนแสบคอ มันเหมือนกับหยุดหายใจเป็นเวลานาน แต่ความเจ็บนี้ของจริง    เธอยังไม่ตาย   ความสงสัยผุดขึ้นกลางสมอง

     

     

    อดใจไม่ไหวต่อการหลับอีกต่อไปแล้ว เธอค่อยๆลืมตาตื่น กระพริบถี่ๆเพื่อปรับสภาพการมอง เธอเห็นหญิงวัยกลางคนตรงหน้า ดวงตาเฉี่ยวคมแลดูมั่นใจนั้นกลับรื้นน้ำตา อยากจะถามว่าคุณเป็นใครหรอกนะ แต่ไม่สามารถทำได้แม้แต่พ่นลม อะไรกัน—ไอร่างกายที่ไม่มีเรี่ยวแรงนี้  สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือแค่ขยับนิ้วมือแตะฝ่ามือของหญิงตรงหน้าเท่านั้น

     

     

    นาร์ซิสซา สัมผัสได้ถึงความเย็นเหยียบที่ตอบรับเธอ หญิงวัยกลางคนก้มมองมือที่เคยแน่นิ่ง บัดนี้มันขยับเป็นจังหวะ  เธอเบนสายตามองใบหน้าซีดเซียว ดวงตาสีหมอกเหนื่อยล้าจ้องมาที่เธอ   สายน้ำตาสายใหม่พรั่งพรูออกมา สาวใหญ่สะอื้นหนักกว่าเก่า กอบกุมมือเล็กแน่น พรมจูบไปทั่ว  รู้สึกขอบคุณในความเมตตาของเมอร์ลินที่ไม่พรากแก้วตาดวงใจไปไหน เมื่อมีข่าวดี นาร์ซิสซาจึงเอ่ยเรียกสองบุรุษที่อยู่นอกห้อง

     

     

     “เธอกลับมาหาเราแล้ว ลูเซียส เดรโก!!”

     

    บานประตูไม้สลักเปิดเสียงดังปัง พร้อมสองบุรุษต่างวัย ก้าวขาฉับๆมาที่เตียง หนุ่มใหญ่แทบไม่อยากเชื่อเท่าไหร่นัก แต่เมอร์ลิน—ซาเล็มน้อยของเขายังไม่ตายจริงๆ  ลูเซียสเอื้อมมือสัมผัสใบหน้าหวาน หากไม่ใช่เพราะว่าถูกขัดเกลาเรื่องการเก็บอารมณ์ตั้งแต่เยาว์วัย เขาเกือบจะหลั่งน้ำตาเสียแล้ว ส่วนเดรโก เขาเองก็ไม่ต่างจากพ่อนัก ต้องคอยกักเก็บอารมณ์เช่นกัน ทั้งที่ภายในมันเหมือนจะตายทั้งเป็น  

     

     

    ความดีใจเข้าถาโถม พวกเขาสามคนรุมกอดเด็กสาวบนเตียง   เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นและยังงงๆว่าตัวเองกำลังฝันไปรึเปล่าที่ยังไม่ตาย แต่ที่แน่ๆตอนนี้เธอกำลังอึดอัด พวกเขาเล่นกอดรัดเสียจนหายใจไม่ออก  เธอตบบ่าพวกเขาเบาๆ เป็นการบอกว่าควรปล่อยเธอและดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจ

     

     

    เมื่อหายใจหายคอสะดวก เธอเพิ่งมีสติสำรวจคนสามคนที่รายล้อม หนุ่มใหญ่ด้านขวามีผมสีบลอนด์ยาวสลวยดุจเป็นพรีเซนเตอร์ยาสระผม  ส่วนสาวใหญ่นั้นแตกต่างออกไปนิดหน่อยตรงที่มีผมสีดำแซมบลอนด์และ—เด็กหนุ่มด้านขวาที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็มีผมสีบลอนด์เช่นกัน  

     

     

    เดี๋ยวนะ.......ถ้าหูเธอไม่ได้ฝาดหรือสมองไม่เพี้ยน เหมือนจะได้ยินคำว่า ลูเซียสกับเดรโก  ชื่อนี้มันคุ้นๆ บวกกับรูปพรรณสัณฐานของพวกเขาแล้ว หรือว่า!!!

     

     

    เมอร์ลิน!  นี่มันครอบครัวมัลฟอยนี่  เธอหันขวับหาเด็กหนุ่ม พยายามยกแขนอ่อนแรงหาเดรโกเพื่อพิสูจน์

     

     

     “ซิน......อย่าเพิ่งขยับนะ”   เดรโกพูดพลางดึงเด็กสาวไปกอด เขาไม่อยากให้เธอขยับร่างกายหรือออกแรงมากนัก  เธออ่อนแอและเปราะบาง  กลัวเหลือกเกินว่าน้องสาวฝาแฝดของเขาจะจากไปอีก  

     

    ความอุ่นนี้ของจริงแน่นอน เธอหลับตาลง ยกมือขึ้นโอบหลัง กลิ่นอ่อนๆของสบู่ราคาแพงโชยเตะจมูก ผมเขาเองก็นุ่มนิ่มเหมือนขนลูกแมว  ให้ตายเถอะ—ถ้าตายแล้วได้กอดสามีในดวงใจแบบนี้ เธอไม่เสียใจเลย!!   อกอีแป้นจะแตกแล้ว เดรโก ทำไมหนูถึงน่ารักขนาดนี้ลูก เด็กสาวเผลอซบบ่าเด็กหนุ่ม ไซ้จมูกสูดดมกลิ่นเอกลักษณ์จากเสื้อสูทตัด  

     

    ใจของศรีภรรยาบางหมดแล้ว

     

    แค่ก แค่ก แค่ก”

     

    สักพักเธอไอออกมาหลายระลอก จนสำลักเลือดคำโต เพราะร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะรับอาการตื่นเต้นภายในได้ ผลข้างเคียงจึงออกมาเป็นแบบนี้ เด็กสาวยกมือปาดเลือดลวกๆ ไม่มีอาการสะทกสะท้านใดใด ซึ่งมันตรงข้ามกับปฏิกิริยาที่ครอบครัวมัลฟอยมี   พวกเขาวิ่งพล่านให้เหล่าบริวารเรียกหาหมอมือดีมารักษา

     

     “แม่!! น้องกระอักเลือดเต็มไปหมดเลย”   เดรโกลนลานใช้มือรองรับเลือดจากปากที่ไหลไม่หยุดของแฝดน้อง 

     

     “หมอ ลูเซียสตามหมอเร็วเข้า!!”   นาร์ซิสซา ตกใจแทบจะคว้าไม้กวาด บินไปเรียกหมอแทนสามีหากเขายังชักช้า

     

     “ผมเรียกหมอมาเสริมแล้วและเซเวอร์รัสก็กำลังมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า ใจเย็นๆก่อนที่รัก”

     

    ท่ามกลางความโกลาหล เด็กสาวกลับกำลังจะหลับ ภายใต้รอยยิ้มที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะถูกเลือดกลบ  เธอหลับในอ้อมกอดของตัวละครในดวงใจอย่างคุณชายเดรโก มัลฟอย

     

     “ซิน ซิน อย่าเพิ่งหลับนะ แข็งใจไว้!!”

     

    ถึงแม้เดรโกจะเขย่าเรียกสติ แต่เธอดันหลับจริงๆเสียแล้ว หลับฝันหวานด้วยเสียงกู่ร้องในใจอันดังก้อง

     

    อ่า—ถ้าตายอีกครั้งก็ไม่เป็นไร เพราะเธอบรรลุจุดสูงสุดแล้ว

     

    ตายอย่างสงบศพสีเขียวเลยล่ะ


    *แก้ไขคำผิด ปล.ตายอย่างสงบศพสีเขียว ไรต์ใช้สีเขียวไม่ใช้ศพชมพูก็เพราะน้องเด็กบ้านงูค่ะ(ติ่งบ้านเขียวนั่นแหละ)

     


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×