NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เขาคือฮีโร่ !! (หยุดอัพ)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2|สรุปแล้วมันจริงมั้ยเนี่ย

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 66


    “เฮ้ย!! ไอ้โรคจิตนั่นทำได้ไง??”

     

    “เครื่องอ่านความทรงจำต้องมีปัญหาแน่ๆ”

     

    [ทำไมมันดูแตกต่างจากที่เด็กนั่นพูดว้ะ]

     

    [นายโฟกัสผิดจุดแล้ว มันต้องถามว่าเด็กในจอนั่นทำอะไรไปต่างหาก]

     

    [นี่มันของจริงใช่มั้ย]

     

    นักวิทยาศาสตร์ที่เห็นปฏิกิริยาของทุกคนก็เหงื่อตก และออกมาชี้แจงว่าเครื่องทำงานปกติดีและไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ

     

    ‘... แบบนั้นมันก็แย่สิ’ สปอร์ตแมนยืนดูหน้าจอด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก แค่มองไปยังเรกะที่มีร่างกายแบบนั้นตัวเขาก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้เเล้ว

     

    ส่วนคนอื่นๆที่ได้รับรู้แบบนั้นก็แบ่งออกเป็นสามฝ่ายในทันที มีกลุ่มที่เชื่อ กลุ่มที่ไม่เชื่อ และกลุ่มที่กำลังกลัว 

     

    ในจอเรกะที่กลายเป็นมนุษย์ยักษ์เดินไปข้างหน้าได้แค่สามก้าวก็หยุดลงทั้งๆอย่างนั้น ไม่นาอากาศตรงหน้าเขาก็สั่นสะเทือนอย่างผิดธรรมชาติ

     

    และมีควัญสีน้ำเงินเข้มปนดำไหลออกมาจากกลางอากาศพวกมันเริ่มก่อตัวกลายเป็นมนุษย์ยักษ์สีน้ำเงินดำดวงตาสีแดงเลือด


     

     

    และทันทีที่มันปรากฏตัวบรรยากาศรอบๆก็ดูน่าขนลุกและอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่คนที่ดูอยู่ก็รู้สึกแบบนั้น

     

    [เย้ย!! โผล่มาจากไหนนั่น]

     

    [บรรยากาศน่าขนลุกชะมัด]

     

    [นี่ฉันว่ามันอาจจะเป็นความทรงจำจากจินตนาการก็ได้นะ]

     

    [ขอให้มันเป็นแบบนั้น]


    ส่วนคนในห้องประชุมนั้นเงียบมากๆเพราะตอนนี้เหมือนพวกเขาได้รับแรงกดดันแบบนั้นจริงๆ

     

    มิยูกิมองไปยังหน้าจอด้วยความเป็นห่วงและสงสัย ‘ท่านพี่…’ โทโดที่เห็นมุษย์ยักษ์ตัวสีน้ำเงินปรากฏตัวเขาก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

     

    เขารู้สึกเกลียดและโกธรเจ้านั่นอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนกับเจอสิ่งที่โคตรจะน่ารังเกียจ และ น่าหงุดหงิด

     

    ทางนักวิทยาศาสต์ก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากจะยืนยันว่าเครื่องไม่มีปัญหา และ ให้ดูด้วยตาตัวเองว่ามันเป็นของจริงหรือเท็จ

     

    ในจอมนุษย์ยักษ์สีน้ำเงินมองไปยังเรกะและหัวเราะออกมาอย่างน่าหมั่นไส้ ส่วนทางเรกะก็ทำเพียงยืนเงียบ

     

    “ฮุฮุ เรกะ เรกะ อา มาจริงๆด้วยสินะ ไม่สิเพราะเป็นนายต่างหากถึงมา”

     

    ทั้งสองยืนจ้องกันอย่างไม่วางตา และในที่สุดก็เป็นฝ่ายเรกะที่พูดขึ้น แต่น้ำเสียงของเขานั้นกลับเรียบนิ่งไร้อารมณ์

     

    “โทเรเกียร์ พอเถอะ การทำลายโลกมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ"

     

    “!!!”

     

    “ทำลายโลก??”

     

    “พูดเล่นใช่มั้ย”

     

    [เฮ้ยๆ การทำลายโลกทั้งใบไม่ใช่ง่ายๆนะ]

     

    [นั่นสิถึงจะตัวใหญ่แบบนั้นก็ทำได้ยากนะ]

     

    [555 พวกเขาจะสู้สิ่งที่เรียกว่าหัวรบนิวเคลียร์ได้หรอ ไม่มีทาง!!]

     

    [ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกเป้าใหญ่แบบนั้นแค่กองทัพรถถังก็พอแล้ว]

     

    ในขณะที่ทุกคนกำลังออกความคิดเห็นต่างๆนานา มีอยู่สองคนที่จับความแปลกไม่สิต้องบอกว่ารับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่แท้จริงของเรกะ

     

    ‘หมอนั่น/ท่านพี่ กำลังเศร้า’ ใช่น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเศร้า เสียใจ และเป็นห่วง เด็กสาวกำมือแน่นมองไปยังโทเรเกียร์

     

    ‘การได้รับความรู้สึกแบบนั้นจากท่านพี่มันน่าอิจฉาจริงๆค่ะ’ นัยน์ตาของเด็กสาวเริ่มสั่นเครือ 6ปีกับการไม่แยแสของเรกะมันทำให้เธอรู้สึกแย่ตลอดมา

     

    ในจอโทเรเกียร์ที่กำลังร่าเริงจู่ๆก็ปล่อยออร่าสีทำทมิฬออกมา ทำให้บรรยากาศรอบๆหนักอึ้งขึ้นไปอีกพร้อมกับที่พูดออกมาด้วยความหงุดหงิด

     

    “หยุดมองฉันด้วยสายตาที่สงสารแบบนั้นได้นั่นสักที มันน่ารังเกียจ!!”

     

    “โทเรเกียร์-”

     

    “หุบปากกก!!!”

     

    เพียงแค่ตะโกนออกมาก็สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทันที มันเหมือนกับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ กระจกบนตึกต่างก็แตกออกและร่วงลงพื้น

     

    เงียบกริบ ทั้งคนที่คอมเม้น คนในหอประชุม 


    "อะไรฟ้ะนะ แค่ตะโกนก็สร้างความเสียหายได้มากขนาดนั้น น่ากลัว"

     

    [ไม่เป็นไรถึงแม้รถถังอาจจะสู้ไม่ได้แต่เรามีอย่างอื่นอีกเยอะ]

     

    [นี่พวกนายคิดจะสู้กับพวกนั้นจริงดิ]

     

    [ใช่ๆ เรายังไม่รู้จำนวนและความสามารถที่แน่ชัดเลยนะ]

     

    [อย่าพึ่งคิดมากสิพวกเขาอาจจะไม่เก่งขนาดนั้นก็ได้]

     

    [เฮ่อะ พวกคิดน้อย]

     

    [จะเอาเรอะ]

     

    เรกะไม่พูดอะไรอีก โทเรเกียร์ เองก็รีบสงบสติลงและมองไปยังเรกะด้วยสายตาขี้เล่นและร่าเริงเหมือนเดิม

     

    “ฮุฮุ แย่จังเผลอไปจนได้ เอาเป็นว่าคุณน่ะหยุดผมไม่ได้หรอก ด้วยสภาพร่างกายและความใจอ่อนนั่น!!”

     

    แต่คำพูดและการกระทำต่อมาของเรกะก็กระตุ้นให้โทเรเกียร์อารมณ์เสียอรกครั้ง 

     

    “นายคิดว่าการทำแบบนั้นมันถูกไม่สิเธอคนนั้นจะ-”

     

    “มันไม่เกี่ยวกับคุณครับ”

     

    ถึงแม้โทเรเกียร์จะเย็นกว่าครั้งแรกแต่ก็มีอารมณ์ไม่ชอบใจแผ่ออกมาอยู่ดี 

     

    “พอเถอะครับถึงจะพูดยังไงผมก็ไม่ฟัง”

     

    เรกะทำเพียงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน และ สายตาที่เป็นห่วงซึ่งโทเรเกียร์ที่เห็นแบบนั้นก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

     

    และต่อยไปที่เรกะอย่างเต็มแรงแต่เรกะก็สามารถยื่นมือออกไปรับหมัดของโทเรเกียร์ได้อย่างง่ายดาย การปะทะนี้ทำให้ตึกรอบๆสั่นสะเทือน

     

    และเกิดรอยร้าว โทเรเกียร์ที่เห็นว่าสู้ด้านกำลังไม่ได้ก็กระโดดถอยออกไปพร้อมกับปล่อยลำแสงสีน้ำเงินดำคล้ายบูมเบอร์แรงไปสามอัน

     

    เรกะเอียงตัวหลบได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะยื่นมือออกมาขวางลำแสงสีน้ำเงินดำที่พุ่งเป็นเส้นตรงออกมาจากมือโทเรเกียร์พุุ่งตรงมาหาเขา 

     

    ทันทีที่ลำแสงพุ่งไปถึงมือของเรกะมันก็แยกออกและพุ่งไปด้านข้างรอบๆตัวเรกะ และทันทีที่มันกระทบกับตึกก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

     

    เกิดหลุมลึกรอบๆ เรกะแต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยความมั่นคง ราวกับภูเขาที่หนักแน่นและน่าอุ่นใจ 

     

    [เอาสินิวเคลียร์หรืออะไรก็มาเถอะเมื่ออยู่ต่อหน้าลำแสงนั่นมันจะไม่ได้เข้าใกล้พวกเขาเลย]

     

    [ไอ้พวกที่บอกว่าการทำลายโลกเป็นเรื่องยากหายไปไหนกัน]

     

    [ใช่ๆ การถล่มหนึ่งจังหวัดด้วยเวลาไม่ถึงนาทีพวกเขาก็ทำได้ง่ายๆเลย]

     

    [เรกะอย่างเท่อะ]

     

    [เรกะสู้เขานะอย่าให้หมอนั่นทำลายโลกได้]

     

    [555 นายไม่เห็นถึงความต่างชั้นนั่นรึไง]

     

    ในคอมเม้นที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างรวดเร็วทำให้นักเรียนที่อยู่ในห้องต่างก็อิจฉา เพราะพวกเขาแสดงตัวไปแล้ว

     

    การที่จะมาเชียร์เรกะตอนนี้เหมือนเป็นการหักหน้าตัวเองและที่แย่ที่สุดคงหนีไม่พ้นสปอร์ตแมนและแก็งที่ลากเรกะขึ้นเวที

     

    สถานการณ์ในตอนนี้อยู่ในช่วงที่ทุกคนต่างก็ปรับตัวได้แล้วและมองไปยังยังจอด้วยความเชื่อ นี่แหละคือความน่ากลัวของมนุษย์

     

    การปรับตัวอย่างรวดเร็วและการที่ได้เห็นเรกะกำลังใช้พลังปกป้องโลกมันทำให้พวกเขาอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมองแผ่นหลังที่หนักแน่น

     

    แต่กลับมีคนสองคนกำลังมองไปยังเรกะด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดี เพราะดูจากนิสัยโทเรเกียร์ไม่น่าจะเป็นคนมุทะลุขนาดนั้น

     

    ถึงแม้เขาจะอารมณ์ร้อนในช่วงแรกแต่ก็สามารถสงบได้อย่างรวดเร็วและครั้งที่สองเขาก็ควบคุมมันได้ ชายที่ชื่อโทเรเกียร์น่ะน่ากลัวกว่าที่คิด

     

    และการคุยกันของทั้งสองในจอทำให้ทั้งโทโดและมิยูกิยืนยันความคิดของพวกเขา สายตาที่ร้อนรนเริ่มแสดงออกมา

     

    แต่พอคิดว่าเรกะยังนอนอยู่ในเครื่องอ่านความทรงจำก็ทำให้พวกเขาสงบลง

     

    ในจอเรกะมองไปยังมือที่ใช้รับลำแสง มันสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แถมปุ่มสีฟ้าบนหน้าอกก็เปลี่ยนสีและเริ่มกระพริบ

     

    ทำให้ทุกคนที่ดูอยู่ต่างก็มองอย่างเคร่งเครียด เพราะไม่รู้ทำไมทันทีที่พวกเขาได้เห็นแบบนั้นก็สามารถรับรู้ทั่วกันว่าไฟที่กระพริบนั่น

     

    มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงขีดจำกัดของเรกะที่ว่าเขาสู้ได้อีกไม่นาน แต่มันก็ไม่ได้กระทบอะไรมากนักเพราะพลังที่เรกะแสดงออกมา

     

    มันเหนือกว่าโทเรเกียร์อย่างเห็นได้ชัด คงอีกไม่นานที่การต่อสู้จะจบลงถ้าเรกะเริ่มลงมือ!!


    ****

     

    ณ ห้องที่เต็มไปด้วยเอกสารแห่งหนึ่ง มีชายวัยกลางคนที่ดูแก่กว่าวัยเพราะทำงานหนัก เขากำลังจ้องไปที่หน้าจออย่างไม่วางตา

     

    “ท่านคะ”

     

    หญิงสาวที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น ชายวัยกลางคนมองไปยังเธอเล็กน้อยและพูดขึ้น

     

    “ส่งคนไปคุ้มกันตัวเขามา”

     

    “ค่ะ”

     

    แต่ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะจากไป ชายวัยกลางคนก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

     

    “นำตัวครอบครัวพวกเขามาด้วย”

     

    “ค่ะ”

     

    ชายคนนั้นถอนหายใจออกมา ‘เด็กหนุ่มผู้ปกป้องโลกจากเงามืดสินะ ถ้าคนทั่วโลกคิดแบบนี้ก็ดีสิ’

     

    ถ้าถามว่าทำไมน่ะหรอโดยสัญชาตญาณแล้วมนุษย์นั้นหวาดกลัวและโลภในสิ่งที่ทรงพลังกว่าตัวเองอยู่แล้ว

     

    ถึงแม้ว่าจะควบคุมนั่นได้ไม่สมบูรณ์และอาจจะทำร้ายตัวเองแต่พวกเขาก็ยังจะเอามาอยู่ดี ‘ขอให้อย่าเกิดเรื่องเลย’


    ****

     

    กลับมาในจอ โทเรเกียร์ไม่รอให้เรกะได้ตั้งตัว เขากระโจนเข้ามาสู้ในระยะประชิดอีกครั้งเพราะหลังจากนี้เรกะจะอ่อนแอลงเรื่อยๆและที่สำคัญ 

     

    ปัค!! ปึค!! ปั้ง!! 

     

    เสียงการกระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องโทเรเกียร์ซัดคอมโบเข้าใส่เรกะอย่างไม่หยุด ส่วนทางเรกะทำเพียงป้องกันเท่านั้น

     

    ใช่ โทเรเกียร์กระหน่ำเท้าหมัดไปยังเรกะ ส่วนท่างด้านเรกะก็ยกมือขึ้นมารับหมัดไว้ และทันทีที่ลูกเตะของโทเรเกียร์กำลังจะโดนสีข้าง

     

    เรกะก็ยกแข้งขึ้นมากันไว้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปปุ่มไฟบนหน้าอกเริ่มกระพริบถี่ขึ้น การต่อยและเตะของโทเรเกียร์ที่ไม่เคยมีผลอะไร

     

    เริ่มทำให้เรกะได้รับผลกระทบ และในที่สุด โทเรเกียร์รวบรวมพลังสีดำน้ำเงินไว้ที่หมัดและต่อยเข้าที่กลางอกเรกะเต็มๆ

     

    ทำให้เรกะเหมือนกับว่าวที่สายชือกขาดลอยกระเด็นทะลุตึกไปเป็นทางยาว โทเรเกียร์ไม่รีรอ เขายกมือไขว้กันเป็นมุมฉาก

     

    และปล่อยลำแสงสีน้ำเงินดำซ้ำเรกะอย่างไร้ปราณี ตู้ม!! ทันที่ลำแสงพุ่งเข้าไปมันก็ระเบิดขึ้นมาอย่างน่ากลัว

     

    ทำให้คนที่ดูอยู่ต่างสูดหายใจเข้าลึก ส่วนทางมิยูกิที่เห็นแบบนั้นก็ตะโกนขึ้น

     

    “ไม่!!”

     

    ซึ่งทุกคนที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงเงียบและมองไปยังหน้าจออย่างไม่เข้าใจ 

     

    [ทำไมถึงไม่ตอบโต้ล่ะ]

     

    [นั่นสิ]

     

    [ไม่ใช่ว่าเป็นพวกเดียวกันหรอกนะ]

     

    [มันจะเป็นแบบนั้นได้ไง]

     

    [สรุปแล้วนี่ของจริงสินะ]

     

    [ใช่สิ ทั้งภาพเสียงอารมณ์ต่างก็สมจริงมากๆ]

     

    ในมุมมุมหนึ่งเด็กหนุ่มหน้าดีคนนึงกำลังมองไปที่จอด้วยหน้าที่ขาวซีดและขาที่สั่น ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่มีอาการแบบนี้

     

    แต่มีหลายๆคนในหอประชุมที่มองไปยังเด็กหนุ่มด้วยความกลัว ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนพวกเค้าคือคนที่เคยแกล้งเรกะและอื่นๆอีกมากมาย

     

    โทเรเกียร์หอบหายใจออกมาและยืนมองไปยังกลุ่มควันที่ลอยขึ้นสูง ไม่นานภาพของเรกะที่มีเลือดออกก็ปรากฏต่อทุกคน

     

    เขานอนอยู่ในหลุมด้วยความเหนื่อยอ่อน และ กำลังพยุงตัวเพื่อที่จะลุกขึ้นแต่ โทเรเกียร์ไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น

     

    เขาทะยานตัวเข้าไปและแทบบาทาไปที่หน้าอกของเรกะ ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มลงไปนอนราบพื้นอีกครั้ง 


    ตู้ม!!!

     

    ฝุ่นควันฟุ้งกระจายอีกครั้ง แต่เมื่อมันค่อยๆจางลงก็เห็นเรกะยังมองโทเรเกียร์ด้วยสายตาที่เป็นห่วงเหมือนเดิม ทำโทเรเกียร์ ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่

     

    และกระทืบไปที่เรกะซ้ำๆ ด้วยแรงทั้งหมดที่มี 

     

    “ยะหยุดนะ!! พอได้แล้วถ้ามากกนี้ท่านพี่จะ…”

     

    ถึงแม้มิยูกิจะตะโกนออกไปแบบนั้น มันก็ส่งไปไม่ถึงโทเรเกียเลยแม้แม้แต่น้อย ในขณะที่มิยูกิกำลังจะสติแตก

     

    ก็มีมือของชายคนนึงมาจับแขนของเธอไว้ มิยูกิที่หันกลับไปก็เจอกับชายผมแดงที่กำลังหน้าจริงจังมองเธออยู่

     

    “ใจเย็นสิ หมอนั่นเรกะน่ะยังปลอดภัยและก็อยู่ในเครื่องนั่น”

     

    ด้วยการเตือนสติของโทโด ทำให้มิยูกิมองไปยังแคปซูลและน้ำตาไหลออกมา และกลับไปนั่งเงียบๆ 

     

    “ขอบคุณค่ะ”

     

    โทโดที่กำลังจะเดินจากไปก็ชะงักนิดหน่อยและเดินกลับที่ของตัวเอง แต่ทันทีที่เขามาถึงก็พบกับสายตาของคณะกรรมการฝ่ายวินัย

     

    “บอสจะไม่บอกพวกเราจริงๆหรอครับ”

     

    โทโดทำหน้างงทันที และถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ

     

    “บอก?? ฉันต้องบอกเรื่องอะไร”

     

    “ก็…”

     

    สายตาของทุกคนหันไปที่หน้าจอ ทำให้โทโดเข้าใจทันทีว่าคืออะไร 

     

    “มันไม่มีอะไรทั้งนั้น แล้วก็ฉันไม่เห็นจะจำได้เลยด้วยซ้ำ”

     

    ทันที่โทโดพูดออกมาก็ทำให้ทุกคนสับสนทันที

     

    [หรือมันจะไม่ใช่เรื่องจริง]

     

    [แต่ที่กำลังดูอยู่นี่มันสมจริงมากเลยนะ]

     

    [ช่างเรื่องนั้นเถอะ ตอนนี้เรกะอย่างน่าสงสารเลย]

     

    [ใช่ เจ้าที่ชื่อโทเรเกียร์นั่นโหดร้าย]

     

    [พยายามเข้าเรกะ]

     

    [ใช่ไม่ต้องไปสงสารมันแล้วมันทำกับนายขนาดนี้สวนกลับไปเลย]

     

    [ใช่ๆ]

     

    ในห้องแห่งหนึ่งมีหญิงสาวที่มีหน้าตาคลายกับมิยูกิกำลังดูการถ่ายทอดสดด้วยมือที่สั่นเทาและดวงตาที่แดงก่ำ

     

    “เรกะ…”

     

    ###จบตอน###

     

    ฮ่าๆ ตอนที่มาอย่าง… เร็วมั้ง แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามออกความคิดเห็นและอ่านกันด้วยนะครับ อะไรที่มันน่าสนผมจะนำมาพิจารณาและใส่ในตอนอื่นๆหรือไม่ก็แก้ตอนนั้นเลย

     

    เพราะผมอาจจะหลงๆลืมๆไปบ้างเกี่ยวกับคำพูดสำคัญหรือคำพูดติดปากของตัวละคร แต่รับรองว่าจะไม่นำความคิดของทุกคนมาทั้งดุ้นเพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันไม่ใช่นิยายที่ผมแต่ง

     

    อ่านให้สนุกนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×