ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การมาถึงของตัวร้ายบนโลกแฟนตาซี

    ลำดับตอนที่ #9 : การประลอง

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 66


    แต่ผมก็ไม่ว่างเลยเพราะต้องไปเปิดบริษัทพร้อมกับนำทองที่เหลือไปฝาก ซึ่งเหตุผมที่นำทองมาด้วยก็เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ไหนทองก็ถือเป็นสื่อกลางที่น่าจะใช่ได้มากกว่าเงินอยู่แล้ว

    จนวันต่อมาผมได้มีโอกาสไปชมสนามฝึกซ้อมของเหล่าอัศวิน วันนี้มีอัศวินสาวชื่อเลวี่ไม่ใช่วิด้าที่เป็นคนนำทางในช่วง 2 วันก่อน

    “เรามาประลองกันดูไหม”

    ผมถามเลวี่เพื่อจะลองทดสอบฝีมือของคนบนโลกนี้ดู อีกฝ่ายไปตอบแต่ชักดาบออกมาแทนผมจึงหันไปลูกน้องที่เหลืออยู่

    “ผมเองเจ้าชาย”

    พลจัตวาโทมัสก้าวออกพร้อมดาบที่ถูกชักออกมา ซึ่งโทมัสเป็นผู้วิวัฒนาการระดับ 142 และมีโคฟลำดับที่ 4 ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว

    ลักษณะของเขาเป็นชายสูงประมาณ 190 ซม. ลักษณะรูปร่างเหมือนกับเด็กวัย 20 ต้นๆแต่อายุจริงๆคือ 102 ปีดวงตาเป็นแบบเดียวกับผม ในระหว่างที่เดินลงไปโทมัสก็ถอนเสื้อคลุมทหารออกเหลือแค่สีเชิ้ตสีขาว

    “เอาละแม่สาวน้อยที่โลกของฉันทุกคนเท่าเทียมกันหมดอย่าหาว่าฉันรุนแรงไปแล้วกัน”

    “คำพูดนั้นจะขอคืนให้แล้วกัน”

    เมื่อพูดจบเลวี่ก็พุ่งเข้าไปพร้อมกับตวัดดาบใส่แต่โทมัสก็สามารถป้อนกันและไล่สวนกลับได้ แต่ทั้งสองก็เหมือนกำลังวัดฝีมือของอีกฝ่ายอยู่ทำให้เป็นการประดาบปกติ

    “ขอพรพระผู้เจ้าจงมอบพลังให้ลูกทะยานให้รวดเร็วดั่งสายลม”

    ครั้งนี้เลวี่ตะโกนขึ้นทำให้เกิดวงเวทย์สีเขียวจากนั้นตัวเธอก็เร็วขึ้นราวกับเป็นคนละคน นี้คือครั้งแรกที่ผมได้เห็นคนใช้เวทย์ในการต่อสู้

    “เป็นอะไรไปผู้มาเยือนจากดวงดาวทำได้แค่นี้หรอ”

    ด้วยความเร็วที่สูงมากเธอก็สามารถไล่ต้อนโทมัสจนอีกฝ่ายทำได้แค่ปัดและป้องกันการโจมตีของเธอ

    “อย่าได้ใจไปแม่สาวน้อย”

    “คำพูดนั้นไม่เข้ากับหน้าตาเลยจะขอจบการประลองเลยแล้วกัน”

    เลวี่เริ่มหมดความอดทนแล้วเธอไม่ชอบคำพูดของชายตรงหน้าเลย ดูๆแล้วอายุก็ไม่น่าห่างจากเธอแต่กลับพูดจาเหมือนคนแก่ 

    ครั้งนี้เธอไม่ได้ออมมือต่อไปแล้วความเร็วของดาบนั้นสูงจนมันเริ่มฟันโดนโทมัส แต่ในช่วงที่เธอตวัดดาบเป็นแนวนอนอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใช้แรงต่อต้าน ตัวของโทมัสจึงกระเด้นออกไปเกือบ 20 เมตร

    “เป็นอะไรหมดแรงแล้วหรือไงเจ้าตัวประหลาด”

    “ออก้าเสริมพลังให้ฉัน”

    คราวนี้เป็นโทมัสที่ตะโกนขึ้น แต่ไม่มีวงเวทย์ออกมาเหมือนตอนที่เลวี่ สิ่งที่ออกมาเป็นหนวดสีฟ้าที่พุ่งทะลุมือของโทมัส จากนั้นมันก็เข้าไปพันกับดาบและทำให้มันเรืองแสงสีฟ้าขึ้น

    “นั้นมันอะไรกัน”

    ผู้คนทั้งสนามประลองถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรแต่มันทะลุออกมาจากมือและแม้โทมัสจะใส่ถุงมือสีดำไว้ 

    ผู้คนก็สามารถมองเห็นได้ว่ามีเลือดไหลอยู่ นี้หมายความว่าเจ้าสิ่งนี้มันทะลุออกมาจากร่างกายของเขาและดาบที่เรืองแสงขึ้นก็ทำให้เลวี่ต้องร่ายเวทมนตร์เพิ่ม

    “ขอดูหน่อยว่าเวทมนต์มันจะสักแค่ไหนกันเชียว”

    โทมัสพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วที่สูงมากโดยที่ดาบของเขาก็มีละอองสีฟ้าลอยออกมา เมื่อกระทบกับดาบของอีกฝ่ายมันก็ทำให้เกิดการระเบิดขึ้น

    “ชิ!…”

    แม้อีกฝ่ายจะหลบได้แต่โทมัสก็พุ่งเข้าใส่โดยไม่ให้โอกาศอีกฝ่ายได้ป้องกันเลย การเหวี่ยงดาบของเขานั้นแรงมากขนาดเลวี่รับได้มือของเธอยังเริ่มชา

    ไม่ว่าเธอร่ายเวทอะไรออกมาก็ไม่สามารถเสริมพลังให้เท่ากับโทมัสได้ การเคลื่อนไหวของเธอก็ถูกอีกฝ่ายจับทางได้จนในที่สุด

    “จบแล้วแม่สาวน้อยเธอแพ้”

    โทมัสจบการต่อสู้ด้วยการปัดดาบเธอทิ้งพร้อมกับจ่อปลายดาบไปที่คคอของเธอ ผมที่ดูอยู่ถึงกับตบมือให้เพราะแค่ 2 นาทีโทมัสก็ล่มคนระดับทองได้แล้ว

     ถ้าเป็นในสนามรบเธอต้องตายไปแล้ว แต่ผมก็พอรู้ว่าที่เธอแพ้เร็วแบบนี้เป็นเพราะเธอน่าจะไม่เก่งการใช้เวทเสริมกำลัง ส่วนทางผมเสริมพละกำลังโดยเฉพาะไม่แปลกที่เธอจแพ้เร็วแบบนี้

     หลังจบการประลองหนาวสีฟ้าก็กลับเข้าไปในมือของโทมัสพร้อมกับแผลที่หายจนหมดจะเหลือก็แค่รอยที่มันเจาะออกมาจากถุงมือเท่านั้น

    “ไม่จริงใช่ไหมทำไมท่านเลวี่แพ้”

    “เจ้านั้นมันเป็นใคร”

    “ตานั้นและไหนจะไอสีดำทำไมคนบาปถึงเก่งแบบนี้”

    เสียงของเหล่าอัศวินดังขึ้นพวกเขาตกใจมากที่เลวี่แพ้ แต่ทางของผมนั้นต่างออกไปทุกคนพากันตบมือและชื่นชมเพื่อนที่ชนะมา

    “ชัยชนะนี้ขอมอบให้วิลเลียมผู้ยิ่งใหญ่”

    ในขณะที่เดินออกมาโทมัสก็หยิบสร้อยขึ้นมาจูบและกล่าวสรรเสริญอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งผมจะขอไม่พูดอะไรเพราะนี่คือศาสนาประจำโลกผม ไม่มีพระเข้าแต่มันเป็นการบูชาผู้นำเผด็จการของตัวเอง

    “ยอมไม่ได้ข้าของท้าประลองด้วย”

    อัศวินหนุ่มผมสีทองเดินเข้าไปในสนามประลองด้วยความโกรธ ผมได้แต่หัวเราะออกมาเพราะต่างโลกจะขาดคนแบบนี้ไปได้ยังไง

    “หนุ่มน้อยเจ้าชื่ออะไร”

    “ข้าชื่อคาซ่าไม่มีทางแพ้ให้คนบาปแบบเจ้าหรอก”

    แม้ชายที่คาซ่าจะเก่งแต่ไม่ถึง 3 นาทีเขาก็แพ้ ครั้งนี้มันทำให้ทุกคนรู้ว่าโทมัสแข็งแกร่งไม่ใช่ชนะแบบฟลุ๊คๆ แต่ในขณะที่คนอื่นจะมาท้าประลองด้วยก็มีเสียงห้ามขึ้นก่อน

    “ฉันจะเป็นคนสู้เอง”

    การมาของหญิงสาวผมสีแดงเพลิงทำให้ยกเว้นพวกผมผู้คนทั้งสนามต่างคุกเข่าลง เธอไม่ใช่ใครนอกจากเจ้าหญิงไวโอเล็ตแต่ด้านหลังก็มีแม่ชีแก่ๆวิ่งมาห้าม

    “พระองค์จะไปทำอะไรที่อันตรายแบบนั้นไม่ได้นะคะ”

    “อย่ามาห้ามข้า”

    เธอเดินไปแบบไม่สนเสียงห้ามของเหล่าแม่ชีและเมื่อลงไปที่สนามประลองเธอชักดาบออกมา ซึ่งมันคือหนึ่งในดาบศักดิ์สิทธิ์เฮเลน่าที่ีบนโลกนี้มีแค่ 3 เล่มเท่านั้น

    “คงไม่ว่าอะไรถ้าฉันจะขอประลองด้วย”

    “เป็นเกียรติมากที่ได้ปะมือกับเจ้าหญิง”

    “เข้ามาเลยเจ้าคนบาปฉันให้นายเริ่มก่อน”

    “ออก้าเสริมพลังให้ฉัน”

    ครั้งนี้โทมัสเอาจริงตั้งแรกหนวดสีฟ้าทะลุออกมาพร้อมกับดาบที่เรืองแสงขึ้นอีกครั้ง เพียงชั่วพริบตาโทมัสก็ไปโผล่ที่ด้านหน้าของไวโอเล็ตแล้ว

    เขาจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างฟันลงมาหมายจะฝ่าร่างของหญิงสาวแยกออกเป็นสองส่อน แต่ไวโอเล็ตไม่หวาดกลัวภัยอันตรายที่กำลังมา ดวงตาของเธอยังแน่วแน่และเธอกระซิบออกมาเบาๆ

    “ขอพรพระผู้เจ้าจงมอบพลังให้ลูกแข็งแกร่งเหมือนหินผา”

    วงเวทย์สีน้ำตาลปรากฏขึ้นมาพร้อมกับดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกฟันออกไป ความรุนแรงนั้นทำให้โทมัสถึงกับกระเด็นออกไปและมันยังไม่จบเธอพุ่งตามอีกฝ่ายออกไปพร้อมกับไล่ฟันจนไม่ถึง 30 วินาทีโทมัสก็เป็นฝ่ายแพ้

    “เรากลับกันดีกว่า”

    ผมพูดขึ้นเพราะผู้หญิงคนนี้มันเป็นสับประหลาดชัดๆ แม้มันจะเป็นแค่การประลองผมก็มองเห็นความต่างชั้นของฝีมือได้ อย่างน้อยคนที่จะสู้เธอได้ก็คงมีแค่ระดับแนวหน้าของโลกเท่านั้น

    ซึ่งในกลุ่มของผมไม่มีเลยทุกคนเก่งจริงแต่ไม่ถึงระดับของเธอ ครั้งนี้ผมก็ได้ข้อมูลมาเยอะมากจึงจะกลับไปวิเคราะห์สิ่งที่ได้มา แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเรียกโทมัสกลับก็มีเสียงตะโกนขึ้นมา

    “เจ้าชายเออร์เนตผู้เดินทางมาจากดวงดาวที่ห่างไกลทำไมไม่มาประลองกันดูล่ะ”

    เป็นไวโอเล็ตที่ตะโกนขึ้นพร้อมกับชี้ดาบมาที่ผม 

    “ไม่ดีมั้งฉันก็อายุมากแล้วแถวเจ้าหญิงไวโอเล็ตเองก็ท้องด้วยไม่ใช่หรอ”

    “ขอบคุณที่เป็นห่วงแต่เชิญท่านมาประลองกันดีกว่า”

    ผมมองดูผู้คนที่กำลังมองมาตอนนี้ถ้าไม่ยอมรับมันก็ดูจะหน้าอายยังไงไม่รู้ แถมเป็นคนชวนประลองอีกเมื่อไม่มีทางเลือกผมก็ถอนเสื้อคลุมออกพร้อมกับหยิบดาบที่เอวออกมา

    “บลูเสริมพลังมากที่สุดเท่าที่จะมากได้”

    หนวดสีฟ้าพุ่งออกมาจากมือของผมจากนั้นก็เข้าไปพันที่ดาบไว้ แม้ผมจะไม่เก่งการต่อสู้แต่โคฟที่มีก็เป็นลำดับ 1 ความสามารถนั้นสูงกว่าโคฟลำดับที่ 4 เกือบ 100 เท่า

    ดูจากดาบของผมที่ไม่ได้ปล่อยละอองสีฟ้าออกมาเหมือนกับตอนที่โทมัสใช้โคฟของตัวเอง มันเป็นตัวบงบอกว่าเจ้าบลูสามารถควบคุมพลังงานฮาสน่าได้ดีกว่าจนไม่ปล่อยพลังงานทิ้ง

    “อย่าหาว่าฉันรังแกผู้หญิงแล้วกัน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×