ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การมาถึงของตัวร้ายบนโลกแฟนตาซี

    ลำดับตอนที่ #12 : ออกเดินทากลับไปที่เรอา

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 66


    แต่พอผมไปถึงศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่ในเบลเยียมก็ได้พบว่าการทดลองพึ่งเริ่มขึ้น เหล่านักวิทยาศาสตร์วิ่งกันทั่วห้องเพื่อจัดการงานของตัวเอง

    ส่วนตัวทาสก็นอนอยู่ที่เตียงกลางห้อง ผมเดินไปคุยกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูๆแล้วอายุไม่น่าจะถึง 10 ขวบด้้วยซ้ำ แต่นี้คือนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจที่สุดของโลก 

    เธอเป็นผู้วิวัฒนาการแต่ดวงตาต่างออกไป มันมีสีดำสนิทแต่ที่ม่านตาเป็นสีแดงส่วนของผมเป็นสีฟ้า ความแตกต่างของมันคือความสามารถที่ได้

     สีฟ้าหมายถึงพลังส่วนสีแดงหมายถึงประสาทสัมผัสและสุดท้ายคือสีเหลืองจะได้ความเร็ว แต่เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นอัจฉริยะตั้งแต่เกิดแล้ว ชื่อของเธอคือฮาเนนปัจจุบันน่าจะอายุ 30 ปลายๆแล้ว

    “ฉันต้องการให้เธอลองทดสอบภูมิคุ้มกัน หายาพิษหรือแก๊สที่คนพวกนี้แพ้มัน”

    “จากข้อมูลร่างกายของเธอไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะของพวกนั้น”

    “หมายถึงคนที่ดาวนั้นลองทดสอบดูเอาที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บได้ก็พอแล้ว”

    สิ่งแรกคือการหาความแตกต่างของคนบนโลกกับคนที่นั้น เมื่อรู้ความต้องการของผมฮาเนนก็เดินไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ของเธอก่อนที่จะมีการรมแก๊สและฉีดสารต่างๆเพื่อดูว่าจะมีผลกระทบกับเธอไหม

    นั้นคือทาสที่มีระดับทองยาพิษที่ใช่จึงแทบไม่มีประโยชญ์ แต่เมื่อลองฉีดสาร P-2 ซึ่งเป็นยาที่สามารถทำให้ผู้วิวัฒนาการระดับ 100 ร้องได้ ตัวทาสก็เริ่มตะโกนด้วยความเจ็บปวด

    เจ้าหน้าที่รีบเก็บข้อมูลเหล่านี้และฉีดไปเรื่อยๆจนผิวหนังของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ตอนนั้นพวกเราก็เริ่มใช้ยา TOG สุดยอดยารักษากับเธอ มันคือยาที่ได้รับการปรับปรุงเมื่อทาสได้รับมัน รอยจุดสีม่วงก็เริ่มหายไปแต่เจ้าหน้าที่ก็ทดลองต่อไป

    “ส่งผลการทอลองให้ฉัน”

    ผมบอกตรงๆเลยว่าไม่กล้าทนดูต่อ นี้มันโหดร้ายเกินไปผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ที่จะตื่นเต้นกับการค้นพบเผ่าพันธุ์อื่น จึงออกมาจากศูนย์ทดลองและขึ้นรถไฟฟ้าเดินทางไปที่สิงคโปร์

    จุดที่ผมไปคือบริษัท KRT หนึ่งในมหาอำนาจทางอวกาศ เป็นบริษัทเอกชนที่ครอบครองยานแบบต่างๆมากถึง 104 ลำ ที่นั้นผมได้พบกับฟร็องซัวส์ผู้เป็นประธานบริษัทและเป็นเพื่อนของผม

    “ตึกใหม่หรอสวยดีนะ”

    ผมมองดูตึกที่พึ่งสร้างขึ้นใหม่โดยมันมีความสูงมากถึง 1,383 เมตรใหญ่จนสามารถมองจากอวกาศได้เลย 

    “เจ้าชายไปเที่ยวเรอาเป็นยังไง”

    “ไม่ดีเลย”

    “ไปนั่งก่อนเดียวผมให้คนนำชามาให้”

    ฟร็องซัวส์เดินนำผมไปยังที่นั่งริมระเบียง มันเป็นวิวที่ดีมากเพราะนี้คือชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์ในระหว่างที่นั่งก็จะมีเมฆลอยผ่านไป แต่ผมจะมานั่งชิวไม่ได้เพราะยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ

    “ที่ดาวนั้นล้าหลังแต่ระดับพลังของคนบนนั้นสูงมากนายส่งยานออกไปได้เร็วที่สุดตอนไหน”

    “ตอนนี้เรามีคิวส่งกองทัพไปที่ดาว TR-56 แต่ผมสามารถส่งยานระดับซุปเปอร์สตาร์ไปให้ท่านได้ใน 6 เดือน”

    ฟร็องซัวส์เปิดโฮโลแกรมให้ผมดูตำแหน่งยานแต่ละลำที่ลอยอยู่โดยลำที่ฟร็องซัวส์จะส่งมาคือ ยานระดับซุปเปอร์สตาร์ที่สามารถขนผู้โดยสารได้มากถึง 200 คน

    “แล้วยานระดับกาแล็กซีที่ขนผู้โดยสารได้ 700 คนไม่ว่างหรอ”

    “พวกนั้นเดินทางไปที่ดาว GT-8 เหลือแค่ซุปเปอร์สตาร์ที่กำลังเดินทางกลับมา”

    “แล้วมันมีกี่ลำที่กำลังกลับมา”

    “3 ลำครับที่เหลือจะกลับมาในอีก 1 ปี”

    ทุกอย่างมันดูไม่เป็นใจจนผมถึงกับถอนหายใจออกมา ถ้าเรอาติดกับสมาพันธรัฐโลกผมก็มั่นใจว่าจะเก็บอีกฝ่ายได้แต่พวกเรามีกำแพงระยะทางกั้นไว้ด้วยกำลังแค่ราวๆ 600 คนผมก็ไม่คิดว่าจะจัดการดาวนั้นได้

    ซึ่ง 600 คนที่จะไปกับยานซุปเปอร์สตาร์ก็เป็นผู้วิวัฒนาการระดับ 5-100 ที่ 97% ไม่มีโคฟ แม้จะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่น่าจะสู้กับระดับทองขึ้นไปได้

    “ฝ่าบาทวิลเลียมไม่ส่งกองยานรบมาช่วงหรอครับ”

    “ฉันว่าไม่น่าจะมาช่วยฝ่าบาทพึ่งบอกให้ฉันส่งยานกลับมา”

    “งั้นผมเสนอให้ระดมยิงจากอวกาศไปเลย”

    ฟร็องซัวส์ใช้มือปัดโฮโลแกรมไปเป็นกองยานรบของบริษัท KRT ซึ่งยานเหล่านี้สามารถยิงปืนใหญ่พลังงานฮาสน่าเข้าถล่มดาวนี้ได้

    มันเป็นวิธีที่ KRT ใช้โจมตีดาวเล็กผมมองดูสักพักแต่ก็ไม่เอาเพราะมันมีปัญหาเยอะเกินไป ผมอยากจะยึดดาวนี้ให้เสียหายน้อยที่สุดเพื่อเป็นดาวแรกใต้บังคับบัญชา

    “เจ้าชายต้องหาทางคืนดีกับฝ่าบาทก่อนไม่งั้นทำอะไรก็ยากไปหมด”

    “ฉันลองแล้วแต่เขาจะฆ่าฉันอยากเดียว”

    “งั้นการยึดดาวนี้ก็คงไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาลโลก”

    “ก็คงเป็นอย่างนั้น”

    อีกปัญหาที่ผมเจอคือจักรพรรดิไม่ชอบผมทำให้กองยานรบของโลกไม่สามารถช่วยลำเลียงผู้คนได้ แถมจักรพรรดิยังเหลือผู้ติดตามให้ผมแค่ 8 คน 

    แต่ผมก็มีเส้นสายบนโลกพอสมควรทำให้ตลอด 10 วันผมรวมกองทัพเฉพาะกิจได้ประมาณ 712 คนและข้อมูลการทดลองทาสก็มาถึงแล้ว เมื่อเตรียมของเสร็จก็จะออกยานกลับไปที่เรอาแต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ไปเป็นตัวตลกแล้ว

    “ผมอุ่นใจมากที่ท่านจะเดินทางไปด้วย”

    ผมเดินไปจับมือกับชายคนหนึ่งที่มาขึ้นยานด้วย ลักษณะของเขาสูงประมาณ 180 ซม.หน้าตาดูเหมือนเด็กหนุ่มเยอรมันวัย 20 ตัดผมดูเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่งกายด้วยเครื่องแบบนายทหารเยอรมัน

    นี้คือจอมพล มันชไตน์ ผู้วิวัฒนาการระดับ 576 และมีโคฟลำดับที่ 1 ครอบครองตำแหน่งชายที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาพันธรัฐโลก 

    “ไปกันเถอะอย่าเสียเวลาเลย”

    ผมถึงกับทำตัวไม่ถูกเพราะชายคนนี้เหมือนอารมณ์ไม่ดีเลย 

    “อย่าถือเลยเจ้าชายท่านมันชไตน์แค่ไม่ชอบออกเดินเพราะมันจะทำให้เขาไม่มีที่ฝึก”

    หนึ่งในผู้ติดตามของมันชไตน์เดินมาขอโทษผมเขา ฮาร์ทมัน ผู้วิวัฒนาการระดับ 220 และมีโคฟลำดับที่ 3 ต่างจากมันชไตน์ตรงที่เขาดูเข้าถึงง่ายกว่า

    “ที่ดาวนั้นมีอะไรให้ตื่นเต้นเยอะแน่นอน”

    “ไว้เราจะรู้กันว่ามันจริงไหม”

    มันชไตน์พูดเหมือนไม่เชื่อผมก็ทำได้แค่ยักไหล่ให้ เพราะเดียวไปก็รู้เองว่าที่นั้นเป็นยังไง

    “ขอเจอสาวน่ารักๆหน่อยแล้วกัน”

    “มีเยอะเลยล่ะ”

    อย่างน้อยก็มีฮาร์ทมันที่พอคุยได้ส่วนนายทหารเยอรมันคนอื่นดูมีโลกส่วนตัวของตัวเองหมด ครั้งนี้ผมนำยานไปแค่ 1 ลำแต่กำลังรบสู้กว่าตอนไป 2 ลำซะอีก 

    แต่หลังจากนี้อีกไม่นานก็จะมียานเดินทางไปเรื่อยๆเพราะผมได้ติดต่อลูกชายและภรรยาอีก 2 คนให้เดินทางไปที่นั้นแล้ว สิ่งที่ผมต้องทำก็คือจัดการทำลายความสงบสุขของที่นั่นก่อน

    แผนแรกคือการดึงตัวมาร์ควิสไครีย์มาอยู่ฝั่งนี้ก่อน เพราะการมีคนท้องถิ่นเป็นเพื่อนย่อมดีกว่าการสู้โดนลำพังและการมีมันชไตน์อยู่ด้วยผมก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอันตรายที่นั้นแล้ว

    (ผู้วิวัฒนาการทุกคนหน้าตาดีหมดและระดับ 5 ขึ้นไปจะไม่แก่และถ้าคนแก่เป็นผู้วิวัฒนาการก็จะกลับมามีหน้าตา เหมือนหนุ่มๆแถมยังได้รับการปรับแต่งจนหน้าตาดีกันหมดแต่ข้อเสียก็คือที่ตาเท่านั้น)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×