ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การมาถึงของตัวร้ายบนโลกแฟนตาซี

    ลำดับตอนที่ #6 : ซื้อทาส

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 66


    นอกจากนี้พระราชาเฟริซิกยังจะเรียกประชุมราชาจากเผ่าต่างๆด้วยเพื่อพูดคุยกันเรื่องคนพวกนี้ โดยเฉพาะสาเหตุที่พวกนี้ทำบาปเยอะจนแม้แต่มานายังออกห่าง

    ตัดมาตัวผมตอนนี้กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ห้องอาหารของวังหลวง แม้ที่นี้จะล้าหลังแต่ด้านอาหารก็ต้องยอมรับเลยว่าอร่อยจริงๆ 

    “หลังจากนี้เราจะไปไหนต่อครับเจ้าชาย”

    หลังกินเสร็จคาร์ลก็ถามออกมา ผมไม่ตอบแต่เดินไปที่สวนพร้อมกับชี้ไปที่คอเพื่อบอกสัญญาณบอกให้สร้างบาเรีย คาร์ลและแอ็นสจึงมาข้างๆพร้อมกับนำผลึกสีส้มออกมาบีบมันทำให้เกิดม่านบาเรียคลุมผมเอาไว้

    มันคือการติดต่อระยะไกลที่ทำจากแร่บนดาวที่เรายึดมา มันทำให้ตัวผมจะติดต่อกับคนอื่นๆได้ แต่ร่างกายยังอยู่ที่เดิมทำให้ต้องมีคนคุ้มกัน

    เมื่อใช้มันภาพที่แต่ต่างจากโลกนี้ก็ปรากฎขึ้น มันเป็นห้องทำงานที่มีกระจกใสทำให้มองเห็นตึกสูงหลายร้อยเมตรเรียงกันยาวสุดลูกหูลูกตา ใช่แล้วนี้คือโลกที่ผมจากมาและที่เก้าอี้ก็มีชายหนุ่มใส่ชุดสูทสีดำนั่งอยู่ ผมรีบวางมือทาบที่หน้าอกและก้มทำความเคารพ

    เพราะนี้คือจักรพรรดิไกเซอร์วิลเลียมแห่งสมาพันธรัฐโลก แม้หน้าตาอีกฝ่ายจะเหมือนเด็กแต่นี้คือคนอายุ 87 ปีและเขาเป็นพ่อตาของผมเอง

    “ฝ่าบาทมีอะไรถึงได้ติดต่อมาครับ”

    “คิดว่าฉันอยากติดต่อมาหรอตอนนี้ที่ดาวนั้นเป็นยังไงบ้าง”

    “ทุกอย่างปกติดีพวกเราสามารถเข้ากับคนที่นี้ได้”

    ผมตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ความสัมพันธ์ของผมกับพ่อตาคนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ การที่อีกฝ่ายติดต่อมาก่อนแปลว่าต้องมีอะไรแน่นอนและมันก็เป็นจริง

    “ส่งยานกลับมา 1 ลำและให้คนกลับมา 12 คนตอนนี้สงครามใหญ่เริ่มแล้วพวกเราต้องระดมกำลังเข้าโจมตีดาว TR-56 ”

    “อ้าวแล้วดาวนี้จะทำยังไงครับ”

    “ดาวนั้นให้ศึกษาข้อมูลไปก่อนเราพวกเราเผด็จศึก TR-56 ก่อน”

    นี้มันข่าวร้ายสุดๆผมไม่คิดเลยว่ากำลังรบที่น้อยอยู่แล้วจะน้อยลงไปอีก แบบนี้อย่าว่าแต่ยึดโลกนี้เลยแค่อาณาจักรแห่งนี้ผมก็ไม่มีปัญญายึดด้วยกำลังแล้ว

    “ฝ่าบาทงั้นผมขอให้คาร์ลอยู่ด้วยได้ไหมครับ”

    อย่างน้อยผมก็ต้องต่อรอง แต่มันก็ไม่เป็นผลวิลเลียมปฏิเสธและสั่งให้กลับไปภายในพรุ่งนี้ ผมรู้สึกเหมือนโดนแกล้งเลย แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เพราะอีกฝ่ายคือหนึ่งในผู้นำสูงสุด

    “เกินอะไรขึ้นครับ”

    “ทำไมถึงมีการติดต่อจากโลกเร็วขนาดนี้”

    เมื่อสิ้นสุดการพูดคุยทั้งคาร์ลและแอ็นสรีบถาม ผมได้แต่ส่ายหัวและบอกให้พวกเขาไปขึ้นยานเดินทางกลับ ส่วนผมเมื่อถึงที่พักก็เริ่มคิดแล้วว่าจะเอายังไงต่อเพราะตอนนี้กำลังคนที่เหลือมีไม่ถึง 10 ด้วยซ้ำ

    “บลูนายคิดว่าเราควรทำยังไง”

    “นายท่านก็แค่รอให้เรายึดดาว TR-56 ได้ก็พอแล้ว”

    “แล้วมันจะใช่เวลาเท่าไหร่”

    “การรบน่าจะจบใน 1-2 เกือนแต่น่าจะใช่เวลากวาดล้าง 3-4 ปี”

    เมื่อผมหลับตาลงก็เห็นข้อมูลต่างๆที่บลูวิเคราะห์ไว้ ซึ่งนี้มันนานเกินไปแถมคนที่นี้เหมือนจะเตรียมการรับมือพวกผมไว้ด้วย 

    “ก่อนอื่นเราต้องสร้างความวุ่นวายก่อน”

    “เป็นความคิดที่ชั่วร้ายมากสมกับนายท่านจริงๆ”

    “นั้นแกชมหรือด่าฉันกันแน่”

    ผมเลิกคุยกับบลูและเดินออกจากห้องไป เวลานี้คือ 16อากาศค่อนข้างดี:06 นาทีเป็นเวลาที่ผมก็อยากจะออกไปเที่ยวชมเมืองบ้าง 

    การเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นทำได้ง่ายมากเพราะชุดผมทำจากเทคโนโลยีนาโนเวลาจะเปลี่ยนก็ใช้คำสั่งเสียงโฮโลแกรมก็จะปรากฏขึ้นให้เราเลือกเสื้อผ้าที่ต้องการ 

    ผมกดไปที่ผ้าคลุ่มสีขาวที่สามาารถคุมร่างกายได้หมดทุกส่วนยกเว้นใบหน้า เมื่อเดินออกมาจากห้องไม่นานก็พบวิด้าที่ถอนเกราะออกเหลือแต่ชุดวอร์มเดินมาหา

    “บังเอิญจังเลยคุณกำลังจะไปไหนหรอ”

    แม้อีกฝ่ายจะบอกว่าบังเอิญ แต่ผมไม่คิดแบบนั้นเลยชายคนนี้ตั้งใจเดินมาหาผมตั้งแต่แรกแล้ว

    “นายไม่ได้ไปส่งสองคนนั้นหรอ”

    “ไปมาแล้วคนของคุณแข็งแกร่งมากแม้จะไม่มีมานาแต่ความสามารถระดับนี้ไม่ต่ำกว่าทองแน่นอน”

    “แล้วนายระดับเท่าไหร่”

    “ผมเป็นแพลทินัมขั้นสุดท้ายไปต่อไม่ได้แล้ว”

    ระดับของคนบนโลกนี้เหมือนจะแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ ผมมองดูเจ้านี้ก่อนจะเรียกเจ้าบลูที่อยู่ในตัว

    “ถ้าฉันสู้กับมันใครจะชนะ”

    “สู้ร้อยครั้งแพ้ร้อยครั้งนายท่านไม่มีทางชนะได้หรอก”

    แม้มันจะน่าโมโหแต่สิ่งที่บลูพูดมานั้นถูกต้อง เพราะผมเป็นผู้วิวัฒนาการระดับ 167 และมีโคฟลำดับที่ 1 ก็จริง แต่ความสามารถในการต่อสู้ของผมต่ำมาก

    ดาบทั้งสองเล่มที่เอวก็มีไว้ขู่เท่านั้น นี้นี้จะโทษผมไม่ได้เพราะโลกผมไม่ได้ฝึกการต่อสู้มามาก ส่วนใหญ่เป็นแค่เรื่องพื้นฐานเท่านั้น ยกเว้นผมคนที่ได้โคฟลำดับที่ 1 จะเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของสมาพันธรัฐโลก

    ความสามารถของโคฟลำดับที่ 1 นั้นจะสูงมากเมื่ออยู่ในมือคนที่เก่งเช่น ภรรยาของผมที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้มาด้วย  วิด้าถามผมอีกครั้งเพราะเห็นเงียบไปผมเลยบอกว่าอยากไปเที่ยวชมเมือง เขาเลยพาผมออกไปดูเมือง

    นี้ทำให้ผมได้รู้ว่าคนที่นี้มีอัธยาศัยดีมากและวิด้าก็เป็นที่รักของประชาชน เด็กๆต่างเดินตามเพราะอยากเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งแบบเขา

    “ท่านวิด้าผมจะแข็งแกร่งแบบท่านให้ได้เลย”

    “นายต้องฝึกให้หนักถ้าอยากเป็นแบบฉัน”

    วีด้ายกเด็กคนหนึ่งขึ้นมาขี่คอของเขาในระหว่างที่เดิน ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นมากเจ้าชายไม่ถือตัวลงมาพูดคุยกับชาวบ้านอย่างสนิทสนม

    “อย่าไปรบกวนเจ้าชายแบบนั้นสิลูก”

    “ไม่เป็นไรพวกเราเป็นอนาคตของเราใช่ไหมทุกคน”

    ผู้คนต่างมารวมตัวกันที่รอบๆพวกผมและตะโกนสรรเสริญเจ้าชายคนนี้ นี้ทำให้ผมรู้ว่าที่โลกนี้เหมือนจะเป็นโลกที่โรยด้วยกลีบกุหลาบมาก

    ขนาดตอนเดินไปตามเมืองก็มีแต่บรรยากาศดีๆ ขนาดเผ่าพันธุ์อื่นยังได้รับการต้อนรับที่ดีไม่มีการแบ่งแยกกันเลย นี้ไม่ใช่การจัดฉากเพราะผมเป็นคนเดินนำไปยังที่ต่างๆ แต่เพื่อความแน่ใจผมก็ถามเรื่องหนึ่งออกไป

    “ที่เมืองนี้มีทาสไหม”

    หนึ่งในสิ่งที่ต่างโลกขาดไม่ได้นั้นก็คือทาสและมันมีจริงวิด้าพาผมไปที่เขคหนึ่ง ซึ่งมีผู้คนไม่มากแต่จากเครื่องแต่งกายที่ใส่ก็รู้แล้วว่าเป็นขุนนางที่ร่ำรวย

    “ลมอะไรพัดเจ้าชายวิด้ามาที่นี้”

    เสียงที่ฟังดูเจ้าเล่ห์ดังขึ้นพอผมหันไปก็พบว่าเป็นชายแก่รูปร่างอ้วนท้วมหัวโล้น แต่แต่งกายดูดีมากผมรู้จักเขานี้คือ มาร์ควิส ไครีย์ หนึ่งในคนที่ไม่ได้พูดหรือแสดงอาการอะไรในท้องพระโรง

    “ข้าพาอาคันตุกของเรามาเยี่ยมชมดินแดนของท่าน”

    “หึ!…ผู้มาจากดวงดาวมีเหตุอะไรถึงได้มาที่นี้”

    “ผมแค่อยากมาเยี่ยมชมดูเฉยคุณไครีย์ได้โปรดพาไปชมทาสของท่านได้ไหม”

    “ตามกระผมมาเราจะไปยังสถานที่ vvip เรามีทาสชั้นสูงมากมาย”

    “คุณเออร์เนตผมจะรออยู่นี้”

    เหมือนว่าวิด้าจะไม่ชอบทำให้มีแค่ผมที่เดินเข้าไปกับมาร์ควิสไครีย์ ซึ่งด้านในเต็มไปด้วยทาสมากมายหลากหลายเผ่าพันธุ์ 

    “นี้คือทาสที่ดีที่สุดของเราเธอเป็นเผ่าปีศาจที่ถูกจับได้ในมหาสงคราม”

    ผมมองไปที่ทาสสาวที่มีหูยาวและหางที่มีปลายแหลมเป็นรูปหัวใจ ป้ายที่ติดไว้บอกว่าเธอเป็นทาสระดับทอง ซึ่งถือว่าสูงมาก ห้องที่อยู่ก็ดูแตกต่างจากห้องของทาสคนอื่น แต่ตัวเธอนั้นนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมห้อง

    “ราคาของเธอเท่าไหร่”

    “นี้คือทาสระดับทองแถมยังเป็นหญิงสาวที่อายุแค่ 123 ปีสำหรับเผ่าปีศาจนี้ถือว่าเป็นวัยเด็กและเธ…”

    “ทองคำ 10 ตันพอไหม”

    ผมยิ้มให้ไครีย์ที่กำลังตกใจกับราคาที่จ่าย แต่ด้วยความที่เป็นพ่อค้ามืออาชีพไครีย์ก็เก็บอาการได้อย่างรวดเร็ว

    “นั้นมากไปข้าไม่สามารถหลอกลวงลูกค้าได้ราคาของเธอถ้าตีเป็นทองก็ 9.98 ตัน”

    “อีก 1 วันทองคำจะมาส่งให้คุณแล้วการควบคุมเธอล่ะ”

    “ที่คอของเธอมีปลอกคอที่สามารถทำให้เธอทำตามคำสั่งได้ท่านไม่ต้องกังวลและผมหวังว่าเราจะได้ทำการค้ากันอีก”

    ผมกล้าพูดเลยว่าราคาของเธอไม่สูงเท่าทอง 9 ตันแต่นี้เป็นการสร้างมิตรภาพผมต้องจ่าย ชายคนนี้เข้าถึงได้ไม่เหมือนขุนนางส่วนใหญ่ที่ไม่ชอบพวกผม 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×