ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    การมาถึงของตัวร้ายบนโลกแฟนตาซี

    ลำดับตอนที่ #5 : คำทำนาย

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 66


    นี้ยังเป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ของสมาพันธรัฐโลกไม่ให้คนอื่นดูถูก โดยเฉพาะดาวที่ล้าหลังแบบนี้ แถมที่ดาวนี้ยังไม่มีใครเป็นผู้นำที่แท้จริง 

    “ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านที่นั่งอยู่เป็นใคร”

    “ฉันคือจอมมาร อมันด้า ผู้ปกครองเขาปีศาจคนใหม่ส่วนตาแก่นั้นก็คือสันตะปาปาริโอ”

    “ถือเป็นเกียรติมากที่ได้มาพบพวกท่านพร้อมกันนี้คือสารจากสมาพันธรัฐโลกพวกเราต้องการสานสัมพันธ์กับพวกท่าน หวังว่าจะเปิดการค้าและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมได้”

    ผมยืนม้วนจดหมายที่สร้างจากนาโนให้ โดยมันได้ทำการแปลข้อความให้เป็นภาษาของดาวดวงนี้แล้ว แต่หลังอ่านจบ อมันด้า จอมมารสาวก็ถามออกมาด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความสงสัย

    “พวกเจ้าครอบครองดวงดาวได้เลยหรอ”

    “ถูกต้องพวกเราเป็นสมาพันธที่ยิ่งใหญ่มีดาวภายใต้มากมาย”

    แม้ดาวส่วนใหญ่จะไม่มีอะไรมันก็ถือเป็นดาว สิ่งนี้ทำให้คนในห้องหันไปคุยกันเพราะพวกเขายังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ 

    นี้ไม่แปลกอะไรเพราะระดับอารยธรรมของดาวนี้ยังอยู่แค่เมืองและหมู่บ้านเท่านั้น แค่จอมมารคนเดิมจะยึดครองโลกยังทำไม่ได้ การครอบครองดวงดาวจึงเป็นเรื่องที่ไกลตัวพวกเขา แต่คนที่ฉลาดก็จะมองเห็นความจริงหรือซ่อนอยู่ของเรื่องนี้

    “นายคงไม่ได้หมายที่จะมายึดดาวแห่งนี้ใช่ไหม”

    คำพูดของผู้กล้าจูเลียทำให้คนในห้องคิดได้และหันมาจ้องที่พวกผม

    “นี้คือดาวที่สวยงามพวกเราต้องการสานสัมพันธ์กับพวกท่านเพื่อค้าขายเท่านั้น”

    “เราจะรู้ได้ยังไงว่าที่นายพูดมานั้นคือความจริง”

    “เราไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นและข้าอายุมากกว่าช่วยเรียกใหม่ด้วย”

    ผู้กล้าและคนในห้องถึงกับทำหน้าสงสัย แนะนำอายุตัวเองและนายพลทั้งสอง เรื่องนี้ทำให้พระสันตะปาปา ริโอถอนหายใจออกมาผมไม่รู้ว่าทำไม แต่คนในห้องเริ่มมองพวกผมเหมือนเป็นตัวประหลาดแล้ว

    “ผมอายุแค่ 54 ปีพวกเอลฟ์อยู่เป็น 1000 ไม่เห็นเป็นไรเลย”

    ผู้พยายามพูดให้เหมือนมุกตลกแต่เหมือนว่าคนในห้องจะไม่ขำเลย พระสันตะปาปา ริโอ หยิบกระจกบางอย่างออกมาและพูดกับพวกผม

    “บนโลกของเรานี้คือกระจกถูกผิดมันจะแสดงบาปที่ทำมา”

    “บาปคืออะไรพูดเหมือนเราเป็นเด็กอยู่ได้”

    นายพลแอ็นสหัวเราะออกมา ผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เพราะนี้มันดูไร้สาระมากที่โลกของผมไม่มีเรื่องแบบนี้เลย แต่ พระสันตะปาปาริโอก็ใช่กระจกให้ดู 

    นี้ทำให้พวกผมรู้สึกตกใจมากเพราะมันเป็นกระจกเวทย์มนต์ โดยสามารถดูบาปของแต่ละคนได้ ภายในห้องนี้ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์หรือจอมมารก็มีไม่ถึง 1,000 แต่ของผมและนายพลทั้งสองทะลุไปถึง 1 ล้าน

    “ไม่เยอะใช่ไหม”

    “พวกเจ้าทำบาปมาเยอะมากแม้ไม่ใช้กระจกคนที่มีพลังระดับเงินก็สามารถมองเห็นไอสีดำรอบตัวของพวกเจ้าได้”

    “จริงหรอแต่มันก็แค่หนึ่งล้านจอมมารคนเดิมน่าจะมากกว่านี้ใช่ไหม”

    “ไม่เลยนี้คือค่าสูงสุดที่กระจกวัดได้และไม่เคยมีใครในประวัติศาสตร์ที่ปล่อยไอสีดำแบบนี้ออกมา”

    แม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไรผมก็มองดูรอบๆตัวว่ามีไอสีดำไหม แต่ไม่เห็นมีเลยผมจึงสงสัยมากว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยฆ่าคนเลย แต่เมื่อเสียงของเจ้าบลูดังขึ้นผมก็ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมถึงมีบาปมากขนาดนี้

    “คนเราผิดพลาดกันได้ชั้งเรื่องนี้เถอะนี้คือของขวัญจากพวกเรา”

    ผมหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือเพชรสีดำที่ปล่อยละอองสีม่วงออกมาทำให้ดูสวยงามมาก

    “นี้คือสมบัติล้ำค่าจากดาวที่พวกเราครอบครองมันมีเป็นหนึ่งในเพชรที่ประดับบนมงกุฎของจักรพรรดิเรา”

    “ส่งมาเดียวฉันจะเอาให้ฝ่าบาทเอง”

    ขุนนางคนหนึ่งเดินมาเพื่อจะเอาของไปมอบให้กษัตริย์ แต่ผมก็ปฏิเสธและเดินขึ้นไปมองให้เองหลังจากนั้นก็เป็นการพูดคุยเรื่องการค้าและการทูต

    โดยผมจะเดินทางไปสำรวจดินแดนต่างๆเพื่อดูสินค้าว่าสามารถซื้อขายได้ไหม แต่หลังจากที่ผมออกไปจากท้องพระโรงก็มีคนอยู่เพื่อพูดคุยกัน

    “พวกนี้ไม่ใช่มนุษย์และไม่ได้มาดีแน่นอน”

    จอมมารอมันด้าพูดตามที่เธอเห็นทุกคนเห็นด้วยเพราะอะไรก็ตามที่ปล่อยไอสีดำออกมาแบบนี้ต้องหมายความว่าทำบาปมาเยอะมาก เจ้าหญิงไวโอเล็ทที่เป็นคนไม่ชอบอะไรซับซ้อนจึงเสนอขึ้น

    “ข้าว่าเราควรไล่คนพวกนี้ออกไปจะให้คนพวกนี้เที่ยวเดินไปที่ต่างๆได้ยังไง”

    “ลูกพ่อทำแบบนั้นจะทำให้คนพวกนี้ไม่พอใจได้”

    “ท่านริโอคิดว่ายังไงท่านพ่อยอมคนพวกนี้มากไปแล้ว”

    เมื่อเห็นว่าพ่อของเธอดูจะเกรงใจคนพวกนี้ เธอก็หันไปถามพระสันตะปาปาแต่คำตอบที่ได้ทำให้ทุกคนถึงกับเหงื่อไหลออกมา

    “ก่อนหน้านี้มีคำทำนายออกมาว่าพวกเราจะพบกับสงครามครั้งใหญ่ที่รุนแรงพอจะทำลายโลกทั้งใบได้ ข้าคิดว่าสงครามนั้นกำลังจะเกิดขึ้น”

    “มันไม่ใช่สงครามที่เราสู้กับจอมมารงั้นหรอ”

    ผู้กล้าจูเลียเองก็เคยได้ยินแต่เขาก็คิดว่ามันเป็นแค่สงครามกับจอมมารเท่านั้น

    “จอมมารอมีตี้ได้รับคำทำนายที่มากกว่าเรา ข้าคิดว่าสงครามที่ทำไปไม่ใช่สิ่งที่คำทำนายบอกมา”

    หลังพูดจบสันตะปาปาก็หันไปมองจอมมารอมันด้าเพื่อให้เธอบอกคำทำนายตัวเต็ม ซึ่งนำทำนายของเผ่าปีศาจได้มากกว่าของฝั่งนักบวช แต่จอมมารอมันด้าไม่บอกอะไรเธอเดินออกไปจากห้องทันที

    “เราต้องไล่พวกมันออกไปก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น”

    “ข้าเห็นด้วยกับไวโอเล็ท”

    เจ้าชายวิด้าเห็นด้วยกับการไล่คนพวกนี้ออกไป เพราะจากการเป็นคนนำทางเขาก็ได้เห็นแล้วว่าคนพวกนี้ดูก้าวร้าวเกินไป

    แต่สุดท้ายราชาเฟริซิกก็ตัดสินใจให้คนพวกนี้อยู่ต่อไป เพราะการจะไล่คนพวกนี้อาจทำให้เกิดสงครามขึ้นและคนเผ่าอื่นคงไม่อยากจะร่วมสงครามที่พวกเขาเป็นคนเริ่ม

    เขายังจะใช่โอกาสนี้ในการเรียนรู้ว่าโลกที่คนพวกนี้จากมาเป็นยังไง การรู้จักคนที่อาจจะเป็นศัตรูในอนาคตก็ไม่ได้เสียหายอะไร แถมคนพวกนี้ก็บอกว่าจะกลับไปในอีก 1 เดือนข้างหน้า คนที่จะรับหน้าที่เผ้าติดตามและแนะนำดินแดนต่างๆก็คือวิด้าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×