คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การมาถึงของตัวร้าย
ณ สถานที่แห่งหนึ่งมีเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่โดยเมื่อมองจากด้านบนจะพบว่ามันเป็นเมืองขนาดใหญ่ มีกำแพงล้อมเป็นวงแหวน 3 ชั้นตรงกลางมีปราสาทขนาดมหึมาตั้งอยู่
บ้านเรือนก็เป็นแบบยุคกลาง แต่ที่แตกต่างจากโลกคือผู้คนที่เดินอยู่มีดาบหรือไม่ก็คาถาพกไปด้วย บางคนก็มีหูหรือหางออกมาดูไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป นี้คืออาณาจักรเมเบลที่มีทุกเผ่าพันธุ์รวมตัวกันอยู่ มันเป็นศูนย์กลางของโลกแห่งนี้
ด้วยขนาดเมืองที่ใหญ่กว่านิวยอร์กเกือบ 2 เท่า แต่เบื้องหลังกำแพงเมืองที่สูงสง่ามันมีประวัติศาสตร์ที่น่าเจ็บปวดอยู่ เพราะ 2 ปีก่อนทัพของจอมมารได้เข้าโจมตีเมืองแห่งนี้ ทุกเผ่าพันธุ์จึงรวมตัวกันเพื่อต่อต้านการโจมตี
นี้ทำให้เกิดการต่อสุ้ขนาดใหญ่ขึ้นโดยผลของสงครามผู้ก็สามารถปราบจอมมารได้ แต่ความจริงนั้นดูต่างออกไปและก่อนที่จอมมารจะตายเขาก็ได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้
“พวกมันกำลังมาตอนนี้ข้าได้ทำหน้าที่เสร็จแล้ว….ที่เหลือฝากด้วย”
“เดียวก่อ…”
ผู้กล้าพยายามจะถามต่อแต่มันก็สายไปแล้วจอมมารได้ตายลง แต่ไม่ได้ตายเพราะคมดาบจอมมารตายเพราะได้ใช้มหาเวทย์ที่ทำให้โลกถูกปกคลุมด้วยควันสีดำ
“มันคืออะไรกันแน่”
บนปราสาทผู้กล้า จูเลีย กำลังมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยควันสีดำ นี้ทำให้ชายหนุ่มวัย 17 ปีสงสัยเป็นอย่างมากว่ามันคืออะไร แต่ในระหว่างที่เขากำลังมองดูก็มีคนเข้ามาสะกิดไหล่ของเขาพอหันไปก็พบว่าเป็นผู้หญิงผมยาวสีแดงและมีตาสีฟ้า รูปร่างสวยงามมากเธอคือเจ้าหญิง ไวโอเล็ท ของอาณาจักรแห่งนี้
“กำลังมองอะไรอยู่หรอท่านผู้กล้า”
เธอนั่งลงข้างๆเขาและถามออกมา เขาจึงชี้ไปที่ท้องฟ้าทำให้หญิงสาวคนนี้รู้ทันทีว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร
“มันไม่ได้ป้องกันแสงแดนเหมือนที่เราคิดไว้แล้วจอมมารตั้งใจทำอะไรกันแน่”
“ข้าได้คุยกับท่านนักบวชแล้วเขาบอกว่ามันเป็นแค่ควันที่ใช้ป้องกันการมองเห็นไม่มีผลเสียอะไรเลย”
“นั้นละแปลก”
ตอนแรกทุกคนคิดว่าจอมมารจะใช้มหาเวทย์นี้ในการทำลายโลก เพราะถ้าควันสีดำไปบดบังแสงแดดเอาไว้ก็จะมีคนตายเยอะมากเพราะทุกอย่างต้องการแสงแดด แต่มันก็ไม่เป็นอะไรแสงยังลงมาปกติจนมันเหมือนควันนี้มีไว้สำหรับป้องกันว่าเขาจากอะไรสักอย่าง
อีกอย่างคือผู้กล้าหนุ่มกำลังสงสัยว่าจอมมารคนนี้เหมือนไม่ได้ตั้งใจรุกรานเพื่อยึดครองโลกตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องจากต่อให้จอมมารแข็งแกร่งแต่ทางเขาก็ดูจะเหนือกว่า
นอกจากเขาและเจ้าหญิงไวโอเล็ทก็มีเจ้าชายอีก 2 คนที่มีระดับพลังสูงถึงระดับแพลตตินั่ม ไปรวมกับราชาของเผ่าพันธุ์อื่นๆก็มีมากถึง 7 คนยากมากที่จอมมารคนเดียวจะเอาชนะได้
“ท่านพ่อเรียกแล้วเราไปกันเถอะ”
“อือ..”
เขาลุกขึ้นด้วยความช่วยเหลือของไวโอเล็ทจากนั้นก็เดินทางไปที่ท้องพระโรง ซึ่งมีเจ้าชายอีก 2 คนรออยู่ คนแรกแข็งแกร่งที่สุดคือเจ้าชายวิด้า เป็นชายที่ตัวสูงถึง 197 ซม.ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเมื่อรวมกับชุดขนาดใหญ่ก็ทำให้เขาดูน่าเกรงขามมาก
แต่เขาก็เป้นคนที่ใจดีและรักครอบครัวเป็นอย่างมาก อีกคนเป็นเจ้าชายโรแกนตัวสูงแค่ 162 ซม. แต่เก่งด้านการวางแผนและเป็นแบทเทิลเมจที่เก่งกาจที่สุดในโลก แต่ต่างจากพี่ชายคือเขาใส่ชุดจอมเวทย์ที่ดูคล่องตัวกว่า
เจ้าหญิงไวโอเล็ทเดินไปทักทายพี่ชายทั้งสองพวกเขามีสีผมเหมือนกันคือสีแดง ซึ่งได้มาจากพ่อหรือพระราชาเฟริซิกที่กำลังมองไปที่ภาพต้องหน้าและยิ้มอย่างมีความสุข ลูกทั้ง 3 ของเขาแข็งแกร่งและรักกันมากอายุยังไม่ถึง 20 ก็สามารถขึ้นมาระดับแพลตตินั่มได้แล้ว
“เริ่มประชุมได้แล้วฝ่าบาทข้ายังเหลืองานอีกเยอะนะ”
เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้นเขาคือไครีย์ ลักษณะของเป็นตาแก่หัวล้านตัวอ้วนๆเสื้อผ้าก็ดูหรูหรามาก เพราะเขาเป็นขุนนางที่ร่ำรวยที่สุด
“เอาล่ะงั้นเรามาเริ่มกันเถอะ”
“ท่านพ่อมีอะไรถึงได้เรียกพวกเรามาประชุมหรอค่ะ”
เป็นเจ้าหญิงไวโอเล็ทที่ถามเพราะวันนี้พ่อของเธอเรียกทุกคนมารวมตัวกัน พระราชาเฟริซิกจึงให้ลูกน้องคนสนิทเอาประกาศออกมาอ่านให้ฟังทำให้ทุกคนในห้องถึงกับตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ท่านพ่อจะสละบัลลังก์งั้นหรอคะ”
“ใช้แล้วตอนนี้ร่างกายของพ่อไม่ไหวแล้ว”
“แล้วฝ่าบาทจะให้ใครขึ้นครองราชแทน”
ไครีย์ถามออกไปเพราะการสละราชบังลังก์เป็นเรื่องใหญ่มากขุนนางคนอื่นในห้องก็ไม่คิดว่ากษัตริย์ของพวกเขาจะลงจากบัลลังก์ในเวลานี้
ทุกคนคิดว่าคนรับช่วงต่อจะเป็นใครไปไมไ่ด้นอกจากเจ้าชายวิด้าที่เป็นลูกคนโตและมีความแข็งแกร่งสูงที่สุด แต่พระราชากลับชี้ไปที่ผู้กล้าจูเลีย คนทั้งห้องถึงกับทำหน้าเหวอและถามออกไปด้วยความสงสัย
“วิด้าเจ้าเข้าใจใช่ไหม”
“น้องชายจูเลียเก่งกว่าข้าและเขาเหมาะสมแล้ว”
“ข้าจะผู้กล้าจูเลียเป็นราชาและแต่งงานกับไวโอเล็ท ส่วนวิด้าจะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนต่อไป”
เจ้าหญิงถึงกับหน้าแดงเธออายแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ส่วนเจ้าชายวิด้าเขาก็เข้าไปกอดแล้วแสดงความยินดีกับผู้กล้า ซึ่งเหมาะสมที่จะเป็นราคาคนต่อไปมาก
แม้แต่ก่อนจะอยากเป็นราชาแต่เมื่อท่านพ่อเลือกแบบนี้เขาไม่ได้คิดมากอยู่แล้ว แถมการพัฒนาของผู้กล้าจูเลียยังรวดเร็วมากแม้ตอนนี้เขาจะเก่งกว่าแต่ก็คงได้ไม่นาน ด้วยพรของผู้กล้าที่ได้รับการยอมรับจากมานาในประวัติศาสตร์เรอาก็มีแค่ผู้กล้าเท่านั้นที่ผ่านระดับแพลตตินั่มไปได้
“เดียวสิครับฝ่าบาทผมยังไม่พร้อมที่จะเป็นราชานะครับ”
มันกลายเป็นผู้กล้ามากกว่าที่ไม่อยากยอมรับเพราะเขาเองก็ไม่อยากเป็นเจ้าชาย แต่เมื่อไวโอเล็ทเกลี้ยกล่อมเขาก็ยอมเป็น งานวิธีจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่มีพระสันตะปาปาเข้าร่วม
มันเป็นทั้งงานแต่งงานและงานครองราช แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะทำพิธีสวมมงกุฎอยู่นั่นเอง พระสันตะปาปาก็ลุกขึ้นจากนั้นก็วาปออกไปด้านนอกทำให้ทุกคนตกใจมาก
เมื่อทุกคนออกมาก็พบว่าพระสันตะปาปากำลังยืนมองขึ้นไปบนฟ้า พระสันตะปาปาพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีและที่มือของเขาก็มีไม้คฑาเตรียมไว้แล้ว
“กำลังมีอะไรพยายามผ่านควันมา”
แค่เสี้ยววินาทีแสงสว่างจ้าก็เกิดขึ้นทุกคนถึงกับหลับตาลง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาพวกเขาก็พบกับภาพที่น่าตกใจบนท้องฟ้าเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ควันสีดำที่ปกคลุมอยู่หายไปแทนที่ด้วยลูกไฟขนาดใหญ่ที่กำลังตกลงมา
ท้องฟ้าแดงฉานเพราะการระเบิดผู้คนถึงกับหลบเข้าบ้านด้วยความหวาดกลัว เสียงนั้นเหมือนกับฟ้ากำลังล่มสลายมันเป็นการระเบิดที่รุนแรงมาก
“ขอพรพระผู้เป็นเจ้าจนปกป้องลูกด้วย”
พระสันตะปาปาเปิดใช้งานมหาเวทย์ทำให้เกิดวงแหวนขนาดใหญ่สีทองครบคลุมพื้นที่ของเมืองไว้ แม้การระเบิดจะเกิดขึ้นนอกชั้นบรรยากาศ แต่ก็ต้องป้องกันเมืองก่อนเพราะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมาดีหรือมาร้าย แถมการระเบิดขนาดนี้ยังน่ากลัวมาก
“กำลังมีบางอย่างลงมา”
“นี้มันเรื่องอะไรกันแน่พวกคุณปิดบังอะไรเอาไว้”
ผู้กล้าจูเลียเดินไปถามพระสันตะปาปาที่น่าจะรู้มากที่สุด ตั้งแต่ช่วงสงครามแล้วที่ชายแก่คนนี้หายตัวไปไม่ออกมาช่วยหรือทำอะไร
พระสันตะปาปาริโอไม่ตอบแต่ใช้คฑาชี้ไปที่อะไรบางอย่างที่กำลังลงมาจากท้องฟ้า เจ้าชายโรแกนรีบร่ายมหาเวทย์บางอย่างที่ทำให้มีพวกเขามองเห็นว่ามันคืออะไร
ซึ่งภาพที่เห็นก็ทำให้ทุกคนช็อคไปสักพักหนึ่งเพราะกำลังมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้จัก มันเคลื่อนตัวเร็วมากจนไม่นานก็หายไปจากระยะของเวทย์มนต์ตรวจจับ
“โรแกนและวิด้าออกไปดูจุดตกของมันสิ่งนี้น่าจะตกลงในดินแดนเหนือของพวกเอลฟ์”
“ครับท่านพ่อ”
เมื่อได้รับคำสั่งเจ้าชายทั้งสองก็รีบไปยังเครื่องวาปที่อยู่กลางเมือง โดยมันสามารถวาปไปยังจุดหมายนั้นก็คืออาณาจักรแห่งเอลฟ์ได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้งานแต่งงานและงานครองราชก็ต้องยกเลิก เพราะประชาชนหรือแม้แต่ขุนนางก็มองว่ามันเป็นลางร้าย
พระสันตะปาปายังไม่ได้เดินไปไหนเขามองดูท้องฟ้าที่กำลังแดงฉานอยู่จนไม่นานควันสีดำก็เริ่มกลับมาและปกคลุมตามเดิม ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรแต่สิ่งที่ทำลายม่านบาเรียที่จอมมารใช้ชีวิตของตัวเองสร้างไว้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ความคิดเห็น