ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำที่ 1 ถ้ำแห่งวิญญาณ
  ยามค่ำคืนแห่งถ้ำ “สปีริทอช” อันเงียบสงบวังเวงแวดล้อมไปด้วยป่าอันเก่าแก่ที่มีพืชพรรณไม้น้อยใหญ่ขึ้นกันแน่นขนัดจนมีสภาพอึมครึม
  ในเวลาดึกสงัดที่พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างลอดผ่านหมู่ไม้ลงมาเป็นแสงสลัวอย่างในคืนนี้ มันคือเวลาอันดีของพวกมนุษย์หมาป่าขนรุงรังอย่างพวกโงลที่จะทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายแห่งมันสั่งมา
  โงลหลายร้อยเดินเป็นแถวยาวผ่านทางอันมืดมัวใต้ร่มไม้ใหญ่ในป่าตามเส้นทางที่คดเคี้ยวดุจงูเลื้อยเพื่อไปยังถ้ำสปีริทอช ถ้ำแห่งวิญญาณภูตพรายและวิญญาณปีศาจที่ถูกจอมเวทย์แห่งป่าฮอสเทนใต้กักขังไว้ พวกมันมาโดยมีเพียงจุดประสงค์อย่างเดียวคือเพื่อตามหาวิญญาณดวงหนึ่งที่ผู้อยู่เหนือหัวของมันต้องการนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานของดาร์กเคลมอันเป็นชนเผ่าลึกลับแห่งดินแดนต้องคำสาปทางตอนเหนือของทวีป
  พวกมันทั้งลึกลับและมีนิสัยชอบอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยปราศจากผู้อื่นรอบกาย ไม่เคยมีผู้ใดที่เจอะเจอกับพวกมันรอดพ้นกลับมาได้แม้เพียงผู้เดียว ตอนนี้พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวอยู่ภายในบริเวณอย่างเงียบๆ มีผู้คนที่อาศัยติดกับดินแดนลึกลับนั้นได้กล่าวเล่ากันว่ามักจะได้ยินเสียงของภูตผีปีศาจที่ระงมดังมาจากอีกฟากของหุบเขาอันเดธอันเป็นเขตแดนระหว่างตอนเหนือของทวีปกับส่วนอื่นๆ  ว่ากันว่าเป็นเวลานานหลายร้อยปีมาแล้วภูผาอันแข็งแกร่งแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยจอมเวทย์ผู้หนึ่งเพื่อกักขังเหล่าปีศาจแห่งอเวจีไว้ แต่สักวันอำนาจแห่งภูผาหินแห่งนี้จะเสื่อมลง มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะตกอยู่ใต้อำนาจชั่วช้าของเหล่าปีศาจอีกครั้ง...
   
  “ทำไมนายท่านต้องการวิญญาณดวงนี้ด้วยนะ”โงลเตี้ยอ้วนตัวหนึ่งพล่ามขึ้นขณะที่กำลังเดินทางผ่านส่วนหนองบึงของป่าเกรธาน เสียงนกฮูกแว่วมาเป็นระยะๆและหมอกเริ่มลงจัดจนมองทางแทบไม่เห็น “ข้ากลัวจะตายอยู่แล้ว หิวข้าก็หิว”พูดพลางเอามือลูบท้องไปมาเป็นท่าทางให้เห็นว่ามันรู้สึกอย่างไร
 
  “ระวังปากไว้หน่อยเถอะเจ้าเปียก นายท่านจะสั่งอะไรมาเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเจ้าก็แค่ทำตามที่ท่านสั่งไปเถอะ ถ้าเจ้าอยากกลับไปนั่งกินนอนกินจนอ้วนเหมือนหมูจนขนาดไม่กลัวตายนักหละก็เจ้าก็ไปเลยสิ”โงลอีกตัวหนึ่งที่เดินมาข้างๆตะคอกใส่หน้ามัน ดูเหมือนมันเริ่มความรำคานสุดจะทานทนที่ต้องคอยฟังเพื่อนของมันบ่นได้บ่นนับตั้งแต่ออกเดินทาง
 
  “ก็ข้าสงสัยนี้หว่า ข้าไม่ใช่เจ้าที่จะอดอาหารได้นานๆนี่”เจ้าโงลอ้วนพูด เริ่มรู้สึกความหงุดหงิดที่ไม่ได้กินข้าวมาเกือบทั้งวัน
 
  “ข้าว่าอ้ายตัวเจ้าเองนะมันไม่ได้สงสัยอะไรกับเขาหรอก แกมันก็แค่ห่วงแต่กินๆนอนๆไปวันๆเท่านั้นแหละ”
 
  “อ้ายตัวเจ้าเองมันก็บ่นด้วยไม่ใช่เหรอ ดูตัวเจ้าสิผอมจนแทบจะเหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว” มันเอามือชี้ไปที่ตัวเพื่อนมันซึ่งขณะนี้แทบจะไม่เห็นอะไรนอกจากหนังหนาๆที่หุ้มกระดูกอยู่เท่านั้น “ข้าสงสัยนักว่าทำไม่เจ้าถึงอดได้อดดีนักหนานะ...ยอง”โงลอ้วนสวนกลับด้วยอารมณ์ที่เริ่มขุ่นเคืองในคำพูดของเพื่อนมัน
 
  “เจ้าพูดอะไรของเจ้าหา ข้าไม่ได้บ่นเรื่องเฮงซวยอย่างแกซักหน่อยนี่อ้ายเตี้ย”ยองก็แทบจะหมดความอดทนแล้วมันกำมือแน่ขึ้นทุกๆทีด้วยความโมโห
 
  “เรื่องเฮงซวยอะไรไของเจ้าหา กองทัพมันก็ต้องเดินด้วยท้องนะหรือเจ้าไม่ต้องกินข้าวกินปลาวะไอ้ขี้ก้าง”
 
  “อ๋อพูดจาสวะแบบนี้หมายความว่าเจ้าอยากมีเรื่องหรือไงวะ...ยังเกิล”
 
  “เออ เจ้ามันชักจะด่าเก่งจนปากเหม็นเน่าเกินไปแล้วเดี๋ยวข้าจะจัดการกับปากเน่าๆของเจ้าเอง”ความอดทนของทั้งคู่หมดลงแล้วและบทบาทใหม่ของทั้งคู่กำลังจะตามมา
 
  เมื่อการโต้วาทีของสองมนุษย์หมาป่าจบลงแต่การต่อสู้ของมันทั้งคู่เพิ่งเริ่มขึ้นท่ามกลางฝูงโงลตัวอื่นๆที่อยู่ในบริเวณนั้น
  โงลทั้งคู่หยิบอาวุธประจำกายของตนขึ้นมาจับมั่นไว้ในมือและตั้งท่าทางเตรียมพร้อมจู่โจมศัตรูของมันที่อยู่ตรงหน้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ โงลเตี้ยเริ่มขู่คู่ต่อสู้ของมันโดยการแยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันอันคมกริบนับสิบที่พร้อมจะฉีกทุกสิ่งที่ถูกมันกัดเป็นชิ้นๆและส่งเสียงขู่ในลำคอตามสัญชาตญาณของหมาป่า ยองขู่ตอบและวิ่งเข้าไปโจมตีอดีตเพื่อนของมัน ยังเกิลโดนเพื่อนของมันจู่โจมมาเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อนทำให้มันต้องถอนหลังไปเรื่อยๆจนสะดุดกับหินก้อนหนึ่งในแอ่งน้ำและล้มลงเปิดโอกาสดีให้ศัตรูของมันเข้ามาโจมตีอย่างง่ายดาย แต่เมื่อขวานเหล็กของคู่ต่อสู้ฟาดลงมาหมายเอาชีวิต มันก็เอาโล่ไม้กันไว้อย่างทุลักทุเล ขวานเหล็กที่ฟาดมาเมื่อครู่เจาะทะลุโล่ไม้ของมันจนเกือบทะลุ เป็นโอกาสให้มันยันคู่ต่อสู้ออกไปจนยองล้มลงกระแทกพื้น มันจึงมีโอกาสตั้งตัวลุกขึ้นต่อสู้บ้าง
  การต่อสู้ของทั้งคู่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนเมื่อยังเกิลเกิดเสียท่าล้มอีกครั้ง โอกาสที่จะได้รับชัยชนะของยองก็กลับมาอีกครั้งมันฟังโล่ของยังเกิลจนแตกละเอียดเป็นชิ้นๆและกำลังจะฟาดขวานในมือลงไปปลิดชีพศัตรูของมัน แต่มันก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงๆหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลัง
 
  โงลรูปร่างสูงใหญ่แลดูหน้าเกรงขามเดินตรงมายังทั้งคู่ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบของโงลตัวอื่นๆที่ยืนมองการต่อสู้เมื่อครู่อยู่ รอยแผลเป็นที่ตาข้างซ้ายและตามตัวบ่งบอกได้ถึงความว่ามันต้องผ่านศึกมาอย่างโชกโชนแน่นอน
  เมื่อคู่วิวาททั้งคู่ได้สติก็หันมานั่งชันเข่าทำความเคารพต่อผู้ที่มาถึง
 
  “พวกเจ้าทำบ้าอะไรกันอยู่หา อยากตายกันนักหรือไงถึงได้คิดต่อสู้กันในระหว่างการทำตามคำสั่งที่ท่านลอร์ดสั่งมา”มันตะคอก เสียงอันแหบแห้งของมันฟังดูช่างเหมือนคนไม่ได้กินน้ำมาเป็นวัน
 
  “ท่านหัวหน้าโปรดอภัยให้พวกเราด้วยเถอะ พวกเราแค่หยอกกันเล่นๆเท่านั้นนะ”ยองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเล็กน้อยที่แสร้งทำด้วยความยากลำบากและใช้ศอกสะกิดเพื่อนของมัน
 
  “อะ...เอ่อ คือใช่ครับท่านหัวหน้าพวกเราแค่หยอกกันเล่นๆเท่านั้น”โงลอ้วนหัวเราะแห้งๆและเริ่มมีท่าทีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
 
  “อืม...งั้นหรือ พวกเจ้าแค่อยากเล่นคลายเครียดสินะ ใช่ไหม”หัวหน้าโงลพูดขึ้น ทำหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วหันมายิ้มน้อยให้กับโงลทั้งสอง มันทั้งสองถึงกับสะดุ้งพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย
 
  “คะ...คือว่า”โงลทั้งสองเริ่มหวาดระแวงในท่าทีของหัวหน้าโงล และมันก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมือหัวหน้าโงลตะโกนขึ้น
 
  “ใช่ไหม!”หัวหน้าโงลตะคอกขึ้น เสียงของมันดังซะจนโงลตัวอื่นๆที่อยู่รอบข้างพากันตกใจผวาไปตามๆกัน จากนั้นมันจึงเดินไปหาทั้งคู่แล้วยกพวกมันขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างอย่างไม่ยากเย็นและเดินไปที่หน้าแถวของพวกโงล
 
  “ท่านจะทำอะไรพวกข้านะ ปล่อยพวกข้าลงไปเถอะ”โงลทั้งคู่พูดขอร้องแก่หัวหน้าของมัน มันทั้งคู่เริ่มรู้สึกกลัวจะทำอะไรแทบไม่ถูกแขนขาเริ่มแกร็ง
 
  “ข้าจะทำอะไรเดี๋ยวพวกแกก็จะได้รู้เอง”หัวหน้าโงลแสยะยิ้มเล็กน้อยแล้วปล่อยพวกมันลงตรงหน้าแถวของพวกโงลดังปัก จนโงลทั้งคู่แทบจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่สิ่งที่ทำให้พวกมันร้องและต้องผงะออกมาจากที่ที่มันถูกโยนลงไม่ออกก็คือสิ่งที่มันเห็นอยู่รงหน้า
 
  มันคือถ้ำเก่าแก่ที่ทั้งมืดและเงียบซะจนดูวังเวงหน้ากลัวแต่สิ่งที่ทำให้พวกมันตกใจก็คือฝูงวิญญาณภูตพรายที่ลักษณะเหมือนลูกไฟเรืองแสงสีเขียวและฟ้าจำนวนมากมายกำลังบินวนเวียนอยู่ที่ปากถ้ำเหนือหัวพวกมัน
  อึดใจต่อมาก็เริ่มมีวิญญาณที่มีสีสันแปลกไปจากเดิมบินออกมาจากส่วนลึกของถ้ำเป็นจำนวนมากมายมีทั้งพวกที่มีสีแดงเข้มจนถึงสีเหลืองแต่พวกมันดูไม่เหมือนกลุ่มวิญญาณที่เห็นในตอนแรก รูปร่างที่เห็นดูเหมือนเป็นโครงกระดูกของมนุษย์และสัตว์แปลกๆ พวกมันกำลังพยายามบินโฉบออกมาจากถ้ำตรงมาที่ฝูงพวกโงลที่ยืนด้วยความตะลึงอยู่ แต่เมื่อถึงปากถ้ำ พวกมันก็ถูกดีดกลับไปโดยบางสิ่งบางอย่างคล้ายโล่กระจกคอยกันมันเอาไว้ในถ้ำ 
  หัวหน้าโงลเดินมาที่ปากถ้ำแล้วชูมือที่ถือลูกแก้วใสขนาดประมาณผลส้มขึ้น มันก้มหน้าลงก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วโยงลูกแก้วสูงขึ้นไปบนฟ้าเป็นเส้นตรง
  ทันทีที่ลูกแก้วลอยสูงขึ้นไปราว 7 เมตรมันก็หยุดกลางอากาศและเปล่งแสงสว่างจนผืนป่าแถบนั้นสว่างจ้าอย่างเห็นได้ชัดจากพื้นที่ข้างเคียง มวลอากาศบริเวณลูกแก้วค่อยๆหมุนรอบๆมันดูคล้ายตาพายุขนาดเล็กที่ค่อยๆยื่นงวงลงมาแตะพื้น  ตรงหน้าฝูงโงลที่ยืนดูด้วยความฉงน ตอนนี้ปลายงวงพายุที่ยื่นลงมาเมื่อครู่ได้แผ่ออกเป็นม่านควันที่มีจุดศูนย์กลางคล้ายน้ำวนและมีผู้หนึ่งกำลังย่างก้าวออกมาจากประตูควัน
  ในเวลาดึกสงัดที่พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างลอดผ่านหมู่ไม้ลงมาเป็นแสงสลัวอย่างในคืนนี้ มันคือเวลาอันดีของพวกมนุษย์หมาป่าขนรุงรังอย่างพวกโงลที่จะทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายแห่งมันสั่งมา
  โงลหลายร้อยเดินเป็นแถวยาวผ่านทางอันมืดมัวใต้ร่มไม้ใหญ่ในป่าตามเส้นทางที่คดเคี้ยวดุจงูเลื้อยเพื่อไปยังถ้ำสปีริทอช ถ้ำแห่งวิญญาณภูตพรายและวิญญาณปีศาจที่ถูกจอมเวทย์แห่งป่าฮอสเทนใต้กักขังไว้ พวกมันมาโดยมีเพียงจุดประสงค์อย่างเดียวคือเพื่อตามหาวิญญาณดวงหนึ่งที่ผู้อยู่เหนือหัวของมันต้องการนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานของดาร์กเคลมอันเป็นชนเผ่าลึกลับแห่งดินแดนต้องคำสาปทางตอนเหนือของทวีป
  พวกมันทั้งลึกลับและมีนิสัยชอบอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยปราศจากผู้อื่นรอบกาย ไม่เคยมีผู้ใดที่เจอะเจอกับพวกมันรอดพ้นกลับมาได้แม้เพียงผู้เดียว ตอนนี้พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวอยู่ภายในบริเวณอย่างเงียบๆ มีผู้คนที่อาศัยติดกับดินแดนลึกลับนั้นได้กล่าวเล่ากันว่ามักจะได้ยินเสียงของภูตผีปีศาจที่ระงมดังมาจากอีกฟากของหุบเขาอันเดธอันเป็นเขตแดนระหว่างตอนเหนือของทวีปกับส่วนอื่นๆ  ว่ากันว่าเป็นเวลานานหลายร้อยปีมาแล้วภูผาอันแข็งแกร่งแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยจอมเวทย์ผู้หนึ่งเพื่อกักขังเหล่าปีศาจแห่งอเวจีไว้ แต่สักวันอำนาจแห่งภูผาหินแห่งนี้จะเสื่อมลง มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะตกอยู่ใต้อำนาจชั่วช้าของเหล่าปีศาจอีกครั้ง...
   
  “ทำไมนายท่านต้องการวิญญาณดวงนี้ด้วยนะ”โงลเตี้ยอ้วนตัวหนึ่งพล่ามขึ้นขณะที่กำลังเดินทางผ่านส่วนหนองบึงของป่าเกรธาน เสียงนกฮูกแว่วมาเป็นระยะๆและหมอกเริ่มลงจัดจนมองทางแทบไม่เห็น “ข้ากลัวจะตายอยู่แล้ว หิวข้าก็หิว”พูดพลางเอามือลูบท้องไปมาเป็นท่าทางให้เห็นว่ามันรู้สึกอย่างไร
 
  “ระวังปากไว้หน่อยเถอะเจ้าเปียก นายท่านจะสั่งอะไรมาเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเจ้าก็แค่ทำตามที่ท่านสั่งไปเถอะ ถ้าเจ้าอยากกลับไปนั่งกินนอนกินจนอ้วนเหมือนหมูจนขนาดไม่กลัวตายนักหละก็เจ้าก็ไปเลยสิ”โงลอีกตัวหนึ่งที่เดินมาข้างๆตะคอกใส่หน้ามัน ดูเหมือนมันเริ่มความรำคานสุดจะทานทนที่ต้องคอยฟังเพื่อนของมันบ่นได้บ่นนับตั้งแต่ออกเดินทาง
 
  “ก็ข้าสงสัยนี้หว่า ข้าไม่ใช่เจ้าที่จะอดอาหารได้นานๆนี่”เจ้าโงลอ้วนพูด เริ่มรู้สึกความหงุดหงิดที่ไม่ได้กินข้าวมาเกือบทั้งวัน
 
  “ข้าว่าอ้ายตัวเจ้าเองนะมันไม่ได้สงสัยอะไรกับเขาหรอก แกมันก็แค่ห่วงแต่กินๆนอนๆไปวันๆเท่านั้นแหละ”
 
  “อ้ายตัวเจ้าเองมันก็บ่นด้วยไม่ใช่เหรอ ดูตัวเจ้าสิผอมจนแทบจะเหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว” มันเอามือชี้ไปที่ตัวเพื่อนมันซึ่งขณะนี้แทบจะไม่เห็นอะไรนอกจากหนังหนาๆที่หุ้มกระดูกอยู่เท่านั้น “ข้าสงสัยนักว่าทำไม่เจ้าถึงอดได้อดดีนักหนานะ...ยอง”โงลอ้วนสวนกลับด้วยอารมณ์ที่เริ่มขุ่นเคืองในคำพูดของเพื่อนมัน
 
  “เจ้าพูดอะไรของเจ้าหา ข้าไม่ได้บ่นเรื่องเฮงซวยอย่างแกซักหน่อยนี่อ้ายเตี้ย”ยองก็แทบจะหมดความอดทนแล้วมันกำมือแน่ขึ้นทุกๆทีด้วยความโมโห
 
  “เรื่องเฮงซวยอะไรไของเจ้าหา กองทัพมันก็ต้องเดินด้วยท้องนะหรือเจ้าไม่ต้องกินข้าวกินปลาวะไอ้ขี้ก้าง”
 
  “อ๋อพูดจาสวะแบบนี้หมายความว่าเจ้าอยากมีเรื่องหรือไงวะ...ยังเกิล”
 
  “เออ เจ้ามันชักจะด่าเก่งจนปากเหม็นเน่าเกินไปแล้วเดี๋ยวข้าจะจัดการกับปากเน่าๆของเจ้าเอง”ความอดทนของทั้งคู่หมดลงแล้วและบทบาทใหม่ของทั้งคู่กำลังจะตามมา
 
  เมื่อการโต้วาทีของสองมนุษย์หมาป่าจบลงแต่การต่อสู้ของมันทั้งคู่เพิ่งเริ่มขึ้นท่ามกลางฝูงโงลตัวอื่นๆที่อยู่ในบริเวณนั้น
  โงลทั้งคู่หยิบอาวุธประจำกายของตนขึ้นมาจับมั่นไว้ในมือและตั้งท่าทางเตรียมพร้อมจู่โจมศัตรูของมันที่อยู่ตรงหน้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ โงลเตี้ยเริ่มขู่คู่ต่อสู้ของมันโดยการแยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันอันคมกริบนับสิบที่พร้อมจะฉีกทุกสิ่งที่ถูกมันกัดเป็นชิ้นๆและส่งเสียงขู่ในลำคอตามสัญชาตญาณของหมาป่า ยองขู่ตอบและวิ่งเข้าไปโจมตีอดีตเพื่อนของมัน ยังเกิลโดนเพื่อนของมันจู่โจมมาเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อนทำให้มันต้องถอนหลังไปเรื่อยๆจนสะดุดกับหินก้อนหนึ่งในแอ่งน้ำและล้มลงเปิดโอกาสดีให้ศัตรูของมันเข้ามาโจมตีอย่างง่ายดาย แต่เมื่อขวานเหล็กของคู่ต่อสู้ฟาดลงมาหมายเอาชีวิต มันก็เอาโล่ไม้กันไว้อย่างทุลักทุเล ขวานเหล็กที่ฟาดมาเมื่อครู่เจาะทะลุโล่ไม้ของมันจนเกือบทะลุ เป็นโอกาสให้มันยันคู่ต่อสู้ออกไปจนยองล้มลงกระแทกพื้น มันจึงมีโอกาสตั้งตัวลุกขึ้นต่อสู้บ้าง
  การต่อสู้ของทั้งคู่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนเมื่อยังเกิลเกิดเสียท่าล้มอีกครั้ง โอกาสที่จะได้รับชัยชนะของยองก็กลับมาอีกครั้งมันฟังโล่ของยังเกิลจนแตกละเอียดเป็นชิ้นๆและกำลังจะฟาดขวานในมือลงไปปลิดชีพศัตรูของมัน แต่มันก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงๆหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลัง
 
  โงลรูปร่างสูงใหญ่แลดูหน้าเกรงขามเดินตรงมายังทั้งคู่ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบของโงลตัวอื่นๆที่ยืนมองการต่อสู้เมื่อครู่อยู่ รอยแผลเป็นที่ตาข้างซ้ายและตามตัวบ่งบอกได้ถึงความว่ามันต้องผ่านศึกมาอย่างโชกโชนแน่นอน
  เมื่อคู่วิวาททั้งคู่ได้สติก็หันมานั่งชันเข่าทำความเคารพต่อผู้ที่มาถึง
 
  “พวกเจ้าทำบ้าอะไรกันอยู่หา อยากตายกันนักหรือไงถึงได้คิดต่อสู้กันในระหว่างการทำตามคำสั่งที่ท่านลอร์ดสั่งมา”มันตะคอก เสียงอันแหบแห้งของมันฟังดูช่างเหมือนคนไม่ได้กินน้ำมาเป็นวัน
 
  “ท่านหัวหน้าโปรดอภัยให้พวกเราด้วยเถอะ พวกเราแค่หยอกกันเล่นๆเท่านั้นนะ”ยองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเล็กน้อยที่แสร้งทำด้วยความยากลำบากและใช้ศอกสะกิดเพื่อนของมัน
 
  “อะ...เอ่อ คือใช่ครับท่านหัวหน้าพวกเราแค่หยอกกันเล่นๆเท่านั้น”โงลอ้วนหัวเราะแห้งๆและเริ่มมีท่าทีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
 
  “อืม...งั้นหรือ พวกเจ้าแค่อยากเล่นคลายเครียดสินะ ใช่ไหม”หัวหน้าโงลพูดขึ้น ทำหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วหันมายิ้มน้อยให้กับโงลทั้งสอง มันทั้งสองถึงกับสะดุ้งพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย
 
  “คะ...คือว่า”โงลทั้งสองเริ่มหวาดระแวงในท่าทีของหัวหน้าโงล และมันก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมือหัวหน้าโงลตะโกนขึ้น
 
  “ใช่ไหม!”หัวหน้าโงลตะคอกขึ้น เสียงของมันดังซะจนโงลตัวอื่นๆที่อยู่รอบข้างพากันตกใจผวาไปตามๆกัน จากนั้นมันจึงเดินไปหาทั้งคู่แล้วยกพวกมันขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างอย่างไม่ยากเย็นและเดินไปที่หน้าแถวของพวกโงล
 
  “ท่านจะทำอะไรพวกข้านะ ปล่อยพวกข้าลงไปเถอะ”โงลทั้งคู่พูดขอร้องแก่หัวหน้าของมัน มันทั้งคู่เริ่มรู้สึกกลัวจะทำอะไรแทบไม่ถูกแขนขาเริ่มแกร็ง
 
  “ข้าจะทำอะไรเดี๋ยวพวกแกก็จะได้รู้เอง”หัวหน้าโงลแสยะยิ้มเล็กน้อยแล้วปล่อยพวกมันลงตรงหน้าแถวของพวกโงลดังปัก จนโงลทั้งคู่แทบจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่สิ่งที่ทำให้พวกมันร้องและต้องผงะออกมาจากที่ที่มันถูกโยนลงไม่ออกก็คือสิ่งที่มันเห็นอยู่รงหน้า
 
  มันคือถ้ำเก่าแก่ที่ทั้งมืดและเงียบซะจนดูวังเวงหน้ากลัวแต่สิ่งที่ทำให้พวกมันตกใจก็คือฝูงวิญญาณภูตพรายที่ลักษณะเหมือนลูกไฟเรืองแสงสีเขียวและฟ้าจำนวนมากมายกำลังบินวนเวียนอยู่ที่ปากถ้ำเหนือหัวพวกมัน
  อึดใจต่อมาก็เริ่มมีวิญญาณที่มีสีสันแปลกไปจากเดิมบินออกมาจากส่วนลึกของถ้ำเป็นจำนวนมากมายมีทั้งพวกที่มีสีแดงเข้มจนถึงสีเหลืองแต่พวกมันดูไม่เหมือนกลุ่มวิญญาณที่เห็นในตอนแรก รูปร่างที่เห็นดูเหมือนเป็นโครงกระดูกของมนุษย์และสัตว์แปลกๆ พวกมันกำลังพยายามบินโฉบออกมาจากถ้ำตรงมาที่ฝูงพวกโงลที่ยืนด้วยความตะลึงอยู่ แต่เมื่อถึงปากถ้ำ พวกมันก็ถูกดีดกลับไปโดยบางสิ่งบางอย่างคล้ายโล่กระจกคอยกันมันเอาไว้ในถ้ำ 
  หัวหน้าโงลเดินมาที่ปากถ้ำแล้วชูมือที่ถือลูกแก้วใสขนาดประมาณผลส้มขึ้น มันก้มหน้าลงก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วโยงลูกแก้วสูงขึ้นไปบนฟ้าเป็นเส้นตรง
  ทันทีที่ลูกแก้วลอยสูงขึ้นไปราว 7 เมตรมันก็หยุดกลางอากาศและเปล่งแสงสว่างจนผืนป่าแถบนั้นสว่างจ้าอย่างเห็นได้ชัดจากพื้นที่ข้างเคียง มวลอากาศบริเวณลูกแก้วค่อยๆหมุนรอบๆมันดูคล้ายตาพายุขนาดเล็กที่ค่อยๆยื่นงวงลงมาแตะพื้น  ตรงหน้าฝูงโงลที่ยืนดูด้วยความฉงน ตอนนี้ปลายงวงพายุที่ยื่นลงมาเมื่อครู่ได้แผ่ออกเป็นม่านควันที่มีจุดศูนย์กลางคล้ายน้ำวนและมีผู้หนึ่งกำลังย่างก้าวออกมาจากประตูควัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น