ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    07-Ghost

    ลำดับตอนที่ #1 : 1 วันของหน่วยเสนาธิการ

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 52


    เรื่อง 1วันของหน่วยเสนาธิการ

     

    ภายในป้อมโฮเบิร์ก  เสียงลงฝีเท้าหนักแน่นเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังเป็นจังหวะถี่เร็ว  ทั้งที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นเต็มดวง  แต่บุรุษผู้หนึ่งกลับเร่งรีบเสียเหลือเกิน

     

    ร่างสูงกำยำในชุดทหาร  หัวหน้าหน่วยเสนาธิการอายานามิ  ไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้าใดๆทั้งนั้นขณะก้าวเดินไปยังห้องทำงานของหน่วยเสนาธิการอย่างรวดเร็วจนทหารยามตามทางเดินแทบกระทำวันทยหัตถ์ให้ไม่ทัน

     

    สาเหตุที่เขาต้องรีบเดินน่ะหรือ...

     

    เหลืออีกไม่กี่สิบก้าวก็จะถึงประตูห้อง  โสตประสาทเฉียบคมแว่วเสียงกลุ่มคนข้างใน  ลูกน้องในหน่วยของเขาเอง  เป็นลูกน้องฝีมือเยี่ยม  ซื่อสัตย์ภักดีกับเขาเพียงคนเดียว  ทว่า...

     

    ปัง!!!

     

    ภาพที่เห็นหลังเปิดประตูช่างตรงกับภาพความคิดในหัว  แม้จะเป็นลูกน้องฝีมือฉกาจ  แต่คนเหล่านี้ไม่ต่างอะไรเลยกับตุ๊กตาไขลานยามทำงานนั่งโต๊ะ

     

    “พันตรี กรุณาตื่นแล้วทำงานทีเถอะครับ...อ่ะ อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านอายานามิ”

     

    เบกเลเตอร์โคนัทสึสาละวนเขย่าเจ้านายของตนด้วยท่าทีจวนเจียนจะระเบิด  พันตรีในแว่นกรอบเหลี่ยมปรือตาขึ้นช้าๆ  ยังความโล่งใจแก่คนปลุก  ทว่าประโยคแรกที่เอื้อนเอ่ยกลับเป็น...

     

    “อยากกินอมยิ้มแอปเปิ้ลจัง โคนัทสึ ซื้อให้กินหน่อยสิ...อรุณสวัสดิ์ อายะตัน วันนี้ก็ทำหน้าบูดบึ้งเหมือนเคยเลยนะ”

     

    ก็แล้วมันเพราะใครกันเล่า  คนถูกพูดด้วยเหมือนเป็นตัวประกอบตะคอกกลับในใจ  แต่ภายนอกยังคงวางท่าทีสุขุมลุ่มลึกเหมือนเดิม  เมื่อหันไปอีกทาง...

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านอายานามิ”

     

    อายานามิหันมองฮัลเซ่  แล้วปรายตาต่อไปที่พันโทร่างเล็กในอ้อมแขนเบกเลเตอร์  คุโรยูริยังคงนอนหลับสนิทราวกับเด็กเล็กๆขัดแย้งกับชุดทหารที่สวมใส่เหลือเกิน

     

    ไม่ประหลาดเลยที่อายานามิคิดว่าคนเหล่านี้เป็นเหมือนตุ๊กตาไขลานยามทำงานนั่งโต๊ะ  ถ้าเขาเดินเลยไปเข้าห้องประชุมโดยไม่แวะมาปลุกเจ้าพวกนี้ก็ไม่ต้องตื่นมาทำงานพอดี

     

    พันเอกคัทสึรางิเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  ดูจะชาชินเสียแล้วกับสภาพของผู้ร่วมงานยศต่ำกว่าจึงเพิกเฉยไปและรายงานกำหนดการต่างๆของวันให้อายานามิทราบ

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านอายานามิ นี่เป็นงานเสนอเซ็นของวันนี้ และกำหนดการหลังจากนี้8โมงเช้ามีประชุมผู้นำทหาร...”

     

    “จัดการอ่านเอกสารให้เสร็จก่อนฉันประชุมเสร็จ”

     

    อายานามิสั่งการเสียงเฉียบ  แม้ในใจจะพอเดาผลลัพธ์ได้ก็ตาม...

     

     

    “พันตรี ตื่นมาทำงานได้แล้วครับ ไม่งั้นถ้าท่านอายานามิกลับมา...”

     

    คำต่อท้ายของโคนัทสึได้ผล  ฮิวงะรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแส้ตวัดผ่านอากาศขึ้นมาทันที  พลางคิดว่าเขาคงต้องตื่นได้แล้ว  ร่างสูงโปร่งค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ  เหยียดแขนเหยียดขาขับไล่ความเมื่อยล้า  จากนั้นหันมาหาเบกเลเตอร์ของตนที่ยื่นเอกสารกองใหญ่ให้

     

    “ฉันอยากกินอมยิ้มแอปเปิ้ลน่ะ โคนัทสึไปซื้อให้หน่อยสิ ส่วนฉันขอไปล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วค่อยกลับมากินนะ”

     

    แล้วพันตรีฮิวงะก็ทำตามที่พูดด้วยการเดินไปทางห้องน้ำทันที  ทิ้งให้โคนัทสึอ้าปากค้างไม่ทันได้เอ่ยคำโต้แย้งออกไปว่า...  ล้างหน้าล้างตาของพันตรีใช้เวลานานกว่าเดินออกไปซื้อลูกอมข้างนอกแล้วเดินกลับมาให้อีกหรือครับ

     

     

    อีกด้าน  มีเบกเลเตอร์อีกผู้หนึ่งกำลังปลุกเจ้านายของตนเช่นกัน  เสียแต่ว่าใช้วิธีปลุกต่างกันไกลก็เท่านั้น

     

    “ท่านคุโรยูริ ท่านคุโรยูริ ได้เวลาตื่นแล้วครับ”

     

    ฮัลเซ่เขย่าร่างบอบบางอย่างทะนุถนอม  ดวงตาแวววาวขี้อ้อนเหมือนลูกแมวน้อยปรือขึ้นช้าๆ  คุโรยูริส่งเสียงครางงึมงำในคอเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ

     

    “ทำงานก่อนแล้วค่อยนอนต่อเถอะนะครับ”

     

    ฮัลเซ่ใช้ไม้อ่อนหลอกล่อ  ได้ผล...  เด็กน้อยขยี้ตาตัวเองไปมาประหนึ่งยอมตัดใจตื่น  และตามมาด้วย...

     

    “มอร์นิ่งคิสล่ะ”

     

    คำขอเอาแต่ใจของร่างเล็กได้รับการตอบรับทันที

     

    ...อย่างน้อยๆสองเบกเลเตอร์ก็ปลุกเจ้านายของตนสำเร็จแล้ว...

     

     

    “พันตรี กรุณาทำงานด้วยครับ จะแกล้งขยับมือไปมา หรือใส่แว่นกันแดดเพื่อหลับ ก็ปิดไม่มิดหรอกนะครับ”

     

    “แหม โคนัทสึเก่งจัง”

     

    ไม่อย่างนั้นจะมาเป็นเบกเลเตอร์คุณได้หรือไง  คนถูกชมเถียงกลับในใจ  อยู่กับพันตรีมาตั้งนานเซลล์สมองเขาถูกทำลายจนไม่เหลือแล้ว  นั่นไง  คิดยังไม่ทันจบประโยคเลย

     

    “พันตรี อย่าวาดรูปเล่นใส่เอกสารสำคัญสิครับ”

     

    “ก็เห็นโคนัทสึทำหน้าปั้นยาก เลยอยากลองวาดดูน่ะ ดูสิ หน้าโคนัทสึล่ะ”

     

    พันตรีคนเก่งในแว่นกรอบเหลี่ยมชูรูปวาดของตนให้ดู

     

    “เหมือนเปี๊ยบเลยพันตรี...ซะที่ไหนเล่า อย่ามาทำป่วยๆลงเอกสารสำคัญสิครับ”

     

    โคนัทสึว้ากใส่ชุดใหญ่โดยไม่สนตำแหน่งหน้าที่หรือระดับอาวุโส

     

    หลังจากฮิวงะก้มหน้าก้มตาทำงานไปได้ไม่เท่าไหร่  เสียงเวลาบอกพักเที่ยงก็ดังขึ้น

     

    “โอ้ มื้อกลางวัน ที่เหลือไว้ค่อยกลับมาทำต่อตอนบ่ายล่ะกันนะ”

     

    ฮิวงะวางปากกาอย่างรวดเร็ว  ไม่รอช้าดึงแขนเบกเลเตอร์ของตนจะเดินออกจากห้อง  แต่ยังไม่วายหันมาหาผู้ร่วมทีมอีกสามคน

     

    “จะไปด้วยกันมั้ย”

     

    “ไปสิครับ”

     

    พันเอกคัทสึรางิตอบรับคำชวนเสียงอารมณ์ดี  

     

    อีกด้าน  พันโทคุโรยูริวางปากกาของตนหลังจากเซ็นเอกสารชิ้นสุดท้ายเสร็จ

     

    “ฮัลเซ่...”

     

    เบกเลเตอร์ฮัลเซ่อุ้มร่างเล็กขึ้นวางบนไหล่ของตนอย่างรู้ใจโดยที่ร่างเล็กไม่จำเป็นต้องพูดอะไร

     

    “งั้นก็ไปกันเล้ยยยยย”

     

    พันตรีฮิวงะพูดเสียงระรื่นตั้งตัวเป็นแกนนำคนดองงาน

     

     

    10นาทีต่อมา  เสนาธิการอายานามิกลับมาที่ห้อง  สภาพว่างเปล่าไร้คนในห้องนำมาซึ่งความหงุดหงิดเหลือแสน  ชายหนุ่มเดินไปพลิกดูเอกสารตามโต๊ะทำงานลูกน้อง  พบว่าเสร็จไปไม่ถึงครึ่งในส่วนของวันนี้ 

     

    เอกสารทุกอย่างต้องผ่านสายตา  คัทสึรางิ  คุโรยูริ  ฮิวงะก่อนมาถึงมือเขา  เป็นไปได้สูงโดยเฉพาะฮิวงะว่าพอกลับมาทำงานตอนบ่ายจะก้มหน้าก้มตาเซ็นโดยไม่อ่านผ่านตา  ทำให้อายานามิต้องยุ่งยากทำงานล่วงเวลาเป็นหนที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้

     

    ...น่าโมโหนักเชียว...

     

     

    ตอนบ่ายของวัน

     

    “ทุกคน อีก15นาทีจะมีประชุมนะ”

     

    พันเอกคัทสึรางิประกาศ

     

    “ฮ้าววว... เสร็จแล้วล่ะ ฮัลเซ่...ง่วงจัง”

     

    แม้จะได้ยินประกาศเช่นนั้นแต่คุโรยูริก็ไม่ใส่ใจ  เลือกจะใช้อ้อมแขนอบอุ่นของเบกเลเตอร์เป็นเตียงนอน

     

    “เก่งมากครับ ท่านคุโรยูริ”

     

    ฮัลเซ่เอ่ยชมและอุ้มเจ้านายของตนไว้ในวงแขนแกร่ง  ใบหน้าอ่อนเยาว์เอียงซบอกกว้าง  รอยยิ้มบางๆที่มุมปากบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังฝันดี

     

    ฮิวงะนั่งเท้าคางหมุนปากกาเล่นมองเวลานอนกลางวันของคุโรยูริอย่างอารมณ์ดี

     

    “คุโรยูรินี่ดีจังน้า นอนหลับก็ได้ เราซะอีกต้องยืนฟังตาแก่พวกนั้นเถียงกันน่ารำคาญ จะนั่งแบบอายะตันก็ไม่ได้ซะด้วย”

     

    “อย่าพูดเลย พันตรี ถึงนั่งไม่ได้ พันตรีก็ติดสกิลยื่นหลับเนียนขั้นเทพมาแล้วไม่ใช่เหรอ”

     

    “อ่ะ ก็จริงอ่ะเนอะ ฮ่ะฮะฮา”

     

     

    ภายในห้องประชุม

     

    อายานามินั่งหลังตรงสองมือกุมไว้หลวมๆอดทนฟังการประชุมเหล่าทหารอย่างใจเย็น  แสร้งทำเป็นไม่สนใจว่าเหล่าตาแก่นั่งโต๊ะจะบ่นเรื่องมารยาทลูกน้องเขายังไง  ในเมื่อหนึ่งคนเอาแต่หลับ  หนึ่งคนก็ยืนอ่านหนังสือ  และอีกหนึ่งที่ยื่นยุกยิกไปมาปิดปากหาวยาวๆดังๆเป็นพักๆ

     

    ...ก็ในเมื่อตัวเขายังละเหี่ยใจเลยนี่...

     

    ไม่รู้เจ้าพวกนี้ทำงานเสร็จหรือยัง...

     

     

    การประชุมใช้เวลาหลายชั่วโมงนัก  กว่าจะจบพระอาทิตย์ก็จวนเจียนจะลับขอบฟ้าแล้ว  เมื่ออายานามิกลับเข้ามาในห้องทำงานเป็นรอบที่สามของวัน

     

    ...และงานเอกสารก็ยังกองสุมอยู่บนโต๊ะ...

     

    อายานามิก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารด้วยความเร็วเท่ากับฆ่าคน10คนต่อ1หน้ากระดาษ  มือแกร่งฉวยปากกาตวัดเซ็นในความเร็วระดับการใช้ไซฟอน  และในตอนนั้นเอง...

     

    “โอ้ อายะตัน วันนี้ก็ขยันทำงานอีกแล้วนะ”

     

    นั่นเพราะแกขี้เกียจทำไม่ใช่หรือไง  เสนาธิการหนุ่มสวนคำในใจโดยไม่สูญเสียความเร็วในการทำงาน

     

    “จะว่าไปนะ อายะตัน...”

     

    พันตรีในแว่นกรอบเหลี่ยมใช้แขนโอบคอผู้นำหน่วยตนแบบหลวมๆ  ฮิวงะหมุนลูกอมแอปเปิ้ลในมือไปมา  ครั้งหรือสองครั้งที่ก้อนกลมๆให้รสหวานๆลอยผ่านหน้าอายานามิไป

     

    “เรื่องของเทย์โตะ คไลน์ กับ ดวงตามิคาเอล จะเอายังไงต่อเหรอ”

     

    ก็อยากออกไปจับตัวมาเสียเดี๋ยวนี้หรอกนะ  แต่ว่า...  แต่ว่า...

     

    “หรือจะปล่อยให้เทย์โตะ คไลน์มีความสุขไปก่อน แหม อายะตันใจดีเหมือนกันนี่นา”

     

    พันตรีฮิวงะยังคงพล่ามไม่หยุดโดยไม่ทันสังเกตรอยปูดโปนของเส้นเลือดแถวๆขมับและต้นคอของอายานามิ

     

    “แต่ว่านะ ฉันอยาก...”

     

    โครม!!!

     

    เมื่อเส้นความอดทนของอายานามิขาดสะบั้น  เสียงฟาดแส้ก็ดังได้กว่าเสียงตึกถล่ม  อารมณ์เก็บกดถูกระบายออกมารวดเดียวประหนึ่งถือกำเนิดจักรวาล  และบุคคลที่นอนแผ่หมดสภาพใต้ฝ่าเท้าอายานามิก็คือพันตรีฮิวงะผู้น่าสงสาร

     

    ห่างออกไป  โคนัทสึ  คุโรยูริ  และฮัลเซ่ได้แต่เกาะขอบประตูแล้วสวดภาวนาให้ฮิวงะไปที่ชอบๆ  พลางคิดว่าถ้าไม่รีบเข้าไปช่วยเคลียร์งานคงมีวันที่ป้อมโฮเบิร์กอันเกรียงไกรถึงคราวล่มสลายเป็นแน่

     

     

    โบสถ์บัลส์เบิร์ก

     

    “ฮัดชิ้ววววว”

     

    เทย์โตะ คไลน์สูดจมูกตัวเอง  ทำไมจู่ๆถึงจามได้นะ

     

    “เป็นหวัดหรือครับ”

     

    บิชอปลาบราดอร์เอ่ยถาม

     

    “จาม1ครั้งเขาว่ามีคนนินทา...เอ หรือว่ามีคนคิดถึงนะ”

     

    บิชอปคาสเตอร์ต่อคำ  ไม่รู้ทำไมเทย์โตะถึงให้น้ำหนักกับข้อสันนิฐานว่าถูกนินทามากกว่านะ

     

    “เค้าว่าคนบ้าไม่เป็นหวัด ดังนั้นต้องมีใครนินทาเจ้าเด็กเหลือขอนี่ชัวร์”

     

    บิชอบฟราวกล่าวแทรกขึ้น  ยังเส้นความไม่พอใจบนใบหน้าคนถูกพาดพิงยิ่งนัก 

     

    “คนที่จะถูกนินทาน่ะมันคนอย่างนายต่างหาก ไอ้บิชอปลามก”

     

    ร่างเล็กตวาดลั่น  ถึงจะมีความคิดคล้ายๆกันก็เถอะ  แต่ถ้าเป็นความคิดของเจ้าบิชอปหื่นนี่ถือเป็นข้อยกเว้น

     

    “ฮะ...ฮะ...ฮัดชิ้วววววว”

     

    “คราวนี้ผมว่าเป็นหวัดนะ”

     

    ลาบราดอร์พูด  คาสเตอร์พยักหน้าเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเด็กหนุ่ม

     

    “อืม ตัวเย็นจัง เทย์โตะคุงเข้าไปพักข้างในเถอะ ถ้าไม่สบายไปจะลำบากนะ”

     

    ยังไม่ทันที่คนถูกแนะนำจะตอบคำหรือทำตาม  จู่ๆร่างเล็กลอยคว้างกลางอากาศเพราะวงแขนแกร่งของบิชอปหัวทอง

     

    “จะ...จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ!!!”

     

    “เฉยเหอะน่า เจ้าเปี๊ยก ฉันจะพานายไปรับ ยาต้านหวัดสูตรพิเศษของฉัน”

     

    ฟราวพูดสั้นๆพร้อมสาวเท้าฉับๆกลับเข้าไปข้างในโบสถ์  ทิ้งให้อีกสองบิชอบหันมองหน้ากันงงๆ

     

    “มีของพรรค์นั้นด้วยเหรอ”

     

    “ไม่รู้สิ...”

     

    END

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×