ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [LLP] ชีวิตรักของสาวพาลาดิน

    ลำดับตอนที่ #3 : แม่น้ำแห่งความเป็น และความตาย

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 66


     

    ตึก.. ตึก.. ตึก..

    ก้าวแต่ละก้าว รู้สึกเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูก

    ถ้าคิดจากความทรงจำที่สืบทอดมา มันคือเราสิ่งที่คุ้นเคยที่สุด

    ตอนนี้รู้สึกได้ถึงพลังเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเส้นทางเกตจะเริ่มเชื่อมต่อแล้วสินะ

    มันไม่ใช่การคิดไปเอง เพราะก้าวที่ย่ำลงไปมันทั้งเบา และนุ่ม อีกทั้งยังมีน้ำหนักมากกว่าเก่าด้วย

    ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้

    ก้าวสุดท้ายย่ำไปสิ้นสุดที่หน้าร้านค้าใหญ่ ภายในเต็มไปด้วยอุปกรณ์กีฬาต่าง ๆ นานา

    แต่ที่ต้องการใช้ทันทีเลย คือดาบไม้หรือสิ่งของที่มีรูปร่างเป็นดาบ

    อ่า ตอนนี้มีเวลาไม่มากแล้ว ความคิดส่วนการพิจารณาค่อยๆ รวบรัดไปทีละส่วน แต่ว่าความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาอย่างน่าตกใจ

    ถ้าหลังจากนี้ไม่เกิดอะไรขึ้นเลยล่ะ

    ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ความฝัน

    ถ้าเราดันตื่นตูมไปเองล่ะ

    ตราบที่ยังครุ่นคิดมากมาย เวลานั้นไม่สามารถหยุดเดินได้ เวลาไหลผ่านอย่างสายธาร

    จนสุดท้ายนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังช่วยดึงสติเอาไว้

    ถ้าไม่เป็นจริงตั้งแต่แรกแล้วทำไมถึงมีแผนที่แบบนี้โผล่ขึ้นมาละ

    ถ้าไม่ใช่ความผิดพลาด แล้วทำไมเราถึงฝันถึงมันล่ะ ทั้งที่ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จัก แต่เราได้เห็นในความฝัน

    ถ้าจะคิดเรื่องนั้นต่อคงเอาไว้ก่อน เพราะเวลามันเริ่มหมดลงแล้ว

    พอคิดอยู่ครู่หนึ่ง จะซื้อแบบไหนดี

    แต่เพราะคุณภาพกับราคาที่เพิ่มขึ้นตามๆ กัน ทำให้ต้องหยิบกระเป๋าขึ้นมาดูเงินของตัวเองที่เหลืออยู่

    น่าเศร้าเราไม่สามารถซื้อชิ้นที่มีราคาสูงมากได้เพราะเงินที่มีเหลือแค่ ดาบไม้ราคาถูกด้วยซ้ำ

    “เอาเถอะ…”

    ดาบไม้ตรงหน้าที่วางเรียงรายอยู่ พอมองดูราคาที่แปะอยู่ทำให้แทบกระอักเลือดออกมา

    “ไม่มีอันที่ถูกกว่านี้รึไง-”

    โอ๊ะ! เจอของดี

    ที่ปลายสายตา มีดาบไม้เล่มหนึ่งวางตั้งอยู่ ราคาเพียงสามร้อยบาท ไม่ลังเลที่จะเดินไปหยิบอย่างรวดเร็ว

    พอคิดถึงเงินเก็บที่เหลืออยู่ทำเอาใจแป้วเลย แต่พอจ่ายเงินเสร็จก็รีบเดินออกมาเลยในทันที

     

    ที่ลานม้านั่งกลางห้างใหญ่

    “อืม..”

    พอลองๆ ดูแผนที่แล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเลย

    พรึบ- พรึบ-

    พอลองพลิกหน้ากระดาษไปมาแล้วลองสังเกตหนังสือแผนที่ ลองมองตามดีๆ สถานที่มันเหมือนกับแผนที่ของจุดที่นั่งอยู่เป๊ะๆ เลย

    และเพื่อความแน่ใจเปิดแผนที่ในมือถือมาตรวจสอบอีกครั้งดีกว่า

    “เอ๊ะ!..”

    แผนที่เหมือนกันทั้งหมด แต่ว่ามีจุดสีแต้มอยู่ในแผนที่ของสมุด

    จากที่เราจำได้สีดำน่าจะหมายถึงเกต

    “ไหนๆ อยู่ไหนสีดำ”

    “ฮึก!.. นี่มัน”

    จุดสีดำขยายใหญ่มากกว่าสีอื่น ๆ บนหน้าหนังสือแผนที่ ราวกับว่าลางร้ายกำลังแผ่ขยายอำนาจ

    ทั้งๆ ที่มันน่าจะไม่ขยายไปมากกว่านี้เหมือนทุกๆ ครั้ง

    เพราะขนาดของเกตหมายถึงระดับความยากของเกตนั้นๆ ด้วย

    สิ่งที่เกิดขึ้นบอกได้อย่างเดียวว่ามีคนจะปลุกพลังในเขตเดียวกับเรา แต่ว่าในรอบก่อนมันไม่เคยเกิดขึ้น

    ใครกันที่ถูกปลุกพลังในรอบนี้

    อีกไม่นานก็จะถึงเวลา แต่ผู้คนกำลังพลุกพล่านทำเอากดดันนิดหน่อยไม่รู้ว่าจะช่วยได้หมดรึเปล่า

    แต่ว่าสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือสิ่งที่เราเคยทำบ่อยครั้ง

     

    เวลา สิบห้านาฬิกา ยี่สิบแปดนาที

    เหมือนที่คิดจริงๆ อากาศรอบๆ จุดที่เกตจะเปิดขึ้นเริ่มมีการบิดเบี้ยวของห้วงอากาศเล็กน้อยจนผู้คนไม่สังเกต

    พอลองสังเกตดูดีๆ แล้วก็น่าตกใจพอสมควร เพราะจุดที่เกตจะเปิดขึ้นขยายตัวมากกว่าการย้อนกลับในรอบก่อนๆ มากทีเดียว

    อาจเป็นเพราะมีตัวแปรเพิ่มก็เป็นได้ แต่ที่น่ากังวลคือความยากของเกตที่เพิ่มขึ้นกะทันหัน เพราะรอบที่มีแค่เราระดับของบอสยังเป็นถึงมังกรเพลิงระดับ 3 แต่ถ้ามากกว่านั้นคงจะเป็นระดับ 4 ไม่ก็ 5 เลยก็เป็นได้

    แล้วเราจะไปชนะยังไง

    เพราะเทสเกต เป็นเกตที่มีไว้ทดสอบ ผู้ทดสอบทั้งหมดในเขตนั้นจึงต้องร่วมมือกัน ไม่งั้นจะเอาชนะไม่ได้ เพราะความยากที่มากเกินไป

    แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะมีอันตรายไปมากกว่านี้ เพราะเทสเกตถูกออกแบบมาเพื่อทดสอบอย่างเดียว ถ้าผู้ถูกทดสอบเสียชีวิต เกตก็จะปิดลง และมอนสเตอร์ที่ออกมาจะถูกตัดสัมพันธ์กับเกตในทันที และทำให้อ่อนแอลงกะทันหัน บางประเภทอาจสูญสลายไปเลยก็ได้

    เพล้ง!!

    ระหว่างที่กำลังคิดมากอยู่ เสียงแตกของบางอย่างที่มีเสียงแหลมคล้ายกระจกดังก้องไปทั่วบริเวณ

    ผู้ที่ผ่านไปมา ต่างหันไปในทิศทางเดียวกัน และแล้วทุกๆ คนก็ตระหนักได้ถึงที่ไม่ปกติ

    รอยร้าวปรากฏขึ้นบนอากาศอย่างแปลกตา

    ‘เริ่มแล้วสินะ’

    ทันทีที่ค่อยๆ ลุกขึ้น รอยร้าวก็ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปริแตกออกมา

    ห้วงอากาศที่ว่างเปล่าค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างกะทันหัน

    คิดไว้แล้วเชียว

    ห้วงอากาศที่ปริแตก ภายในมืดมิดไม่เห็นสิ่งใด ทว่ามีขาของสิ่งบางอย่างยื่นออกมา

    ขาที่มีเกล็ดสีแดงขนาดเท่าแขนของคนพร้อมกรงเล็บแหลมคม ค่อยๆ ยื่นร่างกายออกมาอย่างช้าๆ

    เมื่อออกมามากกว่าครึ่งลำตัวก็พบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ผู้คนส่วนมากได้แต่เฝ้ามอง และตกตะลึงกับภาพที่เห็น

    ราคุย (Rakui) หนึ่งในสายพันธุ์ย่อยของมังกรเพลิง ที่รูปร่างเหมือนหมาป่าที่มีเกล็ดสีแดงตัวใหญ่ และกรงเล็บแหลม ทั้งยังมีด้วยตาที่ดุดันเหมือนกับอสรพิษ สามารถพ่นไฟออกมาในระดับคบเพลิงเพื่อเผาศัตรู

    รอบๆ เกตแทบจะกลายเป็นนรกบนดินเลยก็ว่าได้ เมื่อจบการต่อสู้กับเจ้าพวกนี้

    เพราะที่นี่คือเกตรังของมังกรไฟ ที่จะปรากฏขึ้นจริงๆ อีกหลายเดือนข้างหน้า

     

    ราคุยตัวหนึ่งที่หลุดออกมานอกเกต ค่อยๆ ก้าวอย่างเชื่องช้าเพื่อสำรวจรอบข้าง

    จากนั้นเจ้ามังกรสี่ขาจึงชูคอขึ้นคล้ายกับเวลาที่หมาป่าหอน ทว่าเมื่อมันอ้าปากสิ่งที่ออกมาไม่ใช่เคลื่อนเสียงที่ดังกังวาน

    พรึ่บ...

    เปลวเพลิงพวยพุ่งออกจากปากของราคุย ไอความร้อนเรียกสายน้ำออกมาจากสปริงเกอร์

    ‘แย่แล้ว!’

    “กรี้ด!!” “ว้าย!” “อ้ากกก!!..”

    ผู้คนรอบๆ เริ่มแตกตื่นทีละคนสองคน และวิ่งกระจัดกระจายไปทิศอื่น ๆ

    แต่ก็สะดวกดีเหมือนกัน พวกหน่วยพิเศษคงไม่ว่างมาจัดการโซนนี้อยู่พอดี จะได้ใช้พลังเต็มที่

    และเมื่อเปลวเพลิงที่พวยพุ่งออกมาจากปากของราคุยมอดดับจากสายฝนที่ปล่อยออกมาจากท่อน้ำ มันเริ่มหันมองรอบข้างมากขึ้น และเริ่มอาละวาดไปรอบๆ

    สมุดที่ถือในมือเริ่มสั่น ความหมายของมันคือมีเกตอยู่ในระยะใกล้เคียง แต่ถึงไม่บอกก็รู้อยู่แล้ว เพราะภาพนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าเราแล้ว

    เอ๊ะ! ลืมไปเลย ก่อนต่อสู้ต้องเอาของเข้าไปเก็บในสมุดเสียก่อน แต่เอาของเข้าในสมุดแล้วจะเอาสมุดไปไว้ไหนละ

    หลังจากหยิบดาบไม้ออกมาจากกระเป๋า และจะเก็บกระเป๋าเข้าไปในสมุด แต่ว่ามันทำยังไงนะ เราใช้วงเวทไม่เป็น ไม่น่าเหม่อตอนประชุมอธิบายเลย ใส่พลังเวทลงไปเหรอ

    จากนั้นพอเพ่งสมาธิลงไปที่มือ ก็มีแสงสีต่าง ๆ สว่างขึ้นรอบๆ มือ แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่วงเวทในสมุดเลย

    แต่พอสังเกตที่สมุดดีๆ บนกระดาษที่มีรอยสีของวงเวทจางๆ หรือว่ามันจะเก่าเกินไปจนใช้งานไม่ได้แล้ว

    ทำไมสีบนสมุดถึงเป็นคราบแปลกๆ อืม..

    อ๋อ! พอจะเข้าใจแล้ว จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่สีงั้นสินะ แต่เป็นเลือด ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้เลือด

    อึก! หลังจากกัดลงไปบนนิ้วแล้วเลือดค่อยๆ ไหลออกมาทีละนิด

    ฮือ.. เจ็บจัง พึ่งได้ปลุกพลังแล้วร่างกายยังไม่ปรับตัว ความเจ็บปกติที่ควรจะเป็นแล่นเข้าร่างกายทันทีที่เลือดเริ่มก่อตัวเป็นหยดน้ำที่ปลายนิ้ว

    พอทำแบบนี้.. แล้วก็เอาเลือดป้ายลงไปที่วงเวทสมุด

    จากนั้นก็รอ

    และก็รอ

    รอ และรอ

    ทำไมไม่เกิดอะไรขึ้นเลย

    มันใช้ยังไงเนี่ย?

    “ใส่พลังเวทลงไปสิ”

    “ทำไปแล้ว!” แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ

    “ก็ใส่ลงไปพร้อมกับเลือดที่ป้ายเมื่อกี้นี้ไง”

    “นายรู้ได้ไง”

    พอหันไปก็เจอกับใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่ม แต่เป็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ได้พบเจอมาตลอดทั้งวันด้วยความบังเอิญ

    “ทำเถอะน่า!!”

    ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังทำท่าทางเริ่มหงุดหงิด

    “ยังไงนะ”

    “เอามานี่เลย”

    พอพยายามทำความเข้าใจก็ถูกแย่งสมุดจากมือทันที

    “แค่นี้…”

    หลังจากพูดจบก็มีแสงสว่างขึ้นที่สมุดทันที ดูเหมือนว่าวิธีที่ใช้จะเป็นใส่พลังเวทลงในเลือดที่ป้ายลงบนสมุด

    “อย่างนั้นฝากนายเก็บของแล้วก็ถือสมุดให้หน่อย ฉันจะไปสู้แล้ว”

    “ไม่เห็นต้องถืออะไรเลย นี่ไง”

    จากนั้น สมุดที่อยู่บนมือของเขาก็หายไปในพริบตา และสัมภาระต่าง ๆ ก็ถูกดูดหายเข้าไปในจุดที่สมุดเคยอยู่

    ถึงจะตกใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีเวลาแล้ว ราคุยเริ่มทยอยกันออกมาแล้ว แถมยังมีพันธุ์มังกรจิ๋วบินโฉบออกมาอีกด้วย

    เจ้านี้มีชื่อว่า ซิฟส์ (Sivs) มังกรเพลิงพันธุ์จิ๋วที่มีขนาดโดยรวมแค่ สามสิบกว่าเซนติเมตร บินด้วยความไว ห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถพ่นไฟขนาดไม่เกินไฟแช็กออกจากปากได้

    เจ้าสองตัวนี้ ออกมาจากเกตเป็นจำนวนมาก และอาละวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบที่แห่งนี้

    เราต้องจัดการเจ้าพวกนี้โดยเร็วที่สุดก่อนจะเกิดความเสียหายไปมากกว่านี้

    อืม.. ไม่ได้สัมผัสความรู้สักนี้มาพักหนึ่งเลย ความรู้สึกของแสงสว่างที่อบอุ่นกำลังรายล้อมรอบๆ ร่างกาย เพราะมันคือแสงศักดิ์สิทธิ์จากธิดาแห่งสวรรค์

    แสงสว่างที่โอบล้อมร่างกายเริ่มมารวมเป็นกลุ่มก้อนพลังงาน และแปรรูปร่างจนกลายเป็นเกราะสีขาวทองเจิดจรัส และดาบไม้ข้างกายก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นดาบสีขาวนวล และคมดาบสีทองเงาทั้งสองด้านของใบดาบ เรือนผมค่อยๆ แปรเปลี่ยนจากสีทองไปเป็นสีขาว

     

    หลังจากพลังที่ใช้งานเริ่มคงที่ ราคุยตัวหนึ่งหันมาทางเทียร่า และพุ่งเข้ามาพร้อมขย้ำ แค่เพียงเธอตวัดดาบขึ้น ร่างของราคุยตัวนั้นที่พุ่งมาก็หยุดกลางอากาศ จากนั้นค่อยๆ ถูกแบ่งออกเป็นสองซีก และตกลงพื้น

    เทียร่าพุ่งออกไปท่ามกลางฝูงราคุย เสียงกระทบของดาบและเกล็ดมังกรดังก้องไปทั่ว ชายหนุ่มยืนเฝ้ามองอยู่ไม่ไกล เหล่าราคุยที่พุ่งเข้าหาเทียร่าต่างถูกแบ่งร่างออกเป็นสองส่วน แม้แต่ซิฟส์ที่บินผ่านไปมายังถูกตัดครึ่งในทันใด

    แต่เกตที่เปิดออกก็ยังคงมีมอนสเตอร์หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย และก็มีสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมาเรื่อย ๆ เพราะว่าเป็นเกตรังมังกรเพลิง จึงมีมังกรเพลิงสายพันธุ์ย่อยออกมาไม่หยุด

    จนกระทั่งพลังเวทที่เทียร่ามีเริ่มลดลงจนน้อยกว่าครึ่ง มอนสเตอร์จากเกตเริ่มมีอาการแปลกไป พวกมันทำท่ากลัวอะไรบางอย่างที่อยู่ในเกตและเริ่มถอยห่างออกจากเกต

    เมื่อเทียร่าสังเกตได้ ตอนนั้นเธอเองก็เริ่มเหนื่อยล้าแล้ว ต่อสู้ด้วยร่างกายที่ยังปรับสมดุลกับพลังเวทไม่ได้เป็นเวลานาน จะทำให้ร่างกายเสียหายสะสม หลังจากที่ราคุยตัวแรกถูกผ่าครึ่ง ก็ผ่านมาแล้วเกือบสิบนาที

    ไม่ทันให้เธอได้พัก จู่ๆ ก็มีขาหน้าขนาดใหญ่ทะลุออกมาจากเกต และค่อยๆ ยื่นออกมาจนเห็นหัว ก่อนที่ขาข้างนั้นจะย่ำลงกับพื้น จนพื้นที่โดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง

    เหล่ามอนสเตอร์รอบๆ พากันวิ่งหนี จนไม่เหลือให้เห็นแม้ร่องรอย

    สายตาดุดันที่จ้องมองที่เหยื่อ สร้างแรงกดดันให้เทียร่าจนเข่าอ่อน เธอจึงใช้ดาบข้างกายค้ำยันร่างกายกับพื้นเอาไว้

    ดวงตาสีเหลืองสว่างยังจ้องมองเหยื่อที่อยู่ใกล้อย่างไม่ละสายตา ในขณะที่ร่างกายค่อยยื่นออกมาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกๆ ส่วนที่ออกมา

    เมื่อร่างกายของมันออกมาจนครบ ร่างของมันใหญ่พอๆ กับตึกสามชั้นได้ พอเห็นเหยื่อที่ยังไม่วิ่งหนี มันจึงอ้าปากคำรามขู่ไปที่เธอ จนเธอทรุดไปด้วยความผวา ความน่ากลัวถึงจะยังเทียบไม่ได้กับจุดจบของเธอในทุกครั้งที่ย้อนกลับ แต่ก็มากพอให้มนุษย์สามารถขวัญหายกันได้

    ร่างกายใหญ่โต ดวงตาดุร้ายกว่าอสรพิษ เกล็ดที่ดูมันเงาและแข็งทนทานกว่าเพชร กรงเล็บที่แหลมคมเท่าใบดาบที่เทียร่ากำลังถืออยู่ มันคือมังกรเพลิง ระดับองครักษ์ ระดับที่สูงกว่าที่เธอเคยพบเจอ

    ในทุกย้อนกลับครั้งก่อนๆ สิ่งที่เธอต้องสู้ด้วยเป็นเพียงมังกรเพลิงระดับสูง ทว่าทุกระดับที่สูงขึ้น ความแข็งแกร่งของมันเองก็ทวีคูณเป็นเท่าตัวเช่นกัน

    มังกรสายพันธุ์แท้นั้นมีระดับตั้งแต่ A ขึ้นไปเป็นปกติ เพราะระดับ S คือระดับสูงที่สุดเท่าที่มนุษยชาติจะสามารถประเมินได้ และสายพันธุ์ย่อยเริ่มที่ระดับ B ขึ้นไป

    ร่างของมังกรเพลิงที่ออกมาจากเกตทั้งตัวแล้วเริ่มขยับ มันสะบัดหางไปที่หญิงสาวในชุดเกราะที่กำลังตกใจกลัว

    พอเทียร่าเห็นห่างที่พุ่งมาด้วยความรวดเร็ว มันไวเกินไปที่เธอจะหลบทัน ดาบในกำมือจึงถูกยกขึ้นมาเพื่อป้องกัน ทว่าพละกำลังที่มีอยู่นั้นน้อยเกินไป

    ร่างของหญิงสาวที่รับการโจมตีเข้าไป กระเด็นไปกระแทกกับเสาที่ค้ำอยู่ระหว่างชั้น จนชุดเกราะที่ใส่อยู่แตกสลายในทันที

    เฮือก!! ร่างที่กระแทกอย่างจังกระอักเลือดออกมาชุดใหญ่ แม้แต่ดาบในมือก็หักเป็นสองท่อน จากนั้นคืนสภาพกลายเป็นดาบไม้ที่แบ่งเป็นสองส่วน

     

    "ระ-ระดับ-อง-องครักษ์!"

    "น-ายรีบหนี-ไปซะ"

    ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    สติเริ่มเลือนรางเพราะความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สภาพร่างยับเยินเหมือนผ้าขี้ริ้วชุ่มเลือด เสื้อผ้าฉีกขาด จนเห็นร่างกายส่วนใหญ่ที่โผล่ออกใต้เสื้อผ้า หน้าอก สะโพก ต้นขา หน้าท้องปรากฏออกมาให้เห็นแบบไม่มีอะไรปิดบัง ส่วนใหญ่มีบาดแผลลึกที่มีเลือดซึมไหลออกมา กระดูกร้าวเป็นช่วงๆ

    “ขอยืมไอนี่ไปก่อนแล้วกัน.. อ๋อ! แล้วก็นี่-เอาไป”

    ชายหนุ่มยื่นมือเข้ามาคว้าดาบที่หักไปจากมือ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร แต่ก็ไม่มีแรงห้ามแล้ว แต่ว่าจากนั้นเขาก็โยนอะไรบางอย่างมาให้ พออยู่ใกล้ๆ สิ่งนั้น ความเจ็บปวดก็บรรเทาลงจนสามารถตั้งสติได้ แต่ปากยังคงไม่มีแรงพูด

    “แล้วก็- ผมชื่อเรย์ คุซาโตะ”

    เขาพูดชื่อของตัวเองออกมาโดยไม่ได้ถาม และก็ไม่หันหน้ากลับมา

    มังกรมหึมา ตั้งตัวขึ้น ใต้คอเริ่มสะสมความร้อนขึ้นจนสว่าง ถึงไม่บอกก็รู้ว่ากำลังจะพ่นไฟออกมา

    “ร- ระ วั-ง”

    เสียงที่ยังไม่ออกมา เพราะความเหนื่อยล้า และเรย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้ายังดูไม่รู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา ค่อยๆ เดินไปข้างหน้า เข้าไปหามังกรยักษ์ที่พร้อมจะเผาทุกอย่างตรงหน้าแล้ว

    เขายังคงกำดาบที่หักไว้ข้างลำตัว ดูเหมือนว่าจะใช้ดาบนั้นเข้าสู้ แต่ยังไงล่ะ จะใช้พลังเปลี่ยนดาบแบบเรางั้นเหรอ แต่ว่าดาบมันหัก รูปร่างที่ออกมาน่าจะใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

    ก้าวที่หนึ่ง… ก้าวที่สอง… ก้าวที่สาม… ที่สี่.. ที่ห้า.. หก. เจ็ด. เก้า- สิบเอ็ด- สิบห้า- และเพิ่มความเร็วไปเรื่อย ๆ

    มังกรเพลิงก้มหน้าลงมาพร้อม เพลิงในลำคอ

    วู้ม!!!

    เปลวเพลิงพุ่งเข้าหาเรย์อย่างรวดเร็ว และเข้าปะทะกับเขาในทันที

    “เดี๋ยว!!”

    เสียงฟื้นฟูกลับมาพอดีกับเปลวเพลิงที่พุ่งผ่านเรย์มาทางนี้

    ‘ASHURA’ (อาชูร่า)

    เสียงของเรย์ดังขึ้นในกองเพลิง พริบตาเปลวเพลิงที่กำลังพุ่งมาทางนี้สลายไปจนหลงเหลือเพียงควันไฟ

    หลังควันจางๆ ถูกลมพัดออกไป เขายืนถือดาบสีดำเงาไว้ในมือ คมดาบสีแดงที่มีด้านเดียว เป็นดาบญี่ปุ่นที่ใบดาบยาวเมตรกว่าๆ และโค้งอย่างสวยงาม

    ออร่าของจิตสังหารถูกปล่อยออกมาจากตัวดาบอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นเงาดำลอยไปทั่วบริเวณ สีผมดำเงาของเรย์ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ไม่สะท้อนแสงใดๆ ออกมา

    ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งถึงเมื่อครู่ ง้างดาบขึ้น คมดาบสีแดงสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา

    หลังจากนั้นสามวินาที ปลายดาบค่อยๆ เอียงลงจนเกือบขนานกันพื้น

    ตัด

    เสียงกระซิบเบาๆ ทว่าดังที่สุดเมื่อเทียบกับรอบข้างที่เงียบสนิท โซนนี้ไม่เหลือเสียงร้องของมนุษย์เหลืออยู่อีกแล้ว

    ฉึบ!!

    เสียงของเนื้อที่ถูกตัดแบบประณีต ดังขึ้นมาแบบที่หาต้นเสียงไม่เจอ

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ดาบที่เรย์ชูขึ้นเหนือหัว กลับลงมาอยู่ข้างลำตัวแล้ว

    มังกรทำน่านิ่งเงียบ ก่อนจะสะบัดหางมาที่เรย์ที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว เรย์ยืนนิ่งไม่ตอบสนองอะไร

    ก่อนหางจะกระแทกเข้าหาชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของมังกรแดง รอยตัดเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนหางที่ใหญ่โต และค่อยๆ กว้างขึ้นอย่างฉับพลันจนแบ่งหางออกเป็นสองส่วนในทันที

    “ไม่จริงน่า!”

    ทำได้ยังไงกัน ไม่มีแม้แต่เลือดติดบนใบดาบเลยสักนิด คำถามมากมายก่อตัวขึ้นในหัวทันใด แต่ว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะรู้คำตอบ

    หลังจากหางขาดเป็นสองท่อน มังกรยักษ์ชักหางที่ยังติดอยู่กับตัวกลับทันที

    กรร!!..

    มังกรที่เสียหางคำรามอย่างเจ็บปวด พร้อมสยายปีกคู่ออกกว้าง สายลมปั่นป่วนไปทุกทิศทาง

    และมังกรก็ยกตัวขึ้นเหนือมนุษย์ทั้งสอง ตัวมันอยู่สูงเกินกว่าดาบจะฟันถึง แต่เรย์ยังคงนิ่งเงียบ

    กรร!!.. เสียงคำรามดังไปทั่วจนแสบแก้วหู มังกรยักษ์กำลังกริ้วโกรธ

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×