ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [LLP] ชีวิตรักของสาวพาลาดิน

    ลำดับตอนที่ #2 : ความฝัน? ภาพอนาคต? หรือการย้อนกลับ?

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 66


     

    “เฮือก!!…”

    ภาพอันแสนน่าสลดถาโถมเข้าใส่หญิงสาวที่กำลังหลับใหล ภาพของความตายของผู้คนยังคงติดตา

    ภาพความฝันที่ราวกับความเป็นจริงที่เคยเกิด เธอลุกจากเตียงอย่างช้า ๆ

    ชุดนอนสองส่วน เสื้อที่ใส่ทับไว้ในกางเกงช่วยให้เห็นสัดส่วนที่ดูน่าดึงดูดมากขึ้น บนร่างกายมีเหงื่อออกเพราะฝันร้าย เสื้อผ้าที่เปียกชื้นทำให้ร่างกายของเธอดึงดูดสายตาของผู้ชายได้ดี

    ม่านถูกเปิดออก แสงอาทิตย์สลัวยามเช้าสาดส่องเข้ามาอย่างนุ่มนวล

    เจ็ดนาฬิกา ยี่สิบสองนาที ตัวเลขปรากฏบนนาฬิกาดิจิตอลที่วางบนโต๊ะกระจกข้าง ๆ ตู้เสื้อผ้า

     

    ห้องอาบน้ำที่มีสีขาวสะอาดตา ร่างของหญิงสาวที่เปียกน้ำจากฝักบัว ไอน้ำจาง ๆ ทำให้เกิดฝ้าขึ้นที่กระจก รูปร่างที่งดงามถูกบดบังด้วยไอน้ำทำให้เห็นเป็นเงาจาง ๆ

    หลังบานประตูห้องน้ำเปิดออก หญิงสาวในผ้าเช็ดตัวที่พันร่างกายเอาไว้เผยให้เห็นหน้าอกจากด้านบนดูล้นออกมาจากผ้าที่พันอยู่ หากผู้ชายคนไหนผ่านมาเห็นคงทนความเสียหายจากความสวยและลามกไม่ไหวเป็นแน่

    ครุ่นคิดอยู่นานว่าจะใส่ชุดไหน เซนส์ด้านแฟชั่นไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก สุดท้ายจึงหยิบสุ่ม ๆ มา

    เสื้อด้านในเป็นเสื้อไหมพรมสีขาว แจ็คเก็ตสีเทาอ่อนคลุมทับ พับแขนขึ้นมาครึ่งศอก และกางเกงยีนสีเดียวกับแจ็คเก็ต

    พอลองสวมดูแล้ว ก็ดูทำให้ตัวสูงขึ้นหน่อย ๆ ก็สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบกว่า คงไม่มีใครสังเกตหรอกกระมัง

    “เทีย!⁓ ลงมากินข้าวได้แล้ว”

    เสียงของหญิงสาวที่ดูยังเยาว์วัย ตะโกนเรียกจากชั้นล่างของบ้าน

    “ค่า!… จะลงไปแล้วค่า!!”

    เมื่อตอบเช่นนั้นกลับไปจึงเร่งรีบเตรียมของ ในวันนี้วันอาทิตย์ เรามีนัดที่ห้างใหญ่ฉะนั้นรถน่าจะเยอะควรรีบไปก่อนดีกว่า

    ตึก.. ตึก.. ตึก..

    ไม่ใช่เสียงของหัวใจ แต่เป็นเสียงฝีเท้าที่ย่ำลงที่บันไดอย่างเร่งรีบ

    ถึงกระนั้นกลิ่นที่เย้ายวนของอาหารเช้าลอยมา แตะที่จมูก

    “ครอก!..”

    ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ พอเดินลงมาถึงพื้นของชั้นแรก จานอาหารที่จัดจานอย่างสวยงาม แต่ไม่ได้อลังการ วางอยู่ที่นั่งประจำ นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็นจานของเรา ดังนั้นสามารถทานได้อย่างไม่ต้องกังวล

    “แหม.. วันนี้ลูกจะไปไหน แต่งตัวซะเต็มที่เลย เดตหรือเปล่า!..”

    ต้นเสียงที่ออกมาจากสาวสวยที่ดูไม่สมวัย อันนา เซริว คอร์ฟ คุณแม่ที่รูปร่างและหน้าตาราวกับเด็กวัยรุ่น หากไม่ได้มีสีตาที่เป็นสีม่วงดอกกุหลาบ คงไม่สามารถแยกกับเทียร่ามีตาสีเหลืองสว่าง

    “ไม่ใช่สักหน่อย!”

    ปฏิเสธได้อย่างไม่แสดงท่าทีเขินอาย เป็นเพราะวันนี้นัดกับเพื่อน อีกอย่างก็ยังไม่มีแฟนด้วย

    ปกติที่รูปร่างและใบหน้า นั้นดึงดูดสายตา พวกผู้ชายที่เข้ามาสารภาพรักก็ไม่เคยสนใจตัวเทียร่าเลย พวกเขามองแค่เพียงร่างกายที่เย้ายวน และสง่างามนี้เท่านั้น

    “วันนี้มีนัดกับเพื่อนที่ห้างต่างหาก..”

    ทันทีที่พูดจบ ช้อนและส้อมถูกวางรวบอย่างเรียบร้อยบนจานที่ว่างเปล่า

    ดูท่าวันนี้น่าจะเดินเยอะถ้าอย่างนั้นก็ใส่รองเท้าผ้าสีขาวตัดดำ ทั้งน้ำหนักเบาและนุ่มสบาย ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ต้องห่วงว่าจะเจ็บและเหนื่อยง่าย

    จิ๊บ… จิ๊บ…

    เสียงของนกที่ลอดเข้ามาพร้อมกับแสงแดดที่ไร้เสียงหลังจากประตูที่ถูกเปิดออก นี่คือช่วงเช้าที่สดใส พร้อมกับรถที่อัดแน่น (อืม… คงไม่สดใสเท่าไหร่)

    “…งั้นไปดีมาดีนะ”

    “ค่ะ!”

    ถึงจะตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้ม แต่กำลังกังวลกับความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กังวล… กังวลว่าความฝันนั้นอาจจะเป็นความจริง เพราะในทุกครั้งที่เกิดขึ้น ตัวเรามักเชื่อว่านั่นคือความฝัน ทว่าในท้ายที่สุดหลังจากความตายครั้งแรกทุกอย่างก็กลับมาเริ่มต้นใหม่ที่วันนี้อีกครั้ง จนมันเกิดขึ้นอีกสิบสามครั้ง แม้ว่าตัวเราในความฝันจะพยายามมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงจุดจบได้

    เราอยากจะเชื่อว่ามันเป็นเพียงความฝัน แต่วิธีพิสูจน์นั้นเพียงนิดเดียว ในวันนี้จะถูกเพื่อนเทนัดขณะที่ไปถึงที่แล้ว ในความฝันได้เกิดขึ้นอย่างนั้นในทุกๆ รอบ

    ลมพัดกระทบใบหน้าอันงดงาม เส้นผมพลิ้วไสวราวกับกำลังถ่ายทำโฆษณายาสระผม ขณะที่รถโดยสารประจำทางกำลังแล่นอย่างว่องไว

    มีหยุดบ้าง และในขณะที่รถหยุด หลายคน ๆ ที่กำลังเดินผ่านก็ต่างจดจ้องมา เหมือนกับเจอดาราดัง บ้างก็ถ่ายรูปไป แต่เทียร่าก็ไม่ได้สนใจ

    ในขณะที่รถกำลังไปต่อ เพียงแค่เหลือบตาออกไปมองข้างนอก กลับไปสบตากับหนุ่มหล่อคนหนึ่ง ใบหน้าเหมือนกับในความฝันที่ควรน่าจะลืมไปแล้วทุกประการ ไม่เว้นแม้ชุดที่ใส่ กับท่าทางที่กำลังขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์สีดำคันใหญ่

    ถึงเขาจะหันมามองแต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก และหยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมในทันใด

    ถึงจะติดใจอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อไปแล้วส่วนหนึ่ง และแล้วก็ถึงส่วนที่สำคัญที่สุด

    รถโดยสารประจำทางจอดลงที่ป้าย ข้างหน้าห้างใหญ่ที่หนึ่ง ‘เรนฟอล ซิตี้’ ห้างขนาดมหึมาใจกลางเมือง

    คนมากมายเดินเข้า-ออกห้างกันเหมือนการหายใจ ถึงอย่างนั้นก็มีประตูรองรับมากพอกับจำนวนคนที่เดินผ่านไป-มา

    ตื๊ด… ตื๊ด…

    เสียงโทรศัพท์สั่นขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายไหล่

    ‘คุณเพื่อนสนิท’

    ชื่อที่บันทึกไว้แสดงขึ้นมา นี่คือเวลาตัดสิน หากเป็นไปตามจริง ก็ยังคงมีเวลาให้เตรียมตัว

    (“สวัสดี… เอ่อ- เทียวันนี้ไปไม่ได้แล้วโทษทีนะ”)

    “อ่า… มาถึงแล้วล่ะ”

    (“เอ๋!!… แต่- แต่ว่าวันนี้ฉันไปไม่ได้แล้วนะ”)

    “งั้นไม่เป็นไร… ไหน ๆ ก็มาถึงแล้วก็ขอเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับดีกว่า”

    (“ไม่เป็นไรแน่นะ”)

    “ไม่เป็นไร”

    (“คงไม่ไปแอบร้องไห้ใช่ไหม”)

    “ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง! แค่นี้ก่อนแล้วกัน”

    (“บาย!-”)

    ตื๊ด… ตื๊ด… ตื๊ด…

    ตัดสายไปแล้ว- ถึงจะพูดไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนดี

    กลิ่นหอมของกาแฟดึงดูดสายตาให้มองขึ้นไปที่ชั้นสอง ในช่วงก่อนเที่ยงของวันอาทิตย์แน่นอนว่าผู้คนส่วนมากรีบมาจับจองที่นั่งก่อนที่จะเต็ม

    บรรยากาศตามชื่อของห้างเหมือนกับเมืองเล็ก ๆ ที่ผู้คนอัดแน่น ตึกสูงถึงห้าสิบชั้น พื้นที่ขนาดใหญ่มาก ๆ ขนาดที่ในทุก ๆ ร้านค้าที่ตั้งอยู่นั้นมีห้องข้างหลังขนาด สองห้องนอน สองห้องน้ำ และห้องครัวกว้างขวาง

    ร้านกาแฟนั้นแทบจะตั้งอยู่ในทุก ๆ ส่วนของห้าง ฉะนั้นเราจึงเลือกเดินไปนั่งที่ร้านที่ใกล้ที่สุด และสั่งกาแฟเย็นแก้วหนึ่งมานั่งรอเวลา

    ถึงเวลาที่เกตน่าจะเปิดออกคือ บ่ายสามครึ่งโดยประมาณ และเกิดที่ชั้นห้าที่เป็นพื้นที่โล่ง

    ในห้างแห่งนี้มีชั้นบนดินทั้งหมดห้าสิบเอ็ดชั้นรวมชั้นดาดฟ้า และห้าชั้นใต้ดิน ในชั้นที่หนึ่งถึงห้าเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีพื้นที่เหมือนห้างทั่วไป มีร้านค้ามากมาย อยู่อย่างซับซ้อนและพื้นที่เดินกว้างขวาง และในชั้นที่หก ถึงสิบสาม เป็นส่วนโล่ง ๆ ที่ทำเปิดสวนสนุก สวนน้ำ และสวนสัตว์ มันกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ ชั้นที่สูงกว่านั้น ก็เป็นลานกีฬา ร้านค้าที่มีห้องขนาดกว้างอยู่ และดาดฟ้าตามลำดับขึ้นไป และในชั้นใต้ดินทั้งหมดเป็นที่จอดรถ ขนาดกว้างขวาง

    ตัวตึกใกล้เคียงมีโรงแรม และคอนโด เชื่อมกับห้างอยู่ ขนาดโรงแรมและคอนโดใกล้เคียงกันถึงอย่างนั้นก็ทั้งสองส่วนรวมกันก็ใหญ่แค่ หนึ่งในห้าของห้างเท่านั้น

    ไม่รู้ว่าออกแบบยังไงถึงออกมาได้แข็งแรงสุด ๆ เมื่อเกิดเพลิงไหม้ก็จะหยุดที่จุดจุดนั้น ไม่เกินไปโซนอื่น ๆ แม้แต่แผ่นดินไหวก็ไม่ทำให้อาคารทั้งหมดขยับเขยื้อน หรือโอนเอนเลยสักนิด แม้แต่ภายในก็ไม่ได้รับผลกระทบ ด้วยระบบระบายน้ำพิเศษจึงทำให้น้ำไม่เคยท่วมเลยส้นเท้าขึ้นมา แม้แต่อาชญากร ผู้ก่อการร้าย การจี้ปล้น วิ่งราว ฆาตกรรม โอกาสที่เกิดน้อยมาก ๆ หนึ่งปีแทบจะพลาดครั้งเดียวต่อปี ด้วยระบบรักษาการปลอดภัยพิเศษ ที่ทั้งทหาร ตำรวจ ยาม กู้ภัย รวมถึงทีมแพทย์ ที่อยู่โรงพยาบาลที่เชื่อมกัน โดยมีประตูต่อกันในทุก ๆ โซนของห้าง

    ราวกับว่าทุก ๆ อย่างรวมอยู่ที่นี่เป็นเมืองเล็ก ๆ

    อืมพอมาคิดดูดี ๆ จำได้ว่ามีข่าวลือเกี่ยวกับร้านค้าที่นี่เหมือนกัน ร้านขายของเก่าที่อยู่ชั้นบน ๆ น่าจะประมาณชั้นสิบห้า โซนตลาดของเก่าสินะ…

    ถึงจะรู้ว่าเป็นชั้นที่สิบห้า แต่ในชั้นนี้มากกว่าเก้าส่วน ล้วนเป็นร้านขายของเก่าทั้งนั้น

    เวลานี้คือเกือบเที่ยง เวลาที่เกตเปิดโดยประมาณบ่ายสามครึ่ง ดังนั้นเวลาที่เหลือเพียงเกือบสี่ชั่วโมง ทำให้เวลาการเตรียมตัวถูกเร่งรัด ถึงอย่างนั้นมันก็มากพอแล้ว

    ลืมไปเลย… เวลาสี่ชั่วโมงมันมากเกินไปด้วยซ้ำ เพราะในห้างก็มีแอปพลิเคชันของตนเอง ในแอพถูกออกแบบเพื่อค้นหาร้านค้าโดยเฉพาะ ค้นหาจากสินค้าที่สนใจ หรือจะเอาไว้แจ้งเหตุ หรือเรียกหาคนก็ได้ เป็นแอพที่สะดวกใช้งานเป็นอย่างมาก

    เพราะฉะนั้นจึงไม่รีรอ และหาข้าวเที่ยงกิน ถ้าหากต้องรอเวลาย่อยอาหารอีกคงจะจุกแน่ ๆ ในตอนต่อสู้ การกินไปก่อนนั้นช่วยได้มากในเรื่องลดระยะเวลาย่อยอาหาร และจริง ๆ แล้วมันก็ถึงเวลากินข้าวโดยปกติแล้ว

    ทุก ๆ อย่างในเวลานี้ดูสงบสุขมาก ถ้าไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นวันแบบนี้ก็จะดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

    การนั่งเฝ้ามองผู้คนเดินผ่านไปจากที่นั่งในร้านมันเพลินตาเกินไป รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง พอเป็นอย่างนั้นคงต้องรีบแล้ว เพราะมัวปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์มากเกินไปแล้ว

    มือคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าอย่างไม่รีรอ เปิดแอพแผนที่ทันใด ลูกบอลสีฟ้าวิ่งหมุนรอบหน้าจออยู่หลายครั้ง และแล้วแผนที่ก็ปรากฏขึ้นบนมือถือ

    คำค้น : แผนที่เก่า ประเภทร้าน : ขายของเก่า

    … และเมื่อกดยืนยัน หน้าจอก็พากลับมาหมุนเหมือนเดิม

    ค้นพบ 14 ร้านค้า จาก 1278 ร้านค้า

    ในประเภทร้านขายของเก่ามีถึง พันสองร้อยกว่าร้าน ยังโชคดีที่ร้านขายแผนที่เก่ามีเพียง สิบสี่ร้านจากทั้งหมด

    เทียร่าเดินก้าวอย่างเร่งรีบเพื่อไปที่ร้านค้าสิบสี่ที่ ที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่จุดแดงบนแผนที่ในมือถือ

    แต่ก่อนอื่นใด การที่จะเดินไปร้านตามหมุดที่ปักอยู่ต้องเดินไปขึ้นลิฟต์ การที่ห้างมีขนาดใหญ่มหึมา จึงเป็นธรรมดาที่ลิฟต์จะแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมาก มันไม่สะดวกเอาเสียเลย

    และทางเลือกที่สองคือบันไดเลื่อน แต่เมื่อเดินไปถึงบันไดเลื่อนที่ใกล้ที่สุด ก็ต้องหยุดชะงักในทันใด ดูเหมือนจะมีคนอื่น ๆ ที่คิดเหมือนกันจำนวนมาก แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไปอัดแน่นกับผู้คนจำนวนมาก

    แต่ขณะที่กำลังต่อแถวเพื่อเดินขึ้นบันไดเลื่อน สายตาที่กวาดมองไปรอบ ๆ ก็ดันสะดุดลงที่หัวของชายหนุ่มคนหนึ่ง ผมสีดำที่เคยเห็นเมื่อเช้าบนรถโดยสาร ในขณะที่ไม่สนใจและเบนสายตาออกไปทิศอื่น ในสมองส่งภาพที่ติดตาขึ้นมา ทำเอาสะดุ้งขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

    ในภาพที่ทุกๆ อย่างถูกเล่นซ้ำๆ สิบสามครั้ง แม้ว่าทุก ๆ ครั้งที่ย้อนกลับมาก็จะช่วยผู้คนได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายชายคนนั้นก็ไม่เคยรอดเลยสักครั้ง ภาพพวกนั้นที่ลืมไปได้สักพักแล้วแต่ทว่า เป็นคนคนนั้นไม่ผิดแน่วิธีการแต่งตัว ทรงผม และท่าทางการเดิน ความกดดันถาโถมเข้ามาหาเทียร่าอย่างหยุดไม่ได้

    ในรอบนี้จะต้องไม่มีคนเสียชีวิตในที่ ที่ฉันอยู่

    ภาพที่น่าสลดยังคงวนซ้ำอยู่หัวอย่างไม่รู้จบ ถึงอย่างนั้นมันก็ชินชาไปตั้งนานแล้ว เพราะการย้อนกลับที่นับไม่ถ้วน ภาพเหล่านี้ที่ยิ่งกว่าเหมือนจริง จึงเกิดขึ้นตรงหน้าเทียร่ามานับครั้งไม่ถ้วน

    การคิดอะไรเล่น ๆ ระหว่างเฝ้ารออะไรสักอย่างช่วยฆ่าเวลาได้เยอะพอสมควร

    แถวที่รอค่อย ๆ ร่นไปอย่างช้า ๆ ทำให้ตอนนี้ได้ขึ้นมาเหยียบบนบันไดเลื่อนแล้ว

    ความจริงแถวก็ไม่ได้ยาวเท่าไหร่นัก แค่ยาวเพียงพอที่จะถูกเรียกว่าแถว เพราะจริงทางขึ้นไปชั้นอื่น ๆ ก็มีอยู่มากมาย แต่ก็ไม่อยากไปอันเบียดกันในลิฟต์สักเท่าไหร่ และทางที่สะดวกที่สุดคือบันไดเลื่อนที่ใกล้ที่สุด

    การคิดไปคิดมาเพลิน ๆ ถึงตอนนี้ก็เดินขึ้นมาจนถึงชั้นที่สิบห้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แล้ว

    ถึงการเดินไป ดูโทรศัพท์ไปจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ถ้ายืนอยู่เฉย ๆ เวลามันจะเสียเปล่าไปมากเกินไป

    เพราะการเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ทำให้ไปถึงร้านค้าที่อยู่ปลายจุดหมายได้แล้ว

    จากนั้นการเดินเพียงนาทีกว่าก็พาเรามาถึงที่นี่แล้ว ร้านแรกเป็นร้านค้าที่ใหญ่โตดี ทว่าของข้างในไม่มีอะไรที่ดูมีประโยชน์เลย

    ของที่ใช้การได้ก็มีแค่นาฬิกาเรือนเก่าที่ตั้งอยู่บนสุดของชั้นวาง ด้วยราคาที่แพงแบบฉีกกระเป๋าเงิน ในตอนนี้ยังไม่ได้จำเป็นสำหรับเราเท่าไหร่นัก

    เงินที่มีไม่เพียงพอสำหรับทุกอย่าง คงต้องเลือกของที่ใช้ได้ตลอด

    ในช่วงแรกๆ ยังไม่มีกฎหมายของอเวคเกอร์ เกตจึงสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ สิ่งที่น่าจะทำได้คือ ฟาร์มเลเวลโดยใช้เกตว่าง ๆ ที่ไม่มีคนรู้จัก

    และสิ่งของที่มีมูลค่าในอนาคต เก็บไว้เป็นทุนก็ไม่เสียหาย

    แต่สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในตอนนี้คือแผนที่ มีแผนที่แปลกๆ ที่เคยปรากฏในอินเดีย ครั้งอดีตมันเป็นเพียงแผ่นที่ ที่ไร้ค่า แต่ในอนาคตจะมีมูลค่ามากถึงขนาดซื้อบ้านได้หลายหมื่นหลัง

    ถ้าสำรวจร้านทั่วหมดแล้วคงจะเหลือเวลาว่างอีกสักนิดให้เตรียมตัว

    ร้านค้าต่อไปใกล้ๆ มีคลังของเก่าวางอย่างไม่เป็นระเบียบ แต่มันไม่ได้ดูรกหูรกตา

    ม้วนกระดาษถูกวางเรียงบนชั้นมากมาย ร้านแห่งนี้เหมือนร้านขายม้วนหนังสือเก่าที่มีแต่มาโบราณ

    เมื่อเราเห็นแบบนั้นจึงเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก พร้อมพัดลมอยู่ข้างกาย และทีวีตู้ปลาแบบเก่า

    น่าจะมีแผนที่ ที่มีประโยชน์อยู่ในกองพวกนั้น ถึงอย่างนั้นก็ลองถามก่อน เพราะมันคงเสียเวลาไม่น้อยถ้าจะค้นทั้งหมดนั้นด้วยตัวเอง

    "ขอโทษนะคะ มีของเก่าจำพวกแผนที่โบราณขายมั้ยคะ…"

    ถึงจะบอกไปเช่นนั้นแต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่แผนที่โบราณ ของที่เราตามหาคือแผ่นที่ปริศนา ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น ทว่าสิ่งที่ระบุภายในแผนที่มันไม่ใช่ภาพของภูมิศาสตร์ ของพื้นที่ใดๆ ในโลก

    หลังจากนี้อีกไม่กี่ปี แผนที่ประเภทนั้นจะโด่งดังอย่างมาก เพราะมันคือแผนที่ ที่ถูกส่งออกมาหลังจากเกตได้แง้มเปิด

    ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกค้นพบที่ใด แล้วเพราะอะไรมันถึงถูกส่งมา

    คุณลุงเจ้าของร้านลืมตาขึ้น จากนั้นก็ลุกและเดินไปที่ตะกร้าที่มีม้วนกระดาษเก่าๆ มากมาย

    "เลือกเอาสิ นี่ล่ะแผนที่เก่าราคาถูก เพราะมันสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่"

    หลังจากชี้บอกตำแหน่งของสินค้าที่ต้องการ คุณลุงเจ้าของร้านก็เดินกลับไปนอนที่เก้าอี้ของตน

    "เลือกเสร็จแล้วเดินมาบอกด้วย"

    เขาคงคิดว่าเพราะเรายังเด็กจึงไม่มีเงินมากเท่าที่ควร แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ เพราะราคาถูกเองก็เป็นเรื่องดี

    เริ่มจากค่อยๆ ค้นที่ตะกร้าแรกสุด

    เพราะจำเป็นต้องหาแผนที่แปลกๆ แต่ดันแยกไม่ออก เพราะแผนที่มันซับซ้อนมากไป แต่อย่างน้อยที่จำได้ อาร์ติแฟกต์ชิ้นนั้นที่ต้องการ มักจะมีสัญลักษณ์แปลกๆ อยู่จำนวนหนึ่ง

    อาร์ติแฟกต์ประเภทนี้ไม่ได้หายากเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่นั้นปะปนอยู่กับแผนที่ทั่วไป แต่ในอนาคตราคาจะขึ้นอย่างมาก ด้วยเนื่องจากการถูกเผาหรือทำลายหลังเกตแตก

    และอาร์ติแฟกต์ประเภทแผนที่ยังแบ่งอีกหลายประเภทเลย ทั้งยังแบ่งระดับของอาร์ติแฟกต์ด้วยความสามารถในการค้นหา ถ้าโชคดีก็คงได้แผนที่ระดับ S ในราคาประหยัด

    หลังเริ่มหาไปเกือบครึ่งตะกร้าก็เจอชิ้นแรกแล้ว เป็นแผนที่ขนาดเล็ก-กลาง แต่ปัญหามันคือการที่ภายในแผนที่แผ่นนี้ดันมีแต่ภาพภูมิศาสตร์ แต่ไม่มีสัญลักษณ์ประกอบใดๆ บนแผนที่นี้เลย แถมยังเป็นแผนที่ในดันเจี้ยนที่ไหนก็ไม่รู้

    ตัดใจจากแผนที่แผ่นนี้แล้วหาต่อดีกว่า งบประมาณในกระเป๋ากับบัตรไม่ได้มีขนาดสามารถซื้อได้ทุกแผ่น ค้นไปเรื่อย ๆ จนครบทั้งตะกร้าแล้วแต่ก็เจออาร์ติแฟกต์แค่ห้าม้วน แถมยังเป็นระดับต่ำตั้งสี่แผ่น

    อีกชิ้นเป็นกระดาษแผนที่ดวงดาว เรียกได้ว่าโชคดีรึเปล่าไม่รู้ แต่ของชิ้นนี้เป็นของราคาแพงในหมู่ช่างอุปกรณ์อย่างมาก

    “เจ้าของร้านแผนที่ดวงดาวแผ่นนี้ราคาเท่าไหร่”

    “หืม..”

    เจ้าของร้านหันมามองที่แผนที่ ที่ชูขึ้นมาลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ลายดวงดาวที่ประดับอยู่บนท้องฟ้า ทว่ามันไม่ใช่ดวงดาวที่มีอยู่จริง แค่เฉพาะในตอนนี้เท่านั้นแหละ หลังพลังจากเกตเข้ามามากเท่าไหร่ แผนที่ดวงดาวยิ่งเปลี่ยนไปเท่านั้น

    “ห้าร้อยบาท..”

    “สามร้อยได้มั้ยคะ”

    “สี่ร้อยแปดสิบได้เท่านี้แหละ ของเก่าราคาประมาณนี้”

    “สามร้อยห้าสิบ”

    “สี่ร้อยห้าสิบมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

    “สี่ร้อยไม่ได้เหรอคะ”

    “สี่ร้อยห้าสิบต่ำสุดแล้วลงกว่านี้ไม่ได้หรอก..”

    ยังไงก็ต้องยอมไปก่อนเพราะราคาสี่ร้อยห้าสิบ มันคุ้มสุดๆ แล้วในตอนนี้

    “ก็ได้ค่ะ สี่ร้อยห้าสิบ.. นี่ค่ะ”

    ยื่นแบงก์ห้าร้อยให้ลุงเจ้าของร้าน เขาดูเหมือนจะทำท่าหาอะไรสักอย่าง แน่นอนว่ามันคือเงินทอน

    “มีแบงก์ย่อยมั้ยหนู”

    “มีแค่สี่ร้อยค่ะ สี่ร้อยได้มั้ยคะ”

    “ถ้าอย่างนั้น สี่ร้อยก็ได้”

    จากนั้นก็ยื่นแบงก์ร้อยสี่ใบให้คุณลุงแทน

    ถึงจะได้มาถูกกว่าเดิมก็เถอะ แต่แผ่นที่ดวงดาวก็ไม่ใช่ชิ้นหลักที่กำลังตามหา แผนที่ ที่จำเป็นคือแผ่นที่บอกจุดเกต มันจะเป็นประโยชน์มาก

    ในระหว่างที่ผู้คนกำลังวุ่นวายกับสิ่งที่ไม่รู้จัก หลังการช่วยเหลือคนแล้วคือการเก็บเกี่ยวผลผลิต นั่นคือเวลาที่ผู้คนจะเริ่มเรียนรู้หลังจากนี้ เวลาเก็บเกี่ยวที่ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

    แต่พอมองดูเวลาอีกที หายไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปคงหาไม่เจอแน่ ๆ

    บนโทรศัพท์มีร้านค้าอีกจุดหนึ่งใกล้ๆ พอดี ถ้าเลยจากนั้นห่างอีกเป็นครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง

    เวลาเหลืออีกสามชั่วโมง มันไม่ใช่น้อยแต่คงไม่พอ พอเดินเลยจากร้านเก่ามาสักหน่อย ร้านที่ต้องไปอยู่ตรงปลายสายตาฝั่งซ้ายพอดี

    ก็โล่งใจที่ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ พอไปถึง ของเก่าเรียงรายตระการตากว่าที่คิด อาติแฟกต์อยู่ในร้านมากกว่าครึ่ง นอกจากนั้นรีลิกที่อยู่ในร้านก็มากมายเช่นเดียวกัน

    แต่ว่าดูเหมือนจะมีลูกค้าคนอื่นอยู่ในร้านด้วยเหมือนกัน

    "เอาละเจ้าหนุ่ม นายนี่มองดูอะไรมาตั้งนานแล้วนะ"

    “ไม่คิดจะซื้อหน่อยหรือไง บอกได้นะถ้าหาอะไรอยู่น่ะ”

    “ครับ ขอคิดสักครู่แล้วกัน”

    ผู้ชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ชั้นวางของตรงข้างๆ จุดชำระเงิน พอดูๆ แล้วหน้าคุ้นมากเลยล่ะ

    อืม.. เอ๊ะ!! ผู้ชายคนนั้นนี่น่า ทำไมถึงเจออีกครั้งที่นี่ล่ะ มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไป

    ชายหนุ่มผมดำคลับ ใบหน้าที่ดูคม และเนียนสวย ดวงตาดูมีชีวิตชีวา ทว่า

    “เอิ่ม.. จะหานาฬิกาแห่งอวาทอสได้ที่ไหนล่ะเนี่ย?”

    พรู้ด!!… อะไรนะ นาฬิกาแห่งอวาทอส มันคือบ้าอะไรล่ะนั่น?

    “มันอะไรล่ะนั่น ร้านนี้ไม่มีของอะไรแบบนั้นหรอก”

    “น่าเสียดายจัง ทั้งๆ ที่เป็นร้านที่ดูดีแท้ๆ”

    “อะไรกัน!- ไอ้หมอนี่… หาเรื่องกันเหรอห้า!! ของบ้าอะไรพันนั้นไม่รู้จักหรอก!”

    เอ่อ… ดันเข้ามาในจังหวะที่ไม่ควรสุดๆ แล้วสิ

    แต่เวลาจะร่วงเลยกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

    “ขอโทษนะคะ มีแผนที่ขายไหมคะ?”

    “ฮื่ม!.. เอ่อ- คุณหนูขอโทษที มีสิ ว่าแต่เอาแผนที่แบบไหนล่ะ”

    “อืม.. มีแผนที่แปลกๆ ไหมคะ แบบที่ไม่รู้ว่าเป็นแผนที่ของอะไร”

    “อืม.. ถ้าแผนที่ส่วนใหญ่ก็อยู่ฝั่งนั้น ส่วนที่เหลือก็กระจายๆ เอา”

    เฮ้อ… ต้องเสียเวลาค้นมันอีกแล้ว-

    “อะนี่- ผมว่าเธอต้องการมัน”

    ชายหนุ่มตรงหน้ายื่นหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ ที่สันเขียนด้วยภาษาแปลกๆ และปกก็มีสัญลักษณ์เข็มทิศสีทองเงาประทับอยู่ อีกทั้งบนตรานั้นมีสิ่งที่คล้ายๆ กับอัญมณีแต่ละเม็ดมีสีไม่ซ้ำกัน เรียงกันรอบขอบเข็มทิศเป็นวงกลม สีที่ถูกเรียบเรียงมาอย่างดีทำให้สีเรียงกันเป็นวงจร

    ดูๆ แล้วก็เหมือนกับสมุดแผนที่ทั่วไป แต่นั่นคืออาร์ติแฟกต์แน่นอน ถึงจะไม่รู้ระดับก็เถอะ-

    น.. น..นี่มันอะไรกัน สมุดอันนี้ไม่ใช่ว่าระดับเกิน A ไปแล้วใช่ไหม

    เราจำได้แน่ๆ ที่เขียนอยู่หน้าหนึ่งในหนังสือ นั่นคือวงเวทที่เอาไว้สร้างกระเป๋ามิติ ไม่คิดว่าจะเจอง่ายขนาดนี้

    “เอ่อคุณลุงคะ เล่มนี้เท่าไหร่คะ?”

    ในสายตาของคนทั่วไป มันก็แค่สมุดเก่าๆ เล่มหนึ่ง ถึงอย่างนั้นมันก็มีค่ามากอยู่ดี

    “อ่อ.. เล่มนั้นนะเหรอ ราคาห้าพันสองร้อย”

    เฮึอก!!.. ราคาที่ได้ยินทำเอาใจหาย จนเผลอทำหน้าแปลกๆ ไปวินาทีหนึ่งเลย

    “ลุงคะ สามพันไม่ได้เหรอคะ”

    “ห้าพันหนึ่ง มันได้แค่นี้แหละ”

    อึก!.. ค่าขนมที่สะสมมาจากงานพิเศษ

    “งั้นสามพันห้าล่ะ”

    "ห้าพัน”

    “อึก.. แต่ลดอีกหน่อยนะคุณลุง”

    “สี่พันแปดสุดๆ แล้ว”

    “สี่พัน”

    อ้า!! ทำยังไงดีเงินที่เหลือก็ต้องเก็บไว้เหมือนกัน

    “สี่พันห้าถ้ามากกว่านี้ก็ไม่ต้องซื้อแล้ว”

    ฮือ~ ก็ได้ ยอมแล้วค่า…

    ควักแบงก์ห้าร้อยสามใบ และแบงก์พันอีกสามใบ

    “นี่ค่ะ”

    เป็นเรื่องที่น่าดีใจสุดๆ เลย ทั้งยังเจ็บปวดสุดๆ เลยด้วย

    ในที่สุดตอนนี้ก็สามารถวางใจตอนไปสู้ได้แล้วล่ะ

    แต่!!! ลืมสื่อกลางไปเลย…

    ถ้าอธิบายง่ายๆ สื่อกลางสำหรับสกิลของเราแล้ว คือการเปลี่ยนอาวุธที่ถืออยู่ให้กลายไปดาบแห่งแสง แต่สื่อกลางที่ใช้จะต้องมีความคงทน และรูปร่างเหมือนดาบหรือมีด

    ทางเดียวคือศูนย์กีฬาชั้นล่าง เอาดาบไม้มาใช้แก้ขัดไปก่อนน่าจะได้

    แต่ปัญหาคืออาจเสียเวลาไปมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ก็เหลืออีกไม่ถึงสองชั่วโมง

    สุดท้าย ส่องเงินในกระเป๋าเงินที่มี แอบกลุ้มใจนิดหน่อยแฮะ แต่หลังจากนี้เงินตราจะใช้ไม่ได้สักพัก

    ยังไงก็ต้องลงไปอยู่ดี ถึงมันจะเสียเวลามากก็ตาม

    หลังจากออกมาจากร้านขายของเก่าก็เดินลงมาตามบันไดเลื่อน ศูนย์กีฬาชั้นล่างอยู่ห่างหลายชั้นจากตรงนี้ แต่ผู้คนเองก็น้อยลงเหมือนกัน

    เทียร่าก้าวเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางอย่างเร่งรีบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×