คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความหวัง และการสูญเสีย
‘เกต’ ประตูมิติที่ปรากฏขึ้นกะทันหัน โดยที่มนุษยชาติไม่ทันได้ตั้งตัว ความโกลาหลวุ่นวายก่อตัวขึ้นทั่วทุกมุมโลก หลังจากที่เกตปรากฏขึ้นเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง
‘มอนสเตอร์’ เหล่าสัตว์ประหลาดหลากหลายประเภทที่ปรากฏตัวออกมาจากเกต มีทั้งสิ่งมีชีวิตตามเรื่องเล่าที่อยู่บนโลกใบนี้ และสายพันธุ์ที่ไม่เคยมีการกล่าวถึง
ทว่าในขณะเดียวกัน มนุษยชาติเองก็ได้รับพรวิเศษ ผู้คนที่ได้รับพรจะมีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วไป จึงถูกเรียกว่า ‘ผู้ที่ถูกปลุกพลัง’ (ผู้ตื่นรู้ / อเวคเกอร์) แต่ว่าในโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงคนที่ใช้พลังเพื่อปกป้องผู้อื่น ยังคงมีผู้ที่ใช้พลังเพื่อความสุขของตัวเองอีกมากมาย
บริษัทใหญ่จำนวนมากเห็นถึงความจำเป็นของอเวคเกอร์ พวกเขาจึงลงทุนจำนวนมหาศาลแก่อาชีพนี้ อเวคเกอร์จึงกลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่มีรายได้สูง แถมยังมีรายได้จากวัสดุจากเกตเพิ่มอีก ปัจจุบันคนส่วนมากจึงนิยมอาชีพนี้
…
เวลาโดยประมาณสามปีหลังจาก มหาภัยพิบัติที่เข้าจู่โจมโลกโดยที่เหล่ามวลมนุษย์ไม่ทันได้เตรียมตัว
เวลานี้ที่มาถึงเหล่าผู้คนภายใต้เครื่องสวมใส่ที่หลากหลาย พร้อมทั้งอาวุธคู่กายที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี
พวกเขาต่างลุกฮือและเต็มไปด้วยกำลังใจ เพียงแค่กวาดสายตามองก็ยังสามารถนับได้ราว ๆ หลายหมื่นคน พวกเขาทั้งหมดคืออเวคเกอร์ ‘ระดับ A’ ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ หรือความพยายามมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่หน้าเกตที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ความสูงของเกตแห่งนี้เทียบเท่ากับความสูงของตึกสิบสองชั้น
แต่ในแถวหน้าสุดของกองทัพ ยังมีผู้คนจำนวนร้อยกว่าคนยืนเป็นผู้นำของพวกเขาอยู่ ‘ระดับ S’ ที่อยู่เหนือ ‘ระดับ A’ พวกเขาถูกเขารวมตัวกันเพราะเกตระดับ S แห่งนี้ที่เกิดขึ้นกลางเมือง
“นี่คุณเรค..”
“ว่าไงครับ คุณเทียร่า?”
“เกตบานนี้ ประเภทอะไรหรือคะ?”
“รู้สึกว่าจะเป็น ‘ดันเจี้ยน’ ไม่ก็‘ทาวเวอร์’ ครับ”
“เป็นโอกาส สองในห้า ที่เสียเวลาเคลียร์จริง ๆ ”
ชายชราที่เดินมาจากข้างหลังแทรกบทสนทนาของหนุ่มสาว ใบหน้าที่มีรอยย่นอยู่เล็ก ๆ ทำให้ดูมีความเกรงขาม ชุดเกราะสีขาวสะอาดตา ประดับเรียงร้อยด้วยสีทองเล็กน้อยในจุดที่ดูไม่โดดเด่นมากจนเกินไป
“กิลด์มาสเตอร์.. ทุกอย่างได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
“โอ้! ถ้างั้นก็ผ่อนคลายเถอะ”
ชายชราคนนี้คือกิลด์มาสเตอร์ของ ‘กิลด์อ้อมกอดแห่งเทพธิดา’
"คุณปู่ซาเอล!"
เทียร่าดูตื่นเต้นเมื่อเห็นชายชราคนนั้น
"นานมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้เห็นคุณหนูเทีย คราวนี้ฉันก็จะสู้ด้วย"
ซาเอลเองก็โต้ตอบอย่างสนิทสนม
ในจังหวะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการทักทายของกันและกัน นักข่าวหลากหลายสำนักดันกันเข้ามาโดยไม่ห่วงชีวิตตนเอง เหล่าทหารและเจ้าหน้าที่ต่างห้ามปรามฝูงชนที่พยายามบุกรุกเข้ามา
ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงหลังจากเข้าไปในเกตครั้งนี้ก็ไม่สามารถประเมินได้เช่นกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและการจากลา
กิลด์อันดับต้น ๆ ของโลกมากมายที่มารวมกันช่วยเพิ่มอารมณ์ฮึกเหิม ภาพที่ทั้งชีวิตคงไม่ได้อยากเห็นอีกเป็นครั้งที่สอง
ระหว่างที่ผู้คนกำลังวุ่นวายที่เกตเริ่มมีจุดปริแตก อากาศจากภายนอกถูกสูบจากด้านใน อากาศมีพิษที่แฝงไอชั่วร้ายลอยออกมาแทนที่ อเวคเกอร์หลายคนเริ่มรู้สึกตัว
หลายสิบนาทีต่อมารอยร้าวค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างก้าวกระโดด นักรบทุกคนเตรียมตัวกันพร้อมแล้ว
และแล้วช่วงเวลาตัดสินความสงบของโลกจึงเริ่มขึ้น
เมื่อเกตเปิดออกเต็มที่ ฝูงมอนสเตอร์กรูกันออกมาอย่างไม่ขาดสาย สายพันธุ์ที่มากหน้าหลายตาและไม่คุ้นเคยวิ่งสวนทางออกมา เหล่าพันธุ์ดัดแปลง และพันธุ์กลายพันธุ์ ค่อย ๆ บั่นทอนความกล้าและความกำลังใจของอเวคเกอร์ ไปมากกว่าครึ่ง
เวลาเหลือไม่มากเท่าไหร่ เหล่านักรบระดับ S ต้านฝูงมอนสเตอร์และขณะเดียวกัน ก็ดันสวนเข้าไปเช่นกัน
และแล้วเวลาแห่งความสิ้นหวังก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
เหล่าระดับ S ส่วนใหญ่สามารถฝ่าฝูงมอนสเตอร์เข้ามาในเกตได้สำเร็จแล้ว
ภายในเกตเป็นห้องวิจัยเก่าที่ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้างมานานแสนนาน ตามทางเดินยาวมีห้องกระจกสองข้างทางอยู่มากมาย ทว่ามากกว่าแปดในสิบของกระจกนั้นผุพังไปตามกาลเวลา และที่เหลือก็มีรอยร้าวขนาดใหญ่ เตรียมพร้อมที่จะแตกหักลงมาทุกเมื่อที่สัมผัสมัน
ตลอดทางเดินกว้างยาว ไม่มีมอนสเตอร์อยู่เลยสักตัว เป็นเพราะพวกมันกรูกันออกไปข้างนอกกันหมดแล้วรึเปล่า เหล่าอเวคเกอร์ที่เข้ามาได้ก็พากันเดินมาจนสุดทาง ประตูเหล็กที่อยู่สุดทางเดิน เหมือนประตูทางหนีไฟที่ใช้กันทั่วไป เหล่าอเวคเกอร์ต่างตั้งท่าเพื่อต่อสู้กับบอสประจำชั้น ทว่าเมื่อเปิดประตูออกจึงพบบันไดทางหนีไฟที่แยกเป็นทางขึ้นกับทางลง
อเวคเกอร์สองกลุ่มอาสาที่จะแยกไปดูคนละทาง โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มละสี่และห้าคน ทั้งสองกลุ่มแยกกันไปคนละทาง คนที่เหลือรอคอยอยู่ที่ชั้นเดิม
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งสองกลุ่มก็กลับมาพร้อมกันจากทางด้านบน ทั้งสองกลุ่มมีสีหน้าตกตะลึงและอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างวิตกกังวล ดูเหมือนว่าสุดทางของบันไดทั้งสองฝั่งจะไปบรรจบที่เดียวกัน มีอเวคเกอร์หลายคนเองก็ตกใจมากพอกัน
เมื่อตัดสินใจกันได้แล้ว พวกเราจึงพากันเดินลงเพราะใช้พลังงานน้อยกว่า จึงช่วยประหยัดพลังงานเก็บไว้ใช้ในภายหลังได้
เมื่อลงมาถึงก็เจอทางเดินยาวที่มีกระจกทั้งสองข้างเหมือนกับชั้นแรก และก็ไม่มีมอนสเตอร์ปรากฏออกมาเช่นเดิม
พวกเขาพากันไปยังชั้นต่อๆ ไป แต่ก็ไม่มีสัญญาณของมอนสเตอร์อยู่ จนพวกเขาเดินทางไปถึงชั้นที่ห้า
บรรยากาศที่เงียบวังเวงในชั้นที่ห้าของเกต และยังระบุไม่ได้ว่าเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงกันแน่ ในบรรยากาศที่เงียบ ทำให้เหล่านักรบต่างพากันระแวง และไม่ลดการป้องกันลง
และเมื่อพวกเขาสังเกตไปรอบๆ ก็เจอสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องทดลองระหว่างทางผ่าน ทำให้เหล่าอเวคเกอร์พากันเหงื่อตกกันเป็นจำนวนมาก
เอกสารของงานวิจัยที่ผิดศีลธรรม!
“นี่ปู่ซาเอล ในเอกสารนี่มัน”
เทียร่าขมวดคิ้ว และจ้องมองกระดาษที่เต็มไปด้วยข้อมูลด้วยใบหน้าสะอิดสะเอียน ในกระดาษเต็มไปด้วยรูปภาพการทดลองกับมนุษย์และมอนสเตอร์จำนวนมาก
“ใช่แล้วคิเมร่าไงล่ะ เจ้าบอสของเกตนี้คงเป็นตัวที่รับมือยากละนะ”
บรรยากาศที่ตึงเครียดนี้ขึ้นทำให้พวกเขาได้ตระหนักรู้ว่า “ ““ (ปล่อยเจ้าตัวอันตรายนี้ออกไปไม่ได้เด็ดขาด!) ” ””
ด้วยความมุ่งมั่นของทุกๆ คน ทำให้พวกเขารีบเร่งที่จะบุกทะลวงเกตนี้ต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
ก่อนที่จะเดินทางต่อไป นักเวทไฟทมิฬที่เดินเกือบจะรั้งท้ายได้เผาเอกสารทั้งหมดทิ้ง เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งนี้จะไม่เล็ดลอดออกไปสู่โลกภายนอก
เพียงแค่ผ่านไปห้าชั้นจากทั้งหมดไม่ทราบจำนวนชั้น เหล่าอเวคเกอร์ก็เหนื่อยล้ากันมากแล้ว
ในที่สุดก็พบมอนสเตอร์ปรากฏ ออกมาแต่มันไม่ใช่ข่าวดีเท่าไหร่ เพราะยิ่งลึกเท่าไหร่รูปร่างของมอนสเตอร์ก็จะยิ่งแปลกประหลาดมากเท่านั้น
“หมดเวลาพักแล้วล่ะทุกคน! ได้เวลาบุกต่อ”
““ “เฮ้!!!—” ””
หลังได้พักผ่อนไปเกือบครึ่งวันแรงกาย และแรงใจของทุกคนกลับมาส่วนหนึ่ง
“ไปกันเถอะครับ ว่าแต่คุณเทียร่าชอบจดบันทึกอะไรอยู่คนเดียว”
เรคที่เห็นเทียร่านั่งจดอย่างมีสมาธิจึงถามออกไปอย่างไม่เกรงใจ
“นี่คือบันทึกการปราบปราม และชีวิตประจำวันของฉัน”
วันที่ 24 ตุลาคม ปี xx23
‘นี่คือเกตระดับ S ครั้งแรกของโลก ที่ทุกคนในโลกกำลังจับตามอง การรวมตัวของระดับ S จำนวนมาก! ทำเอาตื่นเต้นมาก’
‘ทางเข้าเกตมีขนาดใหญ่เท่าตึกสิบสองชั้น เป็นขนาดสุดอลังการแต่ว่าข้างในต้องอันตรายแน่นอน’
‘ในที่สุดก็ได้พักหลังจากเดินมาเนิ่นนาน สี่ชั้นแรกเองก็ไม่พบมอนสเตอร์เลยสักตัว ไม่มีแม้แต่บอส แต่เมื่อขึ้นมาชั้นห้ากลับเจอคิเมร่าที่แข็งแกร่งมาก’
‘หลังจากขึ้นมาถึงชั้นที่หก มอนสเตอร์ก็เริ่มปรากฏเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว’
‘ทุกคนเริ่มหมดกำลังกันแล้ว มอนสเตอร์รูปร่างแปลกมากมายทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ’
‘บอสชั้นที่เจ็ดหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในชั้นที่ห้าและหกมีบอสควบคุมอยู่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ชั้นเจ็ดจะไม่มีบอส’
‘อยากจะกลับบ้านแล้ว นาฬิกาธรรมดาไม่สามารถใช้ในเกตได้ เพราะฉะนั้นจึงใช้นาฬิกาที่เป็นอาติแฟกต์แทน แต่ว่าแม้แต่ตอนนี้มันก็ใช้ไม่ได้แล้ว จึงไม่รู้แล้วว่าผ่านไปนานแค่ไหน’
‘ในชั้นที่แปดเราเสียอเวคเกอร์ไปสามคน ถ้าจะออกจากเกตก็คงไม่ทันแล้ว ไม่อย่างนั้นเกตคงจะแตกออกและสิ่งที่ทุกคนทำมาก็จะเสียเปล่า’
‘เป็นเรื่องน่าสลดตอนนี้เราเสียคนไปมากกว่าครึ่งแล้ว เจ้าคิเมร่าพวกนั้นเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนพวกเราเริ่มจะสู้กับมันไว้ไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นฉันต้องสู้ ถ้าไม่มีใครสู้แล้วใครจะปกป้องผู้คนที่อยู่ข้างนอกล่ะ’
‘เริ่มมาที่ชั้นที่เก้า เหลืออเวคเกอร์ทั้งหมดแค่หนึ่งในสิบเท่านั้น คุณปู่ซาเอลที่เป็นแกนนำก็สูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง เป็นเรื่องที่แปลกตั้งแต่ชั้นที่เจ็ดก็ควรจะมีบอสกลับหายไปทั้งหมด เหมือนตั้งใจล่อพวกเราขึ้นมา แต่ก็เป็นเรื่องดีที่เราไม่สูญเสียกำลังไปมากกว่านี้แล้ว’
‘เป็นภาพที่โหดร้ายสุดๆ เมื่อเปิดประตูชั้นที่เก้าเข้าไปก็เจอกับบอสที่มังกรคิเมร่าที่ถูกสังหาร ร่างของมันถูกตรึงไว้ที่กำแพงห้องบอสด้วยดาบเป็นจำนวนมาก โลหิตของมันไหลหยดสู่พื้นจนเป็นแอ่งเลือดขนาดใหญ่’
‘ทางเดินในชั้นที่สิบไม่มีมอนสเตอร์แม้แต่ตัวเดียว เป็นเรื่องที่น่าแปลก แต่มันคงจะเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเรา’
'ในที่สุดสัญญาณบ่งบอกจุดสิ้นสุดก็เปิดเผยออกมา ประตูห้องของ'เกตมาสเตอร์' (ผู้ปกครองเกต) อยู่ข้างหน้าแล้ว'
ทุกๆ คนหมดกำลังใจกันแล้ว พวกเขาจึงเดินตรงไปยังหน้าประตูบอสโดยคิดเพียงจะได้เจอหน้าครอบครัวหรือกลับบ้านของตนเท่านั้น
(“เอาสิ! เปิดประตูแล้วเข้ามาท้าทายข้าซะสิ เหล่าผู้รอดชีวิต”)
เสียงและแรงกดดันที่ออกมาจากประตูทำเอาเหล่าอเวคเกอร์ขนลุกและหวาดผวา เกตมาสเตอร์ที่สามารถรับรู้ผ่านประตูบานใหญ่ที่มี'สกัดกั้น'ติดอยู่ได้ นั้นเกินสามัญสำนึกของพวกเขาไปแล้ว
เมื่อซาเอลที่ทำใจได้ก่อนคนอื่นมองไปรอบ ๆ ก็พบกับอเวคเกอร์ที่กลับหวาดผวากับความตายที่กำลังได้เผชิญ
“วางของที่จะฝากคนอื่นไว้ข้างนอกเถอะ หากใครไม่รอด คนอื่น ๆ ที่รอดจะนำของที่ว่าไปคืนให้ครอบครัวพวกนายเอง”
เพื่อเรียกขวัญกำลังใจของพวกเขากลับมา ซาเอลที่ทรมานจากการสูญเสียแขนก็วางจี้ประดับที่มีรูปครอบครัวของตนไว้ที่กล่องสมบัติที่นำออกมาจากกระเป๋ามิติ
อเวคเกอร์คนอื่น ๆ ก็พากันทำตาม แม้แต่เทียร่าก็วางสมุดบันทึกทิ้งเอาไว้
กล่องใบหนึ่งวางไว้เยี่ยงอนุสรณ์ของเหล่าผู้กล้า ละทิ้งไว้เพื่อกลับมาเก็บหลังจากรอดชีวิตกลับมา
อเวคเกอร์ที่มีความสามารถทำนายได้คนหนึ่ง จู่ๆ ก็ได้ทำการทำนายชะตาของพวกเขา
“ผลลัพธ์ที่ออกมาคงจะบอกว่าดีก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่แย่เช่นกัน”
เมื่ออเวคเกอร์ที่เหลือได้ยินเช่นนั้นก็มีกำลังใจขึ้นมา เพราะที่ผ่านมามันคือนรกสำหรับพวกเขา
อเวคเกอร์ที่เหลือรอดใช้แรงกาย และแรงใจทั้งหมดที่เหลืออยู่ผลักประตูตรงหน้าและเข้าสู่ห้องสุดท้าย
เมื่อประตูเปิดออก พวกเขาไม่ลังเลที่จะเข้าไปในห้องที่มืดมิด แม้แต่แสงสว่างก็ไม่สามารถรอดผ่านได้
หลังอเวคเกอร์ทุกคนได้ย่างก้าวเข้ามาจนหมดทุกคน ประตูบานใหญ่หนักอึ้งที่อเวคเกอร์ต่างใช้แรงมหาศาลเพื่อเปิดมันเข้ามา ได้ปิดลงทันใด
ความมืดมิดที่ไม่อาจมองเห็นได้ ค่อย ๆ สร้างความกลัวกัดกินใจของเหล่าอเวคเกอร์อย่างช้า ๆ ความระแวงเพิ่มอย่างก้าวกระโดด
“นี่!… มีใครมีสกิลมองในที่มืดบ้าง”
เทียร่ายังคงแสร้งทำเป็นใจเย็น ความมืดมิดในที่แห่งนี้ นั้นได้สร้างสิ่งที่พวกเขากลัวที่สุดเข้าไปในจิตใจอย่างช้า ๆ
ความมืดที่ปกคลุมอยู่หายไปในพริบตา และแทนที่ด้วยแสงสว่างจ้าที่ราวกับอยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างในตอนเที่ยงวัน
“-อ้ากกกกก!!!!”
ชายคนหนึ่งที่ใส่ชุดสีดำสนิทร้องโอดครวญออกมาเพราะผลกระทบของสกิล-
‘มองผ่านความมืด’ สกิลที่ทำให้สายตาของผู้ใช้งานปรับสภาพให้ดวงตามองเห็นในที่มืดราวกับตอนกลางวัน และข้อเสียคือเมื่อใช้ในขณะที่มองในแสงสว่าง ทำให้แสงที่เห็นยิ่งเจิดจ้ากว่าเดิมเป็นเท่ตัว
“ไนท์! เป็นอะไรมั้ย?”
ซาเอลรีบวิ่งรุดไปหาชายที่กำลังเอามือปิดตาเพราะความเจ็บปวดอยู่ พร้อมโพชั่นในมือ
“ขอบคุณครับ..”
“….!!” “เป็นไปไม่ได้!..”
คนที่เหลือได้แต่อึ้งกับภาพตรงหน้า ซาเอลที่ไม่ทันได้สังเกตหลังแสงสว่างกลับคืน จึงรีบหันไปทางที่พวกเขาจ้องมองอยู่ในทันที
“….!!”
ภาพที่เขาเห็นคือเศษซากของสิ่งที่ควรจะเป็นบอสของชั้นเจ็ดและชั้นที่แปดกองกันอยู่อย่างอนาถ
“ยินดีต้อนรับเหล่าผู้กล้าที่เหลือรอด”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดึงดูดสายตาของพวกเขาในทันใด
ชายคนนั้นนั่งอยู่บนยอดของกองซากบอส หน้าตาที่ดูหล่อสะดุดตาและรอยคราบเลือดติดตามร่างกายทำให้อเวคเกอร์ที่เหลือชะงักขึ้นมาทันใด
“แกเป็นใครกัน!!-”
ซาเอลที่รวบรวมความกล้าได้ถามออกไปอย่างไม่ทันคิด เพราะร่างกายที่ดูไม่มีความผิดปกติทำให้ดูไม่เหมือนคิเมร่า ที่ปกติแล้วจะมีร่างกายบิดเบี้ยวของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นอยู่ด้วย
“เจ้าถามว่าข้าเป็นใครสินะ! ถามโง่ ๆ ข้าคือผู้ปกครองของที่แห่งนี้ยังไงล่ะ!!”
““ “…” ””
“หรือว่าเจ้าถามนามของข้ากัน นามสินะ… อืม-”
“ตัดสินใจแล้ว! ข้ามีนามว่า เรย์, นอว์ เครทอส เรย์ ร่างจุติของความสมบูรณ์แบบ”
“เอาล่ะ ข้าจะดูดกลืนความกลัวของพวกเจ้า และเปลี่ยนเป็นความตายให้เอง!”
“ย-อย่านะปล่อยผมไปเถอะ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ผมก็ให้ได้เพื่อแลกกับชีวิต!”
นักทำนายที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเมื่อครั้งยังอยู่ข้างนอกห้องนี้ ในตอนนี้เขาสามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อแลกชีวิตของตนไว้
“สังเวยชีวีตให้ข้าซะสิ!”
“อึก!!… นายกล้า-”
เพียงพริบตา เรคที่โดนแทงข้างหลังได้ทรุดลงอย่างกะทันหัน พร้อมกับมีดที่ปักอยู่บนกลางหลัง
“เรคคค!!-"
“นายกล้าที่จะเพื่อนร่วมรบได้ยังไง!”
เทียร่ารีบวิ่งไปหาเรคที่นอนกองอยู่ที่พื้น และอุ้มเขาขึ้นมาในอ้อมแขน
“ขอโทษครับ- คุณเทียร่า.. ฝากเอาของ ของผมไปคืนให้ปู่ที”
เรคหมดลมหายใจอย่างว่องไว อเวคเกอร์ที่เหนื่อยล้าและไม่ได้ระวังจากคนรอบข้างได้เสียชีวิตลงอย่างรวดเร็ว
เทียร่าไม่มีเวลาเศร้า และลุกขึ้นหยิบดาบของเธอขึ้นมา
“ทีนี้ผมก็รอดแล้ว! ในที่สุด-”
ในพริบตาแขนของเขาถูกตัดขาดออกทั้งสองข้าง เลือดที่ไหลออกมาพุ่งกระจายและชโลมพื้นที่รอบตัวเขาด้วยสีแดง
“อ้ากกกก!!!… ไหนแกบอกจะปล่อยฉันไปไง”
“อ..ฮะ- อะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ มนุษย์นั้นช่างโง่เขลา- ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่า เคยบอกว่าจะปล่อยไปนะ”
“เพียงแค่นั้นเจ้าก็ลงมือสังหาร พวกพ้องของตนอย่างเลือดเย็น”
“ข้าจะให้รางวัลเจ้าก็แล้วกัน”
“ข..ข-ขอบคุณมากครับ”
“รางวัลคือการส่งไปเกิดใหม่ และลาก่อน”
“เดี๋-”
ไม่ทันได้พูดจนจบพยางค์ หัวของเขาก็หลุดไปอยู่หน้าประตูเสียแล้ว
ไม่มีใครรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจนขยับไม่ได้เสียแล้ว
มีเพียงเทียร่าที่จับดาบอยู่ พุ่งตรงไปเสียบกลางอกของเกตมาสเตอร์
“และแล้วเกตมาสเตอร์ก็ล้มลงไปเลือดกองอยู่บนพื้น ถึงอย่างนั้นมันจะดูง่ายเกินไป แต่มันก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ในที่สุดอเวคเกอร์ที่เหลือกันเพียงแปดคนก็ได้รับชัยชนะ ของรางวัลในตอนนี้พวกเขาไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว
วงเวทสว่างปรากฏขึ้น พวกเขาไม่ลืมที่จะกลับไปนำของที่วางอยู่นอกห้องกลับไปด้วย
">การต่อสู้ที่ยาวนานได้จบลง พวกเขาต่างพยุงกันและเดินออกมาจากเกตขนาดยักษ์ และเหลือกันเพียงแปดคน”
“มันคงจะเป็นแบบนั้น”
“เป็นยังไงบ้างภาพมายาของข้า มันคงทำให้พวกเจ้าดีใจจนตัวลอยเลยสินะ”
“แต่โชคร้าย ข้าไม่ได้ตายง่ายถึงเพียงนั้น”
“ตอนนี้ข้าเบื่อจะคุยกับพวกเจ้าแล้ว- ถึงเวลาชะล้างโลกที่แสนเน่าเฟะพวกนี้แล้ว”
““ “…” ””
เหล่าอเวคเกอร์ที่เหลือรอดต่างตัวสั่นจากความกลัวและไม่สามารถขยับได้ พวกเขาทรุดลงไปทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่
“เอาล่ะ- เริ่มเก็บกวาดเลยดีกว่า…”
“ในเมื่อพวกเจ้าแข็งแกร่งพอที่จะรอดมาถึงที่นี่ ข้าจะไม่ให้ทรมานก็แล้วกัน”
เมื่อพวกจบ หัวของเหล่าอเวคเกอร์ก็หลุดลอยไปกองกันที่หน้าประตูทีละคน ทีละคน
“น่าเสียดายใบหน้าที่งดงามของเจ้า จะต้องหลุดจากร่างกายที่ดูดีเช่นนี้”
เกตมาสเตอร์จ้องมองที่เทียร่า ที่กำลังสั่นกลัว เหมือนหนูที่อยู่ในมือแมวใหญ่ที่อาศัยในทุ่งหญ้ากว้าง
“ในเมื่อเจ้าเป็นคนสุดท้าย และเป็นคนที่กล้าหาญที่สุด เจ้าได้รางวัลพิเศษจากข้า”
“เพราะฉะนั้นหัวใจของเจ้าต้องมาเป็นข้าซะ นี่เป็นทางเดียวที่เจ้าไม่ทำให้หัวหลุดจากบ่า”
เมื่อเกตมาสเตอร์พูดจบ ก็ได้มีแสงส่องเป็นวงเวทออกมาจากมือของเขา แสงที่ออกมาเข้าห้อมล้อมตัวของเทียร่า
แสงของมานาเจิดจ้า กินเวลาไปครู่หนึ่ง แล้วจึงดับลง ได้มีตราประทับเกิดขึ้นกลางหน้าอกของเธอ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บนมือของเกตมาสเตอร์มีหัวใจดวงหนึ่งเต้นอยู่
“ตั้งแต่เมื่อไ-”
เลือดทะลักออกจากปากของเธอไม่ทันตั้งตัว ปีศาจร้ายตรงหน้าได้แต่ยิ้มพึงพอใจ และยกหัวใจของเธอที่อยู่ในมือ เข้าปากและกลืนมันอย่างรวดเร็ว
“หลับฝันดี”
คำทิ้งท้ายก่อนที่เขาจะเอามือปิดตาของเธออย่างช้า ๆ ในฐานะของนักรบที่กล้าหาญ
ทว่าโลกก็ยังไม่พบกับหายนะ เพราะผู้กล้าคนหนึ่งได้เข้ามาพิชิตที่แห่งนี้ลง ถึงยังไงชีวิตของพาลาดินสาวที่ชื่อเทียร่าก็ได้จบลงเพียงเท่านี้
ความคิดเห็น