ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #60 : ท่ามกลางความเวิ้งว้าง 3 จบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.81K
      367
      27 มิ.ย. 60

     คืนนั้นผ่านไปโดยที่ไม่มีใครพูดถึงพวกโจรที่เราพบ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปถามหรือรื้อฟื้น ถึงตรงนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรอีกว่าตัวผมเองก็เป็นมนุษย์บ้ากาม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจะไม่ทำเลยแม้แต่คิด คือการเอาอารมณ์ดิบของตัวเองไปทำร้ายคนที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับเราด้วย ครั้งหนึ่งหลายปีมาแล้ว ในช่วงที่ผมเพิ่งออกจากบ้านใหม่ๆและไม่รู้ว่าจะต้องเอาชีวิตให้รอดในเมืองยังไง ผมเคยทำงานอยู่ในร้านอาหารกลางคืนแห่งหนึ่ง ที่ทำให้ผมต้องเจอกับเรื่องระยำแบบเดียวกันกับที่แม่สาวสองคนนั่นอาจเจอเข้าเมื่อวาน

     

    ที่นั่นเต็มไปด้วยคนที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดี มีฐานะดี  ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องเจอกับเรื่องลำบาก ตอนนั้นผมต้องทำหน้าที่ดูแลให้การพักผ่อนของพวกเขาเกิดขึ้นอย่างมีความสุขมากที่สุด คืนหนึ่ง มีไอ้บ้าตัวหนึ่งมันเมามากจนกลับไปนอนบ้านไม่ไหว มันบอกกับผู้จัดการว่าขอให้ผมเป็นคนพามันกลับบ้าน ด้วยความเป็นเด็กไม่รู้ห่าอะไรพอได้ยินว่ามีคนมาจ้างให้พากลับบ้านโดยจะมีเงินพิเศษให้


    ผมก็เอาดิ...แต่นั่นแหละที่ทำให้ผมเกือบซวย

     

    ผมพามันกลับไปยังที่พัก แต่เรื่องก็ไม่ได้จบอย่างที่ควรเป็น ชายคนนั้นพยายามให้ผมดื่มเป็นเพื่อนเพราะยังไม่อยากนอน  โชคดีที่ว่าในร้านสั่งเด็ดขาด ไม่ให้พนักงานเมา ผมจึงแตะของพวกนั้นไม่ได้ แต่ไอ้เปรตนั่นก็พยายามเหลือเกิน บอกว่านี่ไม่ใช่เวลางานและถ้าผมไม่ดื่มเป็นเพื่อนมัน ผมจะไม่ได้เงินค่าจ้าง ........ก็โอเคผมยอมทำตาม  เจอไปราวๆสามแก้วมั้ง ผมก็เริ่มรู้สึกว่านานกว่านี้คงจะไม่ได้เรื่องอะไร ก็เลยบอกกับมันว่าผมจะกลับแล้วนะ ไม่ต้องให้เงินผมแล้ว


    แต่ปรากฏว่าไอ้เวรนั่นโดดเข้าใส่ผมทันที

     

    มันรวบผมจากทางด้านหลังแล้วดูดซอกคอพร้อมกับลูบตรงโน้นตรงนี้เพื่อให้ผมเกิดอารมณ์ร่วม ชั่วโมงนั้นระยำมาก คือนึกออกไหมว่า ไอ้ตามเนื้อตามตัวของเรา จุดที่มันไวต่อสัมผัส เวลาโดนลูบ ไอ้ความรู้สึกหวิวๆขนลุกขนพองมันก็เกิดขึ้นตามธรรมชาติ  คือไม่ว่าใครทำแบบนั้นกับเราอาการพวกนี้มันก็เกิดขึ้นเอง โดยที่เราไปห้ามมันไม่ได้ และเพราะมันเป็นตำแหน่งที่เราไปควบคุมอะไรมันไม่ได้นั่นแหละ ร่างกายมันก็เลยตอบสนองไปตามสัมผัสพวกนั้น ในขณะที่ในใจเรารู้สึกรังเกียจ

     

    ซักพักมันก็ถอดกางเกงคาไว้ครึ่งเข่าโชว์ลำตั้งเด่.....มันคิดว่าผมคงยอมเพราะผมไม่ดิ้น แต่ความจริงที่ผมไม่ขัดขืนเพราะผมสู้แรงมันไม่ไหว


    เป็นครั้งแรกที่ผมเจอเข้ากับคนอุบาทว์ๆและเรื่องที่น่าขยะแขยง


    เพื่อเอาตัวรอด  ผมบอกกับมันว่าพี่ไม่ต้อง เดี๋ยวผมทำให้เอง  มันก็เลยขยับเอางวงยาวๆมาประชิดหน้า ผมยิ้มให้ก่อนใช้แรงที่มีทั้งหมดต่อยเสยเข้าที่ถุงอัณฑะ จนมันคว่ำเกือบทับตัวผม ในขณะที่คิดจะหนีมันคว้าข้อเท้าของผมไว้ แล้วกระตุกอย่างแรงจนผมเสียหลัก ที่นี้แหละที่ผมหน้ามืดด้วยความโกรธ ผมคว้าแก้วเหล้าที่อยู่แถวๆนั้นติดมือแล้วทุบลงไปตรงกกหูไอ้นั่นจนดิ้นพราด  มันเจ็บแต่ไม่สิ้นฤทธิ์ ยังพยายามพุ่งเข้ามาทำร้ายผมอีกครั้ง แต่เพราะความเมา ก็เลยช้า และเพราะกางเกงที่ถอดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง กลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้เดินไม่สะดวก  มันก็เลยล้มลง ผมฉวยโอกาสนั้นทุบมือมันทั้งสองข้างทิ้งด้วยขวดเหล้า แล้วจับแก้วที่แตกยัดใส่ปาก จากนั้นก็เตะอย่างไม่สนใจว่าเศษแก้วจะบาดผมด้วยไหม

     

    ผลคือเลือดอาบทั้งมันทั้งผมเต็มไปหมด  หลังจากวินาทีนั้นหนีตายครับ  วิ่งไม่สนใจอะไรแล้ว ขอให้ออกไปจากที่นั่นได้เร็วๆ

     

    ผมกลับไปบอกเรื่องนี้กับเจ้าของร้านที่ผมทำงาน แกเข้าใจเหตุผลที่ผมทำ  แต่ยังไงเสียผมก็ต้องหนีและทำงานที่นี้ต่อไปไม่ได้อีกความช่วยเหลือสุดท้ายจากเจ้าของร้านคือ การส่งผมไปอยู่กับลุงที่เป็นญาติ ที่นั่นผมเรียนรู้การวิ่งรถระหว่างเมือง สำหรับไอ้คนที่พยายามจะปล้ำผม สุดท้ายไปตายที่โรงพยาบาล นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมทำคนอื่นตาย  พ่อของไอ้เกย์มันส่งคนมาล่าตัวผม แต่ก็มารู้ทีหลังว่าเจ้าของร้านกับพ่อไอ้นั่นเป็นผู้มีอิทธิพล ที่พยายามแย่งที่ทำเงินกัน เขาเลยใช้โอกาสนี้ทำสงครามกันเองซึ่งหลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวอะไรอีกรู้แต่เพียงว่าจ้าของร้านที่ช่วยผม เป็นฝ่ายแพ้


     

       ผมเสียขวัญถึงขนาดใครมาโดนตัวเป็นสะดุ้งอยู่หลายปี และพยายามมองหาพวกเบี่ยงเบนเพื่อกระทืบระบายอารมณ์อยู่นาน ดีว่าเจอไอ้แพ๊ตตี้และฝูงเพื่อนมัน แม้จะลบความรังเกียจได้ไม่หมดและแอบกลัวอยู่บ้าง แต่ผมก็เริ่มรู้สึก ว่าไอ้คนพวกนี้จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมเจอไปซะทั้งหมด

     

    แต่ถึงตอนนี้ก็ยังคิดนะ..... ว่าที่ผมชอบอยู่ตัวคนเดียวคงเพราะเรื่องที่เจอมาด้วยเหมือนกัน

     

    แต่เอาเถอะ ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามา มันทำให้ผมรู้สึกว่าการถูกข่มขืน คือเรื่องร้ายแรงในชีวิต...ที่ไม่ควรมีใครต้องเจอ

    และสำหรับสองสาวนั่น อะไรที่มันเกิดขึ้น ผมจะไม่ถาม แต่ใช้วิธีปลอบด้วยการทำให้พวกเธอเดินทางต่อไปอย่างและมีความสุขแทน ดังนั้นในเช้าของสามวันถัดมา พวกเธอถูกปลุกให้ตื่นด้วยปูม้าหลายสิบตัว โดยไม่ต้องแย่งกันอีก ตามด้วยจาวมะพร้าวกับน้ำตาลสดที่ตัดจากงวงมะพร้าวและต้นตาล ตกเย็นเจอกุ้งตัวเท่าข้อมือไปอีกหลายตัว

     

    ขอบอกว่าคนหาเหนื่อยมากกว่าเดิมสามเท่า และดูเหมือนพวกเธอจะรู้สึกว่าผมจะดูแลดีเป็นพิเศษ ไอ้การทะเลาะกันเองก็เริ่มไม่มีให้เห็น พวกเธอมีความสุขขึ้นมาบ้าง


    แต่ไอ้ที่ทำๆอยู่  ก็เล่นเอาผมโทรมไปเลยเหมือนกัน

     

    ผ่านไปอีกหลายวัน ผมรู้สึกว่าเรากำลังจะถึงที่หมายของเราอีกไม่นาน แต่จู่ๆเหยียนอวี้ก็เดินเข้ามาล็อคคอผมจากด้านหลังในขณะที่มิเรียมเอามือขยี้หัวผมอย่างอารมณ์ดี


    “ พวกเราขอบคุณมากที่คุณเป็นห่วง วันนั้นพวกมันไม่ได้ทำอะไรเรา คุณมาช่วยเราไว้ทันนะ”มิเรียมบอกกับผมเหมือนกับเธอจะรู้ในสิ่งที่ผมคิด

    “ ว่าไงนะ”

    “ใช่ฉันกำลังจะเล่นงานมัน แต่คุณจัดการไปก่อนอิน ” เหยียนอวี้ บอก

    “ แล้วพวกคุณตีหน้าเศร้ากันทำแมวอะไรให้ผมต้องลำบากอยู่ตั้งหลายวันวะ ”

    “ ฉันจะบอกทำไม บอกไปจะได้กินปูไม๊ “

    “ นั่นซิแล้วเวลานอนจะมีคนมาพัด คลายร้อนให้เหมือนหลายๆคืนที่ผ่านมาหรอ ”  

     

    ยัยสองคนนี้แสบ....

     

    “สบายใจได้แล้วนะ อะไรที่ทำอยู่ ก็ทำต่อไปละ”

    “ กลางคืนที่นี่มันเมื่อยนะ จะดีมากถ้ามีคนช่วยนวดหลังให้บ้าง “

    “ นั่นซินะ ฉันเองได้ยินว่าคนที่นี่นวดเก่ง”

    “ เธอไม่ควรแย่งในสิ่งที่ฉันอยากได้นะมิเรียม”

    “ ฉันไม่คิดว่าเธอควรเก็บความสบายแบบนั้นเอาไว้คนเดียวนะเหยียนอวี้”

     

    สองสาวทำท่าจะทะเลาะกันเอง


    “ พอๆ มาทางไหนไปทางนั้น ไปนั่งนิ่งๆ กำลังขับเรืออย่ามาทะเลาะกันแถวนี้ ” ผมสั่ง

     

    ...คือสรุปอะไรที่ผมคิด ผมคิดมากไปเอง ตอนนี้เลยต้องเหนื่อยหนักเป็นสองเท่าซินะ ผมถอนหายใจด้วยความเซ็งก่อนจะทำหน้าที่ของผมต่อไป เอาไงกับชีวิตดีละทีนี้ หาเรื่องลำบากใส่ตัวอีกแล้ว...

     

    ทุกอย่างกลับเข้ารูปเข้ารอยแต่ก็เพียงไม่นาน....กลางทะเลสิ่งหนึ่งที่เราคาดเดาไม่ได้คือความปรวนแปรของลมและคลื่น คืนหนึ่งหลังจากนั้น เราพบเข้ากับพายุฝน มิเรียมเมาเรือจนอ้วก ในขณะที่ผมพยายามจะออกเรือให้พ้นชายฝั่ง ในคืนแบบนี้เราควรหาที่หลบ แต่ริมฝั่งที่ผมเดินทางมาถึง เต็มไปด้วยหินโสโครก มันอาจทำให้เรือเล็กของเราอับปาง สิ่งที่ผมเลือกคือ การวิ่งเรือท่ามกลางพายุ ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่อันตรายพอกัน ขนาดคลื่นที่สูงกว่าปกติทำให้เรือของเราอยู่ในสภาพเจียนอยู่เจียดไปตลอดเวลา

     

    แม้พยายามเปิดไฟบนเรือให้สว่าง เพื่อมองให้เห็นว่าข้างหน้ามีอะไรอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นผล ผมสั่งให้ เหยียนอวี้และมิเรียมสวมชูชีพบอกพวกเธอให้เกาะเรือเอาไว้แน่นๆ  ในขณะที่พายุโหมจนการบังคับเรือเป็นเรื่องที่ยากลำบาก


    ผมมองเห็นแสงไฟเล็กๆ ที่ส่องมาจากทิศตรงกันข้ามแผ่นดินใหญ่ มันเป็นไปได้มากว่าถ้ามีแสงไฟ  ที่นั่นอาจจะมีคนอาศัยอยู่ ...

     

    นั่นคือทางรอดที่ผมเลือก


    เรือลำเล็กของผมฝ่าลมและคลื่นที่บ้าคลั่ง ในสภาพที่พร้อมจะคว่ำได้ตลอดเวลา เครื่องยนต์เครื่องหนึ่งดับลงจากการเร่งโดยไม่ได้พักตลอดสามถึงสี่ชั่วโมง หัวเรือด้านหนึ่งถูกซัดเข้ากับหินโสโครกที่มองไม่เห็น ผมทำทุกสิ่งเท่าที่สามารถทำได้เพื่อพาตัวเองและคนอื่นไปให้ถึงเกาะนั้น

     

    ผมทำสำเร็จแต่เสียเรือที่ใช้เดินทางไป กระแสน้ำพัดเอาเรือเกยตื้นบนเกาะ พวกเราทุกคนลงจากเรือโดยมีเพียงสิ่งของเล็กน้อยที่สามารถนำติดตัวไปด้วย ท่ามกลางพายุฝน เรามีแสงไฟจากอีกฝากหนึ่งของเกาะเป็นจุดหมาย พวกเราเกาะกลุ่มกันเพื่อเดินทางไปที่นั้นในทันที ไม่มีใครพกเอาสิ่งที่เป็นโลหะติดมากับตัว เพราะเสียงฟ้าผ่ามันใกล้เสียจน เราอาจพบกับอันตรายที่มากับสายฟ้า


    ซึ่งนั่นหมายความว่า อาวุธทุกชิ้นที่เรามีต้องถูกทิ้งเอาไว้บนเรือ

     

    การไม่มีอาวุธติดตัวเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกกังวล ... แต่เพราะความจำเป็น ผมจึงต้องเลือกที่จะเดินทางต่อแม้ไม่มีความอุ่นใจใดๆที่มาพร้อมกับการพกมีดเล่มเก่งติดตัวไปด้วย เราเดินผ่านความมืด สายฝนและเสียงฟ้าคำราม ไปตามแสงไฟที่พวกเรามองเห็น มิเรียมสะดุดรากไม้หกล้มจนข้อเท้าพลิก ทำให้ผมและเหยียนอวี้ต้องพยุงเธอเดินต่อ  แสงที่เราเห็นอยู่ไกลกว่าที่คิด  พวกเราทุกคนเปียกและหนาวจนริมฝีปากเปลี่ยนสี


    แต่เราก็ไม่พบที่ให้ใช้หลบฝนแม้เพียงชั่วคราว ระหว่างนั้น สายฟ้าเส้นหนึ่ง ฟาดลงตรงยอดมะพร้าวสูงต้นจนเกิดไฟลุกท่วมและโค่นลงมาในทันที พวกเรารอดตายจากไม้ล้มเพียงแค่ไม่กี่สิบก้าว


    เหยียนอวี้ตกใจจนลุกขึ้นยืนไม่ไหว ผมจำเป็นต้องให้เหยียนอวี้ ขี่หลังในขณะที่มิเรียมถูกผมอุ้มขึ้นเพื่อให้สามารถเดินทางต่อ

     

    อีกสองชั่วโมงถัดมา พวกเราก็มายืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีประภาคารเป็นต้นกำเนิดแสงที่เห็นจากกลางทะเล


    ด้านในมีคนอาศัยอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย


    แต่สิ่งที่ผมไม่สามารถตอบได้คือ พวกเขาจะต้อนรับเราหรือจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับเราหลังจากนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×