ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #52 : โชคชะตาและคณะเดินทางอันแปลกประหลาด 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.64K
      436
      28 พ.ค. 60

    ผมออกจากหมู่บ้านด้วยรถซาเล้งคันเดิมที่พาผมมาถึงที่นี่ ถึงมันจะขับไปได้ช้าๆและเป็นยานพาหนะที่โคตรจะไม่มีความหล่อเอาเลย แต่ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ คงจะต้องบอกว่ายังไงๆก็ดีกว่าต้องเดินกลับออกไปด้วยเท้า ผมเลือกขับกลับบนทางเส้นเดียวกันกับวันแรกที่มายังที่นี่ เพียงแต่...เมื่อเข้าใกล้ถึงเมืองหลักที่ผมเคยอยู่ ผมต้องเลี้ยวตัดออกไปยังถนนที่เชื่อมไปยังปราการใหญ่ของดินแดน หรือก็คือถนนเส้นเชื่อมระหว่างไอ้เมืองที่ผมรับคณะฝรั่งมากับเมืองที่ผมเคยอยู่นั่นแหละ


    ทางเส้นนั้นความจริงมันค่อนข้างอันตราย เนื่องจากมันเคยเป็นชุมชนเก่า ที่ในตอนนี้มีพวกกินคนเพ่นพ่านอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันความหนาแน่นของอาคารร้างที่ทำให้บริเวณนั้นเกือบกลายเป็นเขาวงกต มันสามารถใช้เป็นแหล่งหลบภัยได้ดีพอสมควร สิ่งที่ต้องระวังคือกลิ่นและเสียงในเวลากลางคืน ถ้าจัดการสองสิ่งนี้ได้มันก็ไม่ยากนักที่จะพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว ผมเลือกที่จะหยุดพักหลังจากที่มาอยู่บนถนนเส้นนี้ได้ระยะเวลาหนึ่ง



    สิ่งสำคัญที่ต้องทำก่อนแม้แสงแดดจะยังปรากฏอยู่บนท้องฟ้า คือการหา “น้ำมัน” ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้รถที่ผมขับอยู่จะเหลือเชื้อเพลิงสำหรับวิ่งไปได้อีกนานแค่ไหน มันคงไม่ดีเท่าไหร่หากรถที่ขับมาด้วยต้องดับกลางทาง  ดังนั้นเพื่อใช้เวลาหาเชื้อเพลิงสำหรับที่จะไปต่อ ผมจำเป็นต้องหาที่พักที่มั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกพวกกินคนโผล่มารบกวนในตอนกลางคืน   ถ้าหากเจอที่พักได้เร็ว ก็ยิ่งจะทำให้ผมมีเวลาในการหาน้ำมันมากขึ้น ไม่แน่ว่าบางทีผมอาจได้รถคันใหม่ที่ดีกว่าเดิมด้วย

     

    ผมเลือกบ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วสูง ส่วนใหญ่บ้านคนรวยๆมักจะมีของดีๆเก็บเอาไว้ ถ้าไม่โชคร้ายมีคนมาขนไปก่อนละนะ  แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอกที่ผมเลือกที่นี่ เพราะอีกเหตุผลในตอนนี้ คือการหาที่เหมาะๆสำหรับจอดรถและค้นหาอดีตตู้เย็นเก่าเพื่อใช้เก็บอาหาร  ตู้เย็นเก่ามีประโยชน์ เพราะสามารถเก็บกลิ่นอาหารได้มิดชิด ถ้าเจอก็ทำให้เบาใจไปได้เรื่องหนึ่งว่าคืนนี้ อาหารของผมจะไม่กลายเป็นสิ่งที่ใช้เรียกพวกกินคนให้บุกเข้ามากินผมเสียเอง

     

    การตัดสินใจเลือกที่นี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง


      ผมเจอสมบัติเข้าโดยบังเอิญ ! มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะ คาวาซากิ Z750  รุ่นปี 80 สภาพเหมือนใหม่ที่ซ่อนอยู่ในลังไม้ขนาดใหญ่ที่บุด้วยโฟมกันกระแทก ไอ้สองล้อดึกดำบรรพ์คันนี้หน้าตาโคตรดุร้าย มันถูกดัดแปลงเบาะนั่งให้สั้นลงแทนที่จะใหญ่เทอะทะเหมือนรูปทรงปกติ อดีตเจ้าของคงรักมันน่าดู นี่ขนาดเวลาผ่านมานาน มันยังอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าพร้อมวิ่งตลอดเวลา แม้กระทั้งยางที่เก่าคร่ำคร่าก็ยังอยู่ในสภาพเยี่ยมจนนึกว่าเป็นรถที่ทำขึ้นใหม่ในยุคนี้

     

    แต่ผมก็ต้องหยุดดีใจเอาไว้แค่นั่น เนื่องจากยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอีกหลายเรื่อง ผมเดินหาส่วนที่เป็นครัวของบ้านหลังใหญ่ และหยิบเอากล่องใส่อาหารที่มีฝาปิดมิดชิดมาล้างและใส่อาหารแทนความตั้งใจแรก เนื่องจากตู้เย็นที่ผมเจอมันมีสภาพที่แย่เกินกว่าที่จะเอาของกินไปวาง แต่ในระหว่างที่กำลังทำโน่นทำนี่ หูขอผมก็ได้ยินเสียงบางอย่าง



    ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นหนู แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่เพราะความถี่และดังของมันเป็นสิ่งที่มากเกินกว่าสัตว์เล็กๆอย่างหนูจะทำให้เกิดขึ้น

     

     ผมทิ้งทุกอย่างและชักมีดออกมาถือ ไม่ว่าต้นเสียงจะเป็นอะไรก็ต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน ถึงตรงนี้ผมค่อยๆเดินออกจากห้องครัวมุ่งไปตามทางเดินเพื่อหาต้นกำเนิดเสียง เหมือนมันจะอยู่สูงขึ้นไปสองชั้น  ผมเดินตรงไปยังทิศทางนั้น ในขณะที่เสียงก็ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ


    เมื่อผมเดินไปถึงห้องที่เกิดเสียงดัง ปรากฏว่า ประตูถูกล็อคจากด้านใน และไม่มีทางเข้าทางอื่น ผมลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ ทุบลูกบิดประตูทิ้ง

     

    .......แล้วผมก็เจอเข้ากับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น



    มิเรียมคนของทวีปออชิเดน ถูกจับมัดอยู่บนเก้าอี้ เธอพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากการจับมัดแต่ดูเหมือนเธอเองก็อยู่ในสภาพที่อ่อนแรง ผมได้กลิ่นปัสสาวะและของเสียคลุ้งไปหมดทั้งห้อง ท่าทางจะอยู่ในสภาพนี้มานานพอดู  ผมใช้เวลาครู่หนึ่งสะเดาะกุญแจมือที่ล่ามเธอเอาไว้ ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นหญิงสาวจากแผ่นดินใหญ่ ที่นอนฟุบอยู่บนเตียงด้วยอาการหนาวสั่นทั้งๆที่แดดร้อน...เดาได้ไม่ยากผู้หญิงคนนี้เป็นไข้ป่า


    ถ้าพูดกันจริงๆ สิ่งที่ผมควรจะทำกับพวกเธอ คือปล่อยทิ้งให้เน่าตายอยู่ตรงนี้ทั้งคู่ โทษฐานมาทำให้ชีวิตของผมพัง แต่สิ่งที่คิดจะทำกับสิ่งที่ผมเลือกทำมันไม่เคยจะเป็นเรื่องเดียวกันได้ซักที  พอเห็นคนเจ็บอยู่ตรงหน้าถ้าไม่เหลือวิสัยที่จะช่วยหรือไม่ใช่เคสเลวร้ายแบบพวกฝรั่งกลุ่มนั้น .........ยังไงก็ต้องช่วยไว้ก่อน

     

    แต่ถ้าช่วยแล้วไม่รู้จักสำนึก ผมมั่นใจว่าการเอาคืนพวกนี้ทีหลังไม่ใช่อะไรที่ยากเย็น

     

    เรื่องที่ตัดสินใจเอาไว้ทีแรกตอนนี้ผมเลือกที่จะเปลี่ยนมันอีกครั้ง ผมพาผู้หญิงทั้งคู่กลับขึ้นรถซาเล้งและขับตรงเข้าเมืองทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องลงเอยด้วยการโดนจับ ถึงตรงนี้คงต้องยอมรับสภาพ เพราะผู้หญิงคนหนึ่งอาจตายถ้าหากถึงมือหมอช้าเกินไป



    เย็นวันนั้นเองผมก็กลับถึงเมืองที่เคยตั้งใจว่าจะไม่กลับเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สอง คนป่วยทั้งคู่ถูกส่งไปรักษา ส่วนตัวผมถูกจับโยนให้ไปนอนเล่นอยู่ในคุก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×