คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : เศษซากของความจริง 4
เมื่อกลับขึ้นไปด้านบน ผมถูกลุงหนูเรียกตัวไปด่า โทษฐานที่นอนตื่นสาย แกบอกกับผมว่ามันคือการเอาเปรียบคนอื่น....ผมเลือกจะยอมรับผิด การถกเถียงไม่ใช่สิ่งที่เกิดประโยชน์ มันเป็นหัวข้อพิพาทที่เกิดขึ้นประจำ เมื่อมีการร่วมกลุ่มหรือต้องอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก คนเรามักต้องสร้างกฎ ขึ้นเพื่อให้การอยู่ร่วมกัน เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ....
เพียงแต่คนสันหลังยาวอย่างผม การมีกฎ ในหลายครั้งๆมันคือเครื่องผูกมัดที่โคตรปัญญาอ่อน
โดยปกติสิ่งที่ผมเลือกถ้าต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ คือหันหลังให้แล้วเดินออกมาซะ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพียงแต่มันติดตรงที่ตอนนี้ถ้าไป ผมก็ยังหาที่อยู่อื่นไม่ได้
เพราะประกาศจับในเมืองที่ผมเคยอยู่ตอนนี้มันคงกระจายออกไปทุกเมืองใหญ่แล้ว
ทางออกที่ดีที่สุดก็คงต้องไหลไปตามน้ำ...........ถึงไม่ค่อยชอบก็ช่วยไม่ได้
หลังจากขอโทษขอโพยและสัญญากับลุงหนูว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมก็เริ่มต้นวันใหม่ด้วยงานเดิมๆที่พวกเขาต้องการพึ่งพาผมนั่นคือการออกไปหาของกิน ผมพาคนในเมืองกลุ่มเดิมที่เคยไปด้วยกันครั้งแรกกลับไปยังจุดที่เราหาอาหารได้ในครั้งก่อน มีสามคนที่หายไปและอีก สามคนเข้ามาทำหน้าที่แทน
เราใช้เวลาอยู่นานในการหาอาหาร โชคไม่เข้าข้างเรานัก เนื่องจากวันนี้เรายังไม่เจอสัตว์ใหญ่ที่กินได้โผล่มาให้เห็น แต่กับดักที่ผมทำเอาไว้เมื่อวัน ดักได้ไก่ป่าติดมา สามตัว เป็นตัวเมียคู่หนึ่งและตัวผู้อีกหนึ่งตัว ผมบอกกับคนที่มาด้วยว่าอย่าให้ใครเอาไก่พวกนี้ไปทำกับข้าว จับสองสามตัวยังไงก็กินกันไม่พอและที่สำคัญผมยังมีแผนอื่นที่เอาไว้ใช้กับพวกมัน
เนื่องจากยังล่าอะไรไม่ได้ วันนี้ผมเลยต้องเปลี่ยนแผน คนที่มาด้วยบางคนรู้จักบึงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี้ และแนะนำให้เราทั้งหมดออกไปจับปลา ผมเพิ่งรู้ว่าคนเมืองนี้จับปลากันเก่ง พวกเขาหาปลามาได้เยอะจนแบกกลับกันแทบไม่ไหว ผมแอบเห็น แก็งค์พี่ช้างอยู่อีกด้านหนึ่งของบึงใหญ่ พวกมันก็ใช้ที่นี้หลบร้อนในเวลากลางวัน
เที่ยงวันนั้น ผมกับคนอื่นๆก็กลับถึงที่พัก
ผมเดินไปหาลุงหนูเพื่อถามหาช่างไม้
เจรจาขอพื้นที่ ประมาณหนึ่งเพื่อทำคอกไก่ และใช้เวลาในช่วงที่เหลือทั้งวันวุ่นอยู่กับการประกอบกรงและกั้นคอก
ถ้ามันเวิร์ค หมายความว่า การต้องออกไปเสี่ยงหาอะไรกินโดยไม่รู้ชะตากรรมก็จะเบาลง
ออกไปหาอะไรมากินจากในสภาพธรรมชาติ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก เราไม่รู้ว่าวันไหนจะหาของกินกลับมาได้ หรือวันไหนจะไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลย
ยิ่งจำนวนคนมีมากด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ...... ที่จำเป็นต้องทำอะไรพวกนี้เอาไว้ เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน ถ้าตัดปัญหาเรื่องอาหารออกไป มันก็จะทำให้ผมมีเวลาในการสำรวจที่มากขึ้น และไปจากที่นี่ได้เร็วขึ้น
แต่เมื่อกลางคืนมาถึง งานหนักที่น่าเบื่อมันก็กลับมาอีกจนได้...พวกกินคนมันกลับมาที่นี่แม้จะไม่มากเท่าเดิมแต่ก็ทำให้ผมต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ ผมต้องใช้ชีวิตแบบนี้เกือบอาทิตย์ กลางคืนสู้กับพวกกินคน กลางวันออกไปหาอาหารกลับมาถึงที่พักก็ยังต้องเสียเวลาไปกับ การจัดการพื้นที่เพื่อเพาะปลูกบ้าง หรือขุดบ่อเลี้ยงปลาบ้าง จนผมเกือบลืมไปเลยว่ามาอยู่ที่นี่เพราะอะไร
ซักพัก ผมก็เริ่มทนกับความเหนื่อยไม่ไหว.....
วันที่ 9 ในตอนเช้าผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาครูในห้องเพื่อบอกถึงบางอย่างที่ผมคิด
“ ครูทำไมเราไม่ใช้เวลากลางวัน ล่าพวกกินคนไปซะบ้าง ”
ครูมองหน้าผมนิ่งๆ แล้วถามกลับ“ แล้วเอ็งมีแผนยังไงละอิน “
“ มีใครในหมู่บ้านรู้จักที่ที่มันอยู่กันไหม ” ผมถามต่อ
“ มี ” ครูตอบแทบจะทันที
ไม่นานแกก็เรียกตัวลุงแก่ๆอีกคนมาพร้อมกับลุงหนู เพื่อให้ข้อมูลที่อยู่ของพวกกินคนกับผม มันมีทั้งหมดสามสี่แห่ง ห่างไปจากที่นี่ไม่ไกลนัก ทั้งหมดอยู่ในเขตที่เคยเป็นเหมืองที่ทำแบบโบราณ หรืออาจเป็นเหมืองที่คนพื้นที่แอบขุดกันเอง โดยปกติเหมืองจะใช้วิธีทำลายภูเขาทั้งลูกเพื่อหาแร่ที่อยู่ในดินโดยขุดให้เป็นหลุมขนาดใหญ่เหมือนกับที่พักของพวกชีวิตที่สองที่ผมไปพักอยู่ด้วย
แต่เหมืองบารณจะไม่ทำแบบนั้น มันจะใช้วิธีขุดเข้าไปหาแร่ในภูเขาทำให้เกิดเป็นถ้ำและอุโมงค์ วิธีการแบบนี้มีอันตรายกว่าแบบแรก เพราะคนทำงานต้องเสี่ยงกับการถล่มลงมาของอุโมงค์ หรือเกิดการระเบิดภายในถ้ำ
“ ครูเอาแต่รอพวกมันบุกมาแบบนี้ยังไง วันนึ่งมันก็จะไม่ไหวกันหมด” ผมบอกกับแก
“ ไม่เอาเหตุผล เอ็งบอกมาก็พอว่าจะทำยังไง อิน”
“ เราก็แค่ไปหาที่อยู่มันแล้วก็ถล่มปิดทางเข้าทางออก ขังพวกมันไว้ในนั้น ”
พวกเขาเงียบกับสิ่งที่ผมพูด แต่ตอบกลับมาทีเล่นเอาผม งง
“ ไม่ได้ เราจะไม่ทำแบบนั้น ”
“ ......เฮ้ย “ ผมอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู
“ เหมืองพวกนั้นไม่ใช่ถ่านหิน มันเป็นเหมืองพลอย”
“ ตลกไปรึเปล่า ครูเอาชีวิตทุกคนมาเสี่ยงเพราะรู้ว่าที่นั่น มีพลอยนี่หรอ ”
“ เอ็งไม่ใช่คนที่นี่เอ็งไม่รู้อะไรหรอกอิน ” ลุงหนูตวาด
“ แล้วยังไงละลุง จะตายกันทั้งหมด เพราะมีขุมทรัพย์อยู่อย่างนั้นเหรอ ” ผมถามต่อ
“ อิน พวกเราที่นี่ทุกคน เป็นคนตัวเปล่า เรามีชีวิตอยู่กับเศษอาหารที่เหลือทิ้งจากเจ้าของเมืองคนก่อน บ่อพลอยพวกนั้นเป็นความหวังที่จะทำให้พวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้นนะ” ครูเสริม
“ แต่ถ้าตายกันหมด มีสมบัติมากแค่ไหนก็เอาไปใช้ไม่ได้นี่ครับครู ” ผมสวนทันควัน
“ เราถึงมีพวกชีวิตที่สองเอาไว้ป้องกันเมืองไงละ ” ครูตอบ
บ้ากันไปใหญ่ พวกเขาไม่เห็นหรือไงว่าพวกชีวิตที่สอง ก็กันไอ้พวกกินคนจำนวนมากไม่ไหว ดูๆไปแล้วเมืองนี้ที่น่ากลัวไม่ใช่พวกกินคนหรอกแต่เป็นตาแก่โลภมากสองคนนี้ต่างหาก
ความคิดของหัวหน้าเมืองนี้น่าอดสู ผมได้แต่ถอนหายใจ
ความคิดเห็น