ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #48 : เศษซากของความจริง 4

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.48K
      441
      25 มี.ค. 61

    เมื่อกลับขึ้นไปด้านบน ผมถูกลุงหนูเรียกตัวไปด่า โทษฐานที่นอนตื่นสาย แกบอกกับผมว่ามันคือการเอาเปรียบคนอื่น....ผมเลือกจะยอมรับผิด การถกเถียงไม่ใช่สิ่งที่เกิดประโยชน์ มันเป็นหัวข้อพิพาทที่เกิดขึ้นประจำ เมื่อมีการร่วมกลุ่มหรือต้องอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก คนเรามักต้องสร้างกฎ ขึ้นเพื่อให้การอยู่ร่วมกัน เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ....

     

    เพียงแต่คนสันหลังยาวอย่างผม การมีกฎ ในหลายครั้งๆมันคือเครื่องผูกมัดที่โคตรปัญญาอ่อน


    โดยปกติสิ่งที่ผมเลือกถ้าต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ คือหันหลังให้แล้วเดินออกมาซะ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพียงแต่มันติดตรงที่ตอนนี้ถ้าไป ผมก็ยังหาที่อยู่อื่นไม่ได้

     

    เพราะประกาศจับในเมืองที่ผมเคยอยู่ตอนนี้มันคงกระจายออกไปทุกเมืองใหญ่แล้ว

     

    ทางออกที่ดีที่สุดก็คงต้องไหลไปตามน้ำ...........ถึงไม่ค่อยชอบก็ช่วยไม่ได้

     

    หลังจากขอโทษขอโพยและสัญญากับลุงหนูว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมก็เริ่มต้นวันใหม่ด้วยงานเดิมๆที่พวกเขาต้องการพึ่งพาผมนั่นคือการออกไปหาของกิน  ผมพาคนในเมืองกลุ่มเดิมที่เคยไปด้วยกันครั้งแรกกลับไปยังจุดที่เราหาอาหารได้ในครั้งก่อน มีสามคนที่หายไปและอีก สามคนเข้ามาทำหน้าที่แทน

     

    เราใช้เวลาอยู่นานในการหาอาหาร โชคไม่เข้าข้างเรานัก เนื่องจากวันนี้เรายังไม่เจอสัตว์ใหญ่ที่กินได้โผล่มาให้เห็น แต่กับดักที่ผมทำเอาไว้เมื่อวัน ดักได้ไก่ป่าติดมา สามตัว เป็นตัวเมียคู่หนึ่งและตัวผู้อีกหนึ่งตัว ผมบอกกับคนที่มาด้วยว่าอย่าให้ใครเอาไก่พวกนี้ไปทำกับข้าว  จับสองสามตัวยังไงก็กินกันไม่พอและที่สำคัญผมยังมีแผนอื่นที่เอาไว้ใช้กับพวกมัน

     

    เนื่องจากยังล่าอะไรไม่ได้ วันนี้ผมเลยต้องเปลี่ยนแผน คนที่มาด้วยบางคนรู้จักบึงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี้ และแนะนำให้เราทั้งหมดออกไปจับปลา ผมเพิ่งรู้ว่าคนเมืองนี้จับปลากันเก่ง พวกเขาหาปลามาได้เยอะจนแบกกลับกันแทบไม่ไหว ผมแอบเห็น แก็งค์พี่ช้างอยู่อีกด้านหนึ่งของบึงใหญ่ พวกมันก็ใช้ที่นี้หลบร้อนในเวลากลางวัน

     

    เที่ยงวันนั้น ผมกับคนอื่นๆก็กลับถึงที่พัก


    ผมเดินไปหาลุงหนูเพื่อถามหาช่างไม้ เจรจาขอพื้นที่ ประมาณหนึ่งเพื่อทำคอกไก่ และใช้เวลาในช่วงที่เหลือทั้งวันวุ่นอยู่กับการประกอบกรงและกั้นคอก ถ้ามันเวิร์ค หมายความว่า การต้องออกไปเสี่ยงหาอะไรกินโดยไม่รู้ชะตากรรมก็จะเบาลง


    ออกไปหาอะไรมากินจากในสภาพธรรมชาติ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก เราไม่รู้ว่าวันไหนจะหาของกินกลับมาได้ หรือวันไหนจะไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลย

     

    ยิ่งจำนวนคนมีมากด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ...... ที่จำเป็นต้องทำอะไรพวกนี้เอาไว้ เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน ถ้าตัดปัญหาเรื่องอาหารออกไป มันก็จะทำให้ผมมีเวลาในการสำรวจที่มากขึ้น และไปจากที่นี่ได้เร็วขึ้น

     

    แต่เมื่อกลางคืนมาถึง งานหนักที่น่าเบื่อมันก็กลับมาอีกจนได้...พวกกินคนมันกลับมาที่นี่แม้จะไม่มากเท่าเดิมแต่ก็ทำให้ผมต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ ผมต้องใช้ชีวิตแบบนี้เกือบอาทิตย์ กลางคืนสู้กับพวกกินคน กลางวันออกไปหาอาหารกลับมาถึงที่พักก็ยังต้องเสียเวลาไปกับ การจัดการพื้นที่เพื่อเพาะปลูกบ้าง หรือขุดบ่อเลี้ยงปลาบ้าง จนผมเกือบลืมไปเลยว่ามาอยู่ที่นี่เพราะอะไร

     

    ซักพัก ผมก็เริ่มทนกับความเหนื่อยไม่ไหว.....

     

    วันที่ 9 ในตอนเช้าผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาครูในห้องเพื่อบอกถึงบางอย่างที่ผมคิด

    “ ครูทำไมเราไม่ใช้เวลากลางวัน ล่าพวกกินคนไปซะบ้าง ”

    ครูมองหน้าผมนิ่งๆ แล้วถามกลับ“ แล้วเอ็งมีแผนยังไงละอิน “

    “ มีใครในหมู่บ้านรู้จักที่ที่มันอยู่กันไหม ” ผมถามต่อ

    “ มี ” ครูตอบแทบจะทันที

     

    ไม่นานแกก็เรียกตัวลุงแก่ๆอีกคนมาพร้อมกับลุงหนู เพื่อให้ข้อมูลที่อยู่ของพวกกินคนกับผม มันมีทั้งหมดสามสี่แห่ง ห่างไปจากที่นี่ไม่ไกลนัก ทั้งหมดอยู่ในเขตที่เคยเป็นเหมืองที่ทำแบบโบราณ หรืออาจเป็นเหมืองที่คนพื้นที่แอบขุดกันเอง โดยปกติเหมืองจะใช้วิธีทำลายภูเขาทั้งลูกเพื่อหาแร่ที่อยู่ในดินโดยขุดให้เป็นหลุมขนาดใหญ่เหมือนกับที่พักของพวกชีวิตที่สองที่ผมไปพักอยู่ด้วย

     

    แต่เหมืองบารณจะไม่ทำแบบนั้น มันจะใช้วิธีขุดเข้าไปหาแร่ในภูเขาทำให้เกิดเป็นถ้ำและอุโมงค์ วิธีการแบบนี้มีอันตรายกว่าแบบแรก เพราะคนทำงานต้องเสี่ยงกับการถล่มลงมาของอุโมงค์ หรือเกิดการระเบิดภายในถ้ำ  

     

    “ ครูเอาแต่รอพวกมันบุกมาแบบนี้ยังไง วันนึ่งมันก็จะไม่ไหวกันหมด” ผมบอกกับแก

    “ ไม่เอาเหตุผล เอ็งบอกมาก็พอว่าจะทำยังไง อิน”

    “ เราก็แค่ไปหาที่อยู่มันแล้วก็ถล่มปิดทางเข้าทางออก ขังพวกมันไว้ในนั้น ”

     

    พวกเขาเงียบกับสิ่งที่ผมพูด แต่ตอบกลับมาทีเล่นเอาผม งง

    “ ไม่ได้ เราจะไม่ทำแบบนั้น ”

    “ ......เฮ้ย “ ผมอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู

    “ เหมืองพวกนั้นไม่ใช่ถ่านหิน มันเป็นเหมืองพลอย”

    “ ตลกไปรึเปล่า ครูเอาชีวิตทุกคนมาเสี่ยงเพราะรู้ว่าที่นั่น มีพลอยนี่หรอ ”

    “ เอ็งไม่ใช่คนที่นี่เอ็งไม่รู้อะไรหรอกอิน ” ลุงหนูตวาด

    “ แล้วยังไงละลุง จะตายกันทั้งหมด เพราะมีขุมทรัพย์อยู่อย่างนั้นเหรอ ” ผมถามต่อ

    “ อิน พวกเราที่นี่ทุกคน เป็นคนตัวเปล่า เรามีชีวิตอยู่กับเศษอาหารที่เหลือทิ้งจากเจ้าของเมืองคนก่อน บ่อพลอยพวกนั้นเป็นความหวังที่จะทำให้พวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้นนะ” ครูเสริม

    “ แต่ถ้าตายกันหมด มีสมบัติมากแค่ไหนก็เอาไปใช้ไม่ได้นี่ครับครู ” ผมสวนทันควัน

    “ เราถึงมีพวกชีวิตที่สองเอาไว้ป้องกันเมืองไงละ ” ครูตอบ

     

    บ้ากันไปใหญ่ พวกเขาไม่เห็นหรือไงว่าพวกชีวิตที่สอง ก็กันไอ้พวกกินคนจำนวนมากไม่ไหว ดูๆไปแล้วเมืองนี้ที่น่ากลัวไม่ใช่พวกกินคนหรอกแต่เป็นตาแก่โลภมากสองคนนี้ต่างหาก

     

    ความคิดของหัวหน้าเมืองนี้น่าอดสู ผมได้แต่ถอนหายใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×