ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #43 : ความลับในเมืองร้าง 6

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.85K
      459
      11 พ.ค. 60

    สิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม คือ สัตว์ร้ายทรงพลัง ความใหญ่โตและแข็งแรงของมัน ทำให้ทุกชีวิต ณ ที่แห่งนั้น เกิดความกลัวจนขวัญกระเจิง เพราะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่เปลี่ยนให้กระสุนปืนเป็นแค่เข็มทื่อๆที่ไม่สารถจะผ่านทะลุชั้นผิวหนังและเสียงคำรามที่ทำลายความหวังในการมีชีวิตรอดของทุกคนในคืนนี้

     

    ผมไม่คิดว่ามันเกินไปนัก ถ้าจะพูดออกมาว่า ผมกำลังเผชิญหน้าอยู่กับผู้มอบความตาย

     

    รู้สึกเหมือนกับว่าไอ้ตัวนี้มันดูคล้ายกับสัตว์ร้ายที่ผมพบบนดาดฟ้าของตึกสูง ในช่วงที่ผมพยายามจะช่วยนายจ้างฝรั่ง ริคาร์โด้   เพียงแต่มีบางสิ่งที่ต่างออกไป  ระหว่างไอ้ตัวที่ยืนอยู่ตรงหน้ากับไอ้ตัวก่อน

     

    ไอ้ตัวก่อนออกล่าเพราะหิวเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับไอ้ตัวนี้ ผมรู้สึกถึงความมุ่งร้ายที่มีความอาฆาตแค้นเจือปน โดยปกติสัตว์ร้ายจะสู้ในสถานการณ์ที่พวกมันได้เปรียบ และเสี่ยงในกรณีที่เกิดความหิว แต่พวกนี้ดูเหมือนมีแรงจูงใจในการทำลายมากกว่าปกติ เห็นได้จากการยกฝูงบุกกันมาด้วยจำนวนที่มาก ทั้งๆที่เหยื่อของพวกมันมีเหลือกันอยู่เพียงเล็กน้อย  

     

    นี่ยังไม่รวมถึงการที่จ่าฝูงโดดออกมานำขบวนเองอย่างที่ผมกำลังเจออยู่ แต่ถึงตอนนี้ อะไรที่อยู่ในหัว ผมจำเป็นต้องทิ้งมันไปก่อน เพราะสถานการณ์ตรงหน้าคับขันเกินกว่าจะมีเรื่องอื่นมาทำให้วอกแวก

     

    พวกชีวิตที่สอง 5 ถึง 6 คนเป็นฝ่ายเปิดฉาก บุกเข้าใส่มันจากตำแหน่งที่ต่างกัน ในขณะที่ฝูงกินคนด้านหลัง ไม่มีอาการใดๆแสดงออกว่าจะบุกตามเข้ามา จ่าฝูงสัตว์ร้ายแสดงความน่าเกรงขามของมันและยืนรอรับการโจมตีของ กลุ่มชีวิตที่สองพวกแรก

     

    เท่าที่ยืนมองอยู่ตรงนี้ ชาย กลุ่มนั้นค่อนข้างเร็ว และมีระบบที่ชัดเจนในการบุกเหมือนกับเคยทำแบบนี้มาก่อนหลายครั้ง  ยิ่งเห็นอาวุธในมือที่มีเลือดเกาะเขรอะ โดยที่คนพวกนั้นแทบไม่มีบาดแผลตามตัว ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า คนพวกนี้มีโอกาสล้มยักษ์

     

    แต่ความจริงก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่คิด มันไม่ต่างอะไรกับเด็กหัดเดิน 5-6 คนไปหาเรื่องผู้ใหญ่

     

    คนแรกถูกฉวยข้อเท้าในระหว่างที่กระโจนเข้าใส่ และถูกมันใช้แทนอาวุธ ฟาดพวกที่ตามเข้าไปจนตายเกลี้ยง ด้วยการลงมือแค่ไม่กี่ครั้ง

     

    เสียงคำรามจากด้านหลังเริ่มดังขึ้น เมื่อมันมองเห็นความตายของเหยื่อที่มันทั้งกลุ่มไม่สามารถโค่นล้ม

     

    จ่าฝูงที่เพิ่งฆ่าพวกนั้นเมื่อซักครูไม่ยอมที่จะบุกเข้ามา มันปักหลักอยู่ที่เดิมและท้าทายให้พวกเราเป็นฝ่ายบุกเข้าไปหา ไอ้เวรนี้ร้าย มันรู้จักการข่มขวัญผมหลุดยิ้มกับความคิดตัวเองออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    มันกำลังมองหา คนที่เก่งที่สุดในหมู่คนพวกนี้ ถ้าเขาแพ้ ก็อาจทำให้คนที่เหลือเสียขวัญ แต่กลับกันถ้าเราล้มมันลงได้ พวกมันทั้งหมดอาจจะไม่ยุ่งกับเราอีกในคืนนี้

     

    “ อยากลองก่อนไม๊คนใหม่ ”  เมฆถามในขณะมองมาทางผม

    “ คงไม่ไหว เอาเลยตามสบาย ” ผมบอกเขา

     

    เมฆพยักหน้ารับ และออกไปลุยกับจ่าฝูงสัตว์ร้ายอย่างกล้าหาญ จ่าฝูงของพวกกินคนตอบรับความรู้สึกนั้นด้วยการวิ่งเข้าใส่เมฆเช่นกัน ผมยืนดูอยู่ครู่ใหญ่ก็รู้สึกได้ว่า สถานการณ์นี้คงจะยืดเยื้อต่อไปอีกนาน เมฆเป็นคนเก่งเขาตามความเร็วของสัตว์ร้ายทัน ดูแล้วเมฆได้เปรียบเรื่องความว่องไวที่มีมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ หมัดหนักของเขาและทักษะอื่น มันกลายเป็นของที่ไร้ประโยชน์ เหมือนไปต่อยกับต้นไม้ใหญ่ ให้ตายยังไงต้นไม้ก็ไม่โค่น  ผมเลยเลือกวิธีอื่นแทน

     

    “ ครูครับ ครูครับ ครูยังอยู่ไม๊ ”  ผมตะโกนเรียก

    “ อยู่นี้ ” เสียงแกตะโกนออกมาจากมุมหนึ่งของตึก

    “ มีลูกซองที่ล้มช้างหรือระเบิดมือซักอันไม๊ครับครู “ ผมตะโกนถาม

     

    ไม่นานใครคนหนึ่งก็วิ่งลงมาพร้อมลูกซองสั้นหักลำพร้อมลูกโดดล้มควายสองนัด....

    “ นี่ดีสุดแล้วหรอลุง ” ผมถาม

    “ แรงที่สุดตอนนี้ ” ลุงคนนั้นตอบ

     

    ขนาดไรเฟิลที่มีกระสุนแรงกว่าและมีระยะหวังผลที่ยิงได้ไกลไม่ค่อยจะเข้า ลูกซองสั้นระยะยิงมันน้อยกว่าเยอะ.....อย่างเดียวที่พอจะมีลุ้นคือกระสุนลูกโดด ที่เป่าหัวควายตัวใหญ่ๆกระจุยได้ในนัดเดียว

    ปัญหาคือ...จากเมื่อตอนหัวค่ำสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วอย่างหนึ่งคือ ทักษะการยิงปืนของผมโคตรกาก

    “ ลุงอยากลองเป็นฮีโร่ วิ่งเข้าไปยิงไอ้ยักษ์บ้านั่นหน่อยไหม ” ผมถาม

    คำตอบของแกไม่ใช่คำพูดแต่เป็นการปฏิเสธด้วยการสะบัดหน้ารัวๆส่ายหัวสุดชีวิต

    “ โอเค เข้าใจ”

     

    ผมจำใจจับปืนลูกซองสั้นยัดกระสุนเข้ารังเพลิงด้วยตัวเอง

     

    ในขณะที่เมฆซัดกับหัวหน้าสัตว์ร้ายอย่างสูสี ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ราวกับตรงนั้นคือเวทีสำหรับพวกเขา

     

    ช่างหัวไอ้พวกคนจริงเหอะ ผมวิ่งเข้าสอดระหว่างกลาง สัตว์ร้ายเบนเป้ามาทางผมเหมือนกับระวังอยู่ก่อน ผมก้มตัวหลบมือที่ปาดขวางขนานกับพื้น และมุดลงไประหว่างซอกขาของไอ้ยักษ์


    วินาทีเผด็จศึกของผมมาแล้วล่ะ

     

    “ แฉ๊ก ” ไอ้สาส ยิงไม่ออก

    “ แฉ๊ก ” นรกแล้วไงผมยิงสองหนกระสุนยังไม่ดีดออกมา

     

    ผมนิ่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ทัน ตีนขนาดใหญ่ดีดเข้ามาใกล้ตัวเต็มที ผมตัดสินใจ ม้วนหลังหลบฉาก แต่นั่นก็ไม่ดีพอที่จะรอดจากเท้าขนาดมหึมา ในจังหวะที่เก็บคองอเข่าเท้าชี้ฟ้าปลายตีนของไอ้บ้านั่น โดนเข้าตรงบริเวณปลายเท้าของผมแบบเฉียดๆ


    ที่รู้ว่าเฉียดเพราะไม่มีอะไรหัก แต่แค่เฉียดก็แรงมาก

     

    มันเหมือนมีใครจับผมใส่ถังแล้วผลักลงจากที่สูงเปี๊ยบ โลกหมุนตีลังกาชนิดไม่ได้ตั้งตัว โชคดีว่ายังอยู่ในชุดขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่งั้นผิวหนังของผมคงหายไปเป็นแถบ มีพวกชีวิตที่สองวิ่งเข้ามารองไม่ให้ผมกระเด็นเลยไปจะกระแทกเข้ากับกำแพง

     

    สารภาพตรงนี้เลย พอผมหยุดกลิ้งนี่ถึงกับอ้วกแตก

     

    ส่วนปืนที่ได้มาเมื่อครู่ ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงไหนแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×