ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #36 : หลบหนี 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.26K
      525
      6 พ.ค. 60

    ผมจับไอ้ตัวเล็กสองคน กดหมอบติดถังน้ำมัน แล้วหักหลบซ้ายทีขวาที ด้วยความเร็วทั้งหมดเท่าที่ทำได้ โชคดีที่มันยังคว้าเอาใครบนรถติดมือไปไม่ได้ หนึ่งในพวกมันพยายามจะกระโดดตะครุบ ให้รถคว่ำ  แต่ผมไวกว่า ย้ำเบรกมือจนท้ายรถปัดและแฉลบไปกับพื้น ไอ้หัวดีตัวนั้นก็เลยคว้าได้แค่ลมก่อนจบลงด้วยการเอาหน้าทิ่มดิน

     

    ผมประคองรถที่เสียหลักจนตั้งลำได้และพยายามที่จะไปต่อ แต่อีเด็กตัวเล็กทำท่าจะร่วงจากรถ ผมคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้อย่างเฉียดฉิว

     

    ท้ายที่สุด ผมบิดคันเร่งจนเข็มไมล์ขาด โดยมีพวกมันทั้งฝูงวิ่งตามหลังมาอย่างบ้าระห่ำ

     

    เกิดเรื่องน่าแปลกที่ทำให้ผมรู้สึกสงสัยไปพร้อมๆกับโล่งอก เมื่อไอ้พวกนั้นเริ่มชะลอฝีเท้าลง หลังจากที่วิ่งกวดมาชนิดสุดแรง จากนั้นก็หยุดและยืนมองเหมือนกลัวๆอะไรบางอย่าง ในขณะที่พวกผมที่ขับรถเสี่ยงตายมาจนถึงหน้าโรงงาน

     

    “ อะไรวะปกติไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า ” ผมพูดกับตัวเอง

     

    อาการแปลกๆของพวกมันทำให้ผมหยุดและจอดรถ ก่อนที่จะมองรอบๆโรงงานอย่างระมัดระวัง ที่ผมเห็นในบริเวณนั้นก็มีแค่ กอสับปะรดและอ้อยที่ขึ้นสะเปะสะปะ ผมตัดสินใจดับเครื่องยนต์และเข็นรถไปจอดไว้ภายในโรงงานร้าง ก่อนจะวกกลับมาตัดสับปะรดและอ้อยติดมือกลับไปเท่าที่พอจะถือได้

     

    ไอ้พวกบ้านั่นยังคงยืนมองโดยไม่ยอมเข้ามาใกล้ แต่ไม่ทราบว่ามันกลัวอะไร

     

    ผมรู้สึกได้ว่า ไม่ควรจะอยู่แถวนี้ต่อไปนานๆ จึงวิ่งไปอุ้มเด็กขึ้นไปอยู่บนที่สูง ในห้องเล็กๆห้องหนึ่งที่อยู่เกือบติดเพดาน

     

    ผมจัดการปอกสับปะรดและตัดอ้อยเป็นท่อนเล็กๆแล้วส่งให้ไอ้ตัวเล็กทั้งคู่ที่พอได้ของกินก็ไม่สนอะไรอีกต่อไป ดูท่าทางจะทั้งเหนื่อยทั้งหิว กินเสร็จก็ร่วงนอนกันเงียบ ทำให้ผมพอจะมีโอกาสคิดอะไรฟุ้งซ่านไปได้เรื่อยเปื่อย.....

     

    ไปๆมาๆ ผมยังติดใจว่าทำไมไอ้พวกนั้นมันถึงกลัวที่นี่นัก ผมพยายามมองไปรอบๆจากบนที่สูงก็ยังไม่เห็นมีอะไรแปลก กระทั่งตกดึก ก็มีเสียงฝูงสัตว์ขนาดใหญ่บุกตรงเข้ามายังที่ที่ผมหลบภัย.....

     

    เออ.....เข้าใจแล้วทำไมพวกมันถึงกลัว

     

    ไอ้ที่ผมเห็นคือโขลงช้างขนาดใหญ่ที่นับได้ก็ราวๆ 30 เชือก แต่จากเสียงที่ผมได้ยิน ดูเหมือนจะมีจำนวนมากกว่าที่สายตาผมเห็น  ไอ้ตัวที่เป็นจ่าฝูงมันช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่โคตรเท่ห์ งายาวสีสุกที่เหมือนส่องแสงเรืองๆออกมาได้ในที่มืด ตัวใหญ่ที่สุดและมีผิวสีเข้มตัดกันกับสีงา ทำให้ดูแตกต่างจากตัวอื่นๆในโขลง     การเดินช้าๆโยกๆแบบมีสเต็ปของมันแทบไม่ต่างอะไรหัวหน้าแก๊งค์รุ่นใหญ่ที่มีลูกน้องมากมายล้อมหน้าล้อมหลัง ยิ่งทำให้มันเป็นช้างที่ดูโคตรเก๋าในสายตาของผม จะไปตรงไหนทีไอ้ตัวอื่นๆที่ยืนอยู่ก่อนก็จะเปิดทางให้มันเดิน ราวกับเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนแห่งนี้ก็ไม่ปาน  

     

    สำหรับไอ้พวกกินคนตอนนี้ มีบางตัวที่หิวจนหน้ามืด มันพยายามเดินเข้าหาลูกช้างที่ยังเล็ก และออกมาเล่นอยู่นอกโขลง แม่ช้างเดินเข้าขวางและเข้าไล่ไอ้พวกนั้นให้ออกไปไกลๆลูกของมัน แต่ดูเหมือนว่าลูกช้างจะคิดว่าไอ้พวกกินคนจะมาเล่นด้วย ไอ้ช้างตัวเล็กยังคงเดินเข้าไปหาพวกมันอย่างไม่เดียงสา ในขณะที่แม่ช้างก็คอยปกป้องลูกของมัน อย่างเต็มที่

     

    ไอ้พวกกินคนเริ่มตีวงเข้าใกล้ลูกช้าง.....และขยับให้วงล้อมแคบลงเรื่อยๆ

     

     แต่เรื่องตื่นเต้นมันเกิดขึ้นกับผมหลังจากนั้น  ไอ้ลูกพี่ใหญ่ที่มองพวกนั้นอยู่ไกลๆ ร้องเสียงลั่นและพุ่งใส่ศัตรูตามธรรมชาติอย่างไม่ลังเล เห็นตัวมันโตขนาดนั้น เดินช้าๆแบบนั้นแต่พอวิ่งโคตรน่ากลัว เร็วขึ้นจนน่าตกใจ ฝูงพวกกินคนวงแตกกระจาย มีสองตัวที่สนใจลูกช้างมากจนไม่ทันระวัง ก็เลยตกเป็นเหยื่อของนักเลงตัวใหญ่

     

    ผีบ้าตัวหนึ่งถูกเสียบด้วยงาจนทะลุ สำหรับอีกตัวล้มลงไปกับพื้นและโดนเหยียบซ้ำจนหัวเละ ทั้งสองตัวตายตรงนั้นในทันที แม่ช้างเมื่อครู่ก็เริ่มดันตัวลูกของมันให้กลับเข้าไปอยู่ในโขลง

     

       ลูกพี่ช้างยังไม่รู้สึกพอใจ มันยืนตัวใหญ่เต็มปากทางเข้าโรงงานและไม่มีทีท่าว่าจะกลัวฝูงมนุษย์กินคนที่ยังเหลืออยู่ แม้พวกผีบ้าจะมีจำนวนมากกว่า จ่าโขลงส่งเสียงร้องอีกครั้ง เรียกให้ช้างหนุ่มที่ยืนอยู่ในโขลงวิ่งตามกันออกไป พวกมันยืนขวางเป็นกำแพงขาดใหญ่อย่างรู้งาน จากที่เห็น ผมคิดว่าพวกช้างจะทำเพียงยืนดูท่าทีเฉยๆหรือแค่คอยตั้งรับอย่างสงบ ไม่ให้พวกกินคนพวกนั้นกล้าบุกเข้ามาอีก แต่ที่ไหนได้  กลายเป็นว่าพวกช้างเริ่มโจมตีก่อน ตัวที่ห้าวที่สุดวิ่งออกมาจากกลุ่มช้างตัวผู้ เหมือนปลุกให้ตัวอื่นที่เหลือทำตามกัน พวกมันแยกกันโจมตีฝูงพวกกินคนที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่ได้สนว่าไอ้พวกนั้นจะมีกันอยู่กี่ตัว

     

    สำหรับลูกพี่ช้าง พี่แกไม่ได้ขยับไปไหน ยืนดูลูกสมุนทำงานของตัวเองอย่างสงบ    

     

    ผมงี้ตื่นเต้นจนตัวสั่น  ไอ้พวกกินคนที่ไล่ยำผมเมื่อตอนหัวค่ำ ตอนนี้ แตกกระจายไปคนละทิศละทาง พวกช้างที่เหลือไล่จนพวกมันหนีหายไปในความมืด ส่วนช้างหนุ่มเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรให้เหยียบ ก็เดินกลับเข้าโขลง เพื่อกลับมากินสับปะรดและอ้อยที่ขึ้นอยู่รอบๆโรงงาน

     

     

    สบายแล้วคืนนี้ ผมกลับไปยังที่ที่เด็กนอนและหลับตาลงบ้าง   คืนนี้พวกเราทุกคนปลอดภัยจากการอารักขาของลูกพี่ช้างขาโหด

     

    รุ่งเช้ามาถึง ผมลืมตาตื่นเพราะไอ้ตัวเล็กร้องไห้เพราะฉี่แตก ผมเคยเลี้ยงน้องเล็กๆมาก่อน อารมณ์นี้รู้เลยว่านอนต่อไม่ได้ ผมถอดเสื้อผ้าเด็กออก เดินไปหา วาลว์น้ำ ที่น่าจะอยู่ไม่ไกลจากแท๊งค์ขนาดใหญ่ ตอนนี้ทั้งช้างและพวกกินคนหายไปหมดแล้ว ผมคิดว่าพวกช้างมันคงออกไปหาแหล่งน้ำและหลบร้อนในตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนจะมารวมกันที่นี้เพื่อกินอ้อยกับสับปะรดพวกนี้เป็นอาหาร

     

    ผมค่อยๆเดินลงมาข้างล่างอย่างระมัดระวัง เกิดยังมีพี่ตัวใหญ่เขาอยู่แถวนี้ซักตัว ผมก็คงรับมือด้วยไม่ไหว พอมองรอบๆ ก็พบกับขี้ช้างจำนวนมหาศาล พร้อมซากต้นอ้อยและสับปะรดที่เกลื่อนกลาดพอๆกัน

     

    สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด....เมื่อหันไปเห็น คือซากรถมอเตอร์ไซค์ ล้อสองข้างหลุดกระจายเป็นชิ้นและบิดจนเสียรูป โครงรถหัวท้ายเหมือนถูกพี่เขาชนอย่างแรงจนงอเป็นรูปตัวยู.....หมดโอกาสที่ผมจะเอามันไปโลดแล่นที่ไหนได้อีก เห็นสภาพแล้วจะหัวเราะก็ไม่ออกจะร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตา

     

    มันจุก....

     

    ผมพยายามคิดว่ามันคือการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า เมื่อคืนเราปลอดภัยเพราะพี่ช้าง พี่ช้างก็เลยขอพังมอเตอร์ไซค์ของเราเล่นนิดหน่อย...เพื่อเป็นการตอบแทน.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×